Categories
บทความแปล

มุมมองของสายตา

falling leaf

แต่ข้าพเจ้ามิได้ถือว่า ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าและประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ  ซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้น (กิจการ 20:24)

ไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสได้สนทนาอย่างเป็นกันเองกับบิลลี่ เกรแฮมเกี่ยวกับเรื่องสวรรค์ ผมไปเป็นวิทยากรณ์ที่ศูนย์ฝึกอบรมบิลลี่ เกรแฮมที่โคฟว์ บ่ายวันหนึ่งขณะทานข้าวเที่ยงด้วยกัน ท่านถามว่าผมจะพูดเรื่องอะไร ผมตอบไปว่าจะพูดเกี่ยวกับเรื่องสวรรค์

ท่านพูดว่า “เล่าให้ฟังหน่อยว่าคุณจะพูดว่าอย่างไร”

ผมจึงสรุปสิ่งที่ผมจะพูดให้ท่านฟัง ซึ่งเป็นสิ่งที่พระวจนสอนไว้ ดูราวกับท่านไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ท่านฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ  ทั้งผมและท่านมีบางสิ่งที่เหมือนกัน – เราทั้งคู่มีคนที่เรารักอยู่ในสวรรค์ ภรรยาของท่าน รูธ อยู่ในสวรรค์ และคริสโตเฟอร์ลูกชายของผมก็อยู่ในสวรรค์ เมื่อคนที่คุณรักอยู่ในสวรรค์ คุณก็รู้สึกผูกพันกับที่นั่น คุณคิดถึงสวรรค์อย่างที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน คุณเห็นความเปราะบางของชีวิต และนิรันดร์กาลเป็นสิ่งที่สำคัญจนเหมือนจับต้องได้

ในหนังสือของท่าน “ใกล้ถึงบ้าน” บิลลี่ เกรแฮม เขียนถึงวัยชรา : “ตลอดชีวิตผมถูกสอนมาว่าจะตายแบบคริสเตียนอย่างไร แต่ไม่เคยมีใครสอนว่าจะอยู่อย่างไรก่อนเวลานั้นจะมาถึง น่าจะมีใครสอนผม เพราะตอนนี้ผมเป็นชายชราแล้ว เชื่อเถอะว่า มันไม่ง่ายเลย”

เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเข้าใจว่าเวลาของเราอยู่ในพระหัตถ์พระเจ้า ชีวิตเราเป็นของประทานจากพระเจ้า พระองค์เป็นผู้ตัดสินว่าเวลาของเราควรเริ่มเมื่อไร พระองค์ตัดสินว่าควรหยุดเมื่อไร และนี่คือเหตุที่ อ.เปาโลกล่าวว่า “แต่ข้าพเจ้ามิได้ถือว่า ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าและประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า …” (กิจการ 20:24)

ชีวิตคุณเป็นของประทานจากพระเจ้า คุณมีชีวิตเพื่อถวายพระสิริแด่พระองค์หรือเปล่า?

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

1 และ 2 พงศ์กษัตริย์ (บทเรียนที่ 13)

อย่ารุ่งแล้วเหลิง!

 พระธรรม        1พงศ์กษัตริย์ 9:1-28

อ้างอิง                2พศด.7:11-22;1พกษ.3:5,14,14:8;15:5;2พกษ.19:20;20:5;22:17;1ซมอ.9:16;2ซมอ.7:2

บทนำ                 พระเจ้าทรงอวยพรซาโลมอนและอิสราเอล แต่ก็ทรงเตือนพวกเขาให้ระลึกถึงพันธสัญญาที่มีต่อพระองค์ นั่นคือ หากพวกเขาเชื่อฟังและปฏิบัติตามพระวจนะของพระองค์ พวกเขาจะได้รับพร แต่หากว่าพวกเขาไม่เชื่อฟัง ไม่ติดตามพระองค์ เมื่อนั้นสิ่งที่พวกเขาจะได้รับคือ คำแช่งสาบ!

บทเรียน

9:1 “ต่อ​มา​เมื่อ​ซาโลมอน​ทรง​สร้าง​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์​และ​ พระราชวัง​ของ​กษัตริย์ รวม​ทั้ง​ทุก​สิ่ง​ที่​ซาโลมอน​ มี​พระประสงค์​จะ​สร้าง​นั้น​สำเร็จ​ แล้ว

    (As soon as Solomon had finished building the house of the Lord and the king’s house and all that  Solomon desired to build, )

9:2 “พระยาห์เวห์​ทรง​ปรากฏ​แก่​ซาโลมอน​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง เหมือนอย่าง​ที่​ทรง​ปรากฏ​แก่​ท่าน​ที่​เมือง​กิเบโอน

    (the Lord appeared to Solomon a second time, as he had appeared to him at Gibeon. )

9:3 “และ​พระยาห์เวห์​ตรัส​กับ​ท่าน​ว่า “เรา​ได้​ยิน​คำ​อธิษฐาน​และ​คำ​วิงวอน​ของ​เจ้า ซึ่ง​เจ้า​ได้​อ้อนวอน​เรา​นั้น​แล้ว เรา​ได้​ทำ​นิเวศ​นี้​ซึ่ง​เจ้า​ได้​สร้าง​ไว้​ให้​บริสุทธิ์ และ​ได้​ใส่​นาม​ของ​เรา​ไว้​ที่นั่น​เป็น​นิตย์ ตา​ของ​เรา​และ​ใจ​ของ​เรา​จะ​อยู่​ที่‌นั่น​ตลอด​ไป

     (And the Lord said to him, “I have heard your prayer and your plea, which you have made before me. I have consecrated this house that you have built, by putting my name there forever. My eyes  and my heart will be there for all time.)

