คำอธิษฐานของซาโลมอน
พระธรรม 1พงศ์กษัตริย์ 8:22-66
อ้างอิง 2พศด.2:6;6:12-39;ยชว.21:44-45;1พกษ.2:4;ฉธบ.12:10-11
บทนำ พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อต่อพันธสัญญาที่ให้ไว้แก่มนุษย์ที่เชื่อฟังพระองค์เสมอ ปัญหาคือ เรามักจะไม่ซื่อตรงต่อคำสัญญาที่เราให้ไว้กับพระเจ้า ทำให้บางครั้งเราอาจได้รับคำสาปแช่งแทนการรับพระพรจากพระองค์
บทเรียน
8:22 “แล้วซาโลมอนทรงยืนอยู่หน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ต่อหน้าชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด และกางพระหัตถ์ของพระองค์ออกสู่ฟ้าสวรรค์”
(Then Solomon stood before the altar of the Lord in the presence of all the assembly of Israel and spread out his hands toward heaven, )
8:23 “และทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนเหมือนพระองค์ในฟ้าสวรรค์เบื้องบนหรือที่แผ่นดินเบื้องล่างผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและสำแดงความรักมั่นคงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ผู้ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยสุดใจ”
(and said, “O Lord, God of Israel, there is no God like you, in heaven above or on earth beneath, keeping covenant and showing steadfast love to your servants who walk before you with all their heart, )
8:24 “พระองค์ทรงรักษาพระสัญญาที่ทรงให้ไว้กับดาวิดพระราชบิดาของ ข้าพระองค์ ผู้รับใช้ของพระองค์ และพระองค์ทรงทำให้พระสัญญาด้วยพระโอษฐ์นั้นสำเร็จด้วย พระหัตถ์ในวันนี้”
(who have kept with your servant David my father what you declared to him. You spoke with your mouth, and with your hand have fulfilled it this day. )
8:25 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะฉะนั้นขอทรงรักษาพระสัญญาที่ให้ไว้กับผู้รับใช้ของ พระองค์ คือให้กับดาวิด พระราชบิดาของข้าพระองค์ โดยตรัสว่า ‘ถ้าเพียงแต่ลูกหลานของเจ้าจะรักษาทางของเขาที่จะดำเนินไปต่อหน้าเราอย่างที่เจ้าได้ดำเนินต่อหน้าเรานั้น เจ้าจะไม่ขาดทายาทที่จะนั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอลต่อหน้าเรา’
(Now therefore, O Lord, God of Israel, keep for your servant David my father what you have promised him, saying, “You shall not lack a man to sit before me on the throne of Israel, if only your sons pay close attention to their way, to walk before me as you have walked before me.” )
8:26 “เพราะฉะนั้น ข้าแต่พระเจ้าแห่งอิสราเอล ขอให้พระสัญญาที่พระองค์ได้ตรัสกับผู้รับใช้ของพระองค์ คือดาวิด พระราชบิดาของข้าพระองค์เป็นจริง”
(Now therefore, O God of Israel, let your word be confirmed, which you have spoken to your servant David my father. )
8:27“แต่แท้จริงพระเจ้าจะประทับบนแผ่นดินโลกหรือ? ดูสิ ฟ้าสวรรค์และฟ้าสวรรค์อันสูงสุดยังรับพระองค์อยู่ไม่ได้แล้วพระนิเวศนี้ซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างขึ้นจะรับพระองค์ได้อย่างไร?”
