วิหารของซาโลมอน
พระธรรม 1พงศ์กษัตริย์ 6:1-37
อ้างอิง อพย.26:33-34;25:18-20;30:1-3
บทนำ พระวิหารคือสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดและกษัตริย์ซาโลมอนมุ่งมั่นที่จะสร้างถวายแด่พระเจ้า และพระเจ้าทรงยอมรับพระวิหารนั้น เพราะทอดพระเนตรเห็นความตั้งใจที่ดีของท่านทั้ง 2 แต่พระองค์ก็กำชับอยู่เสมอว่า การกระทำตามพระบัญญัติและพันธสัญญาของพระองค์นั้น สำคัญยิ่งกว่าวิหารใด ๆ ที่ มนุษย์จะมอบถวายแด่พระองค์!
บทเรียน
6:1 “ต่อมาในปีที่สี่ร้อยแปดสิบ หลังจากที่ชนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ในปีที่สี่ที่ซาโลมอนทรงครองอิสราเอล ในเดือนศิฟซึ่งเป็นเดือนที่สอง พระองค์ทรงเริ่มสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์”
(In the four hundred and eightieth year after the people of Israel came out of the land of Egypt, In the fourth year of Solomon’s reign over Israel, in the month of Ziv, which is the second month, He began to build the house of the Lord. )
6:2 “พระนิเวศซึ่งพระราชาซาโลมอนทรงสร้างสำหรับพระยาห์เวห์นั้นยาว 27 เมตร กว้าง 9 เมตรและสูง 13.5 เมตร”
(The house that King Solomon built for the Lord was sixty cubits long, twenty cubits wide, and thirty cubits high.)
6:3 “เฉลียงหน้าห้องโถงของพระนิเวศนั้นยาว 9 เมตร เท่ากับด้านกว้างของพระนิเวศ และลึกเข้าไปหน้าพระนิเวศ 4.5 เมตร”
(The vestibule in front of the nave of the house was twenty cubits long, equal to the width of the house, and ten cubits deep in front of the house.)
6:4 “และพระองค์ทรงสร้างหน้าต่างสำหรับพระนิเวศ โดยให้ข้างในกว้างและข้างนอกแคบ”
(And he made for the house windows with recessed frames.)
6:5 “พระองค์ทรงสร้างห้องระเบียงติดผนังพระนิเวศโดยรอบห้องโถงและห้องชั้นในสุด”
(He also built a structure against the wall of the house, running around the walls of the house, both the nave and the inner sanctuary. And he made side chambers all around.)
6:6 “โดย ห้องชั้นล่างสุดกว้าง 2.2 เมตร ชั้นกลางกว้าง 2.7 เมตร และชั้นที่สามกว้าง 3.1 เมตร เพราะรอบด้าน นอกของพระนิเวศ พระองค์ทรงสร้างขอบยื่นออกมาจากผนัง เพื่อคานหนุนจะไม่ได้ทะลวงเข้าไปในผนังพระนิเวศ”
(The lowest story was five cubits broad, the middle one was six cubits broad, and the third was seven cubits broad. For around the outside of the house he made offsets on the wall in order that the supporting beams should not be inserted into the walls of the house. )
6:7 “ขณะ กำลังก่อสร้าง พระนิเวศนั้นก็สร้างด้วยศิลา ซึ่งเตรียมมาจากบ่อศิลา เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้ยินเสียงค้อนหรือขวาน หรือเครื่องมือเหล็กใดๆ ในพระนิเวศ ขณะทำการก่อสร้าง”
(When the house was built, it was with stone prepared at the quarry, so that neither hammer nor axe nor any tool of iron was heard in the house while it was being built. )
6:8 “ทางเข้าห้องชั้นกลางอยู่ด้านขวาของพระนิเวศ และคนขึ้นไปยังห้องชั้นกลางทางบันไดเวียน และขึ้นจากห้องชั้นกลางไปห้องชั้นที่สาม”
(The entrance for the lowest story was on the south side of the house, and one went up by stairs to the middle story, and from the middle story to the third.)
6:9 “พระองค์ทรงสร้างพระนิเวศจนเสร็จ และทรงมุงพระนิเวศด้วยไม้คร่าวและกระดานไม้สนสีดาร์”
(So he built the house and finished it, and he made the ceiling of the house of beams and planks of cedar.