9:4 “และ​ส่วน​เจ้า ถ้า​เจ้า​ดำเนิน​ต่อ​หน้า​เรา​เหมือนอย่าง​ดาวิด​บิดา​ของ​เจ้า​ดำเนิน ด้วย​ใจ​ซื่อสัตย์ และ​ด้วย​ความ​ เที่ยงธรรม และ​ทำ​ทุก​อย่าง​ตาม​ที่​เรา​ได้​บัญชา​เจ้า​ไว้ อีก​ทั้ง​รักษา​กฎเกณฑ์​และ​กฎหมาย​ของ​เรา

     (And as for you, if you will walk before me, as David your father walked, with integrity of heart and  uprightness, doing according to all that I have commanded you, and keeping my statutes and my  rules,)

9:5 “แล้ว​เรา​จะ​สถาปนา​ราชบัลลังก์​ของ​เจ้า​เหนือ​อิสราเอล​เป็น​นิตย์ ดังที่​เรา​ได้​กล่าว​กับ​ดาวิด​บิดา​ของ​เจ้า​ว่า ‘เจ้า​จะ​ไม่​ขาด​ทายาท​ที่​จะ​นั่ง​บน​บัลลังก์​แห่ง​อิสราเอล’”

     (then I will establish your royal throne over Israel forever, as I promised David your father, saying,  “You shall not lack a man on the throne of Israel.” )

9:6 “แต่​ถ้า​เจ้า​ทั้งหลาย​หรือ​ลูก​หลาน​หัน​ไป​จาก​การ​ติดตาม​เรา และ​ไม่ได้​รักษา​บัญญัติ​และ​กฎเกณฑ์​ของ​เรา ซึ่ง​เรา​ได้​ตั้ง​ไว้​ต่อ​หน้า​พวกเจ้า แต่​ไป​ปรนนิบัติ​พระอื่นๆ และ​นมัสการ​พระ​เหล่านั้น

    (But if you turn aside from following me, you or your children, and do not keep my commandments  and my statutes that I have set before you, but go and serve other gods and worship them, )

9:7 “แล้ว​เรา​จะ​ตัด​อิสราเอล​ออก​เสีย​จาก​แผ่นดิน​ซึ่ง​เรา​ได้​ให้​แก่​ พวกเขา และ​เรา​จะ​เหวี่ยง​นิเวศ​ซึ่ง​เรา​ทำ​ให้​บริสุทธิ์​เพื่อ​นาม​ของ​เรา​ไป ​จาก​สายตา​ของ​เรา และ​อิสราเอล​จะ​เป็น​คำ​เปรียบ​เปรย และ​เป็น​ขี้ปาก​ใน​หมู่​ชนชาติ​ทั้ง‌หลาย

   (then I will cut off Israel from the land that I have given them, and the house that I have  consecrated for my name I will cast out of my sight, and Israel will become a proverb and a byword  among all peoples. )

9:8 “และ​นิเวศ​นี้​จะ​กลาย​เป็น​กอง​สิ่ง​ปรัก​หัก​พัง ทุก​คน​ที่​ผ่าน​ไป​จะ​ประหลาด​ใจ และ​จะ​เยาะเย้ย​และ​กล่าว​ว่า ‘ทำไม​พระยาห์เวห์​จึง​ทรง​ทำ​เช่นนี้​แก่​แผ่นดิน​นี้​และ​พระนิเวศ​ นี้?’”

    (And this house will become a heap of ruins. Everyone passing by it will be astonished and will  hiss, and they will say, “Why has the Lord done thus to this land and to this house?” )

9:9 “แล้ว​พวกเขา​จะ​ตอบ​ว่า ‘เพราะ​เขา​ทั้งหลาย​ละทิ้ง​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​เขา ผู้​ทรง​นำ​บรรพบุรุษ​ของ​เขา​ออก​จาก​แผ่นดิน​อียิปต์ และ​ไป​ยึด​ถือ​พระอื่น อีก​ทั้ง​นมัสการ​และ​ปรนนิบัติ​พระ​เหล่านั้น เพราะ​ฉะนั้น พระยาห์เวห์​ทรง​นำ​เหตุร้าย​ทั้งหมด​นี้​มา​เหนือ​เขา​ทั้งหลาย’”

    (Then they will say, “Because they abandoned the Lord their God who brought their fathers out of the land of Egypt and laid hold on other gods and worshiped them and served them. Therefore the  Lord has brought all this disaster on them.” )

9:10 “ต่อ​มา​เมื่อ​สิ้น​ยี่สิบ​ปี ที่​ซาโลมอน​ได้​ทรง​สร้าง​อาคาร​สอง​หลัง คือ​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เวห์ และ​พระราชวัง​ของ​กษัตริย์”

    (At the end of twenty years, in which Solomon had built the two houses, the house of the Lord and  the king’s house, )

9:11 “แล้ว​พระราชา​ซาโลมอน​ก็​ประทาน​เมือง 20 เมือง​ใน​แผ่นดิน​กาลิลี​แก่​ฮีราม​กษัตริย์​แห่ง​ไทระ เพราะ​ฮีราม​ได้​ส่ง​ไม้สน​สีดาร์ ไม้สน​สาม​ใบ​และ​ทองคำ​ให้​แก่​ซาโลมอน ตาม​ที่​พระองค์​มี​พระประสงค์

        (and Hiram king of Tyre had supplied Solomon with cedar and cypress timber and gold, as  much as he desired, King Solomon gave to Hiram twenty cities in the land of Galilee. )

9:12 “แต่​เมื่อ​ฮีราม​เสด็จ​จาก​เมือง​ไทระ​เพื่อ​ชม​เมือง​ที่​ซาโลมอน​ประทาน ​แก่​ท่าน เมือง​เหล่านั้น​ไม่​เป็น​ที่​พอพระทัย​ท่าน

      (But when Hiram came from Tyre to see the cities that Solomon had given him, they did not  please him. )

9:13 “เพราะ​ฉะนั้น​ท่าน​จึง​ว่า “น้อง​เอ๋ย เมือง​ที่​ท่าน​ให้​เรา​นั้น​เป็น​เมือง​อะไร​อย่างนี้?” ท่าน​จึง​เรียก​เมือง​เหล่า​นั้น​ว่าแผ่นดิน​คาบูล​จน​ทุก​วันนี้

      (Therefore he said, “What kind of cities are these that you have given me, my brother?” So they are called the land of Cabul to this day. )

9:14 “ฮีราม​ได้​ส่ง​ทองคำ​หนัก​สี่​ตัน​แก่​พระราชา

      (Hiram had sent to the king 120 talents of gold. )

9:15 “นี่​เป็น​เรื่อง​แรงงาน​เกณฑ์ ซึ่ง​พระราชา​ซาโลมอน​ได้​เกณฑ์​ให้​มา​สร้าง​พระนิเวศ​ของ​พระยาห์เว ห์ พระราชวัง​ของ​พระองค์ ป้อม​มิลโล กำแพง​กรุง​เยรูซาเล็ม เมือง​ฮาโซร์ เมือง​เมกิดโด เมือง​เกเซอร์