(“But will God indeed dwell on the earth? Behold, heaven and the highest heaven cannot contain you; how much less this house that I have built! )
8:28 “แต่ขอพระองค์สนพระทัยในคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และในคำวิงวอนของเขา ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องและคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์ อธิษฐานต่อพระองค์ในวันนี้”
(Yet have regard to the prayer of your servant and to his plea, O Lord my God, listening to the cry and to the prayer that your servant prays before you this day, )
8:29 “เพื่อพระเนตรของพระองค์จะทรงเฝ้าดูพระนิเวศนี้ทั้งวันและคืน คือสถานที่ซึ่งพระองค์ตรัสว่า ‘นามของเราจะอยู่ที่นั่น’ เพื่อพระองค์จะทรงสดับคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์จะอธิษฐานต่อสถานที่นี้”
(that your eyes may be open night and day toward this house, the place of which you have said, “My name shall be there,” that you may listen to the prayer that your servant offers toward this place. )
8:30 “และขอพระองค์ทรงสดับคำวิงวอนของผู้รับใช้ของ พระองค์ และของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อเขาทั้งหลายอธิษฐานต่อสถานที่นี้ ขอพระองค์เองทรงสดับจากสถานที่ประทับของพระองค์คือจากฟ้า สวรรค์และเมื่อทรงสดับแล้ว ก็ขอทรงอภัย”
(And listen to the plea of your servant and of your people Israel, when they pray toward this place. And listen in heaven your dwelling place, and when you hear, forgive. )
8:31“เมื่อชายใดทำบาปต่อเพื่อนบ้านของเขา และถูกบังคับให้สาบาน และเขามาสาบานต่อหน้าแท่นบูชาของพระองค์ในพระนิเวศนี้”
(“If a man sins against his neighbor and is made to take an oath and comes and swears his oath before your altar in this house, )
8:32 “ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และขอทรงกระทำ และขอทรงพิพากษาเหล่าผู้รับใช้ของพระองค์ โดยลงโทษผู้ทำผิด และให้การกระทำของเขาตกบนศีรษะของเขา และตัดสินว่าผู้ชอบธรรมนั้นบริสุทธิ์ โดยให้กับเขาตามความชอบธรรมของเขา”
(then hear in heaven and act and judge your servants, condemning the guilty by bringing his conduct on his own head, and vindicating the righteous by rewarding him according to his righteousness. )
8:33 “เมื่ออิสราเอลประชากรของพระองค์พ่ายแพ้ศัตรู เพราะได้ทำบาปต่อพระองค์ แล้วพวกเขาหันกลับมาหาพระองค์ และยอมรับพระนามของพระองค์ อธิษฐานและขอพระเมตตาต่อพระองค์ในพระนิเวศนี้”
(“When your people Israel are defeated before the enemy because they have sinned against you, and if they turn again to you and acknowledge your name and pray and plead with you in this house,)
8:34 “ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และทรงอภัยบาปของอิสราเอลประชากรของพระองค์ และขอทรงนำพวกเขากลับมายังแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย”
(then hear in heaven and forgive the sin of your people Israel and bring them again to the land that you gave to their fathers. )
8:35 “เมื่อฟ้าสวรรค์ปิดอยู่และไม่มีฝน เพราะเขาทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์ แล้วพวกเขาได้อธิษฐานต่อสถานที่นี้ และยอมรับพระนามของพระองค์ และหันกลับจากบาปของเขา เนื่องจากพระองค์ทรงลงโทษพวกเขา”
(“When heaven is shut up and there is no rain because they have sinned against you, if they pray toward this place and acknowledge your name and turn from their sin, when you afflict them, )
8:36 “ก็ขอทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และทรงอภัยบาปของอิสราเอลซึ่งเป็นผู้รับใช้และประชากรของพระองค์ แล้วขอทรงสอนทางดีที่ควรจะดำเนินแก่พวกเขา และขอประทานฝนตกบนแผ่นดินของพระองค์ ซึ่งพระองค์ประทานให้เป็นมรดกแก่ประชากรของพระองค์”
(then hear in heaven and forgive the sin of your servants, your people Israel, when you teach them the good way in which they should walk, and grant rain upon your land, which you have given to your people as an inheritance. )
8:37“ถ้ามีการกันดารอาหารในแผ่นดินถ้ามีโรคระบาด ถ้ามีข้าวลีบข้าวขึ้นรา หรือภัยจากตั๊กแตนปาทังก้า และตั๊กแตนตัวอ่อน หรือถ้าศัตรูล้อมเมืองใดๆ ของเขาในแผ่นดิน หรือมีภัยพิบัติใดหรือเกิดความเจ็บไข้ใดก็ดี”
( “If there is famine in the land, if there is pestilence or blight or mildew or locust or caterpillar, if their enemy besieges them in the land at their gates, whatever plague, whatever sickness there is,)
8:38 “แล้วหากคนหนึ่งคนใด หรืออิสราเอลประชากรทั้งหมดของพระองค์ได้สำนึกในใจของเขาเรื่องภัยพิบัติ จะอธิษฐานหรือวิงวอนประการใด โดยกางมือของเขาสู่พระนิเวศนี้”
(whatever prayer, whatever plea is made by any man or by all your people Israel, each knowing the affliction of his own heart and stretching out his hands toward this house, )
8:39 “ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอทรงอภัย และทรงกระทำการ และประทานแก่แต่ละคนตามการประพฤติทั้งสิ้นของเขา ซึ่งพระองค์ทรงทราบจิตใจ (เพราะพระองค์เท่านั้นทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน)”
