Categories
บทความแปล

เด็กติดบ้าน

เด็กติดบ้าน

แต่บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ที่สวรรค์ เรารอคอยผู้ช่วยให้รอด ซึ่งจะเสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูคริสตเจ้า (ฟีลิปปี 3:20)

ผมมีหลานสาวสี่คน และหลานชายหนึ่งคน  คนเล็กที่สุดเป็นผู้หญิง ชื่อแอลลี่ อายุสองขวบ แอลลี่ตื่นเต้นทุกครั้งที่มาบ้านผม เพราะเรามีของเล่นแทบทุกชนิด เธอจะง่วนอยู่กับของเล่นสักพัก แล้วอยู่ก็ลุกขึ้นร้อง “บ้าน”

“อะไรลูก?” ผมจะถาม

“บ้าน” เธอร้องอีกครั้งและเดินไปที่ประตู เหมือนผู้ใหญ่ที่คว้ากุญแจรถและพร้อมจะเดินออกไป เมื่อแอลลี่อยากจะไป เธอก็จะไป เธอออกจะเป็นเด็กติดบ้าน ผมไม่เคยเห็นเด็กที่ไหนเป็นแบบนี้

เมื่อคุณมาเป็นคริสเตียน คุณก็เป็นพลเมืองของบ้านที่แท้จริง – สวรรค์ –  ในฟีลิปปี 3:20 บอกเราว่า แต่บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ที่สวรรค์ เรารอคอยผู้ช่วยให้รอด ซึ่งจะเสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูคริสตเจ้า”

บางครั้งเรามองไปที่ชีวิต มันดูเยือกเย็น เราก็จะคิดถึง “บ้าน” แต่ “บ้าน” ที่เราอยากจะกลับไปจริงๆแล้วคือบ้านบนสวรรค์

อี เอ็ม บาวนด์ เขียนไว้ว่า “สวรรค์ควรจะเต็มล้นในใจและในมือเรา ในท่าทีและคำพูด ในคุณลักษณะ และความสามารถของเรา เพื่อทุกคนจะได้เห็นว่าเราเป็นคนต่างเมือง เป็นคนแปลกหน้าในโลกนี้  เป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ เป็นประชากรของพระเจ้า…สวรรค์เป็นแผ่นดินและเป็นบ้านเมืองของเรา และความตายสำหรับเรา ไม่ใช่เป็นช่วงเวลาแห่งการจากไป แต่เป็นช่วงเวลาแห่งการเกิดใหม่”

กษัตริย์ดาวิดกล่าวว่า “เพราะว่าข้าพระองค์ทั้งหลาย เป็นคนต่างด้าวต่างแดนต่อพระพักตร์พระองค์ และเป็นคนอาศัยอยู่ชั่วคราว ดังที่บรรพบุรุษของข้าพระองค์ได้เป็นอย่างนั้นมาแล้ว วันปีของข้าพระองค์บนแผ่นดินโลกเป็นเหมือนเงา และไม่มีอะไรจิรัง” (1พงศาวดาร 29:15)

โลกนี้ไม่ใช่บ้านของเรา  เป็นที่เราอยู่แค่ปัจจุบัน แต่วันหนึ่ง เราจะกลับไปที่บ้านแท้จริงในสวรรค์

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

1 และ 2 พงศ์กษัตริย์ (บทเรียนที่ 14)

พระราชินีแห่งเชบา

 

พระธรรม        1พงศ์กษัตริย์ 10:1-29

อ้างอิง              2พศด.9:1-28;1พกษ.3:12-13;4:22;5:7;7:2;9:26-28;1พศด.29:25;27:28

บทนำ               

คนเราควรมีชีวิตที่มีชื่อเสียงดีในบางเรื่อง

ซาโลมอนมีกิตติศัพท์เลื่องลือในเรื่องสติปัญญา

แล้วคุณละ มีความโดดเด่นในเรื่องใดบ้างหรือไม่ ที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า?

บทเรียน

10:1 “เมื่อ​พระ‌รา‍ชินี​แห่ง​เช‍บาทรง ​ได้​ยิน​กิตติ‌ศัพท์​ของ​ซา‍โล‍มอน อัน​เนื่อง​มา​จาก​พระ‌นาม​ของ​พระ‌ยาห์‍เวห์ พระ‌นาง​ก็​เสด็จ​มา​ทด‍สอบ​พระ‌องค์​ด้วย​ปัญ‍หา​ยุ่ง‌ยาก​ต่าง ๆ

        (Now when the queen of Sheba heard of the fame of Solomon concerning the name of the Lord,  she came to test him with hard questions. )

10:2 “พระ‌นาง​เสด็จ​มา​ยัง​กรุง​เย‍รู‍ซา‍เล็ม​พร้อม​ด้วย​ข้า​ราช‍บริ‍พาร​มาก‌มาย กับ​ฝูง​อูฐ​บรร‍ทุก​เครื่อง​เทศ ทอง‍คำ​มาก‌มาย อัญ‍มณี​ล้ำ‌ค่า และ​เมื่อ​พระ‌นาง​เสด็จ​มา​ถึง​ซา‍โล‍มอน​แล้ว พระ‌นาง​ก็​ทูล​เรื่อง​ใน​ใจ​ทุก​ประ‍การ​ต่อ​พระ‌องค์

      (She came to Jerusalem with a very great retinue, with camels bearing spices and very much gold and precious stones. And when she came to Solomon, she told him all that was on her mind. )

10:3 “และ​ซา‍โล‍มอน​ตรัส​ตอบ​ปัญ‍หา​ทุก​ข้อ​ของ​พระ‌นาง ไม่‌มี​สิ่ง​ใด​ซ่อน​‌เร้น​จาก​พระ‌ราชา​ซึ่ง​พระ‌องค์​จะ​ทรง​ตอบ​พระ‌นาง​ไม่‌ได้

      (And Solomon answered all her questions; there was nothing hidden from the king that he could not explain to her. )

10:4 “และ​เมื่อ​พระ‌รา‍ชินี​แห่ง​เช‍บาทรง​เห็น​พระ‌สติ‌ปัญ‍ญา​ทั้ง‌สิ้น​ของ​ซา‍โล‍มอน และ​พระ‌ราช‍วัง​ที่​พระ‌องค์​ทรง​สร้าง”

     (And when the queen of Sheba had seen all the wisdom of Solomon, the house that he had built, )

10:5 “ทั้ง​อา‍หาร​ที่​โต๊ะ​เสวย กับ​ที่‌นั่ง​ของ​บรร‍ดา​ข้า​ราช‍การ และ​การ​ปรน‍นิบัติ​ของ​พวก​มหาด‍เล็ก ตลอด​จน​เครื่อง​แต่ง‌กาย​ของ​พวก‌เขา อีก​ทั้ง​พนัก‌งาน​เชิญ‌ถ้วย​เสวย​ของ​พระ‌องค์ รวม​ทั้ง​เครื่อง​บูชา​เผา​ทั้ง​ตัว​ของ​พระ‌องค์​ที่​ทรง​ถวาย​บูชา ณ พระ‌นิเวศ​ของ​พระ‌ยาห์‍เวห์ พระ‌ทัย​ของ​พระ‌นาง​ก็​ตื่น​ตะ‍ลึง​อย่าง​ยิ่ง

     (the food of his table, the seating of his officials, and the attendance of his servants, their clothing,  his cupbearers, and his burnt offerings that he offered at the house of the Lord, there was no more breath in her. )