       (And this is the account of the forced labor that King Solomon drafted to build the house of the  Lord and his own house and the Millo and the wall of Jerusalem and Hazor and Megiddo and  Gezer )

9:16 “ฟาโรห์​กษัตริย์​อียิปต์​ได้​ทรง​ยก​ทัพ​ขึ้น​มา ยึด​เมือง​เกเซอร์​และ​เอา​ไฟ​เผา​เสีย อีก​ทั้ง​ได้​ฆ่า​คน​คานาอัน​ซึ่ง​อยู่​ใน​เมือง​นั้น และ​ได้​ยก​เมือง​นั้น​ให้​เป็น​ของขวัญ​แก่​พระธิดา​ของ​ท่าน ซึ่ง​เป็น​พระมเหสี​ของ​ซาโลมอน

      (Pharaoh king of Egypt had gone up and captured Gezer and burned it with fire, and had killed the Canaanites who lived in the city, and had given it as dowry to his daughter, Solomon’s wife; )

9:17 “ซาโลมอน​ทรง​สร้าง​เมือง​เกเซอร์​ขึ้น​ใหม่ และ​สร้าง​เมือง​เบธโฮโรน​ตอน​ล่าง

      (so Solomon rebuilt Gezer) and Lower Beth-horon )

9:18 “ทั้ง​เมือง​บาอาลัท​และ​เมือง​ทามาร์​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร ใน​แผ่นดิน​นั้น

       (and Baalath and Tamar in the wilderness, in the land of Judah, )

9:19 “ทั้ง​บรรดา​เมือง​คลัง​หลวง​ที่​ซาโลมอน​มี​อยู่ และ​เมือง​ทั้งหลาย​สำหรับ​รถรบ​ของ​พระองค์ และ​เมือง​ทั้งหลาย​สำ‍หรับ​ทหารม้า​ของ​พระองค์ และ​สิ่ง​ใดๆ ซึ่ง​ซาโลมอน​มี​พระประสงค์​จะ​สร้าง​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม ใน​เลบานอน และ​ทั่ว​แผ่นดิน​อยู่​ใน​อาณาจักร​ของ​พระองค์

       (and all the store cities that Solomon had, and the cities for his chariots, and the cities for his horsemen, and whatever Solomon desired to build in Jerusalem, in Lebanon, and in all the land of his dominion. )

9:20 “ประชาชน​ทั้งหมด​ที่​เหลือ​อยู่​และ​ไม่​ใช่​คน​อิสราเอล​ได้แก่ คน​อาโมไรต์ คน​ฮิตไทต์ คน​เปริสซี คน​ฮีไวต์ และ​คน​เยบุส

       (All the people who were left of the Amorites, the Hittites, the Perizzites, the Hivites, and the  Jebusites, who were not of the people of Israel)

9:21 “ลูก​หลาน​ของ​พวกเขา​ที่​เหลือ​อยู่​ใน​แผ่นดิน ซึ่ง​คน​อิสราเอล​ไม่​สามารถ​จะ​ทำลาย​ให้​สิ้น​ได้ ซาโลมอน​ก็​ทรง​เกณฑ์​ให้​เป็น​ทาส​แรงงาน​อยู่​จน​ทุก​วันนี้

(their descendants who were left after them in the land, whom the people of Israel were unable to devote to destruction—these Solomon drafted to be slaves, and so they are to this day. )

9:22 “แต่​คน​อิสราเอล​นั้น ซาโลมอน​ไม่ได้​ทรง​ทำ​ให้​เป็น​ทาส เพราะ​เขา​ทั้งหลาย​เป็น​ทหาร เป็น​ข้า​ราชการ เป็น​ผู้​บัง‌คับ​บัญชา เป็น​นายทหาร เป็น​ผู้​บังคับ​การ​รถรบ และ​เป็น​ทหารม้า​ของ​พระองค์

        (But of the people of Israel Solomon made no slaves. They were the soldiers, they were his  officials, his commanders, his captains, his chariot commanders and his horsemen. )

9:23 “เหล่านี้​เป็น​ข้าราชการ​ผู้ใหญ่​เหนือ​พระราชกิจ​ของ​ซาโลมอน จำนวน 550 คน พวกเขา​เป็น​ผู้ดูแล​ประชาชน​ที่​ทำงาน

        (These were the chief officers who were over Solomon’s work: 550 who had charge of the people who carried on the work. )

9:24 “แต่​พระธิดา​ของ​ฟาโรห์​ได้​เสด็จ​ขึ้น​จาก​นคร​ดาวิด มา​ยัง​พระตำหนัก​ของ​พระนาง​ซึ่ง​ซาโลมอน​ทรง​สร้าง​ถวาย แล้ว​พระราชา​จึง​สร้าง​ป้อม​มิลโล

    (But Pharaoh’s daughter went up from the city of David to her own house that Solomon had built  for her. Then he built the Millo. )

9:25 “ปี​ละ​สาม​ครั้งซาโลมอน​ทรง​ถวาย​เครื่อง​บูชา​เผา​ทั้ง​ตัว และ​เครื่อง​ศานติบูชา​บน​แท่น​บูชาซึ่ง​ทรง​สร้าง​ถวาย​พระยาห์เวห์ อีก​ทั้ง​ทรง​เผา​เครื่อง​หอม​เฉพาะ​พระพักตร์​พระยาห์เวห์ ดังนั้น​พระองค์​จึง​สร้าง​พระนิเวศ​จน​สำเร็จ

      (Three times a year Solomon used to offer up burnt offerings and peace offerings on the altar that  he built to the Lord, making offerings with it before the Lord. So he finished the house.)

9:26 “พระราชา​ซาโลมอน​ทรง​สร้าง​กอง​เรือ​ที่​เมือง​เอซีโอนเกเบอร์ ซึ่ง​อยู่​ใกล้​เมือง​เอโลท​บน​ฝั่ง​ทะเลแดง ใน​แผ่นดิน​เอโดม

       (King Solomon built a fleet of ships at Ezion-geber, which is near Eloth on the shore of the Red  Sea, in the land of Edom. )

9:27 “และ​ฮีราม​ได้​ส่ง​ข้า​ราชการ​และ​พลเรือ​ผู้​คุ้นเคย​กับ​ทะเล ไป​กับ​กอง​เรือ​พร้อม​กับ​ข้า​ราชการ​ของ​ซาโลมอน

       (And Hiram sent with the fleet his servants, seamen who were familiar with the sea, together with  the servants of Solomon.)

