Categories
บทความแปล

ค้นพบน้ำพระทัยสำหรับชีวิตคุณ

Nehemiah 1

“ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า”  ฟีลิปปี 3:13

เนหะมีห์เป็นบุรุษที่รู้ว่าจะใช้เวลาตามลำพังกับพระเจ้าได้อย่างไร ท่านอดอาหาร อธิษฐาน และคร่ำครวญ และพระเจ้าตรัสกับเขาว่าจะให้ทำสิ่งใด

คุณเคยทำแบบนี้มั้ย? คุณเคยยอมสละ และยอมจำนนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อค้นหาน้ำพระทัยสำหรับชีวิตคุณหรือไม่? หรือคุณแค่ปล่อยไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ชีวิตวิ่งเข้ามาหาคุณ?  คุณมีจุดมุ่งหมายหรือเปล่า?

พระเจ้าทรงมีบางสิ่งที่อยากให้คุณทำ คุณพิเศษสำหรับพระเจ้า เนหะมีห์กล่าวว่า “พระเจ้าทรงวางบางสิ่งเข้ามาในใจ” ถ้าคุณลองฟัง พระเจ้าจะวางบางสิ่งลงในใจคุณ

ใช้เวลาลำพังกับพระเจ้าในอาทิตย์นี้ ค้นหาว่าพระองค์ต้องการสิ่งใดจากชีวิตคุณ และทำตามน้ำพระทัย

โดย: Pastor Adrian Rogers’ daily devotional

Love worth finding ministries: www.lwf.org

Categories
บทความแปล

อิสระที่จะเลือกเอง

pharaohs-hardened heart

เพราะเหตุนี้พระเจ้าจึงทรงให้ความลุ่มหลงมาครอบงำเขา ให้เขาเชื่อสิ่งที่เท็จ เพื่อคนที่ไม่เชื่อความจริง แต่ยินดีในการอธรรมจะได้ถูกพิพากษาลงโทษสิ้นทุกคน (2เธสะโลนิกา 2:11-12)

ผมพบว่าคนมากมายปฏิเสธพระเยซูโดยไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรไป พวกเขาปฏิเสธพระคัมภีร์ทั้งๆที่ไม่เคยอ่าน แถมพูดด้วยว่าเนื้อหามันค้านกัน  แต่เมื่อถามว่าตรงไหนในพระคัมภีร์ที่บอกว่าค้านกัน พวกเขาหาไม่เจอ ตอบไม่ได้ เป็นเพราะพวกเขายังไม่เคยอ่านพระคัมภีร์ ไม่ยอมเชื่อความจริง แต่กลับไปเชื่อเรื่องเท็จ

อะไรคือเรื่องเท็จ? เมื่อเข้าสู่วันแห่งความทุกข์ยากตอนสิ้นยุค พวกเขาจะตระหนักได้ว่าเรื่องเท็จนั้นคือ ปฏิปักษ์พระคริสต์ที่อ้างตัวเป็นพระเจ้า และคนก็เต็มใจเชื่อ แล้วพระเจ้าจะให้พวกเขายืนยันในสิ่งที่เลือก และ “เพราะเหตุนี้พระเจ้าจึงทรงให้ความลุ่มหลงมาครอบงำเขา ให้เขาเชื่อสิ่งที่เท็จ เพื่อคนที่ไม่เชื่อความจริง แต่ยินดีในการอธรรมจะได้ถูกพิพากษาลงโทษสิ้นทุกคน (2เธสะโลนิกา 2:11-12) คนที่หันไปจากความจริงของพระเจ้า ไปหาปฏิปักษ์พระคริสต์ และปฏิเสธความรอดที่พระเจ้าประทาน ก็จะถูกส่งกลับไปตามที่ตัวเองเลือกไว้