10:6 “พระ‌นาง​ทูล​พระ‌ราชา​ว่า “ข่าว​คราว​ซึ่ง​หม่อม‌ฉัน​ได้​ยิน​ใน​ประ‍เทศ​ของ​หม่อม‌ฉัน เกี่ยว‌กับ​พระ‌ราช‍กิจ​และ​พระ‌สติ‌ปัญ‍ญา​ของ​ฝ่า​พระ‌บาท​นั้น​เป็น​ความ​จริง

     (And she said to the king, “The report was true that I heard in my own land of your words and of your wisdom, )

10:7 “แต่​หม่อม‌ฉัน​ไม่‌ได้​เชื่อ​ถ้อย‌คำ​เหล่า‌นั้น จน​กระ‍ทั่ง​หม่อม‌ฉัน​ได้​มา​เฝ้า และ​เห็น​ด้วย​ตา​ของ​หม่อม‌ฉัน​เอง ดู‌สิที่​เขา​บอก​แก่​หม่อม‌ฉัน​ก็​ไม่​ถึง​ครึ่ง​หนึ่ง  พระ‌สติ‌ปัญ‍ญาและ​ความ​มั่ง‌คั่ง​ฝ่า​พระ‌บาท​ก็​มาก​ยิ่ง‌กว่า​ข่าว‌คราว​ ที่​หม่อม‌ฉัน​ได้​ยิน

      (but I did not believe the reports until I came and my own eyes had seen it. And behold, the half  was not told me. Your wisdom and prosperity surpass the report that I heard. )

10:8 “บรร‍ดา​คน​ของ​ฝ่า​พระ‌บาท​ ก็​เป็น​สุข บรร‍ดา​ข้า​ราช‍การ​เหล่า‌นี้​ของ​ฝ่า​พระ‌บาท​ก็​เป็น​สุข คือ​ผู้​ที่​คอย​ปรน​นิบัติ​เฉพาะ​พระ‌พักตร์​ฝ่า​พระ‌บาท​เป็น​ประจำ และ​ฟัง​พระ‌สติ‌ปัญ‍ญา​ของ​ฝ่า​พระ‌บาท

     (Happy are your men! Happy are your servants, who continually stand before you and hear your wisdom! )

10:9 “สาธุ‌การ​แด่​พระ‌ยาห์‍เวห์​พระ‌เจ้า​ของ​ฝ่า​พระ‌บาท ผู้​พอ‌พระ‌ทัย​ใน​ฝ่า​พระ‌บาท และ​ทรง​ตั้ง​ฝ่า​พระ‌บาท​ไว้​บน​ บัล‍ลังก์​แห่ง​อิส‍รา‍เอล เพราะ​พระ‌ยาห์‍เวห์​ทรง​รัก​อิส‍รา‍เอล​เป็น​นิตย์ พระ‌องค์​จึง​ทรง​แต่ง‌ตั้ง​ให้​ฝ่า​พระ‌บาท​เป็น​พระ‌ราชา เพื่อ​ฝ่า​พระ‌บาท​จะ​ทรง​อำ‍นวย​ความ​ยุติ‌ธรรม​และ​ความ​ชอบ‌ธรรม

      (Blessed be the Lord your God, who has delighted in you and set you on the throne of Israel!  Because the Lord loved Israel forever, he has made you king, that you may execute justice and righteousness.” )

10:10 “แล้ว​พระ‌นาง​ก็​ถวาย​ทอง‍คำ​หนัก 4,000 กิโล‍กรัม​แด่​พระ‌ราชา ทั้ง​เครื่อง​เทศ​อีก​มาก​มาย และ​อัญมณี​ล้ำค่า ไม่‌มี​เครื่อง​เทศ​เข้า​มา​มาก‌มาย​เหมือน​อย่าง​ที่​พระ‌รา‍ชินี​แห่ง​เช บา​ถวาย​แด่​พระ‌ราชา​ซา‍โล‍มอน​อีก​เลย”

      (Then she gave the king 120 talents of gold, and a very great quantity of spices and precious stones. Never again came such an abundance of spices as these that the queen of Sheba gave to King Solomon. )

10:11 “ยิ่ง‌กว่า​นั้น​อีก กอง​เรือ​ของ​ฮี‍ราม​ที่​บรร‍ทุก​ทอง‍คำ​มา​จาก​โอ‍ฟีร์ ได้​นำ​ไม้​จันทน์​แดง​มาก​มาย​และ​อัญ‌มณี​ล้ำค่า​มา​จาก​โอ‍ฟีร์

       (Moreover, the fleet of Hiram, which brought gold from Ophir, brought from Ophir a very great  amount of almug wood and precious stones. )

10:12 “แล้ว​พระ‌ราชา​ทรง​ใช้​ไม้​จันทน์​แดง​ทำ​เสา​สำ‍หรับ​พระ‌นิเวศ​ของ​พระ‌ยา ห์‍เวห์ และ​สำ‍หรับ​พระ‌ราช‍วัง​ของ​กษัตริย์ และ​ทำ​พิณ‌เขา‌คู่​และ​พิณ‌ใหญ่​สำ‍หรับ​พวก​นัก‌ร้อง จน​ทุก​วัน‌นี้​ก็​ไม่​เคย​มี​ไม้​จันทน์​แดง​เข้า​มาให้​เห็น​มาก‌มาย​ อย่าง‌นี้​อีก

      (And the king made of the almug wood supports for the house of the Lord and for the king’s  house, also lyres and harps for the singers. No such almug wood has come or been seen to this ay. )

10:13 “พระ‌ราชา​ซา‍โล‍มอน​ประ‌ทาน​แก่​พระ‌รา‍ชินี​แห่ง​เช‍บา ทุก​อย่าง​ที่​พระ‌นาง​ทรง​ประ‍สงค์​ตาม​ที่​ทูล​ขอ นอก​เหนือ‌จาก​สิ่ง​ที่​ได้​ประ‍ทาน​แก่​พระนาง​แล้ว​ด้วย​พระ‌ทัย​กว้าง​ ขวาง​ของ​พระ‌ราชา​ซา‍โล‍มอน ดัง‌นั้น​พระ‌นาง​ก็​เสด็จ​กลับ​ไป​ยัง​แผ่น‌ดิน​ของ​พระ‌นาง พร้อม​กับ​พวก​ข้า​ราช‍การ​ของ​พระ‌นาง

      (And King Solomon gave to the queen of Sheba all that she desired, whatever she asked besides  what was given her by the bounty of King Solomon. So she turned and went back to her own land with her servants. )

10:14 “น้ำ‌หนัก​ของ​ทอง‍คำ​ที่​นำ​มา​ถวาย​ซา‍โล‍มอน​ใน​ปี​หนึ่ง​นั้น​เป็น​ทอง‍คำ​หนัก​ถึง 23,000 กิโล‍กรัม”

       (Now the weight of gold that came to Solomon in one year was 666 talents of gold, )

10:15 “นอก‌เหนือ​จาก​ทอง​ซึ่ง​มา​จาก​พวก​คน​ค้า​ขาย​และ​จาก​สินค้า​ของ​พวก​พ่อ‌ค้า และ​จาก​บรร‍ดา​กษัตริย์​แห่ง​อา‍ระ‍เบีย​และ​จาก​บรร‍ดา​เจ้า‌เมือง​ของ​ แผ่น‌ดิน

        (besides that which came from the explorers and from the business of the merchants, and from  all the kings of the west and from the governors of the land. )

10:16 “พระ‌ราชา​ซา‍โล‍มอน​ทรง​ให้​เอา​ทอง‍คำ​มา​ทุบ​เป็น​โล่​ใหญ่ 200 อัน โล่​อัน​หนึ่ง​ใช้​ทอง‍คำ​หนัก​ประ‍มาณ 7  กิโล‍กรัม

        (King Solomon made 200 large shields of beaten gold; 600 shekels of gold went into each  shield.)