(then hear in heaven your dwelling place and forgive and act and render to each whose heart you know, according to all his ways (for you, you only, know the hearts of all the children of mankind),
8:40 “เพื่อเขาทั้งหลายจะได้ยำเกรงพระองค์ ตลอดวันเวลาที่มีชีวิตบนแผ่นดินซึ่งพระองค์ประทานแก่บรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์
(that they may fear you all the days that they live in the land that you gave to our fathers. )
8:41“ยิ่งกว่านั้นอีกเกี่ยวกับคนต่างด้าวผู้ซึ่งไม่ใช่อิสราเอลประชากรของพระองค์ แต่มาจากแดนไกลเนื่องจากพระนามของพระองค์”
(“Likewise, when a foreigner, who is not of your people Israel, comes from a far country for your name’s sake )
8:42 “(เพราะ เขาทั้งหลายจะได้ยินถึงพระนามยิ่งใหญ่ และถึงพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และถึงพระกรที่เหยียดออกของ พระองค์) เมื่อเขามาอธิษฐานต่อพระนิเวศนี้”
((for they shall hear of your great name and your mighty hand, and of your outstretched arm), when he comes and prays toward this house, )
8:43 “ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอทรงทำตามทุกสิ่ง ซึ่งคนต่างด้าวได้ทูลขอพระองค์ เพื่อชนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลกจะรู้จักพระนามของพระองค์ และยำเกรงพระองค์ เหมือนอย่างอิสราเอลประชากรของพระองค์ และเพื่อเขาทั้งหลายจะทราบว่า เขาเรียกพระนิเวศนี้ ซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างไว้ด้วยพระนามของพระองค์”
(hear in heaven your dwelling place and do according to all for which the foreigner calls to you, in order that all the peoples of the earth may know your name and fear you, as do your people Israel, and that they may know that this house that I have built is called by your name. )
8:44“ถ้าประชากรของพระองค์ออกไปต่อสู้กับศัตรู โดยทางใดๆที่พระองค์ทรงใช้พวกเขาออกไปก็ตามและเขาทั้งหลายได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ ตรงไปยังเมืองซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรไว้ และตรงไปยังพระนิเวศที่ข้าพระองค์ได้สร้างเพื่อพระนามของ พระองค์แล้ว”
(“If your people go out to battle against their enemy, by whatever way you shall send them, and they pray to the Lord toward the city that you have chosen and the house that I have built for your name, )
8:45 “ก็ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐาน และคำวิงวอนของพวกเขาในฟ้าสวรรค์ และขอประทานความยุติธรรมแก่พวกเขา
(then hear in heaven their prayer and their plea, and maintain their cause. )
8:46 “ถ้าเขาทั้งหลายทำบาปต่อพระองค์ (เพราะไม่มีมนุษย์คนใดไม่ได้ทำบาป) และพระองค์กริ้วพวกเขา และทรงมอบเขาไว้กับศัตรู ผู้จับเขาไปเป็นเชลยยังแผ่นดินของศัตรูนั้น ไม่ว่าไกลหรือใกล้”
(“If they sin against you—for there is no one who does not sin—and you are angry with them and give them to an enemy, so that they are carried away captive to the land of the enemy, far off or near,)
8:47 “แต่ถ้าเขาสำนึกผิดในแผ่นดินที่เขาถูกจับไปเป็นเชลย และได้กลับใจแล้วได้วิงวอนต่อพระองค์ในแผ่นดินของผู้จับเขาไปเป็นเชลยทูลว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาป และได้ประพฤติชั่วร้ายและได้ทำการอธรรม’”
(yet if they turn their heart in the land to which they have been carried captive, and repent and plead with you in the land of their captors, saying, “We have sinned and have acted perversely and wickedly,”)
8:48 “ถ้าเขาทั้งหลายกลับมาหาพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ ในแผ่นดินแห่งศัตรูผู้จับเขาไปเป็นเชลย และอธิษฐานต่อพระองค์ตรงไปยังแผ่นดินซึ่งพระองค์ประทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย คือเมืองซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรไว้ และพระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้ สร้างไว้เพื่อพระนามของพระองค์แล้ว”
(if they repent with all their mind and with all their heart in the land of their enemies, who carried them captive, and pray to you toward their land, which you gave to their fathers, the city that you have chosen, and the house that I have built for your name, )
8:49 “ก็ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานและคำวิงวอนของพวกเขาในฟ้าสวรรค์อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอประทานความยุติธรรมแก่พวกเขา”
(then hear in heaven your dwelling place their prayer and their plea, and maintain their cause )
8:50 “และขอทรงอภัยประชากรของพระองค์ผู้ทำบาปต่อพระองค์และทรงอภัยต่อการทรยศที่เขาทั้งหลายได้ทำต่อพระองค์ และขอให้ พวกเขาได้รับความกรุณาจากผู้ที่จับเขาไปเป็นเชลย เพื่อศัตรูจะเมตตาเขาทั้งหลาย”
(and forgive your people who have sinned against you, and all their transgressions that they have committed against you, and grant them compassion in the sight of those who carried them captive, that they may have compassion on them )
8:51 “(เพราะพวกเขาเป็นประชากรของพระองค์และเป็นมรดกของพระองค์ ซึ่งทรงนำออกมาจากอียิปต์ จากท่ามกลางเตาเหล็ก)”
((for they are your people, and your heritage, which you brought out of Egypt, from the midst of the iron furnace).