ตัวอย่างเช่น ฟาโรห์ทำใจแข็งกระด้าง แม้พระเจ้าจะทำอัศจรรย์ครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านทางโมเสสและอาโรน แต่เมื่อเราอ่าน “แต่พระเจ้าทรงให้พระทัยของฟาโรห์แข็งกระด้าง…” (อพยพ 9:12) มันดูค้านกันหรือเปล่าครับ?  ไม่ครับ มันเป็นการก้าวต่อไป เพราะฟาโรห์เริ่มด้วยใจที่แข็งกระด้าง แล้วปล่อยให้แข็งกระด้างต่อไปเรื่อยๆ แล้วพระเจ้าก็ทำให้ใจเขาแข็งกระด้างอย่างที่อยากเป็น

พระเจ้าทรงให้อิสระในการเลือกแก่เรา พระองค์จะไม่บังคับให้เราเชื่อบางสิ่งที่เราไม่อยากเชื่อ พระองค์จะเสด็จมาหาเรา และให้ความมั่นใจแก่เราในความจริงแห่งพระวจนะ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานในใจเรา แต่เราก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่รับฟัง

ถ้าคุณทำใจแข็งกระด้างครั้งแล้วครั้งเล่า วันหนึ่งจะมาถึงเมื่อพระเจ้าจะให้ในสิ่งที่คุณเลือกเอง

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA9251

Categories
บทความแปล

กุญแจสู่ชัยชนะสงครามกับบาป ‏

success-key

เพราะว่าข้าพเจ้ากำลังจะตกเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้ว ถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะจากไป ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุด ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว ต่อแต่นี้ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้พิพากษาอันชอบธรรม จะทรงประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และมิใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะทรงประทานแก่คนทั้งปวงที่ยินดีในการเสด็จมาของพระองค์ (2ทิโมธี 4:6-8)

หลายปีมาแล้ว โปรเฟสเซอร์ที่วิทยาลัยพระคริสตธรรมชื่อ ดร. เจฟ เรย์ กำลังสอนนักศึกษาเรื่องการเทศนา ตอนนั้น ดร.อายุ 85 ปีแล้ว   และวิชาที่สอนคือคุณธรรมของงานรับใช้ นักเรียนต่างก็อภิปรายอย่างเจาะลึกในเรื่องศีลธรรมของศิษยาภิบาล

ระหว่างการอภิปราย นักเรียนคนหนึ่งก็ทะลุกลางปล้องขึ้นถามว่า “ดร.เรย์ครับ คุณต้องอายุเท่าไหรถึงจะต่อสู่กับเรื่องตัณหาราคะ?” ดร.หยุดคิดชั่วครู่ เกาศีรษะและพูดว่า “ผมเองก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าน่าจะเลยอายุ 85 ไปอีกไกล”

การต่อสู่กับบาปเป็นสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในชีวิตทุกวันของผู้เชื่อ ไม่ว่าจะเป็นบาปใดที่คุณกำลังต่อสู้อยู่ บางทีอาจไม่เคยมีสักช่วงเวลาที่พวกศัตรูมองดูคุณแล้วพูดว่า “โอเค พรรคพวก คนนี้น่าจะสู้มาพอแล้ว ไปหาคนอื่นดีกว่า” มารมันไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกครับ

ศัตรูที่คุณเผชิญหน้าอยู่มีความแน่วแน่อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในพระคริสต์ คุณมีพร้อมทุกอย่างที่จะใช้ต่อสู้ เข้าสู่เส้นชัยโดยรักษาความเชื่อไว้ และเมื่อการต่อสู่สิ้นสุดลง คุณจะได้รับประสบการณ์ชัยชนะเหนือบาปเมื่อชีวิตเข้าสู่หลักชัย

มีชัยเหนือสงครามสู้บาปโดยสู้อย่างเต็มกำลัง เข้าสู่เส้นชัยโดยรักษาความเชื่อเอาไว้

อนุญาตโดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

Categories
บทความแปล

คำตอบสำหรับปัญหาของคริสตจักรทุกวันนี้

empty pew

เขาจึงได้ขายที่ดินและทรัพย์สิ่งของ มาแบ่งให้แก่คนทั้งปวงตามซึ่งทุกคนต้องการ เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขา ร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและใจกว้างขวาง ทุกวันเรื่อยไป ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ทรงโปรดให้คนทั้งหลายซึ่งกำลังจะรอด มาเข้ากับพวกสาวกทุกวันๆ (กิจการ 2:45-47)