10:17 “และ​พระ‌องค์​ทรง​ให้​เอา​ทอง​คำ​มา​ทุบ​เป็น​โล่​เล็ก 300 อัน โล่​อัน​หนึ่ง​ใช้​ทอง‍คำ​หนัก​ประ‍มาณ 2 กิโล‍กรัม และ​ พระ‌ราชา​ทรง​เก็บ​โล่​ไว้​ใน​พระ‌ตำ‍หนัก​พนา​เล‍บา‍นอน

        (And he made 300 shields of beaten gold; three minas of gold went into each shield. And the  king put them in the House of the Forest of Lebanon. )

10:18 “พระ‌ราชา​ทรง​ทำ​พระ‌ที่‌นั่ง​งา‌ช้าง​ขนาด​ใหญ่ และ​ทรง​บุ​ด้วย​ทอง‍คำ​บริ‍สุทธิ์”

       (The king also made a great ivory throne and overlaid it with the finest gold. )

10:19 “พระ‌ที่‌นั่ง​นั้น​มี​บัน‍ได​หก​ขั้น ด้าน​บน​พนัก‌หลัง​ของ​พระ‌ที่‌นั่ง​นั้น​กลม และ​สอง​ข้าง​ของ​พระ‌ที่‌นั่ง​มี​ที่​วาง​พระ‌หัตถ์ มี​รูป​สิงโต​สอง​ตัว​ยืน​อยู่​ข้างๆ ที่​วาง​พระ‌หัตถ์”

        (The throne had six steps, and at the back of the throne was a calf’s head, and on each side of  the seat were armrests and two lions standing beside the armrests, )

10:20 “และ​มี​รูป​สิงโต​อีก​สิบ‌สอง​ตัว​ยืน​อยู่​บน​ข้าง​บัน‍ได​หก​ขั้น ขั้น​ละ​สอง​ตัว ไม่‌มี​ราช‍อา‍ณา‌จักร​ใดๆ เคย​ทำ​สิ่ง​เหล่า‌นี้​เลย

       (while twelve lions stood there, one on each end of a step on the six steps. The like of it was   never made in any kingdom. )

10:21 “ถ้วย​ทั้ง‌สิ้น​ของ​พระ‌ราชา​ซา‍โล‍มอน​ทำ​ด้วย​ทอง‍คำ และ​ภาชนะ​ทั้ง‌สิ้น​ของ​พระ‌ตำ‍หนัก​พนา​เล‍บา‍นอน​ทำ​ด้วยทอง‍คำ​บริ‍สุทธิ์ ไม่‌มี​ที่​ทำ​ด้วย​เงิน​เลย เงิน​นั้น​ถือ​ว่า​เป็น​ของ​ไม่‌มี​ค่า​อะไร​ใน​สมัย​ของ​ซา‍โล‍มอน

       (All King Solomon’s drinking vessels were of gold, and all the vessels of the House of the Forest  of Lebanon were of pure gold. None were of silver; silver was not considered as anything in the days of Solomon. )

10:22 “เพราะ‌ว่า​พระ‌ราชา​มี​กอง​เรือ​เมือง​ทาร‍ชิช เดิน​ทะเล​พร้อม​กับ​กอง​เรือ​ของ​ฮี‍ราม กอง​เรือ​เมือง​ทาร‍ชิช​นำ​ทอง‍คำ  เงิน งา‌ช้าง ลิง และ​นก‌ยูง​มา​สาม​ปี​ต่อ​ครั้ง”

        (For the king had a fleet of ships of Tarshish at sea with the fleet of Hiram. Once every three  years the fleet of ships of Tarshish used to come bringing gold, silver, ivory, apes, and   peacocks. )

10:23 “ดัง‌นั้นพระ‌ราชา​ซา‍โล‍มอน​จึง​ยิ่ง‌ใหญ่​กว่า​กษัตริย์​อื่นๆ ใน​โลก ใน​เรื่อง​สม‍บัติ​และ​สติ‌ปัญ‍ญา”

       (Thus King Solomon excelled all the kings of the earth in riches and in wisdom. )

10:24 “และ​ทั่ว​ทั้ง​โลก​ก็​แสวง‌หา​ที่​จะ​เข้า‌เฝ้า​ซา‍โล‍มอน เพื่อ​จะ​ฟัง​พระ‌สติ‌ปัญ‍ญา​ซึ่ง​พระ‌เจ้า​ประ‍ทาน​ไว้​ใน​พระ‌ทัย​ของ​พระ‌องค์”

         (And the whole earth sought the presence of Solomon to hear his wisdom, which God had put  into his mind. )

10:25 “ทุก​คน​ก็​นำ​เครื่อง​บรร‍ณา‍การ​ของ​เขา​มา คือ​ภาชนะ​เงิน​และภาชนะ​ทอง เสื้อ​ผ้า อา‍วุธ เครื่อง​เทศ ม้า​และ​ล่อ ตาม​จำ‍นวน​กำ‍หนด​ทุกๆ ปี

       (Every one of them brought his present, articles of silver and gold, garments, myrrh, spices, horses, and mules, so much year by year. )

10:26 “ซา‍โล‍มอน​ทรง​สะสม​รถ‌รบ​และ​ทหาร‌ม้า พระ‌องค์​ทรง​มี​รถ‌รบ 1,400 คัน และ​ทหาร‌ม้า 12,000 คน ซึ่ง​พระ‌องค์​ทรง​ให้​ประ‍จำ​อยู่‌ที่​เมือง​รถ‌รบ และ​อยู่​กับ​พระ‌ราชา​ใน​กรุง​เย‍รู‍ซา‍เล็ม

       (And Solomon gathered together chariots and horsemen. He had 1,400 chariots and 12,000  horsemen, whom he stationed in the chariot cities and with the king in Jerusalem. )

10:27 “และ​พระ‌ราชา​ทรง​ทำ​ให้​เงิน​ใน​กรุง​เย‍รู‍ซา‍เล็ม​เป็น​เหมือน​ก้อน‌หิน และ​ทรง​ทำ​ให้​มี​ไม้‌สน​สี‍ดาร์​มาก‌มาย​เหมือน​ต้น​มะ‍เดื่อ​แห่ง​เนิน​เช‍เฟ‍ลาห์

       (And the king made silver as common in Jerusalem as stone, and he made cedar as plentiful as the sycamore of the Shephelah. )

10:28 “ม้า​อัน​เป็น​สิน‌ค้า​เข้า​ของ​ซา‍โล‍มอน​มา​จาก​อี‍ยิปต์และ​คู‍เอ และ​บรร‍ดา​พ่อ‌ค้า​ของ​พระ‌ราชา​ก็​ได้​ม้า​มา​จาก​คู‍เอ​ตาม​รา‍คา

       (And Solomon’s import of horses was from Egypt and Kue, and the king’s traders received them  from Kue at a price. )