6:10 “พระองค์ทรงสร้างห้องรอบพระนิเวศสูง 2.2 เมตร โดยเชื่อมติดกับตัวพระนิเวศด้วยกระดานไม้สนสีดาร์”
(He built the structure against the whole house, five cubits high, and it was joined to the house with timbers of cedar. )
6:11 “และพระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงซาโลมอนว่า”
(Now the word of the Lord came to Solomon,)
6:12 “เกี่ยวด้วยพระนิเวศนี้ซึ่งเจ้าสร้างอยู่ ถ้าเจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเราและเชื่อฟังกฎหมายของเราและรักษาบัญญัติทั้งสิ้นของเรา โดยดำเนินตาม เราก็จะสถาปนาถ้อยคำของเรากับเจ้า ซึ่งเราพูดกับดาวิดบิดาของเจ้า”
“Concerning this house that you are building, if you will walk in my statutes and obey my rules and keep all my commandments and walk in them, then I will establish my word with you, which I spoke to David your father.)
6:13 “และเราจะอยู่ท่ามกลางพงศ์พันธุ์อิสราเอล และจะไม่ทอดทิ้งอิสราเอลประชากรของเราเลย”
(And I will dwell among the children of Israel and will not forsake my people Israel.”)
6:14 “ซาโลมอนได้ทรงสร้างพระนิเวศสำเร็จ”
(So Solomon built the house and finished it. )
6:15 “พระองค์ ทรงกรุผนังข้างในด้วยกระดานไม้สนสีดาร์ ตั้งแต่พื้นพระนิเวศจนถึงไม้เพดาน พระองค์ทรงกรุข้างในด้วยไม้ และพระองค์ทรงปูปิดพื้นพระนิเวศด้วยไม้สนสามใบ”
(He lined the walls of the house on the inside with boards of cedar. From the floor of the house to the walls of the ceiling, he covered them on the inside with wood, and he covered the floor of the house with boards of cypress. )
6:16 “พระองค์ทรงสร้างด้านหลังของพระนิเวศ ด้วยกระดานไม้สนสีดาร์จากพื้นถึงไม้เพดานสูง 9 เมตร และพระองค์ทรงสร้างห้องนี้ภายในให้เป็นห้องชั้นในสุด คืออภิสุทธิสถาน”
(He built twenty cubits of the rear of the house with boards of cedar from the floor to the walls, and he built this within as an inner sanctuary, as the Most Holy Place.)
6:17 “ตัวพระนิเวศคือห้องโถงซึ่งอยู่ส่วนหน้าห้องชั้นในสุดนั้นยาว 18 เมตร”
(The house, that is, the nave in front of the inner sanctuary, was forty cubits long.)
6:18 “ส่วนข้างในพระนิเวศที่เป็นไม้สนสีดาร์นั้นแกะเป็นรูปน้ำเต้า และดอกไม้บานทั้งหมดเป็นไม้สนสีดาร์ในที่นั่น แลไม่เห็นหินเลย”
(The cedar within the house was carved in the form of gourds and open flowers. All was cedar; no stone was seen.)
6:19 “พระองค์ทรงจัดเตรียมห้องชั้นในสุดไว้ข้างในพระนิเวศ เพื่อจะวางหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ไว้ที่นั่น”
(The inner sanctuary he prepared in the innermost part of the house, to set there the ark of the covenant of the Lord. )
6:20 “ห้องชั้น ในสุดนั้นยาว 9 เมตร กว้าง 9 เมตร และสูง 9 เมตร และพระองค์ทรงบุที่นั่นด้วยทองคำบริสุทธิ์ พระองค์ทรงบุแท่นบูชาด้วยไม้สนสีดาร์ด้วย”
(The inner sanctuary was twenty cubits long, twenty cubits wide, and twenty cubits high, and he overlaid it with pure gold. He also overlaid an altar of cedar.)