ผมอ่านบทสำรวจไม่นานมานี้พบว่ามีสมาชิกคริสตจักรอยู่ 120 ล้านคนทั่วอเมริกา พอเห็นสถิติเช่นนี้ ทำให้สงสัยว่าทำไมสมาชิกคริสตจักรไม่สามารถสร้างผลกระทบทั้งฝ่ายวิญญาณและศีลธรรมให้กับคนในประเทศได้ มีคนบอกว่าคริสตจักรของตนมีสมาชิกนับพันๆ และมีคริสตจักรนับพันๆ ที่มีนั่งว่างในโบสถ์เต็มไปหมด

ไม่เพียงเท่านั้น  กิจกรรมของโบสถ์ยังน้อยตามไปด้วย สมาชิกไม่มีเวลา ไม่เสียสละ หรือไม่ถวายทรัพย์ ส่วนใหญ่พวกเขาก็แค่โผล่หน้ามาอาทิตย์ละครั้ง มารับป้อนอาหารฝ่ายวิญญาณ แล้วก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง

นี่คือปัญหาแท้จริงในวัฒนธรรมของเราทุกวันนี้  – และถ้าไม่มีการเยียวยา จะส่งผลให้คริสตจักรเสื่อมถอยลงในสังคมของชาวอเมริกัน ผู้คนเบื่อที่จะต้องตื่นขึ้นเพื่อไปดูโชว์อีกแล้วในวันอาทิตย์ และศิษยาภิบาลจะเหนื่อยและล้า  ร้องขอความร่วมมือจากที่ประชุม

คริสตจักรเต็มไปด้วยสมาชิกที่ “ตัดสินใจ” ในเรื่องพระเยซู แต่ไม่เคย “อุทิศตน” ให้กับพระองค์ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว เริ่มอุทิศตนในโบสถ์ ปรนนิบัติผู้อื่น ประกาศเรื่องราวของพระเยซู และยกชูพระองค์ขึ้น และทั้งคริสตจักรจะทำตามคุณครับ

 

นำพระคริสต์เข้าไปในชุมชนความเชื่อ และคริสตจักรของคุณ จะเติบโต มีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

อนุญาตโดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

Categories
สารจากศบ.

สารจากศิษยาภิบาล

7 กรกฎาคม 2013

 สวัสดีครับพี่น้องที่รักทุกท่านที่มานมัสการในวันนี้

ในนามของคณะผู้อภิบาลขอต้อนรับทุกท่านด้วยความยินดียิ่ง

พร้อมกันนี้ ขอแสดงความเสียใจกับคุณแดง (ณพิชย์) และครอบครัวคุณแม่สุกี ผู้เป็นที่รักจำต้องจากไป!

และผมขอขอบคุณสมาชิก CJ ทุกท่านที่ได้ไปร่วมงานไว้อาลัยและหรือมีส่วนรับใช้ช่วยงานต่าง ๆ จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

นับเป็นงานประกาศความรักของพระเจ้าและข่าวประเสริฐของพระเยซูที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้มากที่สุด จนหลายคนที่ไปร่วมงานต่างเกิดความหิวกระหายที่จะรู้จักกับพระเจ้าและรับความรอดจากพระองค์

ผมไม่เคยไปร่วมงานศพผู้ใดถึง 5 วันเหมือนอย่างงานของคุณแม่สุกี มาก่อน แต่ผมขอบคุณ      พระเจ้าที่ได้มีส่วนร่วมในงานทั้ง 5 วันนั้นอย่างเต็มใจและสุขใจ !