10:29 “ส่วน​รถ‌รบ​ที่​มา​จาก​อี‍ยิปต์​คัน​หนึ่ง​มี​รา‍คา​เป็น​เงิน 600 เช‍เขล ม้า​ตัว​หนึ่ง​มี​ราคา​เป็น​เงิน 150 เช‍เขล ดัง‌นั้น​ โดย​ทาง​พวก​พ่อ‌ค้า เขา​ก็​ส่ง​ออก​ไป​ยัง​กษัตริย์​ทั้ง‌ปวง​ของ​คน​ฮิต‍ไทต์​และ​บรร‍ดา​กษัตริย์​ของ​ซี‍เรีย

       (A chariot could be imported from Egypt for 600 shekels of silver and a horse for 150, and so through the king’s traders they were exported to all the kings of the Hittites and the kings of  Syria. )

ข้อมูลมีประโยชน์

 

  10:1     “พระราชินีแห่งเชบา” (queen of Sheba ) –ปฐก.10:7,28;25:3;มธ.12:42;ลก.11:31

“เชบา” –ตามหลักฐานทางโบราณคดี บ่งบอกว่า เชบาเป็นอาณาจักรทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของอาระเบีย (ปฐก.10:28;ยอล.3:8) ในช่วงเวลาประมาณ  900-450 ก.ค.ศ

เชบา ได้กำไรจากการค้าขายทางทะเลกับอินเดีย และอัฟริกาตะวันออก โดยขนส่งสินค้าที่มีค่าไปทางเหนือถึงดามัสกัส และลงใต้มาทางกาซา โดยใช้เส้นทางคาราวานผ่านถิ่นทุรกันดารอาระเบีย

“กิตติศัพท์ของซาโลมอน” (the fame of Solomon) -4:31;อสค.16:14

“อันเนื่องมาจากพระนามของพระยาห์เวห์” (concerning the name of the Lord,) = สติปัญญาของซาโลมอนถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระยาห์เวห์

= ราชินีแห่งเชบา สังเกตว่า สติปัญญาของซาโลมอนนั้นเกี่ยวข้องกับพระเจ้าที่ซาโลมอนนมัสการ

-พระเยซูคริสต์ทรงใช้ราชินีแห่งเชบาเป็นตัวอย่างเพื่อกล่าวโทษประชาชนในสมัยของพระองค์ซึ่งไม่สังเกต

เลยว่า พระเยซูคริสต์ผู้ทรง “ยิ่งใหญ่กว่าซาโลมอน”  นั้นอยู่ท่ามกลางพวกเขา (มธ.12:42;ลก.11:31)

“ทดสอบโดยตั้งปัญหายาก ๆ” (test him with hard questions.) –กดว.12:8;วนฉ.14:12

10:2     “ข้าราชบริพารมากมาย” (a very great retinue,) = กองคาราวานใหญ่ –ปฐก.24:10

10:5     “อาหารบนโต๊ะเสวย” (the food of his table) –1พกษ.4:22

10:7     “หม่อมฉันไม่ได้เชื่อถ้อยคำเหล่านั้น” ( I did not believe the reports) = ไม่ได้เชื่อมาก่อนเลย  –ปฐก.45:26

“พระสติปัญญาและความมั่งคั่ง” (wisdom and prosperity surpass) –1พศด.29:25

10:8     “บรรดาคนของฝ่าพระบาท” (your servants) = “ไพร่ฟ้าของฝ่าพระบาท”  แต่ในสำเนาโบราณบางฉบับแปลว่า “บรรดามเหสีของฝ่าพระบาท”

10:9     “สาธุการแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาท” (Blessed be the Lord your God,) –ราชินีแห่งเชบา ได้กล่าวถ้อยคำที่สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับประชาชนของพระองค์ตามพันธสัญญา (แม้ว่าอาจจะเข้าใจเพียงแค่การรับรู้ว่า พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าประจำชาติของชาวอิสราเอลก็ตาม)    (ปท.1พกษ.5:7;2พศด.2:12;ดนล.3:28-29;อสย.42:10)

-แต่ยังไม่ได้หมายความว่า พระนางยอมรับพระเจ้าของซาโลมอนเป็นพระเจ้าของพระนางอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“ทรงรักอิสราเอลเป็นนิตย์” (the Lord loved Israel forever) = เนื่องด้วยความรักนิรันดร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่มีต่ออิสราเอล – ฉธบ.7:8

“อำนวยความยุติธรรม” (justice            ) –สดด.11:7;33:5;72:2;99:4;103:6

10:10   “ถวายทองคำ” ( gold) –1พกษ.9:28;อสย.60:6

“หนัก 4000 กิโลกรัม” ( 120 talents) = หนักประมาณ 4 ตัน (9:11,28)

10:11   “กองเรือของฮีราม” (the fleet of Hiram  ) -9:26-28 ,-ฮีรามจัดหาไม้, สังกะสี และช่างผู้เชี่ยวชาญในการก่อสร้าง ซึ่งอิสราเอลขาดแคลนมาให้

“ไม้จันทน์แดง” (almug wood) = อาจเป็นไม้ประดู่ (2พศด.9:10-11), ไม้ชนิดนี้มีทั้งในเลบานอนและโอฟีร์ (2พศด.2:8)

“โอฟีร์”( Ophir  ) –ปฐก.10:29

10:13   “ทุกอย่างที่พระนางทรงประสงค์ตามที่ทูลขอ”(all that she desired, whatever she asked besides) =เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนของกำนัลและข้อตกลงทางการค้าระหว่างซาโลมอนและราชินีแห่งเชบา (แม้จะมีตำนานมากมายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของราชินีแห่งเชบาที่ให้กำเนิดบุตรที่เกิดจากซาโลมอนก็ตาม)

10:14   “น้ำหนักทองคำ…เป็นทองคำหนักถึง 23,000 กิโลกรัม” (weight of gold ….. 666 talents of gold)

= หนักประมาณ 23 ตัน หรือ 666 ตะลันต์ –1พกษ.9:28

10:15   “…จากบรรดากษัตริย์แห่งอาระเบีย” (…from all the kings of the west) = บรรณาการเพื่อให้กองคาราวานของกษัตริย์เหล่านี้ผ่านเขตแดนอิสราเอล

“จากบรรดาเจ้าเมืองของแผ่นดิน” (from the governors of the land) = เหล่าผู้ปกครองของดินแดนนั้นอาจเป็นกลุ่มเดียวกับใน 4:7-19

10:16   “เอาทองคำมาทุบเป็นโล่ใหญ่” (gold went into each shield) –โล่ 4 เหลี่ยมผืนผ้าสามารถป้องกันตัวได้เต็มตัว (ต่างจากโล่กรมขนาดเล็ก) –2ซมอ.8:7

-โล่เหล่านี้น่าจะใช้ในพิธีการ (หรือพิธีกรรม) เป็นสัญลักษณ์ส่อถึงความมั่งคั่งและความยิ่งใหญ่ตระการของอิสราเอล

-อาจจะทำด้วยไม้และปิดรอบด้วยทองคำ

-ต่อมาในปีที่ 5 ของรัชกาลเรโหโบอัม ชิชักแห่งอียิปต์ ได้ปล้นชิงโล่เหล่านี้ไป (14:25-26)

“โล่อันหนึ่งใช้ทองคำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม” (shields of beaten gold; 600 shekels) –ภาษาฮีบรูใช้คำว่า 600 เบคา

10:17   “ประมาณ 2 กิโลกรัม” (300 shields) = 3 มินา (หรือประมาณ 1.7 กิโลกรัม)