8:52 “ขอลืมพระเนตรของพระองค์อยู่ต่อคำวิงวอนของผู้รับใช้ของ พระองค์ และต่อคำวิงวอนของอิสราเอลประชากรของพระองค์ ขอทรงฟังเมื่อเขาทั้งหลายร้องต่อพระองค์”
(Let your eyes be open to the plea of your servant and to the plea of your people Israel, giving ear to them whenever they call to you. )
8:53 “เพราะพระองค์ทรงแยกพวกเขาจากท่ามกลางชนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลก ให้เป็นมรดกของพระองค์ตามซึ่งพระองค์ตรัสทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย เมื่อพระองค์ทรงนำบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายออกจากอียิปต์”
(For you separated them from among all the peoples of the earth to be your heritage, as you declared through Moses your servant, when you brought our fathers out of Egypt, O Lord God.” )
8:54 “เมื่อซาโลมอนทรงจบคำอธิษฐาน และคำวิงวอนทั้งสิ้นนี้ต่อพระยาห์เวห์แล้ว ก็ทรงลุกขึ้นจากหน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ที่ที่ทรงคุกเข่าพร้อมกับกางพระหัตถ์สู่ฟ้าสวรรค์”
(Now as Solomon finished offering all this prayer and plea to the Lord, he arose from before the altar of the Lord, where he had knelt with hands outstretched toward heaven. )
8:55 “และพระองค์ทรงยืน และทรงอวยพรแก่ชุมนุมชนอิสราเอลด้วยเสียงดังว่า”
(And he stood and blessed all the assembly of Israel with a loud voice, saying,)
8:56 “สาธุการ แด่พระยาห์เวห์ ผู้ประทานการหยุดพักแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้ทุกประการพระสัญญาอันดีทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งทรงสัญญาทางโมเสสผู้ รับใช้ของพระองค์นั้นไม่ล้มเหลวสักคำเดียว”
(“Blessed be the Lord who has given rest to his people Israel, according to all that he promised.Not one word has failed of all his good promise, which he spoke by Moses his servant. )
8:57 “ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งหลายสถิตกับพวกเรา เหมือนอย่างที่ได้สถิตกับบรรพบุรุษของเรา ขออย่าทรงละเราหรือทอดทิ้งเราเลย”
(The Lord our God be with us, as he was with our fathers. May he not leave us or forsake us, )
8:58 “แต่ขอทรงโน้มจิตใจของพวกเราให้มาหาพระองค์ เพื่อดำเนินในทางทั้งสิ้นของพระองค์ และรักษาพระบัญญัติกฎเกณฑ์ และกฎหมายของพระองค์ ซึ่งทรงบัญญัติไว้แก่บรรพบุรุษของเรา”
(that he may incline our hearts to him, to walk in all his ways and to keep his commandments, his statutes, and his rules, which he commanded our fathers. )
8:59 “ขอให้ถ้อยคำเหล่านี้ ที่ข้าพเจ้าได้วิงวอนเฉพาะพระยาห์เวห์ อยู่ใกล้พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งวันและคืนและขอให้ความยุติธรรมแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์ ตามความต้องการในแต่ละวัน”
(Let these words of mine, with which I have pleaded before the Lord, be near to the Lord our God day and night, and may he maintain the cause of his servant and the cause of his people Israel, as each day requires, )
8:60 “เพื่อชนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระยาห์เวห์นั้นทรงเป็นพระเจ้า ไม่มีพระอื่นเลย”
(that all the peoples of the earth may know that the Lord is God; there is no other. )