ขอพระเจ้าทรงได้รับเกียรติจากงานทุกงานที่ได้จัดขึ้น และขอพระพรของพระเจ้าเทลงมาเหนือทุกคนที่ได้ไปร่วมงานนั้น โดยเริ่มต้นจากภายในครอบครัวของคุณแดงก่อน

และขอบคุณพระเจ้าที่ในวันอาทิตย์ที่แล้วมีผู้ตัดสินใจประกาศตัวต้อนรับพระคริสต์ 2 ท่านที่ CJ  คือ คุณบี และคุณขวัญ

ขอให้กลุ่มพันธกิจและสมาชิกทุกท่านช่วยกันเลี้ยงดูพวกเขาให้จำเริญเติบโตขึ้นในความเชื่อด้วยนะครับ! (ในขณะเดียวกัน ตอนเช้าผมไปเทศน์ที่คริสตจักรพระคริสต์รวมใจก็มีผู้รับเชื่อ 1 คน และตอนบ่ายที่ Agape ก็มีผู้ประกาศตัวรับเชื่อ 2 คนเช่นกัน สรรเสริญพระเจ้า)

เวลานี้คริสตจักรกำลังจะฟื้นฟูและพัฒนาผู้ชายในโบสถ์ให้เป็นผู้ชายที่เป็นผู้นำ ผมจึงจะขอเริ่มต้นจาก “หลักสูตรการเฝ้าเดี่ยวและการศึกษาพระคัมภีร์ด้วยตัวเอง”  ผู้ใดสนใจรับการอบรม และสามารถยอมสละเวลาได้ 1 คืน ขอลงทะเบียนแจ้งชื่อได้ที่คุณกระดาษ และคุณโบ เมื่อได้ชื่อแล้ว เราจะจัดกลุ่ม จัดเวลาเพื่อการอบรม!

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่มาในวันนี้

ด้วยรักจากใจ

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (ศิษยาภิบาล)

หมายเหตุ   คริสตจักรลูกของเราที่ นาเลา จ.ศรีสะเกษ จำเป็นต้องมีรถตู้ 1 คัน เวลานี้มีรถเก่าราคา  1 แสนกว่าบาท ที่ต้องการจะได้ ผู้ใดมีใจถวายเพื่อช่วย

งานคริสตจักรลูกของเรา ในต่างจังหวัด   กรุณาแจ้งที่ผมหรือคริสตจักรโดยด่วน

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

งานศพ (Funeral)

Jewish-Tahara

    ชาวยิวโบราณในยุคพระคัมภีร์มีขนบธรรมเนียมประเพณีเกี่ยวกับพิธีของงานศพ และการไว้ทุกข์ ร้องไห้

    พวกเขามีการอาบน้ำศพ (กจ.9:31)

พวกเขาชโลมศพด้วยน้ำมันหอมหรือเครื่องเทศ

พวกเขาห่อหุ้มศพด้วยผ้าป่าน (ยน.11:44;19:40;กจ.5:6) โดยที่พวกญาติมิตรของผู้ตายเป็นผู้จัดการทำพิธีกรรมเหล่านี้ (มก.16:1)

พวกเขามักนำศพไปฝังในทันที (กจ.5:6,10) และในขณะที่ขบวนนำศพไปยังอุโมงค์ฝังศพ คนในขบวนจะร้องไห้คร่ำครวญไปด้วย (มธ.9:23-24;ลก.7:12-14) พวกเขาบางคนไว้ทุกข์ฉีกเสื้อผ้าของตนและสวมผ้ากระสอบ เป็นการแสดงความอาลัยอาวรณ์ และความทุกข์โศกเศร้าของพวกเขา( 2ซมอ.3:31)

แต่พวกเขามีข้อห้ามไม่ให้ปฏิบัติตามรูปแบบที่พวกนอกศาสนากระทำ อาทิ

-การเชือดเนื้อเถือหนังตนเองหรือทำหน้าผากโล้นเพื่อคนตาย

-การอุทิศถวายเครื่องบูชาเมื่อคนตาย

       “ท่าน​ทั้งหลาย​เป็น​บุตร​ของ​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​ท่าน ห้าม​เชือด​เนื้อ​ตัว​เอง หรือ​ทำ​หน้าผาก​ให้​โล้น​เพื่อ​คนตาย” (ฉธบ.14:1)