9:28 “เขา​ทั้งหลาย​ไป​ถึง​เมือง​โอฟีร์ และ​นำ​ทองคำ​จาก​ที่นั่น​จำนวน 14,000 กิโลกรัม มา​ถวาย​พระราชา​ซาโลมอน

       (And they went to Ophir and brought from there gold, 420 talents, and they brought it to King  Solomon. )

ข้อมูลมีประโยชน์

9:1       “…เมื่อซาโลมอนทรงสร้างพระนิเวศ…สำเร็จแล้ว” (…Solomon had finished building the house of the Lord)

= อย่างเร็วที่สุดก็จะเป็นปีที่ 24 (4+7+13 = 24) ในรัชกาลของซาโลมอน คือปี 946 B (6:1,37-38;7:1;9:10)

9:2       “เหมือนอย่างที่ปรากฏแก่ท่านที่เมืองกิเบโอน” (as he had appeared to him at Gibeon)  -3:4-15

9:3       “ได้ใส่นามของเราไว้ที่นั่นเป็นนิตย์” (putting my name there forever.) = สถาปนานามของพระเจ้า  -3:2:8:16

“ตาของเราและใจของเราจะอยู่ที่นั่นตลอดไป” (My eyes and my heart will be there for all time.) –8:29

9:4-5    “…ถ้าเจ้าดำเนินต่อหน้าเรา…ด้วยใจซื่อสัตย์ และด้วยความเที่ยงธรรม…”  (if you will walk before me… with integrity of heart and uprightness)  -–8:25;2:4

= พระเจ้าย้ำความสำคัญของการเชื่อฟังตามพันธสัญญาเพื่อจะได้รับการอวยพรจากพระเจ้า แทนการสาปแช่ง

“แล้วเราจะสถาปนาราชบัลลังก์ของเจ้าเหนืออิสราเอลเป็นนิตย์” ( I will establish your royal throne over Israel forever ) = สิ่งจำเป็นที่พระเจ้าต้องย้ำเตือนเพราะอาณาจักรซาโลมอนรุ่งเรือง มีอิทธิพล และมั่งคั่งเพิ่มขึ้น ทำให้ท่านมีแนวโน้มที่จะลืมหรือละเมิดพันธสัญญาที่ท่านมีกับพระเจ้า

–ฉธบ.8:12-14,17;31:20;32:15

9:6       “แต่ถ้าเจ้าทั้งหลายนหรือลูกหลานหันไปจากการติดตามเรา…แต่ไปปรนนิบัติพระอื่นๆ และนมัสการพระเหล่านั้น” (But if you turn aside from following me… but go and serve other gods and worship them) -11:4-8

9:7       “และอิสราเอลจะเป็นคำเปรียบเปรยและเป็นขี้ปากในหมู่ชนชาติทั้งหลาย” (Israel will become a proverb and a byword among all peoples.) = คำสาปแช่งตามพันธสัญญาใน ฉธบ.28:37

9:9       “เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงนำเหตุร้ายทั้งหมดนี้มาเหนือเขาทั้งหลาย” (Therefore the Lord has brought all this disaster on them.”) –ฉธบ.29:22-28;ยรม.22:8-30

9:11     “แล้วพระราชาซาโลมอนก็ประทานเมือง 20 เมืองในแผ่นดินกาลิลีแก่ฮีราม กษัตริย์แห่งไทระ” (King Solomon gave to Hiram twenty cities in the land of Galilee.)-เมื่อเปรียบเทียบระหว่างข้อ10-14  และ 5:1-12 จะเห็นว่า ในระหว่างโครงการก่อสร้าง 20 ปี ซาโลมอนเป็นหนี้ฮีรามมากกว่าที่คาดไว้ในข้อตกลงตอนแรก (5:9) ซึ่งเป็นค่าจ้างแรงงาน (5:6) และค้าไม้ (5:10-11) และจากข้อ 11,14 เห็นว่านอกจากไม้และแรงงานแล้ว ซาโลมอนยังได้ทองคำจำนวนมากจากฮีราม ดูเหมือนว่า ซาโลมอนจะมอบเมือง 20 เมืองบริเวณพรมแดนฟินิเซีย-กาลิลีเป็นตัวค้ำประกันการจ่ายทองคำ

ใน 2พศ.8:1-2 บ่งชี้ภายหลังเมือ ซาโลมอนมีทองคำสำรองเพิ่มขึ้น อาจเป็นช่วงหลังจากมีการเดินทางไปโอฟีร์ (1พกษ.9:26-28;10:11)  หรือหลังจากการมาเยือนของราชินีแห่งเชบา(10:1-13) ซาโลมอนก็จ่ายหนี้คืนให้ฮีรามและรับเมืองทั้ง 20 แห่งซึ่งเป็นหลักประกันกลับไป

9:13     “น้องเอ๋ย” (my brother) = สรรพนามที่ใช้ในการฑูตระหว่างประเทศบ่งบอกถึงความสัมพันธ์แบบพันธมิตรระหว่างผู้ที่เท่าเทียมกัน (20:32)

9:15     “นี่เป็นเรื่องแรงงานเกณฑ์” ( labor that King Solomon drafted) = แรงงานทาสแบบถาวรไม่ใช่พวกชาวอิสราเอลที่ถูกเกณฑ์แบบชั่วคราวใน 5:13-16

“ป้อมมิลโล” (the Millo) = ซาโลมอนอาจขยายเมืองเยรูซาเล็มไปทางเทือกเขาด้านเหนือของกรุง (2ซมอ.5:9)

“เมืองฮาโซร์” (Hazor) –การก่อสร้างที่ฮาโซร์ เมกิดโด และเกเซอร์ เป็นการเสริมความแข็งแกร่งของเมืองเก่าแก่เหล่านี้ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ

“ฮาโซร์” เป็นป้อมปราการที่สำคัญที่สุดในแถบกาลิลีตอนเหนือ ซึ่งคุมเส้นทางการค้าจากแม่น้ำยูเฟรติส สู่อียิปต์