“ตำหนักพนาเลบานอน” (the Forest of Lebanon) –1พกษ.7:2

10:21   “ทองคำบริสุทธิ์” (pure gold) –อสย.60:17

10:22   “กองเรือเมืองทารชิช” ( a fleet of ships of Tarshish) = กองเรือพาณิชย์ (2พศด.9:2) ถูกกล่าวถึงใน ข.11:1พกษ.9:26-28

= ไม่จำเป็นต้องเป็นเรือที่แล่นไปยังทารชิช (ยนา.1:3) แต่อาจหมายถึงเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่

“กองเรือ” (ของฮีราม) (sea with the fleet            ) –1พกษ.9:27;สดด.48:7;อสย.2:16;23:1;14;60:6,7

          “นกยูง” -ยังแปลได้ว่า “ลิงบาบูน”

10:23   “ในเรื่องสมบัติ” (riches            ) = กษัตริย์ทรงมั่งคั่งมากกว่ากษัตริย์องค์ใด ๆ ในสมัยนั้น (1พกษ.3:13;มธ.6:29)

“สติปัญญา” (wisdom) = ทรงพระปรีชาญาณเหนือกว่ากษัตริย์องค์ใด ๆ  -1พกษ.3:12;มธ.24:42

10:24   “ฟังพระสติปัญญา” (hear his wisdom) –2ซมอ.14:20

10:25   “นำเครื่องบรรณาการของเขามา” (brought his present,) –1ซมอ.10:27

10:26   “รถรบและทหารม้า” (chariots and horsemen.)  คำว่า “ทหารม้า” อาจแปลได้ว่า “ม้า” -4:26; โมเสสเคยกล่าวห้ามกษัตริย์ไม่ให้สะสมม้าไว้ในเฉลยธรรมบัญญัติ 17:16

“ม้า 12000 ตัว” = อาจแปลว่า “พวกรบรถ 12000 คน”

10:27   “เงิน…เป็นเหมือนก้อนหิน” (silver as common) = เงินมีมากมายจนเหมือนก้อนหิน กลายเป็นสิ่งไร้ค่าไป (โยบ 27:16;อสย.60:17)

“ต้นมะเดื่อ” (the sycamore) –1พศด.27:28;อมส.7:14

10:29   “600 เชเขล” (600 shekels)= มูลค่าของเงินที่มีน้ำหนักประมาณ 7.2 กิโลกรัม

“150 เชเขล” (150 shekels) = มูลค่าของเงินมีน้ำหนักประมาณ 1.8 กิโลกรัม

“ส่งออก” (exported) = ผ่านตัวแทน (ข.28)

ซาโลมอนเป็นกษัตริย์ที่เป็นคนกลางในการทำธุรกิจการค้าที่ได้กำไรดี

“คนฮิตไทต์” (the Hittites) –ปฐก.10:15

“บรรดากษัตริย์ของซีเรีย” (kings of Syria) = เรียกชื่อเดิมว่า “ชาวอารัม” ซึ่งเป็นชนชาติโบราณที่ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ทางเหนือทางตะวันออกของทะเลกาลิลี (ปฐก.10:22;ฉธบ.26:5;1พศด.18:15)

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณมีชื่อเสียงที่ดีในด้านใดบ้าง? เพราะอะไร?  และส่งผลต่อชีวิตของคุณและคนอื่นอย่างไร?
  2. คุณเคยได้ยินกิตติศัพท์ของบุคคลใดที่ทำให้คุณปรารถนาที่จะได้เข้าใกล้ชิดหรือพบเขาบ้าง? เพื่ออะไร?  แล้วผลสุดท้ายเป็นอย่างไร?
  3. บุคคลใดในพระคัมภีร์เป็นคนที่มีกิตติศัพท์ที่ดีที่สุดในความคิดเห็นของคุณ? ทำไมจึงคิดเช่นนั้น?  หากคุณได้เข้าพบเขา/เธอคุณจะขออะไรจากเขา/เธอ?
  4. เคยมีบุคคลใดเข้ามาหาคุณและบอกว่า เขาเห็น “พระเจ้า” ทรงสถิตอยู่กับคุณบ้างหรือไม่?  เขาดูหรือสังเกตจากอะไร? (แบ่งปัน)
  5. คุณเคยตื่นตะลึงที่ได้เห็นหรือประสบกับอะไรที่เข้าข่าย “ไม่เคยเห็นมากมายอย่างนั้นมาก่อน” บ้างหรือไม่? และส่งผลอะไรต่อคุณบ้าง?  (แบ่งปัน)
  6. หากวันนี้ คุณมีทองคำมากมายอย่างกษัตริย์ซาโลมอนมี คุณจะทำอะไรบ้าง? ทำไม? และอย่างไร?
  7. บุคคลใดเป็นคนที่มีสติปัญญาที่คุณปรารถนาที่จะขอรับฟังจากเขามากที่สุดและในเรื่องอะไร?
  8. คุณเห็นแบบอย่างอะไรของผู้ใดบ้างที่สามารถใช้สติปัญญาให้เกิดผลมากมายทั้งในทางโลกและทางธรรม เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าและหนุนใจตัวของคุณ? และเขาใช้สติปัญญานั้นอย่างไร?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

 

Categories
บทความแปล

ทาสใจสมัคร

bond servant

ฉันใดก็ดี เมื่อท่านทั้งหลายได้กระทำสิ่งสารพัด ซึ่งเราบัญชาไว้แก่ท่านนั้น ก็จงพูดด้วยว่า ‘ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบ่าวที่ไม่มีบุญคุณต่อนาย  ข้าพเจ้าได้กระทำตามหน้าที่ซึ่งข้าพเจ้าควรกระทำเท่านั้น'” (ลูกา 17:10)

 อ.เปาโลมักจะพูดถึงตัวท่านเองว่าเป็นบ่าวขององค์พระเยซูคริสต์ ซึ่งต่างจากทาสที่มีชีวิตลำบากสาหัสเหมือนในยุคโบราณ ที่พวกทาสรับใช้ถูกบังคับให้ทำงานให้กับคนที่ไม่รู้จัก การเป็นบ่าวขององค์พระคริสต์แปลว่ากำลังรับใช้พระเจ้า และเป็นสิ่งที่ “ฉันอยากทำ”

อะไรคือเป้าหมายของผู้เป็นบ่าว? ทำให้นายพอใจ ทำในสิ่งที่เจ้านายอยากให้ทำ อย่างที่ใน 1โครินธ์  6:20 เตือนไว้ “พระเจ้าได้ทรงซื้อท่านไว้แล้ว ด้วยราคาสูง เหตุฉะนั้น ท่านจงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของท่านเถิด”

อย่าเข้าใจผิดเหมือนกับว่าพระเจ้านำเรามา ไม่ให้เราได้ทำความต้องการของเรา แต่ให้ไปเป็นทาส ไม่ใช่ครับ แต่เป็นเหมือนทาสที่ถูกล่ามโซ่อยู่ในตลาดค้าทาส พระเยซูเสด็จมา มองมาที่ผมแล้วตรัสว่า “เราต้องการคนนั้น” แล้วทรงซื้อผมมา

แล้วผมก็พูดว่า “โอเคครับเจ้านาย ท่านต้องการให้ผมไปที่ไหนครับ?”

“เราต้องการให้เจ้ามานี่ เพราะเราจะปลดโซ่ตรวนนั่นออกจากเจ้า”

“ว้าว รู้สึกดีขึ้นมาก”

แล้วพระเยซูตรัสว่า “เราจะไปที่ศาลยุติธรรมกัน”

“ไปทำไมครับ?”