     “ข้าพระองค์ไม่​ได้​รับประทาน​ทศางค์​เมื่อ​ไว้ทุกข์ ข้าพระองค์​ไม่​ได้ยก​ส่วน​ใด​ออก​ไป​เมื่อ​ข้าพระองค์​เป็น​มลทิน และ​ไม่ได้​อุทิศ​ส่วน​ใด​เพื่อ​ผู้ตาย ข้าพระองค์​ได้​เชื่อ​ฟัง​พระสุรเสียง​ของ​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​ ข้าพระองค์ ข้าพระองค์​ได้​ทำ​ตาม​ทุกสิ่ง​ที่​พระองค์​ทรง​บัญชา​ไว้” (ฉธบ.26:14)

 

    พวกเขานำศพคนตายไปฝังในอุโมงค์ส่วนตัว ซึ่งผู้ตายบางคนอาจจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าสำหรับฝังตัวเองตั้งแต่ในขณะที่เขายังมีอยู่ (มธ.27:60)  หรือพวกเขาอาจนำศพไปฝังไว้ในอุโมงค์ของครอบครัว (ปฐก.23:19;25:9;49:31-32; วนฉ.8:32;16:31) หรือพวกเขาอาจฝังศพไว้ที่สุสานสาธารณะ (2พกษ.23:6;มธ.27:7)

โดยปกติแล้ว พวกคนอิสราเอลไม่นำศพไปเผาไฟ ยกเว้นเป็นบางกรณี เช่น  ศพของคนที่ถูกลงโทษประหารชีวิต หรือศพของคนที่ทำชั่วมาก ๆ (ปฐก.38:24;ลนต.20:14;21:9;ยชว.7:15,25) หรือศพที่ถูกตัดหัวแขนขาหรืออวัยวะอื่น ๆ (จนศพเละ) หรือศพที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของสาธารณชน  (1ซมอ.31:12-13;อมส.6:10)

สำหรับชาวยิวถือว่า

  1. การจัดทำพิธีศพ นั้นคือว่า เป็นการให้เกียรติแก่ผู้ตาย (2พศด.16:14;21:19-20)
  2. การปล่อยศพทิ้งไว้ไม่นำไปฝัง ถือเป็นการแสดงถึงความอัปยศของผู้ตาย (ปญจ.6:3;1ซมอ.17:46;ยรม.16:6;

22:18-19;36:30)

ชาวอิสราเอลในอดีตมีการขับร้องเพลงสำหรับผู้ตาย

  1. เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ตาย (1ซมอ.1:17-27;2พศด.35:25)
  2. เพื่อเยาะเย้ยหรือประจานพวกเขา (อสย.14:4-21)

-ชาวอิสราเอลให้เกียรติแก่ผู้ที่จากไปในขั้นตอนสุดท้ายคือ การตกแต่งอุโมงค์ฝังศพให้งดงาม (มธ.23:29)

โดยปกติก็ใช้ปูนขาวฉาบภายนอกอุโมงค์ให้เห็นชัดโดยง่าย ป้องกันมิให้คนเดินไปถูกต้องมันโดยบังเอิญ จนทำให้เขาเป็นมลทินไปตามที่ธรรมบัญญัติกล่าวเตือนไว้

   “วิบัติ​แก่​เจ้าพวก​ธรรมาจารย์​และ​พวก​ฟาริสี คน​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด เพราะว่า​พวก​เจ้า​เป็น​เหมือน​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​ที่​ฉาบ​ด้วย​ปูนขาว ข้างนอก​ดู​งดงาม แต่​ข้างใน​เต็ม​ไป​ด้วย​กระดูก​คนตาย​และ​ทุก​อย่าง​ที่​โสโครก”       (มธ.23:27)

    “ทุก​คน​ที่​อยู่​ใน​พื้น​ทุ่ง​ซึ่ง​แตะ​ต้อง​คน​ที่​ตายด้วย​ดาบ หรือ​แตะ​ต้อง​ศพ​หรือ​กระดูก​คน หรือ​หลุม​ศพ​จะ​เป็น​มลทิน​ไป​เจ็ด​วัน”  (กดว.19:16)

    ดังนั้น เราควรจะให้เกียรติแก่ผู้ที่เสียชีวิตไปเหมือนดังที่เราเคยให้เกียรติบุคคลเหล่านั้นมาก่อนหน้านี้ และแท้จริงเราควรทำให้แก่เขามากกว่าที่ผ่านมาด้วยซ้ำ

ขอให้พระเจ้าทรงได้รับเกียรติจากงานศพที่เราจัดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานศพของตัวเราเองหรือของผู้อื่น !