6:21 “และ ซาโลมอนทรงบุข้างในพระนิเวศด้วยทองคำบริสุทธิ์ และพระองค์ทรงขึงโซ่ทองคำหน้าห้องชั้นในสุด ซึ่งบุด้วยทองคำ”
(And Solomon overlaid the inside of the house with pure gold, and he drew chains of gold across, in front of the inner sanctuary, and overlaid it with gold. )
6:22 “และ พระองค์ทรงบุพระนิเวศทั้งหลังด้วยทองคำ จนพระนิเวศนั้นสำเร็จทั้งสิ้น พระองค์ก็ทรงบุแท่นบูชาทั้งแท่นที่เป็นของห้องชั้นในสุด ด้วยทองคำ”
(And he overlaid the whole house with gold, until all the house was finished. Also the whole altar that belonged to the inner sanctuary he overlaid with gold. )
6:23 “ในห้องชั้นในสุด พระองค์ทรงสร้างเครูบสองรูปด้วยไม้มะกอก แต่ละตัวสูง 4.5 เมตร”
(In the inner sanctuary he made two cherubim of olivewood, each ten cubits high. )
6:24 “ปีก ข้างหนึ่งของเครูบยาว 2.25 เมตร ปีกอีกข้างหนึ่งของเครูบยาว 2.25 เมตร จากปลายปีกข้างหนึ่งไปถึงปลายปีกอีกข้างหนึ่งยาว 4.5 เมตร”
(Five cubits was the length of one wing of the cherub, and five cubits the length of the other wing of the cherub; it was ten cubits from the tip of one wing to the tip of the other.)
6:25 “เครูบอีกรูปหนึ่งก็วัดได้ 4.5 เมตรด้วย เครูบทั้งสองมีขนาดเท่ากัน และรูปอย่างเดียวกัน”
(The other cherub also measured ten cubits; both cherubim had the same measure and the same form. )
6:26 “ความสูงของเครูบรูปหนึ่งเป็น 4.5 เมตร และเครูบอีกรูปหนึ่งก็เหมือนกัน”
(The height of one cherub was ten cubits, and so was that of the other cherub. )
6:27 “พระองค์ ทรงวางเครูบไว้ในส่วนชั้นในที่สุดของพระนิเวศ ปีกของเครูบนั้นกางออกเพื่อให้ปีกหนึ่งจดผนังข้างหนึ่ง และปีกของเครูบอีกรูปหนึ่งจดผนังอีกข้างหนึ่ง ส่วนปีกข้างอื่นก็มาจดกันตรงกลางพระนิเวศ”
(He put the cherubim in the innermost part of the house. And the wings of the cherubim were spread out so that a wing of one touched the one wall, and a wing of the other cherub touched the other wall; their other wings touched each other in the middle of the house. )
6:28 “และพระองค์ทรงบุเครูบด้วยทองคำ”
(And he overlaid the cherubim with gold.)
6:29 “พระองค์ ทรงสลักผนังของพระนิเวศนั้นโดยรอบ ด้วยรูปแกะสลักเป็นรูปเครูบ ต้นอินทผลัม และดอกไม้บาน ทั้งห้องข้างในและห้องข้างนอก”
(Around all the walls of the house he carved engraved figures of cherubim and palm trees and open flowers, in the inner and outer rooms.)
6:30 “พื้นของพระนิเวศนั้น พระองค์ทรงบุด้วยทองคำทั้งข้างในและข้างนอก”
(The floor of the house he overlaid with gold in the inner and outer rooms.)
