อภิมหากษัตริย์แห่งยุค!
พระธรรม 1พงษ์กษัตริย์ 4:1-34
อ้างอิง 1:8;4:27;10:5;1พกษ.12:6;3:12;2พกษ.15:16;12;1พศด.6:10,68;22:8-9;2พศด.26:17;9:26,23
บทนำ กษัตริย์ซาโลมอนเป็นกษัตริย์ที่อยู่ในจังหวะที่ดี จึงรุ่งโรจน์และได้รับสติปัญญามาจากพระเจ้าเป็นของขวัญ ทำให้พระองค์มั่งคั่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ จนผู้คนต่างหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศเพื่อขอรับฟังสติปัญญาของซาโลมอน
บทเรียน
4:1 “พระราชาซาโลมอนเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลทั้งสิ้น”
(King Solomon was king over all Israel,)
4:2 “ต่อไปนี้เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของพระองค์ คือ อาซาริยาห์บุตรศาโดกเป็นปุโรหิต
(and these were his high officials: Azariah the son of Zadok was the priest;)
4:3 “เอลีโฮเรฟและอาหิยาห์บุตรชิชาเป็นราชเลขา เยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นเจ้ากรมสารบรรณ”
(Elihoreph and Ahijah the sons of Shisha were secretaries; Jehoshaphat the son of Ahilud was recorder;)
4:4 “เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาเป็นผู้บัญชาการกองทัพ ศาโดกและอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต”
(Benaiah the son of Jehoiada was in command of the army; Zadok and Abiathar were priests;)
4:5 “อาซาริยาห์บุตรนาธันเป็นหัวหน้าข้าหลวง ศาบุดบุตรนาธันเป็นปุโรหิต และเป็นพระสหายของพระราชา”
(Azariah the son of Nathan was over the officers; Zabud the son of Nathan was priest and king’s friend;)
4:6 “อาหิชาร์เป็นเจ้ากรมวัง และอาโดนีรัมบุตรอับดาเป็นผู้ดูแลคนงานโยธา”
(Ahishar was in charge of the palace; and Adoniram the son of Abda was in charge of the forced labor.)
4:7 “ซาโลมอน ทรงมีข้าหลวงสิบสองคนอยู่เหนืออิสราเอลทั้งสิ้น เป็นผู้จัดหาเสบียงอาหารสำหรับพระราชาและสำหรับพระราช สำนัก ข้าหลวงคนหนึ่งจัดหาเสบียงอาหารสำหรับเดือนหนึ่งในหนึ่งปี”
(Solomon had twelve officers over all Israel, who provided food for the king and his household. Each man had to make provision for one month in the year.)
4:8 “ต่อไปนี้เป็นชื่อของพวกเขาคือ เบนเฮอร์ ประจำที่แดนเทือกเขาเอฟราอิม”
(These were their names: Ben-hur, in the hill country of Ephraim;)
4:9 “เบนเดเคอร์ ประจำที่มาคาส ชาอัลบิม เบธเชเมช และเอโลนเบธฮานัน
(Ben-deker, in Makaz, Shaalbim, Beth-shemesh, and Elonbeth-hanan;)
4:10 “เบนเฮเสด ประจำที่อารุบโบท (โสโคห์และแผ่นดินเฮเฟอร์ขึ้นอยู่กับเขา)”
(Ben-hesed, in Arubboth (to him belonged Socoh and all the land of Hepher)
4:11 “เบนอาบีนาดับ ประจำที่นาฟาทโดร์ทั้งหมด (เขาได้ทาฟัทพระราชธิดาของซาโลมอนเป็นภรรยา)”
(Ben-abinadab, in all Naphath-dor (he had Taphath the daughter of Solomon as his wife)
4:12 “บาอานา บุตรอาหิลูดประจำที่ทาอานาค เมกิดโด และเบธชานทั้งหมดซึ่งอยู่ข้างศาเรธานที่อยู่ใต้ลงไปจากเมืองยิสเรเอล และตั้งแต่เบธชานถึงอาเบลเมโฮลาห์ไปจนถึงอีกด้านหนึ่งของ เมืองโยกเมอัม”
(Baana the son of Ahilud, in Taanach, Megiddo, and all Beth-shean that is beside Zarethan below Jezreel, and from Beth-shean to Abel-meholah, as far as the other side of Jokmeam;)
4:13 “เบนเกเบอร์ ประจำที่ราโมทกิเลอาด (เขามีหมู่บ้านต่างๆ ของยาอีร์บุตรมนัสเสห์ ซึ่งอยู่ในกิเลอาดและเขามี ท้องถิ่นอารโกบ ซึ่งอยู่ในบาชาน คือเมืองใหญ่หกสิบเมืองซึ่งมีกำแพงเมือง และสลักกลอนทองสัมฤทธิ์)”
(Ben-geber, in Ramoth-gilead (he had the villages of Jair the son of Manasseh, which are in Gilead, and he had the region of Argob, which is in Bashan, sixty great cities with walls and bronze bars);
4:14 “อาหินาดับบุตรอิดโด ประจำที่มาหะนาอิม”
(Ahinadab the son of Iddo, in Mahanaim;)
4:15 “อาหิมาอัส ประจำที่นัฟทาลี (ท่านก็ได้บาเสมัทพระราชธิดาของซาโลมอนเป็นภรรยาเช่นกัน).
