พระราชินีแห่งเชบา
พระธรรม 1พงศ์กษัตริย์ 10:1-29
อ้างอิง 2พศด.9:1-28;1พกษ.3:12-13;4:22;5:7;7:2;9:26-28;1พศด.29:25;27:28
บทนำ
คนเราควรมีชีวิตที่มีชื่อเสียงดีในบางเรื่อง
ซาโลมอนมีกิตติศัพท์เลื่องลือในเรื่องสติปัญญา
แล้วคุณละ มีความโดดเด่นในเรื่องใดบ้างหรือไม่ ที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า?
บทเรียน
10:1 “เมื่อพระราชินีแห่งเชบาทรง ได้ยินกิตติศัพท์ของซาโลมอน อันเนื่องมาจากพระนามของพระยาห์เวห์ พระนางก็เสด็จมาทดสอบพระองค์ด้วยปัญหายุ่งยากต่าง ๆ”
(Now when the queen of Sheba heard of the fame of Solomon concerning the name of the Lord, she came to test him with hard questions. )
10:2 “พระนางเสด็จมายังกรุงเยรูซาเล็มพร้อมด้วยข้าราชบริพารมากมาย กับฝูงอูฐบรรทุกเครื่องเทศ ทองคำมากมาย อัญมณีล้ำค่า และเมื่อพระนางเสด็จมาถึงซาโลมอนแล้ว พระนางก็ทูลเรื่องในใจทุกประการต่อพระองค์”
(She came to Jerusalem with a very great retinue, with camels bearing spices and very much gold and precious stones. And when she came to Solomon, she told him all that was on her mind. )
10:3 “และซาโลมอนตรัสตอบปัญหาทุกข้อของพระนาง ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นจากพระราชาซึ่งพระองค์จะทรงตอบพระนางไม่ได้”
(And Solomon answered all her questions; there was nothing hidden from the king that he could not explain to her. )
10:4 “และเมื่อพระราชินีแห่งเชบาทรงเห็นพระสติปัญญาทั้งสิ้นของซาโลมอน และพระราชวังที่พระองค์ทรงสร้าง”
(And when the queen of Sheba had seen all the wisdom of Solomon, the house that he had built, )
10:5 “ทั้งอาหารที่โต๊ะเสวย กับที่นั่งของบรรดาข้าราชการ และการปรนนิบัติของพวกมหาดเล็ก ตลอดจนเครื่องแต่งกายของพวกเขา อีกทั้งพนักงานเชิญถ้วยเสวยของพระองค์ รวมทั้งเครื่องบูชาเผาทั้งตัวของพระองค์ที่ทรงถวายบูชา ณ พระนิเวศของพระยาห์เวห์ พระทัยของพระนางก็ตื่นตะลึงอย่างยิ่ง”
(the food of his table, the seating of his officials, and the attendance of his servants, their clothing, his cupbearers, and his burnt offerings that he offered at the house of the Lord, there was no more breath in her. )
10:6 “พระนางทูลพระราชาว่า “ข่าวคราวซึ่งหม่อมฉันได้ยินในประเทศของหม่อมฉัน เกี่ยวกับพระราชกิจและพระสติปัญญาของฝ่าพระบาทนั้นเป็นความจริง”
(And she said to the king, “The report was true that I heard in my own land of your words and of your wisdom, )
10:7 “แต่หม่อมฉันไม่ได้เชื่อถ้อยคำเหล่านั้น จนกระทั่งหม่อมฉันได้มาเฝ้า และเห็นด้วยตาของหม่อมฉันเอง ดูสิที่เขาบอกแก่หม่อมฉันก็ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง พระสติปัญญาและความมั่งคั่งฝ่าพระบาทก็มากยิ่งกว่าข่าวคราว ที่หม่อมฉันได้ยิน”
(but I did not believe the reports until I came and my own eyes had seen it. And behold, the half was not told me. Your wisdom and prosperity surpass the report that I heard. )
10:8 “บรรดาคนของฝ่าพระบาท ก็เป็นสุข บรรดาข้าราชการเหล่านี้ของฝ่าพระบาทก็เป็นสุข คือผู้ที่คอยปรนนิบัติเฉพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาทเป็นประจำ และฟังพระสติปัญญาของฝ่าพระบาท”