          “เมกิดโด” –เป็นป้อมปราการบนเส้นทางการค้าที่สำคัญเชื่อมเหนือ-ใต้ โดยควบคุมทางผ่านภูเขาคารเมล จากที่ราบยิสเรเอล สู่ที่ราบชายฝั่งทะเลชาโรน –เกเซอร์ -3:1

9:16     “ฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์” (Pharaoh king of Egypt) -3:1

“ฆ่าคนคานาอันที่อยู่ในเมืองนั้น” (had killed the Canaanites who lived in the city,) = แม้โยชูวาจะสังหารกษัตริย์ของเกเซอร์ในขณะที่มีชัยเหนือดินแดนนั้น (ยชว.10:33;12:12) แต่เผ่าเอฟราอิมก็ยังไม่สามารถขับไล่ผู้อาศัยในนั้นออกไปได้ (ยชว.16:10;วนฉ.1:29)

9:17     “เมืองเบธโฮโรนตอนล่าง” (Lower Beth-horon) = ตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็มไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 14.5 กม. เป็นทางเข้าสู่ที่ราบสูงยูดาห์และเยรูซาเล็มจากที่ราบชายฝั่ง

9:18     “เมืองบาอาลัท” (Baalath) -ยชว.15:24, อยู่ทางใต้ของเฮโบรน ในเผ่ายูดาห์ หรืออาจเป็นบาอาลัท ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเบธโฮโรน ในเผ่าดาน (ยชว.19:44)

“เมืองทามาร์” (Tamar) –อาจเรียกว่า “ทัดโมร์” ก็ได้ –2พศด.8:4;อสค.47:19

9:19     “เมืองทั้งหลายสำหรับรถรบของพระองค์และเมืองทั้งหลายสำหรับทหารม้าของพระองค์”

(the cities for his chariots, and the cities for his horsemen)  = เมืองที่อยู่ตามจุดยุทธศาสตร์ทั่วอาณาจักร แม้ซาโลมอนจะรักสันติ แต่ก็เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม –ฉธบ.17:16-17

9:20     “คนอาโมไรต์…คนเยบุส” (the Amorites…the Jebusites) –ฉธบ.7:1;20:17;ปฐก.10:15-18;13:7;

15:16;23:9;ยชว.5:1;วนฉ.3:3;6:10;2ซมอ.21:2

9:22     “แต่คนอิสราเอลนั้นซาโลมอนไม่ได้ทรงทำให้เป็นทาส” (But of the people of Israel Solomon made no slaves.) ดูข้อ 15

9:25     “ปีละ 3 ครั้ง” (Three times)= ตามเทศกาลสำคัญประจำปี 3 เทศกาลคือ เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เทศกาลสัปดาห์ และเทศกาลอยู่เพิง (อพย.23:14-17;2พศด.8:13)

9:26     “ทางสร้างกองเรือ” (built a fleet of ships) = ใช้ทำธุรกิจสำคัญทางการค้า ในการสร้างความมั่งคั่งให้แก่ราชสำนักของซาโลมอน (ข.28;10:11)

          “เมืองเอซีโอนเกเบอร์” (Ezion-geber) = อยู่ริมด้านเหนือของอ่าวอาคาบา (24:48;กดว.33:35;ฉธบ.2:8)

“ฝั่งทะเลแดง” (the Red Sea) เป็นคำที่มาจากคำภาษาฮีบรูว่า “ยัมซุฟ” หมายถึง “ทะเลต้นกก” ซึ่งหมายถึง แหล่งน้ำที่ชนอิสราเอลเดินผ่านขณะที่กำลังอพยพ(ออกจากอียิปต์) –อพย.13:18;14:2

แต่อย่างไรก็ตาม คำนี้สามารถอ่านได้ว่า “ยิมโซฟ” เช่นกัน ที่หมายถึง “ทะเลปลายแผ่นดิน” ซึ่งน่าสอดคล้องมากกว่าอ้างถึงทะเลแดง

9:28     “เมืองโอฟีร์” (Ophir) –แหล่งทองคำ –2พศด.8:18;โยบ.28:16;สดด.45:9;อสย.13:12

–ยังเป็นแหล่งของไม้จันทน์, เพชรนิลจินดาล้ำค่ามากมาย (10:11) รวมถึงเงิน งาช้าง ,ลิง และนกยูง (10:22)

-ที่ตั้งของเมืองเป็นที่ถกเถียงกันในทุกวันนี้ว่า อาจหมายถึง อาระเบียตะวันออกเฉียงใต้, อาระเบียตะวันตกเฉียงใต้ ,ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟริกา (พื้นที่ของโซมาเลีย), อินเดีย, ซิมบับเว

-ถ้าโอฟีร์ ตั้งอยู่ในอาระเบีย ก็น่าจะเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้าจากตะวันออกไกลและอัฟริกาตะวันออก  แต่กองเรือพานิชย์ของซาโลมอนใช้เวลาเดินทางถึง 3 ปี (10:22)

โอฟีร์ ในตอนนี้ จึงน่าจะอยู่ไกลกว่าชายฝั่งอาระเบีย

 คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยใช้เวลาก่อสร้างอะไรหรือทำโครงการใดที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของคุณนานแค่ไหน? และคุณได้รับประสบการณ์อะไรเป็นพิเศษหรือได้รับบทเรียนอะไรจากการกระทำสิ่งเหล่านั้น?
  1. คุณเคยมีประสบการณ์กับการที่พระเจ้าปรากฏหรือสำแดงพระองค์เป็นส่วนตัวกับคุณแบบ 2  ต่อ 2 บ้างไหม?  อย่างไร? และพระองค์เคยปรากฏกับคุณเป็นครั้งที่ 2 หรือไม่?  (แบ่งปัน)
  2. คุณคิดว่า “พระเนตร” (ตา) และ “พระทัย” (ใจ) ของพระเจ้าอยู่กับคุณในเวลานี้ในที่ ๆ คุณอยู่ (ที่บ้าน ที่ทำงานหรือที่โบสถ์ ฯลฯ) หรือไม่? ทำไมคุณคิดเช่นนั้น?
  3. หากคุณสำรวจดูตัวของคุณอย่างซื่อตรง คุณคิดว่าเวลานี้คุณดำเนินชีวิตและทำงานอยู่ต่อพระพักตร์ของ       พระเจ้าแบบใจซื่อสัตย์และเที่ยงธรรมสักกี่เปอร์เซนต์

…..1)  ต่ำกว่า 50 %

…..2) 60-70 %

…..3) 71-80 %

…..4) 81-90 %

…..5) 91-100 %

  1. คุณเคย “แวบ” หรือ “แฉลบ” ออกไปจากการติดตามพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์บ้างหรือไม่?  อย่างไร?  และผลเป็นอย่างไร?
  2. คุณเคยทำข้อตกลงหรือร่วมมือ (ร่วมหุ้น) กับผู้ใด….แล้ว

1)      คุณเอาเปรียบเขา?