8::61 “เพราะ ฉะนั้นขอให้จิตใจของท่านทั้งหลายภักดีต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเรา คือดำเนินอยู่ในกฎเกณฑ์ของพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ดังในวันนี้”
(Let your heart therefore be wholly true to the Lord our God, walking in his statutes and keeping his commandments, as at this day.” )
8:62 “แล้วพระราชาและคนอิสราเอลทั้งสิ้นที่อยู่กับพระองค์ ได้ถวายเครื่องสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์”
(Then the king, and all Israel with him, offered sacrifice before the Lord. )
8:63 “และ ซาโลมอนได้ถวายสัตว์ต่อไปนี้ เป็นเครื่องศานติบูชาแด่พระยาห์เวห์ คือวัว 22,000 ตัว และแกะ 120,000 ตัว พระราชา และคนอิสราเอลทั้งสิ้น จึงอุทิศถวายพระนิเวศของพระยาห์เวห์”
(Solomon offered as peace offerings to the Lord 22,000 oxen and 120,000 sheep. So the king and all the people of Israel dedicated the house of the Lord. )
8:64 “ในวันเดียวกันนั้น พระราชาทรงทำพิธีชำระส่วนกลางของลาน ซึ่งอยู่หน้าพระนิเวศของพระยาห์เวห์เพราะว่าพระองค์ทรงใช้ที่นั่นถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว ธัญบูชา และไขมันของศานติบูชา เพราะว่าแท่นทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์นั้น เล็กเกินกว่าจะรับเครื่องบูชาเผาทั้งตัว ธัญบูชา และไขมันของศานติบูชาได้”
(The same day the king consecrated the middle of the court that was before the house of the Lord, for there he offered the burnt offering and the grain offering and the fat pieces of the peace offerings, because the bronze altar that was before the Lord was too small to receive the burnt offering and the grain offering and the fat pieces of the peace offerings. )
8:65 “ซาโลมอน จึงทรงฉลองเทศกาลเลี้ยงในเวลานั้น พร้อมกับอิสราเอลทั้งสิ้น เป็นการชุมนุมใหญ่ เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ทั้งเจ็ดวันและต่ออีกเจ็ดวัน รวมสิบสี่วัน มีคนมาตั้งแต่ทางเข้าเมืองฮามัทจนถึงลำธารอียิปต์”
(So Solomon held the feast at that time, and all Israel with him, a great assembly, from Lebo-hamath to the Brook of Egypt, before the Lord our God, seven days. )
8:66“ในวันที่แปดพระองค์ทรงให้ประชาชนกลับ เขาทั้งหลายก็ถวายพระพรแด่พระราชาและกลับไปยังเต็นท์ของตนด้วยจิตใจชื่นบาน และยินดีเนื่องด้วยความดีทั้งสิ้น ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์และแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์”
(On the eighth day he sent the people away, and they blessed the king and went to their homes joyful and glad of heart for all the goodness that the Lord had shown to David his servant and to Israel his people. )
ข้อมูลมีประโยชน์
8:22 “กางพระหัตถ์ของพระองค์ออกสู่ฟ้าสวรรค์”( spread out his hands toward heaven) = ชูพระหัตถ์ขึ้นฟ้าสวรรค์เพื่ออธิษฐาน –อพย.9:29
8:23 “ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนเหมือนพระองค์” (no God like you) = พระเจ้ากระทำการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่และควบคุมเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้สำเร็จตามพระสัญญาของพระองค์ แบบไม่มีพระอื่นใดกระทำ –อพย.15:11;ฉธบ. 4:39;7:9;สดด.86:8-10
“ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและสำแดงความรักมั่นคง” (keeping covenant and showing steadfast love)
= ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาแห่งความรัก – ฉธบ.7:9;12;นหม.1:5;9:32;ดนล.9:4
“ผู้ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยสุดใจ”(who walk before you with all their heart,) – อพย.20:6
8:24 “ทรงรักษาพระสัญญา” (who have kept) = รักษาคำมั่นสัญญา –ข.15;2ซมอ.7:5-16
8:25 “ถ้าเพียงแต่ลูกหลานของเจ้าจะรักษาทางของเขาที่จะดำเนินไปต่อหน้าเรา” (if only your sons pay close attention to their way, to walk before me as you have walked before me)-9:4-9;2พศด.7:17-22;1พกษ.2:4
8:27 “แล้วพระนิเวศนี้…จะรับพระองค์ได้อย่างไร?” (how much less this house that I have built!) = จะยิ่งเล็กน้อยกว่านั้นสักเท่าใด
= พระเจ้าไม่มีวันถูกจองจำหรือถูกจำกัดโดยสิ่งก่อสร้างใด ๆ ทั้งปวง –ยรม.7:4-14;มคา.3:11
8:29 “เพื่อพระเนตรของพระองค์จะทรงเฝ้าดู” (that your eyes may be open) –1พกษ.8:52;2พกษ.19:16;2พศด.7:15;นหม.1:6;สดด.5:1;31:2;102:17;130:2;อสย.37:17
“นามของเราจะอยู่ที่นั่น” (“My name shall be there,”) –ฉธบ.11:12;12:11;2:ซมอ.7:13
8:30 “อธิษฐานต่อสถานที่นี้” (pray toward this place) = อธิษฐานวิงวอนตรงต่อที่แห่งนี้
= เวลาที่คนอิสราเอลไม่สามารถอธิษฐานในพระวิหารได้ เขาจะต้องอธิษฐานตรงต่อสถานที่พระเจ้าปฏิญาณว่าจะอยู่ท่ามกลางชนชาติของพระองค์ –ดนล.6:10
8:31 “ถูกบังคับให้สาบาน” (is made to take an oath) = ต้องสาบานเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัย (อพย.22:10-12) หรือถือกล่าวหาว่าล่วงประเวณี (กดว. 5:11-31) เมื่อมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ข้อกล่าวหาได้ ผู้ต้องหาต้องสาบานความบริสุทธิ์ของตนที่พระวิหาร การสาบานนั้นประกอบด้วยคำอวยพรและคำสาปแช่ง
-ถือว่าเป็นวิธีการพิจารณาความบริสุทธิ์หรือความผิดคำสาบานจะปรากฏผลในชีวิตของบุคคลนั้น ไม่ว่าจะเป็นคำอวยพรหรือคำสาปแช่ง หรือด้วยการเปิดเผยของพระเจ้าโดยตรงผ่านทางอูริม และทูมมิม (อพย.28:29-30;ลนต.8:8;กดว.27:21)
8:32 “ทรงสดับในฟ้าสวรรค์” (hear in heaven) –ซาโลมอนมองว่าการสาบานเช่นนี้เป็นการร้องทูลขอให้พระเจ้าจัดการ ไม่ใช่การกระทำที่จะส่งผลแบบอัตโนมัติได้ด้วยเวทมนตร์
8:33 “พ่ายแพ้ศัตรูเพราะได้ทำบาปต่อพระองค์” (defeated before the enemy because they have sinned against you,) = ทำบาปต่อพระเจ้าและถูกศัตรูพิชิต –ฉธบ.28:25 –ระบุว่า การพ่ายแพ้ศัตรูนั้น ถือเป็นคำสาปแช่งอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นกับอิสราเอล หากพวกเขาไม่เชื่อฟังพันธสัญญา
-คำอธิษฐานของซาโลมอนสะท้อนว่า พวกเขารู้อยู่แล้วว่า เงื่อนไขของพันธสัญญาของพระเจ้าที่กำหนดไว้คืออะไร และรู้ดีแล้วว่า การไม่เชื่อฟังจะต้องรับผลอะไร
8:34 “นำพวกเขากลับมายังแผ่นดิน” (bring them again to the land) = กล่าวถึงเชลยที่ถูกกวาดต้อนไปในสงคราม
8:35 “ไม่มีฝน”(no rain)= ความแห้งแล้ง ซึ่งเป็นคำสาปอีกข้อหนึ่งในพันธสัญญาตามที่ระบุไว้ใน ฉธบ.28:22-24
8:36 “ทางดีที่ควรจะดำเนิน” (the good way in which they should walk) = หนทางดำเนินชีวิตที่ถูกต้องที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของพันธสัญญา – ฉธบ.6:18;12:25;13:18;1ซมอ.12:23
8:37 “การกันดารอาหาร” (famine ) –ฉธบ.32:24 ; “โรคระบาด” (pestilence) –ฉธบ.28:21-22;32:24
“ตั๊กแตนปาทังก้า และตั๊กแตนตัวอ่อน” (caterpillar) = ตั๊กแตนที่บุกมาทำลาย –ฉธบ.28:38,42