(Happy are your men! Happy are your servants, who continually stand before you and hear your wisdom! )
10:9 “สาธุการแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาท ผู้พอพระทัยในฝ่าพระบาท และทรงตั้งฝ่าพระบาทไว้บน บัลลังก์แห่งอิสราเอล เพราะพระยาห์เวห์ทรงรักอิสราเอลเป็นนิตย์ พระองค์จึงทรงแต่งตั้งให้ฝ่าพระบาทเป็นพระราชา เพื่อฝ่าพระบาทจะทรงอำนวยความยุติธรรมและความชอบธรรม”
(Blessed be the Lord your God, who has delighted in you and set you on the throne of Israel! Because the Lord loved Israel forever, he has made you king, that you may execute justice and righteousness.” )
10:10 “แล้วพระนางก็ถวายทองคำหนัก 4,000 กิโลกรัมแด่พระราชา ทั้งเครื่องเทศอีกมากมาย และอัญมณีล้ำค่า ไม่มีเครื่องเทศเข้ามามากมายเหมือนอย่างที่พระราชินีแห่งเช บาถวายแด่พระราชาซาโลมอนอีกเลย”
(Then she gave the king 120 talents of gold, and a very great quantity of spices and precious stones. Never again came such an abundance of spices as these that the queen of Sheba gave to King Solomon. )
10:11 “ยิ่งกว่านั้นอีก กองเรือของฮีรามที่บรรทุกทองคำมาจากโอฟีร์ ได้นำไม้จันทน์แดงมากมายและอัญมณีล้ำค่ามาจากโอฟีร์”
(Moreover, the fleet of Hiram, which brought gold from Ophir, brought from Ophir a very great amount of almug wood and precious stones. )
10:12 “แล้วพระราชาทรงใช้ไม้จันทน์แดงทำเสาสำหรับพระนิเวศของพระยา ห์เวห์ และสำหรับพระราชวังของกษัตริย์ และทำพิณเขาคู่และพิณใหญ่สำหรับพวกนักร้อง จนทุกวันนี้ก็ไม่เคยมีไม้จันทน์แดงเข้ามาให้เห็นมากมาย อย่างนี้อีก”
(And the king made of the almug wood supports for the house of the Lord and for the king’s house, also lyres and harps for the singers. No such almug wood has come or been seen to this ay. )
10:13 “พระราชาซาโลมอนประทานแก่พระราชินีแห่งเชบา ทุกอย่างที่พระนางทรงประสงค์ตามที่ทูลขอ นอกเหนือจากสิ่งที่ได้ประทานแก่พระนางแล้วด้วยพระทัยกว้าง ขวางของพระราชาซาโลมอน ดังนั้นพระนางก็เสด็จกลับไปยังแผ่นดินของพระนาง พร้อมกับพวกข้าราชการของพระนาง”
(And King Solomon gave to the queen of Sheba all that she desired, whatever she asked besides what was given her by the bounty of King Solomon. So she turned and went back to her own land with her servants. )
10:14 “น้ำหนักของทองคำที่นำมาถวายซาโลมอนในปีหนึ่งนั้นเป็นทองคำหนักถึง 23,000 กิโลกรัม”
(Now the weight of gold that came to Solomon in one year was 666 talents of gold, )
10:15 “นอกเหนือจากทองซึ่งมาจากพวกคนค้าขายและจากสินค้าของพวกพ่อค้า และจากบรรดากษัตริย์แห่งอาระเบียและจากบรรดาเจ้าเมืองของ แผ่นดิน”
(besides that which came from the explorers and from the business of the merchants, and from all the kings of the west and from the governors of the land. )
10:16 “พระราชาซาโลมอนทรงให้เอาทองคำมาทุบเป็นโล่ใหญ่ 200 อัน โล่อันหนึ่งใช้ทองคำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม”
(King Solomon made 200 large shields of beaten gold; 600 shekels of gold went into each shield.)