(Ahimaaz, in Naphtali (he had taken Basemath the daughter of Solomon as his wife)
4:16 “บาอานาบุตรหุซัย ประจำที่อาเชอร์และเบอาโลท”
(Baana the son of Hushai, in Asher and Bealoth;)
4:17 “เยโฮชาฟัทบุตรปารูอาห์ ประจำที่อิสสาคาร์”
(Jehoshaphat the son of Paruah, in Issachar; )
4:18 “ชิเมอีบุตรเอลา ประจำที่เบนยามิน”
(Shimei the son of Ela, in Benjamin;)
4:19 “เกเบอร์ บุตรอุรี ประจำที่แผ่นดินกิเลอาด แผ่นดินของสิโหนกษัตริย์ของคนอาโมไรต์ และของโอกกษัตริย์แห่งบาชาน มีข้าหลวงคนเดียวที่ประจำที่แผ่นดินนั้น”
(Geber the son of Uri, in the land of Gilead, the country of Sihon king of the Amorites and of Og king of Bashan. And there was one governor who was over the land.)
4:20 “คนยูดาห์และคนอิสราเอลนั้นมีจำนวนมากมายดังเม็ดทรายชายทะเล เขาทั้งหลายกินดื่มและมีจิตใจเบิกบาน”
(Judah and Israel were as many as the sand by the sea. They ate and drank and were happy.)
4:21 “และ ซาโลมอนทรงปกครองเหนือทุกอาณาจักร ตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติสไปจนถึงแผ่นดินฟีลิสเตีย และถึงพรมแดนอียิปต์ เขาทั้งหลายถวายบรรณาการ และปรนนิบัติซาโลมอนตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์”
(Solomon ruled over all the kingdoms from the Euphrates to the land of the Philistines and to the border of Egypt. They brought tribute and served Solomon all the days of his life.)
4:22 “เสบียงอาหารสำหรับซาโลมอนในวันหนึ่งนั้น คือแป้งอย่างดี 3 ตันและแป้ง 6 ตัน”
(Solomon’s provision for one day was thirty cors of fine flour and sixty cors of meal, )
4:23 “วัวอ้วน 10 ตัว วัวจากทุ่งหญ้า 20 ตัว แกะ 100 ตัว นอกจากนี้มีกวางตัวผู้ เนื้อสมัน อีเก้ง และไก่อ้วน”
(ten fat oxen, and twenty pasture-fed cattle, a hundred sheep, besides deer, gazelles, roebucks, and fattened fowl.)
4:24 “เพราะ พระองค์ทรงครอบครองเหนือท้องถิ่นทั้งสิ้นฟากตะวันตกของ แม่น้ำยูเฟรติส ตั้งแต่ทิฟสาห์ถึงเมือง กาซา และทรงครอบครองเหนือบรรดากษัตริย์ที่อยู่ฟากตะวันตกของ แม่น้ำนั้น และพระองค์ทรงมีสันติภาพอยู่รอบด้านของพระองค์”
(For he had dominion over all the region west of the Euphrates from Tiphsah to Gaza, over all the kings west of the Euphrates. And he had peace on all sides around him. )
4:25 “ยูดา ห์และอิสราเอลก็อยู่อย่างปลอดภัย ทุกคนนั่งอยู่ใต้ซุ้มองุ่น และใต้ต้นมะเดื่อของตน ตั้งแต่เมืองดานกระทั่งถึงเมืองเบเออร์เชบา ตลอดวันเวลาของซาโลมอน”
(And Judah and Israel lived in safety, from Dan even to Beersheba, every man under his vine and under his fig tree, all the days of Solomon.)