2)      เขาเอาเปรียบคุณ?  บ้างหรือไม่?

ผลเป็นอย่างไร?

  1. คุณเคยยืมหรือเป็นหนี้ผู้อื่นบ้างหรือไม่?

…..1) เท่าไร?  เรื่องอะไร?……………………………………….. (ทำไม)

…..2) คุณจ่ายคืนหมดแล้วหรือไม่?  อย่างไร?

หรือ

…..1) เคยมีคนมายืมคุณบ้างหรือไม่?  เท่าไร?

…..2) เขาจ่ายคืนหรือไม่?  อย่างไร?   (หรือทำไม?)

แล้วคุณสนองตอบอย่างไร?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

 

Categories
บทความแปล

อาวุธที่ไม่ค่อยได้ใช้

Fire fighting

เหตุฉะนั้นผู้ใดรู้ว่าอะไรเป็นความดีและไม่ได้กระทำ คนนั้นจึงมีบาป (ยากอบ 4:17)

พระเจ้าทรงประทานอาวุธลับให้เราสองอย่างสำหรับใช้ในโลกปัจจุบัน มีอะไรบ้าง? แรกเลยผมขอบพูดถึงอะไรบ้างที่ “ไม่ใช่” – บ่นต่อว่าคร่ำครวญ เพราะไม่ได้ทำให้คุณดีขึ้น รวมถึงการประท้วง ต่อต้าน และยับยั้ง

อาวุธลับสองอย่างที่พระเจ้าประทานให้กับคริสตจักรคือ – อธิษฐาน และแบ่งปันข่าวประเสริฐ – เราอธิษฐานเพื่อประเทศของเรา เราอธิษฐานเผื่อคนที่เราจะไปแบ่งปันข่าวประเสริฐ และเราก็ไปทำหน้าที่แบ่งปันข่าวประเสริฐกับพวกเขา

นี่คืออาวุธฝ่ายวิญญาณที่คริสตจักรเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยนำมาใช้ บ่อยครั้งดูเหมือนเราทำทุกอย่างยกเว้นอธิษฐานและแบ่งปันข่าวประเสริฐ แต่นี่เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำมากขึ้น ที่จริง ผมเองรู้สึกว่าถ้าเราไม่อธิษฐานเผื่อประเทศของเรา หรือออกไปแบ่งปันข่าวประเสริฐ ที่จริงก็คือเป็นบาปได้

นี่คือความบาปผิดต่อพระบัญชา เรากำลังละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า แล้วก็ยังทำบาปแห่งการละเลย คือไม่ใส่ใจในสิ่งที่พระเจ้าปรารถนาให้เราทำ ในพระคัมภีร์กล่าวว่า เหตุฉะนั้นผู้ใดรู้ว่าอะไรเป็นความดีและไม่ได้กระทำ คนนั้นจึงมีบาป”  (ยากอบ 4:17) ซึ่งเหมือนกับเราเดินผ่านตึกที่กำลังไหม้ไฟ รู้ว่ามีคนติดอยู่ข้างใน แต่ไม่คิดจะช่วยอะไร ถ้าผมไม่พยายามไปช่วยพวกเขาด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็น่าจะเรียกรถดับเพลิงมา แต่ถ้าผมเดินผ่านไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และปล่อยให้คนในตึกถูกไฟเผาตาย ผมก็เป็นอาชญากร

เมื่อเราเห็นวัฒนธรรมในทุกวันนี้ ที่ไม่รู้จักพระเจ้าและสามารถรู้จักพระองค์ได้ พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการอธิษฐานเผื่อและได้ยินเรื่องราวข่าวประเสริฐ การไม่ทำอะไรเลยก็เหมือนเป็นอาชญากรในแง่หนึ่ง เรากำลังอยู่ในสังคมที่โหดร้ายอยู่แล้วในทุกวันนี้  ดังนั้นจงมุ่งมั่นอธิษฐานและแบ่งปันข่าวประเสริฐนะครับ

โดย : Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย : Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000 Riverside Ca 92514

 

 

Categories
บทความแปล

คุณพร้อมรับมือกับวิกฤติอย่างไร

hand2hand

จงช่วยรับภาระของกันและกัน ท่านจึงจะได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระคริสต์ (กาลาเทีย 6:2)

หลายปีมาแล้วในมิดเวสท์ เด็กชายคนหนึ่งออกจากบ้านและเดินเข้าไปในไร่ข้าวสาลีที่กว้างใหญ่ ค่ำแล้วและอากาศเริ่มเย็นลง พ่อแม่ต่างก็ตื่นตระหนกออกค้นหาเด็กคนนี้ ค้นหาไปหลายชั่วโมงจนในที่สุดต้องโทรแจ้งตำรวจ

เมื่อข่าวออกไป ผู้คนที่อยู่ในรัศมีหลายไมล์ต่างก็มาช่วยค้นหา หลายชั่วโมงผ่านไป พวกเขาคิดขึ้นมาได้ว่าควรจะจับมือกันต่อเป็นแถวเส้นยาว และเดินเข้าไปในไร่ด้วยกัน และมุมหนึ่งที่ห่างไกลในไร่ ที่ไม่มีใครค้นไปถึง พวกเขาพบร่างปราศจากชีวิตของเด็กคนนั้น เป็นเรื่องน่าเศร้ามาก ผู้เป็นพ่อหลังจากหลายวันผ่านไปให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ถ้าเราจับมือกันและเดินไปให้เร็วกว่านี้ บางทีลูกผมอาจมีชีวิตอยู่ก็ได้”

ความจริงที่น่าเศร้าคือหลายคนในทุกวันี้กำลังทนทุกข์และตายไปตามลำพัง เพราะพวกเขาไม่เคยมาร่วมจับมือกับผู้อื่นในความเชื่อ พวกเขาวิ่งไปมาอย่างตื่นตระหนก พยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเอง และไม่เคยคิดว่าต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่น

อย่าพยายามดำเนินชีวิตโดยลำพัง ในความเชื่อของคริสเตียนไม่มี “ข้ามาคนเดียว” จงเดินจับมือกันไปกับคนในชุมชนของคุณ และคุณจะพร้อมรับมือกับวิกฤติใดๆที่จู่โจมเข้ามา

อย่าพยายามดำเนินชีวิตตามลำพัง ล้อมรอบตัวคุณไว้ด้วยชายและหญิงของพระเจ้า ที่พร้อมจะอยู่ที่นั่นเมื่อหนทางเริ่มยากลำบาก

อนุญาตโดย : Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

Categories
สารจากศบ.