“เราจะอุปถัมภ์เจ้ามาเป็นบุตรของเรา มารับใช้เรา มาเป็นบุตรของเรา”

ผมจะพูดว่า “ท่านครับ ผมอยากเป็นทาสของท่านตลอดไป”

นี่คือสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ ผมไม่ได้เป็นทาสเพราะจำเป็นต้องเป็น ผมเป็นทาสเพราะผม “ต้องการ” เป็น
ครับในฐานะคริสเตียน เราเป็นทาส และเราก็เป็นสหายของพระเจ้า ช่างปั้นที่ปั้นแต่งเราคือพระบิดาที่รักเรา เป็นเจ้านายที่เป็นเจ้าของเรา และยังเป็นเพื่อนสนิทที่รักเรา ของพระอเราถูกเรียกและเลือกให้มาเป็นบ่าวของพระองค์

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 

Categories
บทความแปล

เชิญมาหาเรา

เชิญมาหาเรา

พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า “เชิญมาเถิด” และให้ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวว่า “เชิญมาเถิด” และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา ผู้ใดมีใจปรารถนา ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย (วิวรณ์ 22:17)

ดูเหมือนจากในพระวจนะ หนึ่งในคำที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดคือคำว่า “มา” ภาพการพิพากษาที่เราเห็นบนโลกนี้ เมื่อพระเจ้าสั่งให้โนอาห์สร้างเรือใหญ่ เมื่อสร้างเสร็จ พระองค์ตรัสว่า  “เจ้าจงเข้าไปในนาวาหมดทั้งครัวเรือนของเจ้า…” (ปฐมกาล 7:1)
โมเสส ขณะยืนอยู่ท่ามกลางประชาชนที่ล้มลงเพราะไปนมัสการวัวทองคำ กล่าวว่า “ผู้ใดอยู่ฝ่ายพระเจ้า ให้ผู้นั้นมาหาเราเถิด (อพยพ 32:26).

ในอิสยาห์ พระเจ้าตรัสว่า  “มาเถิด ให้เราสู้ความกัน…” (อิสยาห์ 1:18)  และ “เชิญทุกคนที่กระหาย จงมาถึงน้ำ…” (55:1)

เมื่อมีคนที่อยากรู้ว่าพระเยซูอาศัยอยู่ที่ไหน พระองค์ตรัสว่า “มาดูเถิด” (ยอห์น 1:39) และพระองค์ตรัสอีกด้วยว่า “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข” (มัทธิว 11:28)

เมื่อเหตุการณ์ที่พูดถึงในหนังสือวิวรณ์กำลังใกล้เข้ามา เราต่างก็ได้รับคำเชิญ – พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า “เชิญมาเถิด” และให้ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวว่า “เชิญมาเถิด” และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา ผู้ใดมีใจปรารถนา ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย (วิวรณ์ 22:17)

นี่คือพระทัยของพระเจ้า ทรงประกาศออกไปต่อมนุษยชาติว่า “ให้มาหาเรา” และจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราไปหาพระองค์? ความกระหายฝ่ายวิญญาณของเราจะได้รับการเติมเต็ม เป็นข้อเสนอที่พระองค์ยื่นให้กับทุกคน ไม่ใช่เป็นการบีบบังคับ
ลึกลงไปในเราทุกคน เรากระหาย กระหายหาสิ่งที่โลกนี้ให้ไม่ได้ เราหาไม่ได้ในความสัมพันธ์ หาไม่ได้ในสิ่งของที่เราครอบครอง หาไม่ได้ในประสบการณ์ความสำเร็จที่ได้รับ สิ่งต่างๆเหล่านี้มีแต่จะทิ้งให้เราว่างเปล่า

ลึกลงไป เราหิวกระหายหาองค์พระผู้เป็นเจ้าครับ

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย : Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000, Riverside, CA 92514

Categories
สารจากศบ.

สารจากศิษยาภิบาล

ImageHandler

3 พฤศจิกายน 2013

 สวัสดีครับพี่น้อง CJ และญาติมิตร

ขอบคุณพระเจ้าที่อาทิตย์ที่แล้วมีผู้ต้อนรับพระคริสต์  คือ 1.คุณเล็ก 2. คุณเทรซี่  3. น้องพิม

ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองรักษาและอวยพรให้เติบโตขึ้นในความสัมพันธ์กับพระคริสต์เป็นรายบุคคล

ผมดีใจที่พี่น้องรักญาติมิตรและได้เป็นพยานประกาศข่าวประเสริฐกับคนเหล่านั้น และพามาคริสตจักร  เพื่อมีประสบการณ์กับการนมัสการพระเจ้าด้วยกัน และหลายคนได้พบกับพระคริสต์และชีวิตก็เปลี่ยนไป!

แต่อย่าให้เราเป็นคนที่แม้จะมาคริสตจักรเป็นประจำแล้วก็ตาม  แต่ชีวิตยังไม่เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น!

อย่าให้คำพูดกับการกระทำของเราขัดกัน!

การเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราจะเร็วจะช้าขึ้นอยู่กับอัตราหรือขนาดการยอมจำนนของเราต่อพระเจ้า หากพี่น้องยอมจำนนต่อพระเจ้า เชื่อฟังพระองค์ในทุกเรื่องและทุกวันอย่างต่อเนื่อง ชีวิตของพี่น้องก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่พึงประสงค์เร็วขึ้นและมากขึ้น

พี่น้องต้องไม่ยอมให้ตัวเองหรือผู้ใดชักชวนพี่น้องให้มีชีวิตจมอยู่กับบาป หรือเนื้อหนัง นั่นคือ พูดจาหรือทำสิ่งใดที่ก่อเกิดความเกียจคร้านฝ่ายจิตวิญญาณ ความเกลียดโกรธ ทั้งผ่านการพูดโดยตรงแบบต่อหน้าหรือพูดลับหลัง (ซึ่งเข้าข่ายซุบซิบนินทาซึ่งผิดวัฒนธรรมอันดีของ CJ ของเรา) ขอให้พี่น้องยอมจำนนต่อพระเจ้า และคุณมีจุดยืนแน่วแน่ที่จะไม่ทำสิ่งใดที่ผิดพระทัยของพระเจ้า และไม่ชักชวนผู้ใดให้ทำเช่นนั้น แต่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองและช่วยให้คนอื่นสามารถรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตเป็นอย่างที่พระเจ้าทรงปรารถนาด้วย!

การมาศึกษาพระคัมภีร์ทุกวันพฤหัสอาจจะช่วยให้พี่น้องเจริญเติบโตขึ้นในฝ่ายจิตวิญญาณได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งทุกการนมัสการและการศึกษาพระคัมภีร์วันอาทิตย์และในทุกกลุ่มแคร์ระหว่างสัปดาห์ (อังคาร/พุธ/ศุกร์)

ขอพี่น้องอธิษฐานเผื่อผู้ที่จะร่วมรับใช้ในคริสตจักรเต็มเวลา ดังที่ได้ประชาสัมพันธ์ไปแล้ว ที่พระเจ้าจะทรงนำบุคคลที่เหมาะสมกับหน้าที่และเป็นผู้ที่พระเจ้าเลือกและแต่งตั้งให้เป็นท่อพระพรต่อสมาชิกและคนมากมายอย่างเป็นแบบอย่างและเสียสละ!