10:17 “และพระองค์ทรงให้เอาทองคำมาทุบเป็นโล่เล็ก 300 อัน โล่อันหนึ่งใช้ทองคำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม และ พระราชาทรงเก็บโล่ไว้ในพระตำหนักพนาเลบานอน”
(And he made 300 shields of beaten gold; three minas of gold went into each shield. And the king put them in the House of the Forest of Lebanon. )
10:18 “พระราชาทรงทำพระที่นั่งงาช้างขนาดใหญ่ และทรงบุด้วยทองคำบริสุทธิ์”
(The king also made a great ivory throne and overlaid it with the finest gold. )
10:19 “พระที่นั่งนั้นมีบันไดหกขั้น ด้านบนพนักหลังของพระที่นั่งนั้นกลม และสองข้างของพระที่นั่งมีที่วางพระหัตถ์ มีรูปสิงโตสองตัวยืนอยู่ข้างๆ ที่วางพระหัตถ์”
(The throne had six steps, and at the back of the throne was a calf’s head, and on each side of the seat were armrests and two lions standing beside the armrests, )
10:20 “และมีรูปสิงโตอีกสิบสองตัวยืนอยู่บนข้างบันไดหกขั้น ขั้นละสองตัว ไม่มีราชอาณาจักรใดๆ เคยทำสิ่งเหล่านี้เลย”
(while twelve lions stood there, one on each end of a step on the six steps. The like of it was never made in any kingdom. )
10:21 “ถ้วยทั้งสิ้นของพระราชาซาโลมอนทำด้วยทองคำ และภาชนะทั้งสิ้นของพระตำหนักพนาเลบานอนทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ไม่มีที่ทำด้วยเงินเลย เงินนั้นถือว่าเป็นของไม่มีค่าอะไรในสมัยของซาโลมอน”
(All King Solomon’s drinking vessels were of gold, and all the vessels of the House of the Forest of Lebanon were of pure gold. None were of silver; silver was not considered as anything in the days of Solomon. )
10:22 “เพราะว่าพระราชามีกองเรือเมืองทารชิช เดินทะเลพร้อมกับกองเรือของฮีราม กองเรือเมืองทารชิชนำทองคำ เงิน งาช้าง ลิง และนกยูงมาสามปีต่อครั้ง”
(For the king had a fleet of ships of Tarshish at sea with the fleet of Hiram. Once every three years the fleet of ships of Tarshish used to come bringing gold, silver, ivory, apes, and peacocks. )
10:23 “ดังนั้นพระราชาซาโลมอนจึงยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อื่นๆ ในโลก ในเรื่องสมบัติและสติปัญญา”
(Thus King Solomon excelled all the kings of the earth in riches and in wisdom. )
10:24 “และทั่วทั้งโลกก็แสวงหาที่จะเข้าเฝ้าซาโลมอน เพื่อจะฟังพระสติปัญญาซึ่งพระเจ้าประทานไว้ในพระทัยของพระองค์”
(And the whole earth sought the presence of Solomon to hear his wisdom, which God had put into his mind. )
10:25 “ทุกคนก็นำเครื่องบรรณาการของเขามา คือภาชนะเงินและภาชนะทอง เสื้อผ้า อาวุธ เครื่องเทศ ม้าและล่อ ตามจำนวนกำหนดทุกๆ ปี”
(Every one of them brought his present, articles of silver and gold, garments, myrrh, spices, horses, and mules, so much year by year. )
10:26 “ซาโลมอนทรงสะสมรถรบและทหารม้า พระองค์ทรงมีรถรบ 1,400 คัน และทหารม้า 12,000 คน ซึ่งพระองค์ทรงให้ประจำอยู่ที่เมืองรถรบ และอยู่กับพระราชาในกรุงเยรูซาเล็ม”