สารจากศิษยาภิบาล

ImageHandler

27 ตุลาคม 201

สวัสดีครับพี่น้อง CJ และผู้มาเยี่ยมที่รัก

ผมขอบคุณพระเจ้าที่เรายังมีชีวิตและลมหายใจอยู่ ขอบคุณพระเจ้าที่หลายท่านอธิษฐานเผื่อคริสตจักรและเผื่อผม ทำให้ผมยังมีกำลังรับใช้พระเจ้าอยู่!

ขอร่วมใจอธิษฐานเผื่อหัวข้อเหล่านี้ด้วย

1. คริสตจักร CJ กำลังเตรียมทีมเพื่องานของคริสตจักรในอนาคต เวลานี้กำลังทาบทามหลายคนในคริสตจักรให้ร่วมรับใช้เต็มเวลา จึงขอทุกท่านอธิษฐานเผื่อบุคคลที่จะเข้ามาร่วมงานในตำแหน่งต่อไปนี้

  •  รองศิษยาภิบาล
  •  ผู้ช่วยศิษยาภิบาล
  •  ฝ่ายธุรการเต็มเวลา
  • ผู้รับใช้ด้านอื่น ๆ ฯลฯ

2. คริสตจักร CJ ของเรากำลังอธิษฐานเผื่อสถานที่แห่งใหม่เพื่อรองรับความเจริญเติบโต(ที่คาดว่าจะพร้อมใช้ในราวมีนาคม – เมษายน ในปี 2014) รวมทั้งหาที่ดินในบริเวณ 2 ฟากทาง ถนนสุขุมวิท เพื่อเตรียมที่ทางไว้สำหรับลูกหลานได้ใช้เป็นที่ตั้งคริสตจักร(แบบถาวร)ในอนาคต  (อีก 10-15 ปี ข้างหน้า) หากผู้ใดมีข้อมูลหรือมีข้อเสนอประการใด  กรุณาแจ้งทีมงานผู้อภิบาลด้วย

3. กิจกรรมต่าง ๆ ของคริสตจักร ตั้งแต่การนมัสการวันอาทิตย์ ชั้นเรียนพระคัมภีร์ในวันอาทิตย์และวันพฤหัส รวมทั้งกลุ่มแคร์ในวันต่าง ๆ เช่น วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัส ฯลฯ

4. การเตรียมผู้นำคริสตจักรรุ่นใหม่ในทุกด้านตั้งแต่บัดนี้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุชนและผู้นำผู้ชาย)

ขอบคุณพระเจ้าที่ในวันพฤหัสที่ผ่านมา เราเปิดโอกาสให้บุรุษ 3 ท่าน คือ คุณฝา คุณม่อน และคุณกระดาษ มาแบ่งปัน(เทศน์) จากพระคัมภีร์ ปรากฏว่าทั้ง 3 ท่านทำได้ดีมาก ผู้ฟังพอใจและจำเนื้อหาต่างๆ ได้ดี (ยังจำเนื้อหาได้แม่นกว่าจำคำเทศน์ของผมเสียอีก!)

ผมขอบคุณพระเจ้าที่เห็นสมาชิกหลายท่านเจริญเติบโตขึ้นทั้งด้านความรู้ และความเชื่อ และหลายคนกำลังรับใช้พระเจ้าและเลี้ยงดูซึ่งกันและกันผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างน่าชื่นชม

ขอให้เรารักกันมาก ๆ ด้วยน้ำใสใจจริง อย่าให้ทำร้ายกัน แม้แต่ในความคิด ขอให้คริสตจักร CJ ของเราเป็นเขตปลอดการซุบซิบนินทากล่าวร้ายกัน ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง ขอให้เราอวยพรกัน แทนการสาปแช่งกัน แล้วทุกคน ทุกฝ่ายจะเจริญขึ้นด้วยพระพรของพระเจ้า!

ขอให้เรามีความสุขแท้ในพระคริสต์ เพราะว่าเราเชื่อวางใจในพระเจ้าอย่างแท้จริง !

ขอให้เราฝากอนาคต ความฝัน ความหวัง รวมทั้งปัจจุบันของเรา (ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การศึกษา  ความรัก ครอบครัว อาชีพ การงานต่าง ๆ ) ไว้กับพระเจ้าด้วยความมั่นใจ !

ขอพระเจ้าอวยพรการนมัสการของเราในวันนี้ และขอพระเจ้าสร้างเราใหม่ให้เป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น

ด้วยรักจากใจ

(ธงชัย  ประดับชนานุรัตน์) ศิษยาภิบาล

 

 

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

เราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า

thank you

“เพราะ​ว่า​เรา​เป็น​ฝีพระหัตถ์​ของ​พระองค์​ที่​ทรง​สร้าง​ขึ้น​ใน​ พระเยซูคริสต์​เพื่อ​ให้​ทำ​การ​ดี

ซึ่ง​เป็น​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​ทรง​จัด​เตรียม​ไว้​ก่อน​แล้ว​ เพื่อ​ให้​เรา​ดำเนิน​ตาม”

(For we are his workmanship, created in Christ Jesus for good works,

                            which God prepared beforehand, that we should walk in them.)    (เอเฟซัส 2:10)

 

คำว่า “ฝีพระหัตถ์” (workmanship) ในตอนนี้ มาจากคำภาษากรีกว่า poiema” ซึ่งเป็นคำที่ก่อเกิดศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Poem” (บทกวี) !