ขอให้เรารักกัน อภัยให้กัน โดยมีท่าทีความคิด คำพูดต่อกันอย่างที่ “คนของพระเจ้า” พึงกระทำต่อกัน และขอให้อาการหรือการงานของเนื้อหนังที่เป็นศัตรูกับ “พระวิญญาณ” ของพระเจ้าห่างไกลจากชีวิตของเรา  อาทิ

          “การ​งาน​ของ​เนื้อหนัง​นั้น​เห็น​ได้​ชัด คือ​การ​ล่วงประเวณี การ​โสโครก การ​เสเพล การ​นับถือ​รูปเคารพ การ​ถือ​ วิทยาคม การ​เป็น​ศัตรู​กัน การ​วิวาท​กัน การ​ริษยา​กัน การ​ฉุนเฉียว​กัน การ​ใฝ่สูง การ​ทุ่มเถียง​กัน การ​แตกก๊ก​กัน การ ​อิจฉา​กัน การ​เมา​เหล้า การ​เล่น​เป็น​พาลเกเร และ​การ​อื่นๆ ใน​ทำนอง​นี้​ซึ่ง​ข้าพเจ้า​เคย​เตือน​พวก​ท่าน​มา​ก่อน​ว่า คน​ที่​ประพฤติ​เช่น​นั้น​จะ​ไม่​มี​ส่วน​ใน​แผ่นดิน​ของ​พระเจ้า”     (กท.5:19-21)

            แต่ตรงกันข้าม ขอให้ชีวิตของเราสำแดงผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ต่อไปนี้ให้เห็นเด่นชัดมากขึ้น นั่นคือ

“ส่วน​ผล​ของ​พระ‌วิญ‍ญาณ​นั้น คือ​ความ​รัก ความ​ยินดี สันติ‌สุข ความ​อด‌ทน ความ​กรุณา ความ​ดี ความ​ซื่อ‌สัตย์ความ​สุภาพ​อ่อน‌โยน การ​รู้‌จัก​บัง‌คับ​ตน เรื่อง​อย่าง‌นี้​ไม่​มี​ธรรม​บัญ‍ญัติ​ห้าม​ไว้​เลย ผู้​ที่​อยู่​ฝ่าย​พระ‌เยซู‌คริสต์​ได้​ตรึง​เนื้อ‍หนัง​ไว้​ที่​กาง‍เขน​พร้อม‌กับ​ราคะ​และ​ตัณ‍หา​แล้ว”     (กท.5:22-24)

          วันนี้ ขอขอบคุณ อ. สมศักดิ์ ที่ได้แบ่งปันพระวจนะของพระเจ้าแก่เรา และขออธิษฐานเผื่อ

  1. คริสตมาสของ CJ วันที่ 22 ธันวาคม เวลา 18.00 น.  ณ โรงเรียนนานาชาติทรินีตี้
  2. การประกาศพิเศษร่วมกันที่  BSC ในวันเสาร์ที่ 14 ธ.ค. เวลา 16.00 – 18.00 น.  โดยมีเจ้าภาพจัดคือ คริสตจักรนิมิตใหม่
  3. พิธีสมรสของสมาชิกของเรา

คุณหนิง – คุณป๊อบ วันที่  30 พ.ย. นี้     เวลา 14.00 น.  ณ คริสตจักรสืบสัมพันธวงศ์

คุณต้น – คุณเปิ้ล วันที่ 7 ธ.ค. นี้  เวลา 14.00 น.   ณ คริสตจักรสืบสัมพันธวงศ์

คุณไนซ์ – คุณเจอรัลด์ วันที่ 10 ธ.ค. นี้  ณ ประเทศสิงคโปร์

ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องที่รักทุกท่านครับ!

ด้วยรักจากใจ

(ธงชัย  ประดับชนานุรัตน์)    ศิษยาภิบาล

 

 

 

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ไม่คิดว่าจะพลาด

lost wallet

ปกติผมเป็นคนที่ระมัดระวัง ดูแลกระเป๋าเงินอยู่พอสมควร และคิดว่าโอกาสที่กระเป๋าเงินของผมจะหายไปจากตัวโดยไม่รู้ตัวนั้น ยากที่จะเกิด!

แต่แล้วในวันพุธที่เพิ่งผ่านมา ผมก็พลาดจนได้!

หลังจากใช้เวลาตอนค่ำกับครอบครัวที่เอสพลานาด เราก็เรียกแท็กซี่ให้มาส่งที่บ้านแถวห้วยขวาง ซึ่งอยู่ไม่ไกล!

ผมคุยกันคนขับแท็กซี่(ที่เป็นชาวสุพรรณ)แบบออกรสออกชาติ ไม่นานรถก็มาถึงซอยเข้าบ้าน ผมก็รีบหยิบกระเป๋าเงิน หยิบธนบัตรขึ้นมาจ่ายค่ารถ แต่รถแท็กซี่คันนี้มืดมาก ผมก็ขอให้เปิดไฟหน่อยจะได้หยิบเงินมาจ่ายได้สะดวก แค่คนขับก็ไม่ได้เปิดไฟให้  ผมเลยจำใจหยิบพันธบัตรทีละใบขึ้นมาส่องกับแสงไฟอันน้อยนิดก่อนหยิบจ่ายออกไป พอดีลูกสาวกับภรรยาต้องถือของหนัก ผมจึงรีบเปิดประตูหน้าออกไป เพื่อไปเปิดประตูหลังช่วยยกของ แต่เพราะด้านหน้ามืด ช่วงนั้นกระเป๋าเงินคงตกลงกับที่นั่งหรือพื้นรถด้านหน้าแล้วมองไม่เห็น พอถือถุงข้าวของเปิดประตูบ้านเลยสังเกตว่า กระเป๋ากางเกงมันโล่งผิดปกติ!

ในที่สุดก็พบว่า กระเป๋าสตางค์ผมหาย!    นับว่า เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่คุ้นเคย!

ผมงง!  เพราะว่าไม่ได้จดชื่อคนขับรถหรือจดเบอร์โทรศัพท์ของใครไว้เลย ไม่ว่าจะของธนาคารหรือของศูนย์แท็กซี่ใด ๆ (เพราะคิดว่าระยะทางสั้น ๆ )

บทเรียนที่ผมได้มาเพื่อเตือนสอนคนอื่นจากเหตุการณ์ครั้งนี้คือ

  1. ก่อนขึ้นรถ TAXI ให้ถ่ายรูปหมายเลขและรถแท็กซี่ในมือถือก่อน หรือขึ้นรถแล้วหากเป็นได้ก็รีบถ่ายบัตรคนขับรถด้านหน้ารถไว้ด้วย (และส่งให้ญาติพี่น้องทันที)
  2. หากไม่ได้ถ่ายไว้ก็ให้จำสีรถ/บริษัทและจดทะเบียนรถ/ชื่อคนขับรถ (เช็คดูภาพว่าเป็นคนเดียวกับคนขับหรือเปล่า)
  3. พูดคุยกับคนขับรถเพื่อเก็บข้อมูล (มาจากจังหวัดใด ชื่ออะไร อู่อยู่แถวไหน?)
  4. มีเบอร์โทรศัพท์ของ จส.100 (1137), สวพ.91 (1644 หรือ 02-5620033-4) , ร่วมด้วยช่วยกัน (1677 หรือ 02-369-4000) และศูนย์แท็กซี่ต่าง ๆ ไว้ติดตัว
  5. ต้องจดเบอร์โทรศัพท์ของธนาคารทุกธนาคารที่เรามีบัตรเครดิต (รวมทั้งหมายเลขรหัส ประจำบัตรแต่ละใบ)
  6. ต้องจดหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของเราเอง แยกจากบัตรประชาชนของเราเพื่อการอ้างอิง
  7. ต้องตรวจดูทรัพย์สินของตัวเองและคนที่มาด้วยกันอย่างถี่ถ้วนก่อนจะลงและจากรถไป

บางทีปัญหาที่เกิดขึ้นกับเราอาจมีประโยชน์ต่อคนอื่น ๆ ในภายหลังได้!