(And Solomon gathered together chariots and horsemen. He had 1,400 chariots and 12,000 horsemen, whom he stationed in the chariot cities and with the king in Jerusalem. )
10:27 “และพระราชาทรงทำให้เงินในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเหมือนก้อนหิน และทรงทำให้มีไม้สนสีดาร์มากมายเหมือนต้นมะเดื่อแห่งเนินเชเฟลาห์
(And the king made silver as common in Jerusalem as stone, and he made cedar as plentiful as the sycamore of the Shephelah. )
10:28 “ม้าอันเป็นสินค้าเข้าของซาโลมอนมาจากอียิปต์และคูเอ และบรรดาพ่อค้าของพระราชาก็ได้ม้ามาจากคูเอตามราคา”
(And Solomon’s import of horses was from Egypt and Kue, and the king’s traders received them from Kue at a price. )
10:29 “ส่วนรถรบที่มาจากอียิปต์คันหนึ่งมีราคาเป็นเงิน 600 เชเขล ม้าตัวหนึ่งมีราคาเป็นเงิน 150 เชเขล ดังนั้น โดยทางพวกพ่อค้า เขาก็ส่งออกไปยังกษัตริย์ทั้งปวงของคนฮิตไทต์และบรรดากษัตริย์ของซีเรีย”
(A chariot could be imported from Egypt for 600 shekels of silver and a horse for 150, and so through the king’s traders they were exported to all the kings of the Hittites and the kings of Syria. )
ข้อมูลมีประโยชน์
10:1 “พระราชินีแห่งเชบา” (queen of Sheba ) –ปฐก.10:7,28;25:3;มธ.12:42;ลก.11:31
“เชบา” –ตามหลักฐานทางโบราณคดี บ่งบอกว่า เชบาเป็นอาณาจักรทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของอาระเบีย (ปฐก.10:28;ยอล.3:8) ในช่วงเวลาประมาณ 900-450 ก.ค.ศ
–เชบา ได้กำไรจากการค้าขายทางทะเลกับอินเดีย และอัฟริกาตะวันออก โดยขนส่งสินค้าที่มีค่าไปทางเหนือถึงดามัสกัส และลงใต้มาทางกาซา โดยใช้เส้นทางคาราวานผ่านถิ่นทุรกันดารอาระเบีย
“กิตติศัพท์ของซาโลมอน” (the fame of Solomon) -4:31;อสค.16:14
“อันเนื่องมาจากพระนามของพระยาห์เวห์” (concerning the name of the Lord,) = สติปัญญาของซาโลมอนถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระยาห์เวห์
= ราชินีแห่งเชบา สังเกตว่า สติปัญญาของซาโลมอนนั้นเกี่ยวข้องกับพระเจ้าที่ซาโลมอนนมัสการ
-พระเยซูคริสต์ทรงใช้ราชินีแห่งเชบาเป็นตัวอย่างเพื่อกล่าวโทษประชาชนในสมัยของพระองค์ซึ่งไม่สังเกต
เลยว่า พระเยซูคริสต์ผู้ทรง “ยิ่งใหญ่กว่าซาโลมอน” นั้นอยู่ท่ามกลางพวกเขา (มธ.12:42;ลก.11:31)
“ทดสอบโดยตั้งปัญหายาก ๆ” (test him with hard questions.) –กดว.12:8;วนฉ.14:12
10:2 “ข้าราชบริพารมากมาย” (a very great retinue,) = กองคาราวานใหญ่ –ปฐก.24:10
10:5 “อาหารบนโต๊ะเสวย” (the food of his table) –1พกษ.4:22
10:7 “หม่อมฉันไม่ได้เชื่อถ้อยคำเหล่านั้น” ( I did not believe the reports) = ไม่ได้เชื่อมาก่อนเลย –ปฐก.45:26
“พระสติปัญญาและความมั่งคั่ง” (wisdom and prosperity surpass) –1พศด.29:25
10:8 “บรรดาคนของฝ่าพระบาท” (your servants) = “ไพร่ฟ้าของฝ่าพระบาท” แต่ในสำเนาโบราณบางฉบับแปลว่า “บรรดามเหสีของฝ่าพระบาท”