“ศัตรูล้อมเมืองใด ๆ” (enemy besieges them in the land at their gates) –ฉธบ.28:52
“ภัยพิบัติใด” (whatever plague) –ฉธบ.28:61;31:29;32:23-25
8:38 “ได้สำนึกในใจของเขา” (knowing the affliction of his own heart) = แต่ละคนย่อมรู้ถึงความทุกข์ใจ ของตนดี = สำนึกผิดในความบาปของตนต่อพระเจ้า มีท่าทีของการกลับใจและปรารถนาการอภัยโทษและพระคุณของ
พระเจ้า – 2พศด.6:29;สดด.38:17-18;ยรม.17:9
8:39 “ประทานแก่แต่ละคนตามการประพฤติทั้งสิ้นของเขา” (render to each whose heart you know, according to all his ways) = จัดการกับแต่ละคนตามการกระทำของเขา
= ไม่ควรมองว่า เป็นการเรียกร้องให้แก้แค้นคนที่ทำผิด (เพราะการให้อภัยและการแก้แค้นล้วนขึ้นอยู่กับพระเจ้) แต่ = ความปรารถนาให้พระเจ้าสั่งสอนโดยพระปัญญาของพระองค์ เพื่อจะแก้ไขประชาชนและสอนแนวทางของพันธสัญญาแก่พวกเขา (ข.40;สภษ.3:11;ฮบ.12:5-15)
8:40 “ยำเกรงพระองค์” (fear you) =ให้เกียรติพระเจ้าและรับใช้พระองค์ด้วยความเชื่อฟัง (ปฐก.20:11;สภษ.1:7; ฉธบ.5:29;6:1-2;8:6;31:13;2พศด.6:31;สดด.130:4)
8:41 “คนต่างด้าวผู้ซึ่งไม่ใช่อิสราเอลประชากรของพระองค์” ( a foreigner, who is not of your people Israel)
= ผู้ซึ่งเดินทางจากต่างแดนมาเพื่ออธิษฐานต่อพระเจ้าของอิสราเอลที่พระวิหาร ซึ่งแตกต่างจากคนต่างชาติที่อาศัยอยู่กับชาวอิสราเอล
8:42 “เขาทั้งหลายจะได้ยิน”(they shall hear) =ผู้คนจะได้ยิน –ดู 9:9(ประเทศอื่นๆ โดยทั่วไป);10:1(ราชินีแห่งเบชา); ยชว.2:9-11 (ราหับ) ; 1ซมอ.4:6-8 (ฟิลิสเตีย)
“พระนามยิ่งใหญ่…พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และพระกรที่เหยียดออก” (your great name and your mighty hand, and of your outstretched arm) = ฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่แทรกแซงในประวัติศาสตร์ชนชาติของพระองค์ (ฉธบ.4:34;5:15;7:19;11:2;26:8)
8:44 “ถ้าประชากรของพระองค์ออกไปต่อสู้กับศัตรูโดยทางใด ๆ “ (If your people go out to battle against their enemy, by whatever way) = ออกรบตามคำสั่งของพระเจ้า
ตัวอย่างใน ลนต.26:7;ฉธบ.20;21:10;1ซมอ.15:3;23:2,4;30:8;2ซมอ.5:19,24
“ตรงไปยังเมืองซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรไว้” (toward the city that you have chosen) –ข.30
8:46 “(เพราะไม่มีมนุษย์คนใดไม่ได้ทำบาป)” (no one who does not sin) = “เพราะมีใครบ้างไม่ทำบาปเลย”
= ทุกคนทำบาป (สดด.14:1;ปฐก.6:5;8:21;รม.3:10-23)
“ศัตรูจับเขาไปเป็นเชลยยังแผ่นดินของศัตรูนั้น” (so that they are carried away captive to the land of the enemy) =ศัตรู…นำเขาไปเป็นเชลยในต่างแดน –ลนต.26:33-45;ฉธบ.28:64-68;30:1-5
= ซาโลมอนรู้ว่า การไม่เชื่อฟังพระเจ้าอย่างดื้อดึงจะเป็นเหตุทำให้พวกประชาชนถูกเนรเทศจากดินแดนพระสัญญา
8:51 “จากท่ามกลางเตาเหล็ก” (from the midst of the iron furnace) = เตาหลอมเหล็ก –ฉธบ.4:20
8:53 “พระองค์ทรงแยกพวกเขาจากท่ามกลางชนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลกให้เป็นมรดกของพระองค์”
(you separated them from among all the peoples of the earth to be your heritage) = ซาโลมอนเริ่มต้น
อธิษฐานโดยอ้างถึงพันธสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับดาวิด (ข.23-30) และลงท้ายด้วยการอ้างถึงพันธสัญญาซีนาย (อพย.19:5;ลนต.20:24,26;ฉธบ.7:6;32:9)
8:54 “คุกเข่า” (had knelt) –ข.22;2พศด.6:13;2ซมอ.7:18;ลก.22:41;อฟ.3:14