4:26 “ซาโลมอนมีคอกม้า 40,000 คอกสำหรับรถรบของพระองค์ และมีทหารม้า 12,000 คน”
(Solomon also had 40,000 stalls of horses for his chariots, and 12,000 horsemen. )
4:27 “และ ข้าหลวงเหล่านั้นก็จัดเสบียงอาหารแด่พระราชาซาโลมอน และทุกคนที่มายังโต๊ะเสวยของพระราชาซาโลมอน พวกข้าหลวงต่างก็ถวายสิ่งของตามเดือนของตน โดยไม่ให้สิ่งใดบกพร่องเลย”
(And those officers supplied provisions for King Solomon, and for all who came to King Solomon’s table, each one in his month. They let nothing be lacking.)
4:28 “ทั้งข้าวบารเลย์และฟางข้าวสำหรับม้าและม้าพันธุ์ดี เขานำมายังสถานที่ของมัน ตามที่ได้มีรับสั่งแก่ทุกคน พระสติปัญญาของซาโลมอนเลื่องลือ”
(Barley also and straw for the horses and swift steeds they brought to the place where it was required, each according to his duty.)
4:29 “และพระเจ้าประทานสติปัญญาและความเข้าใจแก่ซาโลมอนมากยิ่งนัก อีกทั้งความรอบรู้ก็กว้างขวางดุจทรายริมทะเล”
(And God gave Solomon wisdom and understanding beyond measure, and breadth of mind likethe sand on the seashore,)
4:30 “และสติปัญญาของซาโลมอนเหนือกว่าสติปัญญาทั้งสิ้นของชาวตะวันออกและของอียิปต์”
(so that Solomon’s wisdom surpassed the wisdom of all the people of the east and all the wisdom of Egypt.)
4:31 “เพราะพระองค์ทรงมีสติปัญญายิ่งกว่าทุกคน ยิ่งกว่าเอธานตระกูลเอศราค และเฮมาน คาลโคล์ และดารดา บุตรทั้งหลายของมาโฮล และพระนามของพระองค์ก็เลื่องลือไปทั่วชนทุกชาติที่อยู่ล้อมรอบ”
(For he was wiser than all other men, wiser than Ethan the Ezrahite, and Heman, Calcol, and Darda, the sons of Mahol, and his fame was in all the surrounding nations.)
4:32 “พระองค์ตรัสสุภาษิต 3,000 ข้อด้วย และบทเพลงของพระองค์มี 1,005 บท”
(He also spoke 3,000 proverbs, and his songs were 1,005.)
4:33 “พระองค์ ตรัสถึงต้นไม้ตั้งแต่ต้นสนสีดาร์ซึ่งอยู่ในเลบานอน จนถึงต้นหุสบ ซึ่งงอกออกมาจากกำแพงพระองค์ตรัสถึงสัตว์ต่างๆ ทั้งบรรดานก สัตว์เลื้อยคลาน และปลา”
(He spoke of trees, from the cedar that is in Lebanon to the hyssop that grows out of the wall. He spoke also of beasts, and of birds, and of reptiles, and of fish.)