10:9 “สาธุการแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาท” (Blessed be the Lord your God,) –ราชินีแห่งเชบา ได้กล่าวถ้อยคำที่สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับประชาชนของพระองค์ตามพันธสัญญา (แม้ว่าอาจจะเข้าใจเพียงแค่การรับรู้ว่า พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าประจำชาติของชาวอิสราเอลก็ตาม) (ปท.1พกษ.5:7;2พศด.2:12;ดนล.3:28-29;อสย.42:10)
-แต่ยังไม่ได้หมายความว่า พระนางยอมรับพระเจ้าของซาโลมอนเป็นพระเจ้าของพระนางอย่างสิ้นเชิงแล้ว
“ทรงรักอิสราเอลเป็นนิตย์” (the Lord loved Israel forever) = เนื่องด้วยความรักนิรันดร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่มีต่ออิสราเอล – ฉธบ.7:8
“อำนวยความยุติธรรม” (justice ) –สดด.11:7;33:5;72:2;99:4;103:6
10:10 “ถวายทองคำ” ( gold) –1พกษ.9:28;อสย.60:6
“หนัก 4000 กิโลกรัม” ( 120 talents) = หนักประมาณ 4 ตัน (9:11,28)
10:11 “กองเรือของฮีราม” (the fleet of Hiram ) -9:26-28 ,-ฮีรามจัดหาไม้, สังกะสี และช่างผู้เชี่ยวชาญในการก่อสร้าง ซึ่งอิสราเอลขาดแคลนมาให้
“ไม้จันทน์แดง” (almug wood) = อาจเป็นไม้ประดู่ (2พศด.9:10-11), ไม้ชนิดนี้มีทั้งในเลบานอนและโอฟีร์ (2พศด.2:8)
“โอฟีร์”( Ophir ) –ปฐก.10:29
10:13 “ทุกอย่างที่พระนางทรงประสงค์ตามที่ทูลขอ”(all that she desired, whatever she asked besides) =เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนของกำนัลและข้อตกลงทางการค้าระหว่างซาโลมอนและราชินีแห่งเชบา (แม้จะมีตำนานมากมายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของราชินีแห่งเชบาที่ให้กำเนิดบุตรที่เกิดจากซาโลมอนก็ตาม)
10:14 “น้ำหนักทองคำ…เป็นทองคำหนักถึง 23,000 กิโลกรัม” (weight of gold ….. 666 talents of gold)
= หนักประมาณ 23 ตัน หรือ 666 ตะลันต์ –1พกษ.9:28
10:15 “…จากบรรดากษัตริย์แห่งอาระเบีย” (…from all the kings of the west) = บรรณาการเพื่อให้กองคาราวานของกษัตริย์เหล่านี้ผ่านเขตแดนอิสราเอล
“จากบรรดาเจ้าเมืองของแผ่นดิน” (from the governors of the land) = เหล่าผู้ปกครองของดินแดนนั้นอาจเป็นกลุ่มเดียวกับใน 4:7-19
10:16 “เอาทองคำมาทุบเป็นโล่ใหญ่” (gold went into each shield) –โล่ 4 เหลี่ยมผืนผ้าสามารถป้องกันตัวได้เต็มตัว (ต่างจากโล่กรมขนาดเล็ก) –2ซมอ.8:7
-โล่เหล่านี้น่าจะใช้ในพิธีการ (หรือพิธีกรรม) เป็นสัญลักษณ์ส่อถึงความมั่งคั่งและความยิ่งใหญ่ตระการของอิสราเอล
-อาจจะทำด้วยไม้และปิดรอบด้วยทองคำ
-ต่อมาในปีที่ 5 ของรัชกาลเรโหโบอัม ชิชักแห่งอียิปต์ ได้ปล้นชิงโล่เหล่านี้ไป (14:25-26)
“โล่อันหนึ่งใช้ทองคำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม” (shields of beaten gold; 600 shekels) –ภาษาฮีบรูใช้คำว่า 600 เบคา
10:17 “ประมาณ 2 กิโลกรัม” (300 shields) = 3 มินา (หรือประมาณ 1.7 กิโลกรัม)
“ตำหนักพนาเลบานอน” (the Forest of Lebanon) –1พกษ.7:2
10:21 “ทองคำบริสุทธิ์” (pure gold) –อสย.60:17