พระเจ้าสอนบทเรียนสำคัญแก่ผมก็คือ ไม่ว่าเราจะเคยระมัดระวังตัวในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาดีขนาดไหน แต่หากเราประมาทหรือชะล่าใจเพียงแค่วูบเดียวหรือครั้งเดียว การสูญหาย การสูญเสียหรือการเสียหายก็อาจเกิดขึ้นอย่างหนักหนาสาหัสได้แบบน่าใจหาย!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องการทดลองต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณของคุณ จงอย่าประมาท แม้ว่าเราจะเคยผ่านพ้นมาได้หลายครั้งแล้วก็ตาม!

ดังนั้น จงระวังระไวในการปกป้อง “จิตวิญญาณ” ของตัวของคุณให้ดี

จงจำไว้ว่า เสียทรัพย์เสียของทางวัตถุภายนอกไปนั้นไม่ช้าเดี๋ยวเราก็หาใหม่ได้

แต่หากเสีย “สุขภาพ”, “ความสัมพันธ์” หรือ “เสียจิตวิญญาณ” ของคุณไปเมื่อไรล่ะก็…

คุณ(อาจ)จะไม่มีวันได้กลับคืนมาหรือหามาทดแทนได้อีกเลยตลอดกาล!

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

 

 

Categories
บทความแปล

ความกลัวในความมืด

candle in darkness

…และพระเจ้าก็ทรงบันดาลให้ลมทิศตะวันออกพัดโหมไล่น้ำทะเลตลอดคืน ทำให้ทะเลกลายเป็นดินแห้ง น้ำแยกออกจากกัน (อพยพ 14:21ข)

พระเจ้าอยู่ห่างไกลและเหมือนทิ้งฉันให้อยู่ลำพังหลังจากถูกทำร้ายร่างกายและถูกคุกคามทางเพศโดยมีมีดจ่ออยู่ที่คอด้วยวัยแค่ 20 ปี หลายปีหลังเหตุการณ์นั้น  ฉันห่อหุ้มตัวอยู่ในคุกแห่งความสิ้นหวัง ท้อแท้ และหวาดกลัว ในที่สุดหลังจากใช้เวลาหลายปีควานหาความช่วยเหลือจนเชื่อว่าไม่มีใครให้ฉันหันไปหาได้  ฉันคุกเข่าลงต่อหน้าพระเจ้า เทน้ำตา และความโกรธทูลถามพระองค์

ในช่วงเวลาที่มืดมิดนั้น พระเจ้านำฉันไปยังเรื่องราวที่ชาวอิสราเอลหนีจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์ ตอนแรกฟาห์โรห์ตกลงใจจะปล่อยประชากรของพระเจ้าไป แต่ไม่นานหลังจากที่พวกเขาจากไป ฟาห์โรห์เกิดเปลี่ยนใจ ไล่ตามไปด้วยรถม้าฝีเท้าดีถึง 600 คัน สร้างความหวาดกลัวให้ชาวอิสราเอลยิ่งนัก เราคงสัมผัสถึงความกลัวนั้นได้

พวกเขาร้องหาผู้นำ โมเสส แม้โมเสสจะย้ำเตือนประชาชนถึงพระสัญญาแห่งการช่วยกู้ของพระเจ้า แต่สถานการณ์ที่รุกไล่เข้ามาไม่อาจคิดเป็นอื่นได้ ความจริง คือทหารฝีมือดีของฟาห์โรห์กำลังควบม้าตามมา และมีทะเลแดงขวางอยู่ข้างหน้า ประชาชนของพระเจ้าไม่รู้เลยว่า อัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่กำลังรอคอยพวกเขาอยู่

เมือถึงริมฝั่งทะเลแดง โมเสสยื่นมือออกไปเหนือทะเล พระวจนะบันทึกว่า “พระเจ้าก็ทรงบันดาลให้ลมทิศตะวันออกพัดโหมไล่น้ำทะเลตลอดคืน ทำให้ทะเลกลายเป็นดินแห้ง” (อพยพ 14:21ข) เป็นเพราะความมืด ชาวอิสราเอลจึงมองเห็นสิ่งที่พระเจ้ากระทำได้ไม่ชัดนัก

ในความมืดของกลางคืน พระเจ้าทรงทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อช่วยประชากรของพระองค์ให้พ้นภัย ตามที่ได้ทรงสัญญา”

ดูเหมือนเรื่องราวในหนังสือนั้นกระโจนออกมาแล้วเข้าไปในใจที่แห้งผากของฉัน แม้ชาวอิสราเอลจะมองไม่เห็น และไม่ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า พระองค์ทรงเคลื่อนไหวอยู่ในความมืด ฉันเองก็ไม่อาจ “มอง” หรือ “สัมผัส” พระเจ้าได้ แต่พระองค์ทรงทำการอยู่รอบๆตัว ทรงช่วยพยุงและนำฉันผ่านออกไปจนได้

ความมืดเป็นที่ๆน่ากลัว ไม่ว่าความมืดในความกลัว สถานการณ์ที่คืบเข้ามา เรามีสองตัวเลือกที่จะตอบสนอง เราอาจนำเรื่องนี้มาจัดการเอง หันไปหายาเสพย์ติดและแอลกอฮอล เพื่อให้ความเจ็บปวดชินชา อ่านคู่มือเอาชนะด้วยตนเอง ไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งไหนจะช่วยเยียวยาและเติมให้เต็มได้ หรือเราอาจมองไปที่พระเจ้า เราสามารถอธิษฐานและเปิดไปที่พระวจนะ ด้วยรู้ว่าพระองค์เท่านั้นที่เยียวยาและเติมเต็มได้

ฉันใช้เวลาไปหลายปีจัดการกับความมืดของตัวเอง แต่ละความพยายามมีแต่ล้มเหลว แต่เมื่อหันกลับมาหาพระเจ้า ร้องขอความช่วยเหลือ ทุกสิ่งก็เริ่มเปลี่ยนไป

คุณอยากได้รับประสบการณ์การช่วยเหลือจากพระเจ้าหรือไม่? จงทูลขอ เพราะพระองค์สัญญาว่า “เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วย สิ้นสุดใจของเจ้า” (เยเรมีย์  29:13) เช่นเดียวกับที่ทรงทำกับคนอิสราเอล พระเจ้าทรงอยู่ที่นั่นเพื่อเรา ทรงทำการเพื่อเรา แม้เราไม่เห็นหรือสัมผัสพระองค์ก็ตาม

วันนี้ ถ้าคุณตกอยู่ในความมืด  …  ถ้าสถานการณ์คุกคามเข้ามา  … ถ้าคุณรู้สึกพ่ายแพ้  … แสวงหาพระเจ้า ทูลขอพระองค์ให้ช่วยคุณ และจงจำไว้ พระองค์จะทรงเป็น …ผู้เปิด “ทะเลแดง” ให้คุณ

โดย : Wendy Blight

Encouragement for today: www.crosswalk.com