8:56 “สาธุการแด่พระยาห์เวห์” (Blessed be the Lord) = สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
-ซาโลมอนเชื่อว่า วันแห่งประวัติศาสตร์นี้เป็นพยานถึงความซื่อสัตย์ของพระองค์ตามพันธสัญญา
“การหยุดพักแก่อิสราเอล” (has given rest to his people Israel,) = หลังจากพิชิตคานาอันภายใต้การนำของโยชูวาแล้ว พระเจ้าประทานช่วงเวลาหยุดพักจากศัตรูให้แก่ชนชาติอิสราเอล (ยชว.11:23;21;44:22:4)
-แม้จะยังมีดินแดนอีกมากที่ต้องยึดครอง (ยชว.13:1;วนฉ.1) และชัยชนะในสงครามต่าง ๆ ของดาวิดส่งผลให้การหยุดพักนี้สมบูรณ์และยั่งยืน (2ซมอ.7:1;1พกษ.5:14)
“ตามที่ทรงสัญญาไว้ทุกประการ” (according to all that he promised) -ฉธบ.12:9-10
“พระสัญญาอันดีทั้งสิ้น” (all his good promise) = คำมั่นสัญญาล้ำเลิศ –ยชว.21:44-45;21:45
8:58 “โน้มจิตใจของพวกเราให้มาหาพระองค์” (incline our hearts to him,) = ซาโลมอนทูลขอให้พระเจ้าทำ
พระราชกิจแห่งพระคุณในชนชาติของพระองค์ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญา –ฉธบ.30:6;สดด.51:10;ฟป.2:13
8:59 “ผู้รับใช้ของพระองค์” ( his servant) = กษัตริย์ซึ่งอยู่ในฐานะเป็นผู้ที่พระเจ้าเจิมตั้งเป็นตัวแทนการปกครองของพระเจ้าในโลกนี้ เหนือชนชาติของพระองค์ (สดด.2:2,7)
8:60 “เพื่อชนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่า”(that all the peoples of the earth may know that)–สดด.46:10
8:63 “เครื่องศานติบูชา” (peace offerings ) = รวมถึงการรับประทานอาหารร่วมกันด้วย (1ซมอ.11:15)
“วัว 22,000 ตัว และแกะ 120,000 ตัว”=มีคนจำนวนมากเข้าร่วมพิธีถวายพระวิหารซึ่งกินเวลา 14 วัน(ข.1-2,65)
8:65 “เมืองฮามัทจนถึงลำธารอียิปต์” (hamath to the Brook of Egypt,) = “เลโบฮามัท” (อสค.47:15)
“ลำน้ำแห่งอียิปต์” (the Brook of Egypt) อาจ = ลำน้ำเอลฮาริช (ปฐก.15:18)
คนทั้งอาณาจักรเดินทางมากรุงแยรูซาเล็มเพื่อร่วมถวายพระวิหาร (14:21)
“เจ็ดวันและต่ออีก 4 วัน รวมสิบสี่วัน” (seven days ) = จะเป็นดุจการเฉลิมฉลองการถวายพระวิหาร 7 วัน จากนั้นต่อด้วยการฉลองในการเทศกาลอยู่เพิงอีก 7 วัน (ข.2) ฉลองตั้งแต่ 15-21 ของเดือนที่ 7 ในพงศาวดาร ระบุว่า การฉลองนั้นจบลงด้วยการประชุมครั้งสุดท้ายในวันรุ่งขึ้น ตามที่กำหนดไว้ใน ลนต.23:33-36 –จากนั้นวันที่ 23 ทุกคนจะเดินทางกลับบ้าน (2พศด.7:8-10)
คำถามนำอภิปราย
1. คุณเป็นพยานได้หรือไม่ว่า พระเจ้าทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่คุณและครอบครัวอย่างไรบ้างนับตั้งแต่ที่คุณ (และครอบครัว) เชื่อพระองค์? อย่างไร?
2. มีอะไรบ้างที่คุณยืนยันได้ว่า พระเจ้าทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์ที่ให้ไว้กับผู้เชื่อตามที่ปรากฏอยู่ใน พระคัมภีร์? ในเรื่องอะไร และอย่างไร?
3. คุณเคยมีประสบการณ์กับการตอบคำอธิษฐานของพระเจ้าในชีวิตของคุณตามคำวิงวอนของคุณบ้างหรือไม่? อย่างไร?
4.คุณเคยเห็นคนที่เชื่อพระเจ้าทำผิดแล้วถูกพระเจ้าพิพากษาลงโทษบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไรและอย่างไร?
5. คุณเคยเห็นคนที่ทำผิดบาปได้รับการตีสอนและกลับใจใหม่ แล้วได้รับความเมตตาของพระเจ้าอีกครั้งบ้างหรือไม่? อย่างไร?
- หากวันนี้คุณจะทูลขอการอภัยโทษบาปจากพระเจ้าเพื่อคนบางคน คุณจะทูลขอเพื่อใคร? ในเรื่องอะไร? ทำไม?
- คุณเคยเห็นผู้ใดเป็นแบบอย่างแห่งความถ่อมใจต่อพระเจ้าที่เป็นตัวอย่างที่คุณปรารถนาที่จะเจริญรอยตามบ้าง? ในเรื่องอะไร และอย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์