10:22 “กองเรือเมืองทารชิช” ( a fleet of ships of Tarshish) = กองเรือพาณิชย์ (2พศด.9:2) ถูกกล่าวถึงใน ข.11:1พกษ.9:26-28
= ไม่จำเป็นต้องเป็นเรือที่แล่นไปยังทารชิช (ยนา.1:3) แต่อาจหมายถึงเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่
“กองเรือ” (ของฮีราม) (sea with the fleet ) –1พกษ.9:27;สดด.48:7;อสย.2:16;23:1;14;60:6,7
“นกยูง” -ยังแปลได้ว่า “ลิงบาบูน”
10:23 “ในเรื่องสมบัติ” (riches ) = กษัตริย์ทรงมั่งคั่งมากกว่ากษัตริย์องค์ใด ๆ ในสมัยนั้น (1พกษ.3:13;มธ.6:29)
“สติปัญญา” (wisdom) = ทรงพระปรีชาญาณเหนือกว่ากษัตริย์องค์ใด ๆ -1พกษ.3:12;มธ.24:42
10:24 “ฟังพระสติปัญญา” (hear his wisdom) –2ซมอ.14:20
10:25 “นำเครื่องบรรณาการของเขามา” (brought his present,) –1ซมอ.10:27
10:26 “รถรบและทหารม้า” (chariots and horsemen.) คำว่า “ทหารม้า” อาจแปลได้ว่า “ม้า” -4:26; โมเสสเคยกล่าวห้ามกษัตริย์ไม่ให้สะสมม้าไว้ในเฉลยธรรมบัญญัติ 17:16
“ม้า 12000 ตัว” = อาจแปลว่า “พวกรบรถ 12000 คน”
10:27 “เงิน…เป็นเหมือนก้อนหิน” (silver as common) = เงินมีมากมายจนเหมือนก้อนหิน กลายเป็นสิ่งไร้ค่าไป (โยบ 27:16;อสย.60:17)
“ต้นมะเดื่อ” (the sycamore) –1พศด.27:28;อมส.7:14
10:29 “600 เชเขล” (600 shekels)= มูลค่าของเงินที่มีน้ำหนักประมาณ 7.2 กิโลกรัม
“150 เชเขล” (150 shekels) = มูลค่าของเงินมีน้ำหนักประมาณ 1.8 กิโลกรัม
“ส่งออก” (exported) = ผ่านตัวแทน (ข.28)
ซาโลมอนเป็นกษัตริย์ที่เป็นคนกลางในการทำธุรกิจการค้าที่ได้กำไรดี
“คนฮิตไทต์” (the Hittites) –ปฐก.10:15
“บรรดากษัตริย์ของซีเรีย” (kings of Syria) = เรียกชื่อเดิมว่า “ชาวอารัม” ซึ่งเป็นชนชาติโบราณที่ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ทางเหนือทางตะวันออกของทะเลกาลิลี (ปฐก.10:22;ฉธบ.26:5;1พศด.18:15)
คำถามนำอภิปราย
- คุณมีชื่อเสียงที่ดีในด้านใดบ้าง? เพราะอะไร? และส่งผลต่อชีวิตของคุณและคนอื่นอย่างไร?
- คุณเคยได้ยินกิตติศัพท์ของบุคคลใดที่ทำให้คุณปรารถนาที่จะได้เข้าใกล้ชิดหรือพบเขาบ้าง? เพื่ออะไร? แล้วผลสุดท้ายเป็นอย่างไร?
- บุคคลใดในพระคัมภีร์เป็นคนที่มีกิตติศัพท์ที่ดีที่สุดในความคิดเห็นของคุณ? ทำไมจึงคิดเช่นนั้น? หากคุณได้เข้าพบเขา/เธอคุณจะขออะไรจากเขา/เธอ?
- เคยมีบุคคลใดเข้ามาหาคุณและบอกว่า เขาเห็น “พระเจ้า” ทรงสถิตอยู่กับคุณบ้างหรือไม่? เขาดูหรือสังเกตจากอะไร? (แบ่งปัน)
- คุณเคยตื่นตะลึงที่ได้เห็นหรือประสบกับอะไรที่เข้าข่าย “ไม่เคยเห็นมากมายอย่างนั้นมาก่อน” บ้างหรือไม่? และส่งผลอะไรต่อคุณบ้าง? (แบ่งปัน)
- หากวันนี้ คุณมีทองคำมากมายอย่างกษัตริย์ซาโลมอนมี คุณจะทำอะไรบ้าง? ทำไม? และอย่างไร?
- บุคคลใดเป็นคนที่มีสติปัญญาที่คุณปรารถนาที่จะขอรับฟังจากเขามากที่สุดและในเรื่องอะไร?
- คุณเห็นแบบอย่างอะไรของผู้ใดบ้างที่สามารถใช้สติปัญญาให้เกิดผลมากมายทั้งในทางโลกและทางธรรม เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าและหนุนใจตัวของคุณ? และเขาใช้สติปัญญานั้นอย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์