4:34 “คน จากชนชาติทั้งหลายก็มาเพื่อฟังสติปัญญาของซาโลมอน พวกเขามาจากบรรดาพระราชาแห่งแผ่นดินลก ผู้ได้ยินถึงสติปัญญาของพระองค์
(And people of all nations came to hear the wisdom of Solomon, and from all the kings of the earth, who had heard of his wisdom. )
ข้อมูลมีประโยชน์
4:1 “เป็นกษัตริย์เหนืออิราเอลทั้งสิ้น” (King Solomon was king over all Israel)
= ซาโลมอนปกครองเหนืออาณาจักรที่เป็นปึกแผ่นเหมือนดาวิด (2ซมอ.8:15)
4:2 “อาซาริยาห์บุตรศาโดกเป็นปุโรหิต” (Azariah the son of Zadok)-แท้จริงแล้วอาซาริยาห์เป็นหลานของศาโดกเพราะว่าเป็นบุตรของอาหิมาอัส (2ซมอ.15:27,36;1พศด.6:8-9) เข้าใจว่า “อาหิมาอัส” บุตรของ ศาโดกคงเสียชีวิตไป อาซาริยาห์จึงเป็นปุโรหิตแทน (2:27,35)
คำว่า “บุตร” มักถูกใช้หมายถึง หลานอยู่บ่อย ๆ ในพระคัมภีร์ (ปท.1พกษ.2:8;2ซมอ.16:5-13; ปฐก.10:2;46:21;วนฉ.3:15;ดนล.5:22)
4:3 “ชิชา” (Shisha) -2ซมอ.8:17 “ราชเลขา” (secretaries) -2ซมอ.8:17
“เยโฮชาฟัท” (Jehoshaphat) = คนเดียวกับที่รับใช้ในราชสำนักของดาวิด (2ซมอ.8:16)
“เป็นเจ้ากรมสารบรรณ” (was recorder) = เป็นอาลักษณ์
4:4 “เบไนยาห์ บุตรเยโฮยาดา” (Benaiah the son of Jehoiada) = มาเป็นแม่ทัพแทนโยอาบ (2:25; 2ซมอ.8:18)
“ศาโดกและอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต” (Zadok and Abiathar were priests) -อาบียาธาร์ถูกปลดตอนต้นรัชกาลของซาโลมอน (2:27,35) -2ซมอ.8:17 -ศาโดกมีอาซาริยาห์ หลานชายมารับช่วงต่อ (ข.2)
4:5 “นาธัน” (Nathan)-ในตอนนี้อาจหมายถึงผู้เผยพระวจนะ (1:11) หรือโอรสของดาวิด (2ซมอ.5:14)
“หัวหน้าข้าหลวง” (over the officers)= ข้าหลวงประจำเขต (3:7-19)
“พระสหาย” (friend) = ราชมนตรี (2ซมอ.15:37)
ปท. หุชัย เคยถูกเรียกว่า สหายของดาวิด (2ซมอ.15:37;1พศด.27:33) อาจเป็นตำแหน่งอย่างเป็นทางการสำหรับที่ปรึกษาที่กษัตริย์ไว้วางพระทัยมากที่สุด (1พกษ.4:5)
4:6 “เจ้ากรมวัง” (charge of the palace)= การเอ่ยถึงครั้งแรกในพระคัมภีร์เดิม และจะกล่าวถึงต่อไปอีกบ่อยครั้งใน 1 และ 2 พงศ์กษัตริย์ (1พกษ.16:9;18:3;2พกษ.18:18,37;19:2)
= อาจเป็นข้าราชการผู้ดูแลพระราชวังและทรัพย์สินของกษัตริย์
“อาโดนีรัม” (Adoniram) -ไม่เพียงแต่รับใช้ซาโลมอนเท่านั้น แต่ยังเคยรับใช้กษัตริย์ดาวิด (2ซมอ.20:24) จากนั้นก็รับใช้เรโหโบอัมด้วย (1พกษ.12:18)
“งานโยธา” (forced labor)-1พกษ.9:15;2ซมอ.20:24
4:7 “มีข้าหลวงสิบสองคนอยู่เหนืออิสราเอลทั้งสิ้น” (had twelve officers over all Israel) = ข้าหลวงประจำเขต 12 นาย แต่ไม่ได้แบ่งตรงกับเขตแดนของแต่ละเผ่า จึงถือว่าระบอบปกครองของซาโลมอนได้ก้าวล่วงเขตแดนของเผ่าดั้งเดิม ทำให้ความจงรักภักดีจากเผ่าเดิมที่ได้รับผลกระทบลดลงเป็นเหตุทำให้อาณาจักรที่เคยเป็นปึกแผ่นต้องแตกแยกในเวลาต่อมา
4:8 “เบนเฮอร์” (Ben-hur) -คำว่า “เบน” มาจากภาษาฮีบรู แปลว่า “บุตรของ”
4:11 “เบนอาบีนาดับ” (Ben-abinadab)= น่าจะเป็น “บุตรของ” อาบีนาดับพี่ชายของดาวิด (1ซมอ.16:8;17:13)