น่าอัศจรรย์ใจที่พระคัมภีร์บอกเราว่า คริสเตียนคือ “กวีนิพนธ์ของพระเจ้า” (God’s Poetry)

เรามีคำย่อภาษาอังกฤษเตือนสติเราถึงสถานภาพเก่าและใหม่ในชีวิตของเรา เราเรียกสถาน ภาพของตัวเราและคนอื่น ๆ ก่อนกลับใจมาเชื่อพระคริสต์ว่า อยู่ในช่วงสมัย B.C  ซึ่งปกติเราใช้คำว่า “B.C” ในหมายความว่า Before Christ” (ก.ค.ศ. หรือก่อนคริสตศักราช)

แต่ในที่นี้ เราใช้หมายความถึง “Before Conversion”  หรือ “ก่อนกลับใจใหม่” (B.C)!

และชีวิตของเราหลังจากนั้นก็เข้าสู่ยุค A.D ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึง Anno Domini” (ซึ่งแปลว่า ในปีขององค์พระผู้เป็นเจ้า หรือ “ค.ศ.”, คริสตศักราช)  แต่ในที่นี้ เราใช้หมายถึง After Deliverance” หรือ “ภายหลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยหรือช่วยให้รอดแล้ว !”

ในช่วง BC ชีวิตของเราไม่ค่อยเข้าท่า ไร้ทิศทางเป้าหมายอันเที่ยงแท้ เราสนุกอยู่กับบาปหรือจมอยู่กับชีวิตที่ไร้ความหมายถาวร เราอยู่ตามใจปรารถนาของเรา เราอยู่เพื่อ “ตัวของเราเอง” เท่านั้น

ชีวิตของเราไม่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้า เพราะเราไม่รู้จักพระเจ้าหรือไม่ยอมรับพระองค์ว่าเป็นเจ้าชีวิตของเรา!

แต่ในช่วง A.D ชีวิตของเรามีมิติใหม่ เรามีทิศทางเป้าหมายชีวิตใหม่

พระเจ้าทรงนำเราให้เริ่มต้นใหม่ให้ถูกทาง ชีวิตของเราเริ่มมีความสมดุลระหว่างมิติชั่วคราว(ในโลก) และมิติถาวร (ในสวรรค์) พระเจ้าทรงนำความประสานกลมกลืนเข้ามาแทนความไม่ลงรอยในจิตวิญญาณของเรา!

ชีวิตของเราเริ่มมีสีสันสวยงามตามการออกแบบของพระเจ้า ชีวิตของเรากลายเป็น “บทกวี” (ไพเราะ) ของพระเจ้าสำหรับโลกนี้ และเป็นผลงานศิลปะชั้นเลิศของพระองค์สำหรับจักวาลนี้

คนทั้งหลายที่เฝ้ามองเราจะเริ่มสังเกตเห็น “ฝีพระหัตถ์” อันยอดเยี่ยมของพระเจ้าที่กำลังบรรจงแต่งแต้มสีสันให้กับชีวิตของเราอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

คนเริ่มแซ่ซ้องสรรเสริญสำหรับความงดงามในชีวิตของเราผู้ที่กลับใจเชื่อพระคริสต์และได้รับการสร้างใหม่โดยพระหัตถ์ของพระเจ้าแห่งสวรรค์

ชีวิตของเราเริ่มสะท้อนถึงพระประสงค์ความหมายของชีวิตอย่างที่พระเจ้าปรารถนา!

เราได้เป็นหลักฐานที่พิสูจน์ว่า พระเจ้าสามารถนำชีวิตที่ยุ่งเหยิงหรือย่ำแย่อย่างที่เราเป็นและบรรจงสร้างใหม่ให้กลายเป็นผลงานชิ้นสุดยอดราวกับ “กวีนิพนธ์” อันไพเราะเลิศล้ำได้อย่างเหลือเชื่อ!

วันนี้ คุณล่ะ  พร้อมที่จะให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลง “บทกวีเก่า ๆ” ในชีวิตของคุณให้กลายเป็น “กวีบทใหม่” ที่เปี่ยมความหมายอันล้ำค่าแล้ว หรือยัง?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer,

facebook.com/lifeanswer

Categories
บทความแปล

เราจะสร้างคนรุ่นต่อไปอย่างไร ‏

like-father-like-son cat

ท่านทั้งหลายก็จงปฏิบัติตามอย่างข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าปฏิบัติตามอย่างพระคริสต์  (1โครินธ์ 11:1)

ลูกๆเลียนแบบจากเรามากอย่างที่เรานึกไม่ถึง ผมเคยได้ยินเรื่องที่พ่อคนหนึ่งขับรถพาครอบครัวกลับบ้านหลังเลิกโบสถ์ พ่อคนนี้บ่นได้ทุกเรื่อง บ่นว่า “ดนตรีดังเกินไป เทศนาก็ยาวมากไป และห้องนมัสการเปิดแอร์เย็นเกินไป”

ลูกชายอายุประมานหกขวบ นั่งอยู่ที่เบาะหลัง มองไปที่พ่อแล้วพูดว่า “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง พ่อถึงจ่ายตังค่าเข้าประตูแค่เหรียญเดียว”

จะชอบหรือไม่ก็ตาม เด็กๆของเราจะรับเอานิสัยของเราไปด้วย ไม่ว่าดีหรือเลว ถ้าคุณไม่ยอมอุทิศตนให้กับพระเยซูคริสต์ แต่กลับปฏิบัติต่อคริสตจักรเหมือนมาดูโชว์วันอาทิตย์ ลูกคุณก็จะทำเหมือนกัน แต่ถ้าคุณทุ่มเทให้กับแผ่นดินของพระเจ้า และอุทิศตนสุดหัวใจในการติดตามพระคริสต์ ลูกคุณก็จะซึมซับไว้และทำตาม

เลี้ยงดูคนรุ่นต่อไปต้องใช้มากกว่าคำพูดสั่งสอน แต่เป็นการลงมือทำ ดังนั้นจงเป็นต้นแบบผู้นำของพระเจ้าที่บ้าน เป็นหนทางที่ดีที่สุดเพื่อแสดงให้ลูกๆเห็นว่าการติดตามพระเยซูคริสต์หมายถึงอะไร และหนุนใจให้พวกเขาทำตาม

สร้างคนรุ่นต่อไปให้ปรนนิบัติพระเยซูคริสต์ โดยเป็นแบบอย่างผู้นำในทางของพระเจ้าโดยเริ่มจากที่บ้านครับ

อนุญาตโดย : Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org