6:31 “สำหรับทางเข้าสู่ห้องชั้นในสุด พระองค์ทรงทำบานประตูคู่ด้วยไม้มะกอก กรอบประตูเป็นรูปห้าเหลี่ยม”
(For the entrance to the inner sanctuary he made doors of olivewood; the lintel and the doorposts were five-sided. )
6:32 “บาน ประตูทั้งคู่ทรงทำด้วยไม้มะกอกแกะสลักเป็นรูปเครูบ ต้นอินทผลัม และดอกไม้บาน ทรงบุบานประตู ด้วยทองคำ ทรงแผ่ทองคำหุ้มเครูบและหุ้มต้นอินทผลัม”
(He covered the two doors of olivewood with carvings of cherubim, palm trees, and open flowers. He overlaid them with gold and spread gold on the cherubim and on the palm trees. )
6:33 “พระองค์ทรงทำวงกบประตูทางเข้าห้องโถงด้วยไม้มะกอกเป็นรูปสี่เหลี่ยม”
(So also he made for the entrance to the nave doorposts of olivewood, in the form of a square,)
6:34 “และ ทรงทำประตูสองประตูด้วยไม้สนสามใบ บานประตูสองบานของประตูหนึ่งพับหากันได้ และอีกสองบานของอีกประตูหนึ่งก็พับได้เช่นกัน”
(and two doors of cypress wood. The two leaves of the one door were folding, and the two leaves of the other door were folding. )
6:35 “พระองค์ ทรงแกะสลักเครูบ ต้นอินทผลัม และดอกไม้บานบนบานประตูนั้น และทรงบุด้วยทองคำสม่ำเสมอกันบนงานแกะสลักนั้น”
(On them he carved cherubim and palm trees and open flowers, and he overlaid them with gold evenly applied on the carved work. )
6:36 “พระองค์ทรงสร้างลานชั้นในด้วยกำแพงหินสกัดสามชั้น และด้วยไม้สนสีดาร์หนึ่งชั้น”
(He built the inner court with three courses of cut stone and one course of cedar beams. )
6:37 “ในปีที่สี่ เดือนศิฟ พระนิเวศของพระยาห์เวห์ก็ถูกวางรากฐาน”
(In the fourth year the foundation of the house of the Lord was laid, in the month of Ziv. )
6:38 “และในปีที่สิบเอ็ด ในเดือนบูล ซึ่งเป็นเดือนที่แปด พระนิเวศนั้นก็สำเร็จหมดทุกส่วน ตามที่กำหนดไว้ทุกอย่าง พระองค์ทรงสร้างพระนิเวศนั้นเจ็ดปี”
(And in the eleventh year, in the month of Bul, which is the eighth month, the house was finished in all its parts, and according to all its specifications. He was seven years in building it. )
ข้อมูลมีประโยชน์
6:1 “ปีที่สี่ร้อยแปดสิบ…” (four hundred and eightieth year)= “ปีที่สี่ที่ซาโลมอนทรงครองอิสราเอล”
(in the fourth year of Solomon’s reign over Israel, ) -จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ทำให้ระบุได้ว่า “ปีที่ 4” ของรัชกาลซาโลมอนตรงกับปี 966 ก.ค.ศ.
-ถ้าการอพยพของอิสราเอลเกิดขึ้น 480 ปีก่อน ปี 966 ก.ค.ศ. ก็จะตรงกับช่วงรัชกาลฟาโรห์อามุนโฮเทปที่ 2 แห่งราชวงศ์ลำดับที่ 18 ของอียิปต์ = 1446 ปีก่อนคริสตศักราช (แต่คำว่าปีที่ 480 นี้อาจเป็นเพียงตัวเลขคร่าวๆ หมายถึงคน 12 รุ่นคูณด้วยระยะเวลารุ่นละ 40 ปีตามประเพณีนิยม)
6:2 “พระนิเวศซึ่งพระราชาซาโลมอนทรงสร้าง” (The house that King Solomon built) = สร้างขึ้นตามแบบของพลับพลา ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ คือ อภิสุทธิสถาน วิสุทธิสถาน และลานด้านนอกอภิสุทธิสถาน มีรูปทรงเป็นลูกบาศก์ สัดส่วนของพระวิหารนั้นเป็นสองเท่าของพลับพลา(อพย.26:15-30;36:20-34)