= เป็นลูกพี่ลูกน้อง(โดยตรง)ของซาโลมอน (และเป็นลูกเขยด้วย)
4:12 “บาอานาบุตรอาหิลูด” (Baana the son of Ahilud)= อาจเป็นพี่น้องของเยโฮซาฟัท ผู้เป็นอาลักษณ์ (ข.3)
4:16 “บาอานาบุตรหุซัย” (Baana the son of Hushai) = อาจเป็นบุตรชายของหุชัยที่ปรึกษาผู้ที่ดาวิดไว้วางใจมากที่สุด (2ซมอ.15:32,37)
4:18 “ชิเมอีบุตรเอลา” (Shimei the son of Ela)= อาจเป็นชิเมอีคนเดียวกับที่เอ่ยถึงใน 1:8
4:20 “มากมายดังเม็ดทรายชายทะเล” (many as the sand by the sea)-3:8; ปท.4:29;ปฐก.22:17; 2ซมอ.17:11;อสย.10:22;ยรม.33:22;ฮชย.1:10; ปท.ปฐก.41:49;ยชว.11:4;วนฉ.7:12;สดด.78:27
“เขาทั้งหลายกินดื่มและมีจิตใจเบิกบาน” (They ate and drank and were happy.) = พวกเขาอิ่มหนำสำราญสุขกันทั่วหน้า = ยูดาและอิสราเอลต่างเจริญรุ่งเรือง (5:4)
4:21 “ตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติสไปจนถึงแผ่นดินฟิลิสเตีย และถึงพรมแดนอียิปต์” (from the Euphrates to the land of the Philistines and to the border of Egypt)
= ซาโลมอนขยายเขตแดนอาณาจักรไปถึงขอบเขตที่พระเจ้าสัญญาไว้กับอับราฮัม (2ซมอ.8:3) แต่ว่ามีการกบฎคุกรุ่นอยู่ในเอโดม (11:14-21) และใน
ดามัสกัส (11:23-25)
“ถวายบรรณาการ” (brought tribute)= นำเครื่องบรรณาการมาถวาย
= ซาโลมอนได้ปกครองชนชาติที่ดาวิดได้พิชิตไว้แล้วตั้งแต่ต้นรัชกาล (สดด.2:1-3)
4:22 “เสบียงอาหารสำหรับซาโลมอนในวันหนึ่งนั้น” (Solomon’s provision for one day) = เสบียงอาหารประจำวันที่ซาโลมอนต้องการเพื่อราชวงศ์ทั้งหมด ข้าราชบริพารในพระราชวัง ข้าหลวงในราชสำนัก รวมทั้งครอบครัวของพวกเขา
4:24 “ทิฟสาห์” (Tiphsah) = เมืองบนชายฝั่งด้านตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส
“กาซา” (Gaza) = เมืองของชาวฟิลิสเตียซึ่งอยู่ทางใต้สุดของชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน
4:25 “จากดานจดเบเออร์เชบา” (Dan even to Beersheba) -1ซมอ.3:20
4:26 “ม้า” (horses) -2ซมอ.15:1 “40,000 คอก” (40,000 stalls) -2พศด.9:25 , บางฉบับว่ามี 4000 คอก -1พกษ.10:26;2พศด.1:14 -ระบุว่า ซาโลมอนมีรถม้าศึก 1400 คัน หมายความว่า มีคอกสำหรับม้า 2 ตัวต่อรถม้าศึกแต่ละคัน สำหรับม้าสำรองอีกราว 1200 ตัว เปรียบเทียบกับบันทึกของอัสซีเรียเกี่ยวกับสงครามคาร์คาร์ ในปี 853 ก่อน ค.ศ. (ราว 1 ศตวรรษ หลังสมัยซาโลมอน) ซึ่งกล่าวถึงรถม้าศึก 1200 คัน จากดามัสกัส 700 คันจากฮามัท และ 2000 คัน จากอิสราเอล อาณาจักรเหนือ
4:27 “ข้าหลวง” (officers)= ข้าหลวงเขต (ข.7)
4:29 “ความรอบรู้กว้างขวางดุจทรายริมทะเล” (breadth of mind like the sand on the seashore) = กว้างขวางสุดคะเน (ข.20)
4:30 “ชาวตะวันออกและของอียิปต์” (people of the east and all the wisdom of Egypt.) = บรรดานักปราชญ์ที่ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร แต่หมายถึง คนจากเมโสโปเตเมีย (ปฐก.29:1) และอาระเบีย (ยรม.49:28;อสค.25:4,10) ซึ่งอยู่สุดเขตด้านตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันออกของอิสราเอล เหมือนกับที่อียิปต์เป็นดินแดนสำคัญที่อยู่สุดเขตด้านตะวันตกเฉียงใต้ -มีการค้นพบวรรณกรรมมากมายที่บ่งบอกถึงภูมิปัญญาของเมโสโปเตเมีย