ขอให้ผู้อื่นได้รับพรจากงานนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับฟังข่าวประเสริฐเกิดความเชื่ออย่างจริงใจและได้รับความรอดโดยพระคุณ!

ฉะนั้นวันนี้ คุณควรตรวจดูให้แน่ใจ ณ บัดนี้นะครับว่า ตัวคุณเองและญาติมิตรที่คุณรักได้มีที่อยู่อันแน่นอนอยู่ในสวรรค์เป็นที่เรียบร้อยแล้วหรือยัง?  หากยัง  คุณและคนที่คุณรักควรจะรีบตัดสินใจรับความรอดจากพระเจ้าก่อนที่งานศพของคุณหรือของพวกเขาจะเกิดขึ้น!

เห็นด้วยไหมครับ!

 

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-  (สัพเพเหระ มีสาระ)

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

Categories
บทความแปล

จะช่วยผู้อื่นจากความทุกข์อย่างไร

lonely pier 1

ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย แม้จับผู้ใดที่ละเมิดประการใดได้ ท่านซึ่งอยู่ฝ่ายพระวิญญาณ จงช่วยผู้นั้นด้วยใจอ่อนสุภาพให้เขากลับตั้งตัวใหม่ โดยคิดถึงตัวเอง เกรงว่าท่านจะถูกชักจูงให้หลงไปด้วย จงช่วยรับภาระของกันและกัน ท่านจึงจะได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระคริสต์ (กาลาเทีย 6:1-2)

ผมเคยได้ยินเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว สาวน้อยคนหนึ่งคิดฆ่าตัวตาย เธออยู่ในสภาพสิ้นหวังและไม่เห็นเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ ความหวังในชีวิตหมดลงแล้ว เธอจึงเดินไปที่ท่าน้ำ ปิดตา และกระโดลงไปในน้ำที่เย็นจัดและมืดมิด

แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินผ่านมาแล้วเห็นเหตุการณ์ และก่อนที่เขาจะคิด เขากระโดดลงไปจากท่าน้ำ ไปยังสายน้ำที่เชี่ยวกรากเบื้องล่าง แต่เขาลืมไปสิ่งหนึ่ง – เขาว่ายน้ำไม่เป็น – -ขณะที่เขาพยายามดิ้นรนให้อยู่เหนือน้ำ สาวน้อยคนนั้นเอื้อมมือมาคว้า และช่วยเขาไว้

ทั้งคู่จึงรอดปลอดภัย และสิ่งนี้ทำให้สาวคนนั้นตระหนักได้ว่าเธอมีจุดมุ่งหมาย – รักผู้อื่นและปรนนิบัติพระเยซูคริสต์ – มันไม่ใช่เพราะชายคนนั้นช่วยชีวิตเธอโดยทำสิ่งกล้าหาญยิ่งใหญ่ แต่เป็นเพราะบางคนมองเห็นความเจ็บปวดของเธอ และห่วงใยพอที่จะลงไปช่วยและพาให้เธอผ่านไปได้

เมื่อพูดเรื่องรักผู้อื่น นั่นเป็นสิ่งที่เรียกร้องจากชีวิตเรา ไม่ใช่จะมีคำตอบและแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง แต่ก้าวเข้าไปในชีวิตผู้อื่น แบกภาระร่วมกัน และเดินผ่านความเจ็บปวดไปด้วยกัน และนี่คือความหมายแท้จริงในการช่วยผู้อื่นให้ผ่านความลำบากไปได้

รักผู้อื่นโดยก้าวเข้าไปในชีวิตพวกเขา ช่วยกันแบกภาระ และพาพวกเขาผ่านความยากลำบากไปได้

อนุญาตโดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org