6:6 “สร้างขอบยื่นออกมาจากผนัง” (made offsets on the wall in order that the supporting beams should not be inserted into the walls of the house.)= ผนังด้านนอกพระวิหารจะหยักเข้าเป็นบ่าเพื่อไม่ให้คานยื่นเข้าไปในผนังพระวิหาร
= เพื่อหลีกเลี่ยงการเจาะรูที่ผนังพระวิหาร จึงมีการสร้างบ่าเพื่อลองรับคานของห้องด้านข้างทั้ง 3 ชั้น การทำเช่นนั้นทำให้ความกว้างของห้องชั้นในแต่ละชั้นไม่เท่ากัน
6:8 “ทางเข้าห้องชั้นกลาง” (stairs to the middle story)= ในภาษาฮีบรูเรียกว่า “ชั้นที่ 2”
6:11 “…พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงซาโลมอนว่า” (Now the word of the Lord came to Solomon,)
= เมื่อสร้างพระวิหารใกล้เสร็จสิ้น พระเจ้าตรัสกับซาโลมอน ซึ่งอาจตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะที่ไม่ทราบชื่อ (ปท. 3:5,11-14;9:2-9)
6:12 “ถ้าเจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา…เราก็จะสถาปนาถ้อยคำของเรากับเจ้า” ( if you will walk in my statutes ……. I will establish my word with you,) = คล้ายกับที่ดาวิดได้กล่าวไว้ (2:1-4) –พระเจ้ายืนยันกับซาโลมอนว่า วงศ์วานของท่านจะยืนยง (2ซมอ.7:12-16) แต่ท่านต้องสัตย์ซื่อต่อพันธสัญญาที่พระเจ้าประทานให้ที่ภูเขาซีนาย เพื่อพันธสัญญาที่พระองค์ประทานแก่ดาวิดจะสำเร็จ
6:13 “เราจะอยู่ท่ามกลางพงศ์พันธ์อิสราเอล” (I will dwell among the children of Israel) = พระเจ้าจะสถิตกับชนชาติอิสราเอลในพระวิหารที่กำลังสร้างอยู่ (9:3) = พระเจ้าไม่ต้องการให้พวกอิสราเอลกังวล เกี่ยวกับการสถิตอยู่ของพระเจ้า พระองค์จึงย้ำว่า จะทรงสถิตอยู่ท่ามกลางพวกเขา (ปท.สดด.78:60;ยรม.26:6,9;1ซมอ.7:1;8:10-13;ลนต.26:11)
6:16 “อภิสุทธิสถาน” (Most Holy Place.) = ศัพท์เฉพาะที่ หมายถึง พื้นที่ในสุด ซึ่งใช้เก็บรักษาหีบพันธสัญญาในพลับพลา –อพย.26:33-34;ลนต.16:2,16-17,20,23
6:19 “หีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์” (ark of the covenant of the Lord.)-พระบัญญัติ 10 ประการถูกเรียกว่า “ข้อความแห่งพันธสัญญา” -ใน อพยพ 34:28 -แผ่นหินที่จารึกพระบัญญัติ 10 ประการ ถูกเรียกว่า “แผ่นจารึกพันธสัญญา” (ฉธบ.9:9)
-หีบที่ใช้เก็บแผ่นศิลานี้ บางครั้งเรียกว่า “หีบพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์” (ฉธบ.10:8;31:9,25;
ยชว.3:11; ปท. ยชว.3:13;อพย.30:6;31:7;1ซมอ.4:11,17,21;5;1)
6:20 “ทองคำบริสุทธิ์” (pure gold) = ซาโลมอนใช้ทองคำจำนวนมากเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่งพระสง่าราศีของพระเจ้า และพระวิหารของพระองค์ในสวรรค์ (วว.21:10-11,18,21)
6:21 “โซ่ทองคำ” (chains of gold across)= ม่านที่กั้นทางเข้าอภิสุทธิสถานคงแขวนอยู่บนโซ่เหล่านี้ -2พศด.3:14;มธ.27:51;ฮบ.6:19
6:22 “แท่นบูชา” (the whole altar)= แท่นเผ่าเครื่องหอม -7:48;อพย.30:1,6;37:25-28;ฮบ.9:3-4
6:23 “เครูบสองรูป” ( two cherubim) -อยพ.25:18= คล้ายกับตัวสฟิงซ์มีปีก
= สัญลักษณ์ของผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับอยู่ ณ ที่ ๆ พระเจ้าทรงครองบัลลังก์ ในอาณาจักรของพระองค์ในโลกนี้ซึ่งอยู่ที่บนฝาหีบพันธสัญญา (ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระบัลลังก์ของพระเจ้า -1ซมอ.4:4;2ซมอ.6:2;2พกษ.19:15;สดด.99:1)
-การวางหีบพันธสัญญาของพระเจ้าที่มีเครูบนี้ไว้ในพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม เป็นการประกาศว่า เยรูซาเล็มเป็นนครของพระเจ้าบนโลกนี้ (สดด.9:11)
-มีเครูบ 2 ตนบนหีบพันธสัญญาคือ ข้างละ 1 ตนบนปลายทั้ง 2 ด้านของพระที่นั่งกรุณา (อพย.25:17-22)
เครูบแต่ละตัวสูง 4.5 เมตร (10 ศอก มีปีกยาว 2.25 เมตร) ส่วนอภิสุทธิสถานซึ่งเครูบตั้งอยู่นั้นสูง 9 เมตร (20 ศอก) –ข้อ 16
6:29 “รูปสลักเป็นรูปเครูบ” (carved engraved figures of cherubim)= ไม่ได้ละเมิดบัญญัติ 10 ประการ ที่ ห้ามสร้างรูปเคารพ หรือสิ่งใดเพื่อการนมัสการในฐานะเป็นพระเจ้าหรือตัวแทนของพระเจ้า (อพย.20:4)
“ต้นอินทผลัม และดอกไม้บาน” (palm trees and open flowers, ) = เป็นภาพของเครูบและต้นไม้ดอกที่งดงามราวกับสวนเอเดนที่อาดัมและเอวาเคยอยู่ก่อนถูกขับออกมา เนื่องจากทำบาป (ปฐก.3:24)
= เป็นสัญลักษณ์เพื่อบ่งบอกว่า การจะกลับสู่เมืองบรมสุขเกษม (เอเดน) อีกครั้งจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีการชำระบาปในสถานศักดิ์สิทธิ์อย่างในพระวิหารเท่านั้น (อพย.26:1)
-ต่อมาในธรรมศาลาของชาวยิวในยุคแรก ๆ ก็มีการประดับประดาในรูปแบบคล้าย ๆ กัน
6:36 “ลานชั้นใน” (inner= บ่งเป็นนัยว่ามีลานชั้นนอก (8:64) ใน 2พศด.4:9 อ้างถึง “ลานของปุโรหิต” (ชั้นใน) และ ลานใหญ่ (ชั้นนอก) ลานชั้นในยังเรียกว่า ลานด้านบน (ยรม.36:10) เพราะอยู่ในพระวิหารซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งบนเนินที่สูงกว่า
6:37 “ปีที่สี่เดือนศิฟ” (fourth year the foundation of the house of the Lord was laid, in the month of Ziv)
“ปีที่สี่” = ปีที่ 4 ในรัชกาลของกษัตริย์ซาโลมอน
“ศิฟ” = เดือนที่ 2 ตามปฏิทินของอิสราเอล (ประมาณกลางเมษายน – กลางพฤษภาคม)
6:38 “ปีที่สิบเอ็ดในเดือนบลู” (the eleventh year, in the month of Bul,)
“ปีที่สิบเอ็ด” = ในรัชกาลของกษัตริย์ซาโลมอน (ปี 959 ก่อนคริสตศักราช)
“บลู” = เดือนที่ 8 ตามปฏิทินของชาวอิสราเอล (ประมาณกลางตุลาคม – กลางพฤศจิกายน)
คำถามนำอภิปราย
- เมื่อคุณอ่านพระธรรม 1พงษ์กษัตริย์บทที่ 6 จบลง ความประทับใจแรกเกิดจากการอ่านหรือฟังพระธรรมตอนนี้คืออะไร ขอแบ่งปัน?
- คุณเคยทำงานชิ้นใดและให้แก่ใครที่ประณีตที่สุด (และคุณภูมิใจมากที่สุด?) ในชีวิตของคุณ? อย่างไร?
- พระเจ้าตรัสสัญญาเกี่ยวกับวิหารที่ซาโลมอนสร้างถวายแด่พระองค์ว่าอย่างไรบ้าง? สิ่งที่พระองค์ตรัสนั้นเตือนสติอะไรคุณบ้าง?
- คุณเคยมีประสบการณ์กับความทุกข์ยากลำบากหรือเผชิญกับปัญหาหนักหนาสาหัส แต่คุณกลับรู้สึกมั่นใจว่าพระเจ้าสถิตอยู่กบคุณจริง ๆ และไม่ได้ทอดทิ้งคุณเลยบ้างหรือไม่? เมื่อไร? และอย่างไร?
- คุณมีอะไรบ้างที่เป็นสิ่งก่อสร้าง(หรือปฏิมากรรม)ที่คุณสร้างหรือมีครอบครองอยู่ที่อาจเข้าข่ายรูปเคารพ แต่ไม่ใช่บ้างหรือไม่? (อย่างเช่น รุปเครูบ) และคุณมีไว้เพื่ออะไร? มีคนสะดุดหรือไม่? อย่างไร?
- คุณได้ข้อคิด (ที่มีความหมายต่อจิตวิญญาณของคุณ) อะไรจากวิหารหรือกระบวนการก่อสร้างวิหารของซาโลมอนในครั้งนี้บ้าง?
ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์