“ของอียิปต์” (of Egypt) = ปราชญ์ทั้งปวงของอียิปต์ (ปฐก.41:8;อยพ.7:11;กจ.7:22)
4:31 “มีสติปัญญายิ่งกว่าทุกคน” (wiser than all other men)= ฉลาดกว่าใคร ๆ (จนกระทั่งพระเยซูเสด็จมา –ลก.11:31)
“เอธานตระกูลเอศราค” (Ethan the Ezrahite)-สดด.89
“เฮมาน คาลโคล์ และดารดา” (Heman, Calcol, and Darda)-1พศด.2:6
“พระนามของพระองค์ก็เลื่องลือไป”(his fame was in all the surrounding nations) –ดูตัวอย่างใน 10:1
4:32 “สุภาษิต 3000 ข้อ” (3,000 proverbs) -มีบางส่วนปรากฎอยู่ในพระธรรม สุภาษิต -สภษ.1:1;10:1;25:1
“บทเพลงของพระองค์มี 1005 บาท” (his songs were 1,005) = ปรากฎอยู่ในเพลงซาโลมอน (1:1)
4:33 “ต้นสนสีดาร์ซึ่งอยู่ในเลบานอน” (cedar that is in Lebanon) -5:6;วนฉ.9:15;อสย.9:10
“ต้นหุสบ” (hyssop)-อพย.12:22
“สัตว์ต่าง ๆ บรรดานกสัตว์เลื้อยคลานและปลา” (birds, and of reptiles, and of fish) -ตัวอย่างความรู้เกี่ยวกับสัตว์ของซาโลมอนปรากฎอยู่ในสุภาษิตหลายตอน อาทิ สภษ.6:6-8;26:2-3;11; 27:8;28:1,15
4:34 “บรรดาพระราชาแห่งแผ่นดินโลก” (all the kings of the earth) = หมายถึงโลกในแถบตะวันออกใกล้ (ปฐก.41;57)
คำถามนำอภิปราย
1. คุณเห็นภาพรวมอะไรเกี่ยวกับกษัตริย์ซาโลมอนในบทที่ 4 นี้บ้าง?
2. สิ่งที่เห็น ได้ให้คติหรือข้อคิดอะไรแก่คุณบ้าง?
3. คุณได้เรียนรู้บทเรียนอะไรเกี่ยวกับการบริหารจัดการในมุมที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนจากพระธรรมตอนนี้บ้าง? (แบ่งปัน)
4. หากคุณเป็นกษัตริย์ซาโลมอนในตอนนี้ คุณมีเรื่องอะไรที่ต้องการขอบคุณพระเจ้าเป็นพิเศษบ้าง 3 เรื่อง
เรื่อง ทำไม?
1) …………………………………………………. ……………………………………………………….
2) …………………………………………………. ……………………………………………………….
3) …………………………………………………. ……………………………………………………….
- หากคุณเป็นประชาชนในสมัยของกษัตริย์ซาโลมอน คุณคิดว่า คุณจะขอบคุณพระเจ้าเรื่องอะไรบ้าง?
เรื่อง ทำไม?
1) …………………………………………………. ……………………………………………………….
2) …………………………………………………. ……………………………………………………….
3) …………………………………………………. ……………………………………………………….
5.เคยมีเรื่องใดในประเทศไทย ที่ทำให้คุณรู้สึกอยากขอบคุณพระเจ้าในทำนองเดียวกันบ้างหรือไม่? (แบ่งปัน)
- คุณคิดว่า อะไรคือสาเหตุทำให้แผ่นดินอิสราเอลในยุคนั้นสงบสุข? (แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้แผ่นดินไทยยุคหนึ่งเคยสงบสุข) ?
- คุณประทับใจในสติปัญญาหรือความเข้าใจข้อใดตอนใดของซาโลมอนที่ปรากฎอยู่ในพระคัมภีร์เป็นพิเศษบ้าง? ทำไม?
- มีสติปัญญาจากพระธรรมสุภาษิต, ปัญญาจารย์หรือ เพลงซาโลมอน หรือจากพระธรรมตอนใดบ้างที่
1) คุณท่องจำได้? และช่วยอะไรคุณบ้าง?
2) คุณท่องจำไม่ได้ แต่เปิดหาได้? และช่วยอะไรคุณบ้าง? อย่างไร?
6. หากต้องการให้ประเทศไทยของเรามีความสงบสุข (อย่างแท้จริง) พวกเราควรทำอะไรบ้าง? อย่างไร? และจะเริ่มได้เมื่อไร?
ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์