ชาวยิวโบราณในยุคพระคัมภีร์มีขนบธรรมเนียมประเพณีเกี่ยวกับพิธีของงานศพ และการไว้ทุกข์ ร้องไห้
พวกเขามีการอาบน้ำศพ (กจ.9:31)
พวกเขาชโลมศพด้วยน้ำมันหอมหรือเครื่องเทศ
พวกเขาห่อหุ้มศพด้วยผ้าป่าน (ยน.11:44;19:40;กจ.5:6) โดยที่พวกญาติมิตรของผู้ตายเป็นผู้จัดการทำพิธีกรรมเหล่านี้ (มก.16:1)
พวกเขามักนำศพไปฝังในทันที (กจ.5:6,10) และในขณะที่ขบวนนำศพไปยังอุโมงค์ฝังศพ คนในขบวนจะร้องไห้คร่ำครวญไปด้วย (มธ.9:23-24;ลก.7:12-14) พวกเขาบางคนไว้ทุกข์ฉีกเสื้อผ้าของตนและสวมผ้ากระสอบ เป็นการแสดงความอาลัยอาวรณ์ และความทุกข์โศกเศร้าของพวกเขา( 2ซมอ.3:31)
แต่พวกเขามีข้อห้ามไม่ให้ปฏิบัติตามรูปแบบที่พวกนอกศาสนากระทำ อาทิ
-การเชือดเนื้อเถือหนังตนเองหรือทำหน้าผากโล้นเพื่อคนตาย
-การอุทิศถวายเครื่องบูชาเมื่อคนตาย
“ท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ห้ามเชือดเนื้อตัวเอง หรือทำหน้าผากให้โล้นเพื่อคนตาย” (ฉธบ.14:1)
“ข้าพระองค์ไม่ได้รับประทานทศางค์เมื่อไว้ทุกข์ ข้าพระองค์ไม่ได้ยกส่วนใดออกไปเมื่อข้าพระองค์เป็นมลทิน และไม่ได้อุทิศส่วนใดเพื่อผู้ตาย ข้าพระองค์ได้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของ ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ทำตามทุกสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาไว้” (ฉธบ.26:14)
พวกเขานำศพคนตายไปฝังในอุโมงค์ส่วนตัว ซึ่งผู้ตายบางคนอาจจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าสำหรับฝังตัวเองตั้งแต่ในขณะที่เขายังมีอยู่ (มธ.27:60) หรือพวกเขาอาจนำศพไปฝังไว้ในอุโมงค์ของครอบครัว (ปฐก.23:19;25:9;49:31-32; วนฉ.8:32;16:31) หรือพวกเขาอาจฝังศพไว้ที่สุสานสาธารณะ (2พกษ.23:6;มธ.27:7)
โดยปกติแล้ว พวกคนอิสราเอลไม่นำศพไปเผาไฟ ยกเว้นเป็นบางกรณี เช่น ศพของคนที่ถูกลงโทษประหารชีวิต หรือศพของคนที่ทำชั่วมาก ๆ (ปฐก.38:24;ลนต.20:14;21:9;ยชว.7:15,25) หรือศพที่ถูกตัดหัวแขนขาหรืออวัยวะอื่น ๆ (จนศพเละ) หรือศพที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของสาธารณชน (1ซมอ.31:12-13;อมส.6:10)
สำหรับชาวยิวถือว่า
- การจัดทำพิธีศพ นั้นคือว่า เป็นการให้เกียรติแก่ผู้ตาย (2พศด.16:14;21:19-20)
- การปล่อยศพทิ้งไว้ไม่นำไปฝัง ถือเป็นการแสดงถึงความอัปยศของผู้ตาย (ปญจ.6:3;1ซมอ.17:46;ยรม.16:6;
22:18-19;36:30)
ชาวอิสราเอลในอดีตมีการขับร้องเพลงสำหรับผู้ตาย
- เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ตาย (1ซมอ.1:17-27;2พศด.35:25)
- เพื่อเยาะเย้ยหรือประจานพวกเขา (อสย.14:4-21)
-ชาวอิสราเอลให้เกียรติแก่ผู้ที่จากไปในขั้นตอนสุดท้ายคือ การตกแต่งอุโมงค์ฝังศพให้งดงาม (มธ.23:29)
โดยปกติก็ใช้ปูนขาวฉาบภายนอกอุโมงค์ให้เห็นชัดโดยง่าย ป้องกันมิให้คนเดินไปถูกต้องมันโดยบังเอิญ จนทำให้เขาเป็นมลทินไปตามที่ธรรมบัญญัติกล่าวเตือนไว้
“วิบัติแก่เจ้าพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะว่าพวกเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพที่ฉาบด้วยปูนขาว ข้างนอกดูงดงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและทุกอย่างที่โสโครก” (มธ.23:27)
“ทุกคนที่อยู่ในพื้นทุ่งซึ่งแตะต้องคนที่ตายด้วยดาบ หรือแตะต้องศพหรือกระดูกคน หรือหลุมศพจะเป็นมลทินไปเจ็ดวัน” (กดว.19:16)
ดังนั้น เราควรจะให้เกียรติแก่ผู้ที่เสียชีวิตไปเหมือนดังที่เราเคยให้เกียรติบุคคลเหล่านั้นมาก่อนหน้านี้ และแท้จริงเราควรทำให้แก่เขามากกว่าที่ผ่านมาด้วยซ้ำ
ขอให้พระเจ้าทรงได้รับเกียรติจากงานศพที่เราจัดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานศพของตัวเราเองหรือของผู้อื่น !
ขอให้ผู้อื่นได้รับพรจากงานนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับฟังข่าวประเสริฐเกิดความเชื่ออย่างจริงใจและได้รับความรอดโดยพระคุณ!
ฉะนั้นวันนี้ คุณควรตรวจดูให้แน่ใจ ณ บัดนี้นะครับว่า ตัวคุณเองและญาติมิตรที่คุณรักได้มีที่อยู่อันแน่นอนอยู่ในสวรรค์เป็นที่เรียบร้อยแล้วหรือยัง? หากยัง คุณและคนที่คุณรักควรจะรีบตัดสินใจรับความรอดจากพระเจ้าก่อนที่งานศพของคุณหรือของพวกเขาจะเกิดขึ้น!
เห็นด้วยไหมครับ!
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- (สัพเพเหระ มีสาระ)
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer