Categories
บทความแปล

มองไปที่พระเจ้าผู้จัดเตรียมของเรา

พระเจ้าผู้จัดเตรียม

เพราะสัตว์ทุกตัวในป่าเป็นของเรา ทั้งสัตว์เลี้ยงบนภูเขาตั้งพันยอด (สดุดี 50:10)

ยังจำกันได้หรือไม่ สมัยก่อนที่การงานมั่นคง ยากที่ใครจะถูกลดเงินเดือน ถูกให้ออกจากงาน หรือหางานทำไม่ได้เพราะปัญหาทางเศรษฐกิจ? แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแบบนั้นต่อไป…

ทุกวันนี้ ดูเหมือนทุกคนต้องดิ้นรนต่อสู้กับปัญหาการเงิน ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในหน้าที่การงาน

คุณเองอาจกำลังดิ้นรนถามคำถามว่า “จะหาอะไรดีได้ในปัญหาเรื่องเงิน?”

ครับ เป็นโอกาสวิเศษที่จะได้วางใจในพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ผู้จัดเตรียมอาหารประจำวันให้ ผมพูดอยู่เสมอๆว่า มีคุณพ่อเป็นเจ้าของร้านทำขนมปัง ดีกว่ามีโกดังที่เต็มไปด้วยขนมปัง

คุณกำลังมีปัญหาเรื่องการเงินอยู่หรือเปล่าครับ? คุณรู้จักใครที่มีปัญหาเรื่องเงินอยู่หรือเปล่า? แบ่งปันข่าวดีนี้ถึงการจัดเตรียมอย่างสัตย์ซื่อของพระเจ้านะครับ

โดย: Pastor Adrian Rogers

อนุญาตโดย : www.lwf.org

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

1 และ 2 พงศ์กษัตริย์ (บทเรียนที่ 11)

หีบพันธสัญญาในพระวิหาร

 

พระธรรม        1พงศ์กษัตริย์  8:1-21

อ้างอิง               2พศด.5:2-6:2;30:24;2ซมอ.5:7;6:17;ลนต.23:34;16:2;อพย.15:17;สดด.132:13;135:21;89:3-4

บทนำ                 หีบพันธสัญญาอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้า ได้รับการนำและมาประดิษฐานอยู่ในพระวิหารอันเป็นเครื่องหมายว่า “พระเจ้า” ทรงอยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์แล้ว   หากวันนี้ คุณคือวิหารของพระเจ้า คุณแนใจหรือไม่ว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับคุณแล้ว?

 บทเรียน

8:1 “แล้ว​ซา‍โล‍มอน​ทรง​เรียก​พวก​ผู้‌ใหญ่​ของ​อิส‍รา‍เอล และ​บรร‍ดา​หัว‌หน้า​ของ​เผ่า​ต่างๆ คือ​พวก​เจ้า‌นาย​ของ​ตระ‍กูล​คน​อิส‍รา‍เอล​มา​ประ‍ชุม​ใน​กรุง​เย‍รู‍ซา‍ เล็ม เพื่อ​จะ​นำ​หีบ​พันธ‍สัญญา​ของ​พระ‌ยาห์‍เวห์​ขึ้น​มา​จาก​นคร​ดา‍วิดคือ​ ศิ‍โยน

      (Then Solomon assembled the elders of Israel and all the heads of the tribes, the leaders of the fathers’ houses of the people of Israel, before King Solomon in Jerusalem, to bring up the ark of the covenant of the Lord out of the city of David, which is Zion.)

8:2 “และ​ผู้‌ชาย​ทั้ง‌หมด​ของ​อิส‍รา‍เอล​ก็​ประ‍ชุม​กับ​พระ‌ราชา​ซา‍โล‍มอน ณ การ​เลี้ยง​ใน​เดือน​เอ‍ธา‍นิม คือ​เดือน​ที่​เจ็ด”

(And all the men of Israel assembled to King Solomon at the feast in the month Ethanim, which is the seventh month. )

8:3 “พวก​ผู้‌ใหญ่​ทั้ง‌สิ้น​ของ​อิส‍รา‍เอล​มา และ​พวก​ปุ‍โร‍หิต​ก็​ยก​หีบ”

     (And all the elders of Israel came, and the priests took up the ark. )

8:4 “และ ​เขา​ทั้ง‌หลาย​นำ​หีบ​ของ​พระ‌ยาห์‍เวห์ และ​เต็นท์​นัด‌พบ อีก​ทั้ง​ข้าว‌ของ​เครื่อง​ใช้​ที่​บริ‍สุทธิ์​ทุก‌อย่าง ซึ่ง​อยู่​ใน​เต็นท์​ขึ้น​มา พวก​ปุ‍โร‍หิต​และ​พวก​เล‍วี​ได้​นำ​ของ​เหล่า‌นี้​ขึ้น​มา

     (And they brought up the ark of the Lord, the tent of meeting, and all the holy vessels that were in the tent; the priests and the Levites brought them up. )

8:5 “และ ​พระ‌ราชา​ซา‍โล‍มอน และ​ชุม‍นุม‌ชน​อิส‍รา‍เอล​ทั้ง‌สิ้น​ที่​ได้​ประ‍ชุม​กัน​กับ​พระ‌องค์ อยู่​กับ​พระ‌องค์​ต่อ​หน้า​หีบได้​ถวาย​แกะ​และ​วัว​มาก‌มาย จน​ไม่​สา‍มารถ​นับ​จำ‍นวน​หรือ​คิด​คำนวณ​ได้

      (And King Solomon and all the congregation of Israel, who had assembled before him, were with him before the ark, sacrificing so many sheep and oxen that they could not be counted or  numbered. )

8:6 “แล้ว​ปุ‍โร‍หิต​ก็​นำ​หีบ​พันธ‍สัญญา​ของ​พระ‌ยาห์‍เวห์​มา​ยัง​ที่​ตั้ง​ของ​ หีบ ใน​ห้อง​ชั้น​ใน​สุด​ของ​พระ‌นิเวศ คือ​ใน​อภิ‍สุทธิ​สถาน ภาย‌ใต้​ปีก​ของ​เค‍รูบ

     (Then the priests brought the ark of the covenant of the Lord to its place in the inner sanctuary of the house, in the Most Holy Place, underneath the wings of the cherubim. )

8:7 “เพราะ​เค‍รูบ​นั้น​กาง​ปีก​ทั้งคู่​ออก​เหนือ​ที่​ตั้ง​ของ​หีบ เค‍รูบ​จึง​คลุม​อยู่​เหนือ​หีบ และ​ไม้‌คาน​ของ​หีบ”

(For the cherubim spread out their wings over the place of the ark, so that the cherubim overshadowed the ark and its poles. )

8:8 “คาน‌หาม​ของ​หีบ​นั้น​ยาว​มาก จึง​เห็น​ปลาย​คาน‌หาม​ได้​จาก​วิสุทธิ​สถาน ซึ่ง​อยู่​หน้า​ห้อง​ชั้น​ใน​สุด แต่​ไม่​อาจ​มองเห็น​จาก​ภาย‌นอก และ​คาน‌หาม​ก็​ยัง​อยู่​ที่‌นั่น​จน​ทุก​วัน‌นี้

     (And the poles were so long that the ends of the poles were seen from the Holy Place before the  Inner sanctuary; but they could not be seen from outside. And they are there to this day. )

8:9 “ไม่‌มี​สิ่ง‌ใด​ใน​หีบ​นอก‌จาก​ศิลา​สอง​แผ่น ซึ่ง​โม‍เสส​ใส่​ไว้ ณ ภูเขา​โฮ‍เรบ เมื่อ​พระ‌ยาห์‍เวห์​ทรง​ทำ​พันธ‍สัญญา​กับ​คน​อิส‍รา‍เอล เมื่อ​เขา​ทั้ง‌หลาย​ออก​มา​จาก​แผ่น‌ดิน​อี‍ยิปต์

     (There was nothing in the ark except the two tablets of stone that Moses put there at Horeb,   where the Lord made a covenant with the people of Israel, when they came out of the land of  Egypt.)

8:10 “และ​ต่อ​มา​เมื่อ​พวก​ปุ‍โร‍หิต​ออก​มา​จาก​วิสุทธิ‍สถาน เมฆ​ก็​เต็ม​พระ‌นิเวศ​ของ​พระ‌ยาห์‍เวห์”

      (And when the priests came out of the Holy Place, a cloud filled the house of the Lord, )

8:11 “จน​พวก​ปุ‍โร‍หิต​ไม่​อาจ​ยืน​ปรน‍นิบัติ​อยู่​ได้​เพราะ​เมฆ​นั้น เพราะ​พระ‌สิริ​ของ​พระ‌ยาห์‍เวห์​เต็ม​พระ‌นิเวศ​ของ​พระ‌ยาห์‍เวห์

       (so that the priests could not stand to minister because of the cloud, for the glory of the Lord  filled the house of the Lord. )

8:12 “แล้ว​ซา‍โล‍มอน​ตรัส​ว่า “พระ‌ยาห์‍เวห์​ตรัส​ว่า พระ‌องค์​จะ​ประ‍ทับ​ใน​ความ‌มืด​ทึบ”

       (Then Solomon said, “The Lord has said that he would dwell in thick darkness. )

8:13 “แท้‌จริงข้า‌พระ‌องค์​ได้​สร้าง​พระ‌นิเวศ​ที่​โอ่‍อ่า‌ตระ‍การ‌ตา​สำ‍หรับ​พระ‌องค์ เป็น​สถาน‌ที่​เพื่อ​พระ‌องค์​จะ​สถิต​อยู่​เป็น​นิตย์

       (I have indeed built you an exalted house, a place for you to dwell in forever.” )

8:14 “แล้ว​พระ‌ราชา​ทรง​หัน‌มา และ​ทรง​อวย‌พร​ชุม‍นุม‌ชน​อิส‍รา‍เอล​ทั้ง‌หมด ขณะ​ที่​ชุม‍นุม‌ชน​อิส‍รา‍เอล​ทั้ง‌หมด​ยืน​อยู่”

(Then the king turned around and blessed all the assembly of Israel, while all the assembly of Israel stood. )

8:15 “พระ‌องค์​ตรัส​ว่า “สาธุ‌การ​แด่​พระ‌ยาห์‍เวห์ พระ‌เจ้า​แห่ง​อิส‍รา‍เอล ผู้​ทรง​สัญ‍ญา​กับ​ดา‍วิด​พระ‌ราช‍บิดา​ของ​ข้าพ‍เจ้า​ด้วย​พระ‌โอษฐ์ และ​ทรง​ให้​สำ‍เร็จ​ด้วย​พระ‌หัตถ์ พระ‌องค์​ตรัส​ว่า

      (And he said, “Blessed be the Lord, the God of Israel, who with his hand has fulfilled what he  promised with his mouth to David my father, saying, )

8:16 ‘ตั้ง‌แต่​วัน​ที่​เรา​ได้​นำ​อิส‍รา‍เอล​ประ‍ชา‍กร​ของ​เรา​ออก​จาก​อี‍ยิปต์ เรา​ไม่‌ได้​เลือก​เมือง​ไหน​จาก​เผ่า​ใด​ใน​อิส‍รา‍เอล​เพื่อ​จะ​สร้าง​นิเวศ เพื่อ​นาม​ของ​เรา​จะ​อยู่​ที่‌นั่น แต่​เรา​ได้​เลือก​ดา‍วิด ให้​อยู่​เหนือ​อิส‍รา‍เอล​ประ‍ชา‍กร​ของ​เรา

       (“Since the day that I brought my people Israel out of Egypt, I chose no city out of all the tribes of Israel in which to build a house, that my name might be there. But I chose David to be over  my people Israel.” )

8:17 “ดา‍วิด​พระ‌ราช‍บิดา​ของ​ข้าพ‍เจ้า​จึง​ตั้ง​พระ‌ทัย​ที่​จะ​สร้าง​พระ‌นิเวศ สำ‍หรับ​พระ‌นาม​แห่ง​พระ‌ยาห์‍เวห์​พระ‌เจ้า​ของ​อิส‍รา‍เอล

       (Now it was in the heart of David my father to build a house for the name of the Lord, the God of Israel. )

8:18 “แต่​พระ‌ยาห์‍เวห์​ตรัส​กับ​ดา‍วิด​พระ‌ราช‍บิดา​ของ​ข้าพ‍เจ้า​ว่า ‘ที่​เจ้า​ตั้ง‌ใจ​สร้าง​นิเวศ​สำ‍หรับ​นาม​ของ​เรา​นั้น เจ้า​ก็​ทำ​ดี​อยู่​แล้ว ใน​เรื่อง​ความ‌ตั้ง‌ใจ​ของ​เจ้า

      (But the Lord said to David my father, “Whereas it was in your heart to build a house for my  name, you did well that it was in your heart. )

8:19 “อย่าง‌ไร​ก็​ตาม เจ้า​จะ​ไม่‌ได้​สร้าง​นิเวศ แต่​บุตร‌ชาย​ผู้​เกิด​จาก​เจ้า​จะ​สร้าง​นิเวศ​สำ‍หรับ​นาม​ของ​เรา’”

      (Nevertheless, you shall not build the house, but your son who shall be born to you shall build the  house for my name.”)

8:20 “บัด‌นี้​พระ‌ยาห์‍เวห์​ทรง​ให้​พระ‌สัญ‍ญา​ของ​พระ‌องค์​ที่​ตรัส​นั้น​สำ‍เร็จ เพราะ​ข้าพ‍เจ้า​ได้​ขึ้น​มา​แทน​ดา‍วิด​พระ‌ราช‍บิดา​ของ​ข้าพ‍เจ้า และ​นั่ง​อยู่​บน​บัล‍ลังก์​ของ​อิส‍รา‍เอล ดัง‌ที่​พระ‌ยาห์‍เวห์​ได้​ทรง​สัญ‍ญา​ไว้ และ​ข้าพ‍เจ้า​ได้​สร้าง​พระ‌นิเวศ​สำ‍หรับ​พระ‌นาม​ของ​พระ‌ยาห์‍เวห์ พระ‌เจ้า​แห่ง​อิส‍รา‍เอล

       (Now the Lord has fulfilled his promise that he made. For I have risen in the place of David my  father, and sit on the throne of Israel, as the Lord promised, and I have built the house for the  name of the Lord, the God of Israel. )

8:21 “ที่​นั่น​ข้าพ‍เจ้า​ได้​กำ‍หนด​ที่​วาง​หีบ และ​ภายใน​หีบ​บรรจุ​พันธ‍สัญญา​ที่​พระ‌ยาห์‍เวห์​ทรง​ทำ​กับ​บรรพ‍บุรุษ​ ของ​เราเมื่อ​ทรง​นำ​พวก‌เขา​ออก​จาก​แผ่น‌ดิน​อี‍ยิปต์

       (And there I have provided a place for the ark, in which is the covenant of the Lord that he made with our fathers, when he brought them out of the land of Egypt.” )

 ข้อมูลมีประโยชน์

 8:1       “พวกผู้ใหญ่…บรรดาหัวหน้าเผ่าต่าง ๆ คือพวกเจ้านาย…”  (the elders … all the heads of the tribes, the leaders…) –กดว.7:2

“นำหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์” (to bring up the ark of the covenant of the Lord)

= อัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระเจ้าเข้าสู่วิหาร

-ก่อนหน้านี้ ดาวิดนำหีบพันธสัญญามาจากบ้านของโอเบดเอโดม มาสู่กรุงเยรูซาเล็มแล้ว (2ซมอ.6)

“นครดาวิดคือศิโยน” (the city of David, which is Zion.) -2ซมอ.5:7

8:2       “การเลี้ยงในเดือนเอธานิม” (the feast in the month Ethanim) = เทศกาลของเดือนเอธานิม

= เป็นไปได้ว่า ซาโลมอนรอ 11 เดือน (6:38) เพื่อจะถวายพระวิหารในช่วงเทศกาลอยู่เพิง ซึ่งฉลองกันในเดือนที่ 7 (ลนต.23:34;ฉธบ.16:13-15)

“คือเดือนที่เจ็ด” (the seventh month) = น่าจะเป็นปีที่ 12 ของรัชกาลซาโลมอน

8:4       “เต็นท์นัดพบ” (            the tent of meeting,) = พลับพลาซึ่งเก็บรักษาไว้ที่กิเบโอน (3:4;1ซมอ.7:1;2พศด.5:4-5)

8:6       “ภายใต้ปีกของเครูบ” (  underneath the wings of the cherubim            ) -6:23-28

8:8       “เห็นปลายคานหามได้” (the ends of the poles were seen) = คานหามยังคงค้างอยู่ในห่วงทองคำของหีบพันธสัญญา  (อพย.25:15)

“ก็ยังอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้” (And they are there to this day.) = คำพูดของผู้เขียนดั้งเดิมที่พรรณนาถึงการถวายพระวิหารมากกว่าจะเป็นผู้รวบรวมพระธรรมพงศ์กษัตริย์ขั้นสุดท้าย (2พศด.5:9)

8:9       “ศิลาสองแผ่น” (the two tablets of stone) -อพย.25:16;40:20

“พระยาห์เวห์ทรงทำพันธสัญญา”  (Lord made a covenant) –อพย.24

8:10     “เมฆก็เต็มพระนิเวศน์ของพระยาห์เวห์” (a cloud filled the house of the Lord,) = เมฆปกคลุมทั่วพระวิหาร

= เป็นสัญลักษณ์ที่เห็นได้ชัดเจนว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่ในพระวิหารด้วย เหมือนที่ประทับอยู่ในพลับพลาที่ซีนาย (อพย.40:33-35; อสค.10:3-5,18-19;43:4-5)

8:12     “พระองค์ประทับในความมืดทึบ” (he would dwell in thick darkness) –อพย.19:9;24:15,18; 33:9-10;34:5;ลนต.16:2;ฉธบ.4:11;5:22;สดด.18:10-11

8:15     “ผู้ทรงสัญญา” (he promised) = ตามพระสัญญา -2ซมอ.7:5-16

8:16     “ไม่ได้เลือกเมืองไหน” ( I chose no city ) –ฉธบ.12:5

“นามของเรา” ( my name ) -3:2

8:21     “พันธสัญญาที่พระยาห์เวห์ทรงทำไว้กับบรรพบุรุษของเรา” (the covenant of the Lord that he made with our fathers,) = ศิลา 2 แผ่นที่บันทึกพระบัญญัติ 10 ประการ (อพย.25:16;ฮบ.9:4)

คำถามนำอภิปราย

  1.        ในชีวิตของคุณ คุณเคยเป็นผู้นำหรือผู้ทำภารกิจอะไรบ้างที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตของคุณ?  เรื่องอะไร?  อย่างไร?  และผลเป็นอย่างไร?
  2. คุณเคยเห็น “พวกผู้ชาย” ในคริสตจักรทำอะไรร่วมกันบ้างที่มี “ความหมาย” หรือ “มีคุณค่า” น่าประทับใจมากในความรู้สึกของคุณ?  อย่างไร และทำไม?
  3. มีเหตุการณ์ใดที่ตื่นตาตื่นใจคุณมากที่สุดในชีวิต?  ทำไม?  มีผลอะไรต่อจิตวิญญาณของคุณบ้าง?
  4. เคยมีหมายสำคัญอะไรบ้างที่ยืนยันว่า พระเจ้าอยู่ในคริสตจักรของคุณ?  คุณเคยสัมผัสกับพระสิริของ    พระเจ้าในคริสตจักรของคุณในเรื่องอะไรบ้าง?  (ที่ทำให้คุณยำเกรงพระเจ้ามากยิ่งขึ้น)
  5. คุณเคยคิดจะทำบางสิ่งบางอย่างที่คุณคิดว่าดี ถวายให้แก่พระเจ้า  แต่พระเจ้ากลับไม่อนุญาตให้คุณทำบ้างหรือไม่?  เรื่องอะไร?  คุณรู้สึกอย่างไร?  แล้วผลที่ตามมาคืออะไร?
  6. มี “ความบาป” อะไรบ้างในชีวิตของคุณที่ทำให้พระเจ้าไม่สามารถใช้คุณได้อย่างเต็มที่และ?  คุณพร้อมจะจัดการกับ “บาป” นั้นอย่างจริงจังหรือไม่? ทำไม?

โดย : ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทความแปล

จะหนีพ้นความตายและมีชีวิตนิรันดร์ได้อย่างไร

The biggest tree

พระเยซูตรัสกับเธอว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย …” (ยอห์น 11:25-26)

คุณอาจเคยได้ยินคำถามปริศนานี้ :  ใครเอ่ย  อายุยืนที่สุดเท่าที่มีมา แต่ก็ตายลงก่อนผู้เป็นบิดา?”

พอได้ยิน รู้สึกว่าเป็นคำถามที่ยากเอาการ ที่จริงมันไม่มีทางเป็นไปได้ ใครกันจะอายุยืนที่สุดที่เคยมีชีวิต แต่ต้องตายลงก่อนผู้เป็นบิดา?  ฟังดูไม่สมเหตุสมผล

แต่ถ้าคุณอ่านพระคัมภีร์ คุณก็รู้ว่าคนที่อายุยืนที่สุดที่เคยมีมาคือเมธูเสลาห์ ท่านมีอายุยืนยาวถึง 969 ปี แต่ที่พูดว่าตายลงก่อนผู้เป็นบิดาแปลว่าอะไร?

ครับ บิดาของเมธูเสลาห์คือเอโนค  พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า เอโนค ดำเนินกับพระเจ้า แล้วหายหน้าไป  เพราะพระเจ้าทรงรับเขาไป”  (ปฐมกาล 5:24)

เอโนคไม่เคยตาย … ชีวิตของท่านถูกบันทึกว่าดำเนินใกล้ชิดกับพระเจ้า แทนที่ต้องประสบกับความตายเหมือนคนอื่นๆ พระเจ้าทรงรับท่านไป

ผมไม่ได้กำลังบอกว่าถ้าคุณดำเนินอย่างใกล้ชิดกับพระเจ้า จะเกิดเหตุการณ์อย่างเดียวกันขึ้น แต่เอโนคเป็นแบบอย่างแห่งความสัตย์ซื่อ และบรรดาคนที่ดำเนินอย่างสัตย์ซื่อกับพระเจ้าจะไม่มีประสบการณ์ตายฝ่ายวิญญาณ แต่พระเจ้าจะรับขึ้นไปสู่ชีวิตนิรันดร์กับพระองค์  ดำเนินอย่างสัตย์ซื่อกับพระเจ้า พระองค์ทรงรับรองว่าคุณจะไม่มีวันเผชิญกับความตายฝ่ายวิญญาณเลย

รับเอาพระสัญญาแห่งชีวิตนิรันดร์ไว้ โดยการดำเนินอย่างสัตย์ซื่อกับพระเจ้า

 

อนุญาตโดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

Categories
บทความแปล

อย่าพยายามเร่งเก็บเกี่ยว

ต้นเซควอยายักษ์

“. . . จงดูชาวนารอคอยผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดิน เพียรคอยจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดู” (ยากอบ 5:7)

บางทีสิ่งที่มีค่าที่สุด ดูจะใช้เวลานานที่สุดกว่าจะมาถึงมือเรา

ต้นเซโควายักษ์ในคาลิฟฟอร์เนีย บางต้นสูงถึง 300 ฟุต สูงพอๆกับตึก 30 ชั้น แต่ทุกต้นก็เริ่มมาจากเมล็ดพืชเล็กที่สุดเมล็ดเดียวที่ค่อยๆงอกขึ้นมาจนเติบใหญ่ บางต้นมีอายุก่อนที่พระเยซูถือกำเนิดมาบนโลกนี้ด้วยซ้ำ ซึ่งนับว่าอายุยืนมาก

คุณอาจกล่าวว่าคุณจะเริ่มรับใช้พระเจ้า แล้วคุณก็เริ่มทำบางสิ่งเพื่อพระองค์ แต่เมื่อคุณเก็บเกี่ยวผลไม่ได้ในทันที คุณก็ท้อและเลิกล้มไป อย่าพยายามเร่งเก็บเกี่ยวผลนะครับ เพราะเมื่อถึงเวลา คุณจะได้ผลผลิตล้ำค่าคืนกลับมา

คุณได้แบ่งปันพระเยซูคริสต์กับผู้คนที่ยังไม่ได้รับความรอดหรือยัง?

อ่านอิสยาห์ 55:11 และโรม 10:13 เพื่อรับคำหนุนใจจากพระองค์  

โดย : Pastor Adrian Rogers

อนุญาตโดย : Love worth finding ministries: www.lwf.org

Categories
สารจากศบ.

สารจากศิษยาภิบาล

ImageHandler

13 ตุลาคม 2013

สวัสดีครับพี่น้อง CJ และแขก

ผมขอต้อนรับทุกท่านในนามของศิษยาภิบาล และทีมผู้อภิบาลด้วยความยินดี!

ขอทุกท่านนมัสการพระเจ้าด้วยใจที่ผ่อนคลาย วางทุกอย่างที่แบกมาลง และเข้าใกล้พระเจ้า พักสงบในพระองค์ และรับฟังพระวจนะของพระองค์ควบคู่ไปกับบทเพลงนมัสการ!

สิ่งที่ขอความร่วมมือจากทุกท่านคือ

  1. กรุณางดการสนทนาใด ๆ (ที่ไม่จำเป็น) ในระหว่างการนมัสการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างเทศนา (หากพบผู้ใดพูดคุยกันกรุณาสะกิดเตือนให้รู้ตัวด้วยนะครับ ขอขอบคุณอย่างยิ่ง)
  2. กรุณาปิดโทรศัพท์มือถือทุกชนิด = ขอให้หยุดการสื่อสารกับมนุษย์ในทุกรูปแบบเพื่อสื่อสารกับพระเจ้าและรับพลกำลังฝ่ายจิตวิญญาณและสติปัญญาในการดำเนินชีวิตจากพระองค์
  3. กรุณาให้กำลังใจแก่คนรอบตัวด้วยการยิ้มทักทายในตอนต้นและท้ายของการนมัสการ  หากเป็นไปได้ หลังเสร็จสิ้นรายการนมัสการขอให้จับคู่อธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกันกับผู้ใดสักคนหนึ่งหรือ 2-3 คน จะดีมากทีเดียว!
  4. 4.      กรุณาพาญาติมิตรที่สนใจไปร่วมงานประกาศประจำเทอมที่ BSC (ที่ร่วมมือระหว่าง Agape/BSC/CJ/นิมิตใหม่ ) ในศุกร์ที่ 18 ต.ค. นี้ เวลา 18.30 – 20.30 . ในรายการ Saranya Worship Concert”
  5. กรุณาเตรียมเวลาเข้าร่วมศึกษาพระคัมภีร์ที่ CJ ทุกวันพฤหัส เวลา 19.00 – 21.00 น. จะเป็นประโยชน์ต่อท่านอย่างมาก

 

และมีข่าวประกาศอื่น ๆ ดังนี้

  1. จะมีการรับบัพติศมาครั้งที่ 4 ของปีนี้ ในเดือนธันวาคม ผู้ใดประสงค์จะเข้าสู่พิธีนี้ แจ้งชื่อที่ครูเอ๋ โดยด่วน เพื่อรับการอบรม
  2. ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องของเรา ที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตรผู้นำฆราวาส (LLT) ในตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา!
  3. ขอพี่น้องที่ต้องการรับข่าวสารจากผมหรือรับคำหนุนใจ เข้า twitter ของผม thongchaibsc หรือเข้า Line ID ของผม เหมือน  twitter
  4. ขอพี่น้องเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของคริสตจักรตามที่คริสตจักรจัดไว้นะครับ
  5. ขออธิษฐานเผื่อรายการคริสตมาส CJ ในปีนี้ด้วย!

 

ขอพระเจ้าอวยพระพร

ด้วยรัก

(ธงชัย  ประดับชนานุรัตน์)

ศิษยาภิบาล

 

 

 

 

 

 

 

 

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

กฎแห่งการเรียนรู้ (The Learning Principle)

unteachable

“คนแต่ละคนที่เราพบปะ มีศักยภาพที่จะสอนเราในบางเรื่อง!”

(Each Person We Meet Has The Potential To Teach Us Something.)

 เราสามารถเรียนรู้บางสิ่งในสถานที่ที่ไม่น่าจะมีอะไรให้เรียนรู้ และจากคนที่ไม่น่าจะมีอะไรสอนเราได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ทุก ๆ คนมีบางสิ่งที่จะแบ่งปันหรือมีบางสิ่งที่จะสอนเราได้!

แต่เราต้องมีทัศนคติแห่งการเรียนรู้ เราจึงจะสามารถเรียนรู้จากคนอื่น ๆ ได้ คนในโลกนี้อาจตกอยู่ในประเภทใดประเภทหนึ่งต่อไปนี้

1.  ไม่มีใครสามารถสอนอะไรฉันได้เลย –ทัศนคติแบบยะโส  (No One can Teach Me Anything – Arrogant Attitude)

บางครั้งความหลงตนคิดว่าตัวเองรู้หมดแล้ว เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงของการเรียนรู้ คนที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่หรือมากมายอาจไม่ต้องการฟังคำแนะนำจากใครอีก ใจปิด สมองไม่เปิด ย่อมไม่รับฟังข้อเสนอหรือความคิดของผู้อื่น คนที่คิดเช่นนี้คือ คนที่ทำร้ายตัวเอง เพราะตามความจริงนั้นไม่มีใครแก่เกินเรียน หรือเก่งมาก ประสบความสำเร็จเยอะจนไม่ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อีกแล้ว สิ่งที่เข้ามาขวางบุคคลนั้นและความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาก็คือ ทัศนคติแย่ ๆ !

2.   คนบางคนสามารถสอนฉันได้ทุกสิ่ง – ทัศนคติแบบซื่อใส (Someone Can Teach Me Everything – Naive Attitude)

คนที่ตระหนักว่าเขามีพื้นที่สำหรับการเติบโต มักจะมองหาพี่เลี้ยง (หรือผู้สอน) ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่นับว่าเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาเกินไปที่คิดว่าเขาสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งที่เขาต้องการจากคนเพียงแค่คนเดียว แท้จริงแล้ว คนเราไม่ได้ต้องการพี่เลี้ยงแค่คนเดียว เขาต้องการพี่เลี้ยง(ครูสอน)หลาย ๆ คน เพื่อเขาจะได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้มากมายและหลากหลาย ผมเองก็เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากคนจำนวนมากที่สอนผมในแต่ละเรื่อง!

3.  ทุก ๆ คนสามารถสอนบางสิ่งให้แก่ฉัน – ทัศนคติแบบรับคำสอนได้  (Everyone Can Teach Me Something-Teachable Attitude)

– คนที่เรียนรู้มากที่สุดไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ใช้เวลากับคนที่ฉลาดที่สุด แต่พวกเขาต้องเป็นคนที่มีทัศนคติในการรับการสอน เขาคือคนที่ตระหนักว่า  ทุก ๆ คนมีบางสิ่งที่จะแบ่งปัน อาทิ บทเรียนที่ได้เรียนรู้ สิ่งที่สังเกตเห็น และ ประสบการณ์ที่เขาได้รับมาในชีวิต

– ขอให้เราเพียงแค่เต็มใจฟังสิ่งเหล่านั้นจากกันและกัน!

บ่อยครั้งที่คนอื่นสอนเราในสิ่งที่พวกเขาเองไม่ได้ตั้งใจ (และบางทีตัวเราเองก็สอนคนอื่นโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน)

มีเพียงเวลาเดียวเท่านั้นที่คนอื่นไม่อาจสอนเราได้ นั่นคือ ในยามที่เราไม่เต็มใจที่จะเรียนรู้!

แล้วเราจะเรียนรู้จากคนอื่นได้อย่างไร?

ถ้าคุณมีทัศนคติที่พร้อมรับคำสอนหรือคุณเต็มใจยอมรับคำสอนคุณก็จะเรียนรู้จากคนอื่นได้

ต่อไปนี้คือขั้นตอนในการเรียนรู้จากผู้อื่น

   1.        เราต้องให้ใจของเราร้อนรนในการเรียนรู้

   2.        เราต้องให้คุณค่าในตัวของบุคคลอื่น

   3.        เราต้องใช้เวลาพัฒนาความสัมพันธ์กับคนที่มีศักยภาพในการช่วยเราให้เติบโต

# “ความสัมพันธ์ช่วยเราให้กำหนดได้ว่า เราจะเป็นคนแบบไหน และเราจะกลายเป็นอะไร?” (Relationships help us define who we are and what we become.)

4.        เราต้องให้ค้นหาเอกลักษณ์และจุดแข็งของคนอื่น ๆ

# “ฉันไม่เคยพบบุคคลใดที่ไม่เหนือกว่าฉันในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ”   -ราลฟ วัลโด อีเมอร์สัน-

เราควรเรียนรู้จากทุกคน แต่ในขณะเดียวกันเราก็ควรหาทางพบปะกับบางคนที่เรายอมรับนับถือเป็นพิเศษและเรียนรู้จากเขาเหล่านั้น

    5.        เราต้องรู้จักถามคำถาม

วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้คือ การเฝ้าสังเกตและถามคำถาม เราควรเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกวัน โดยรู้จักเลือกใช้คำถาม และคนที่รู้จักใช้คำถามอย่างถูกต้องเหมาะสมมักจะเรียนรู้ได้มากที่สุด ปกติการเรียนรู้จะเริ่มต้นจากการฟัง และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง!

# “การเปลี่ยนแปลงมักเป็นเป้าหมายของการเรียนรู้อยู่เสมอ คุณไม่อาจเจริญเติบโตโดยปราศจากการเปลี่ยนแปลง!”

สรุป      

 ขอให้ตระหนักเสมอว่า เราสามารถเรียนรู้บทเรียนจากกันและกันได้เสมอ เพียงแต่ขอให้เราเปิดหู เปิดตา เปิดใจและรู้จักเปิดปากถามคำถามที่สมควรถาม แล้วการเปลี่ยนแปลงที่ดีซึ่งควบคู่กับความเจริญวัฒนาจะเป็นผลที่เกิดขึ้นตามมาในชีวิตของเรา!

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

Categories
บทความแปล

สัตย์ซื่อ และ สัตย์จริง

วิวรณ์

แล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นสวรรค์เปิดออก และ ดูเถิด มีม้าขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า ‘สัตย์ซื่อและสัตย์จริง’ พระองค์พิพากษาและทรงกระทำสงครามด้วยความเป็นธรรม (วิวรณ์ 19:11)

 ในสายตาของผู้ไม่เชื่อ พระเจ้าไม่เคยยุติธรรมในสิ่งที่พระองค์ทำ เมื่อมนุษย์ต้องทนทุกข์เพราะผลจากโอหังต่อพระคุณ หรือละเมิดพระบัญญัติ พวกเขาก็จะโทษพระเจ้าว่าไม่เป็นธรรม ความจริงคือพระเจ้าทรงยุติธรรมครบถ้วน ทรงสัตย์ซื่อและสัตย์จริง เมื่อพูดถึงพระเยซู ท่านยอห์นกล่าวว่าแล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นสวรรค์เปิดออก และ ดูเถิด มีม้าขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า ‘สัตย์ซื่อและสัตย์จริง’ พระองค์พิพากษาและทรงกระทำสงครามด้วยความเป็นธรรม (วิวรณ์ 19:11)

ในทางตรงข้าม มารนั้นไม่สัตย์ซื่อและเป็นจอมโกหก พระเยซูตรัสถึงพวกมันว่า “…มันเป็นผู้ฆ่าคนตั้งแต่ปฐมกาล และมิได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสาและเป็นพ่อของการมุสา” (ยอห์น 8:44)

สิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าเมื่อเดินกับพระองค์ได้สักระยะ พระองค์ทรงรักษาพระสัญญา – พระสัญญาทั้งหมด – ตัวอย่างเช่น พระองค์สัญญาว่าจะไม่ละ หรือทอดทิ้งเราเลย (ดูฮีบรู 13:5) พระองค์สัญญาจะมอบสันติสุขของพระองค์ให้แก่เรา (ดูยอห์น 14:27) พระองค์สัญญาว่าจะเสด็จกลับมาอีกครั้ง : “เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย” (ยอห์น 14:3)

เพื่อให้พระสัญญาของพระองค์เป็นจริง พระเยซูจะเสด็จกลับมาและพิพากษาโลกนี้ และโลกจะนี้ได้รับผลเต็มที่ของมัน การพิพากษาของพระองค์ไม่ได้เป็นไปตามอำเภอใจหรือไร้ความยุติธรรม บางคนอาจถามว่า พระเจ้าแห่งความรักจะนำการพิพากษามาได้อย่างไร?  แต่พระเจ้าแห่งความรักจะ “ไม่” นำการพิพากษามาได้อย่างไรครับ? พระองค์ตรัสเอาไว้แล้วว่ามีบทลงโทษสำหรับความบาป แต่พระองค์ได้ทรงประทานโอกาสมากมายให้เราได้เข้ามาเชื่อแล้วนะครับ

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514