สี่เท้ายังรู้พลาด
พระธรรม 1พงศ์กษัตริย์ 11:1-25
อ้างอิง ฉธบ.17:17;อพย.34:16;ฉธบ.7:3-4
บทนำ ไม่สำคัญว่า คุณเคยฉลาดมากแค่ไหน? แต่อยู่ที่ว่า เวลานี้คุณกำลังทำอะไรที่โง่เขลาอยู่หรือไม่? ไม่สำคัญนักหรอกว่า พระเจ้าโปรดปรานหรืออวยพรคุณมาแล้วมากแค่ไหนในอดีต แต่อยู่ที่ว่า คุณกำลังกระทำอะไรบ้างที่ทำให้พระเจ้าอวยพรคุณต่อไปไม่ได้ และจำเป็นต้องส่งการพิพากษาลงมาให้คุณแทน?
บทเรียน
11:1 “พระราชาซาโลมอนทรงรักหญิงต่างชาติหลายคน นอกจากพระธิดาของฟาโรห์แล้ว มีหญิงโมอับ หญิง อัมโมน หญิงเอโดม หญิงไซดอน และหญิงฮิตไทต์”
(Now King Solomon loved many foreign women, along with the daughter of Pharaoh: Moabite, Ammonite, Edomite, Sidonian, and Hittite women, )
11:2 “ซึ่งเป็นประชาชาติที่พระยาห์เวห์ตรัสกับคนอิสราเอลว่า “พวกเจ้าอย่าแต่งงานกับพวกเขา หรืออย่าให้พวกเขามาแต่งงานกับพวกเจ้า เพราะพวกเขาจะหันจิตใจของพวกเจ้าไปตามพระต่างๆ ของเขาอย่างแน่นอน” ซาโล มอนทรงติดพันหญิงเหล่านี้ด้วยความรัก”
(from the nations concerning which the Lord had said to the people of Israel, “You shall not enter into marriage with them, neither shall they with you, for surely they will turn away your heart after their gods.” Solomon clung to these in love. )
11:3 “พระองค์ทรงมีมเหสี 700 คน และนางห้าม 300 คน และบรรดามเหสีของพระองค์ก็หันพระทัยของพระองค์ไปเสีย”
(He had 700 wives, princesses, and 300 concubines. And his wives turned away his heart. )
11:4 “ต่อมาเมื่อซาโลมอนทรงพระชราแล้ว บรรดามเหสีของพระองค์ได้หันพระทัยของพระองค์ไปตามพระอื่นๆ และพระทัยของพระองค์ไม่ภักดีต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพระองค์ ไม่เหมือนอย่างพระทัยของดาวิดพระราชบิดาของพระองค์”
(For when Solomon was old his wives turned away his heart after other gods, and his heart was not wholly true to the Lord his God, as was the heart of David his father. )
11:5 “เพราะ ซาโลมอนทรงดำเนินตามเจ้าแม่อัชโทเรท พระของชาวไซดอน และตามพระมิลโคม สิ่งที่น่าเกลียดน่าชังของชาวอัมโมน”
(For Solomon went after Ashtoreth the goddess of the Sidonians, and after Milcom the abomination of the Ammonites. )
11:6 “ซาโลมอนจึงทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และไม่ได้ทรงดำเนินตามพระยาห์เวห์อย่าง เต็มพระทัย ไม่เหมือนอย่างดาวิดพระราชบิดาของพระองค์”
(So Solomon did what was evil in the sight of the Lord and did not wholly follow the Lord, as David his father had done. )
11:7 “แล้วซาโลมอนได้ทรงสร้างปูชนียสถานสูงบนภูเขาที่อยู่ตรงข้ามกรุง เยรูซาเล็มสำหรับพระเคโมช ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังของโมอับ และสำหรับพระโมเลค ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังของคนอัมโมน”
(Then Solomon built a high place for Chemosh the abomination of Moab, and for Molech the abomination of the Ammonites, on the mountain east of Jerusalem. )
11:8 “พระองค์ทรงทำอย่างนั้นเพื่อมเหสีต่างชาติทั้งหมดของพระองค์ หญิงเหล่านั้นได้เผาเครื่องหอมและถวาย เครื่องสัตวบูชาแก่ บรรดาพระของพวกนาง”
(And so he did for all his foreign wives, who made offerings and sacrificed to their gods. )
11:9 “พระยาห์เวห์กริ้วซาโลมอน เพราะพระทัยของท่านได้หันไปจากพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงปรากฏแก่ท่านสองครั้งแล้ว”
(And the Lord was angry with Solomon, because his heart had turned away from the Lord, the God of Israel, who had appeared to him twice )
11:10 “และได้ทรงบัญชาท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าท่านไม่ควรไปติดตามพระอื่นๆ แต่ท่านไม่ได้รักษาพระบัญชาของ พระยาห์เวห์”
(and had commanded him concerning this thing, that he should not go after other gods. But he did not keep what the Lord commanded. )
11:11 “เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสกับซาโลมอนว่า “เพราะเจ้าทำเช่นนี้ และเจ้าไม่ได้รักษาพันธสัญญาและกฎเกณฑ์ของเรา ซึ่งเราได้บัญชาเจ้า เราจะฉีกอาณาจักรเสียจากเจ้าอย่างแน่นอน และมอบให้ข้าราชการของเจ้า”
(Therefore the Lord said to Solomon, “Since this has been your practice and you have not kept my covenant and my statutes that I have commanded you, I will surely tear the kingdom from you and will give it to your servant. )
11:12 “อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่ดาวิดบิดาของเจ้า เราจะไม่ทำในสมัยของเจ้า แต่เราจะฉีกมันออกจากมือบุตรชายของเจ้า”
(Yet for the sake of David your father I will not do it in your days, but I will tear it out of the hand of your son. )
11:13 “อย่างไรก็ดี เราจะไม่ฉีกอาณาจักรเสียทั้งหมด แต่เราจะให้เผ่าหนึ่งแก่บุตรชายของเจ้า เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา และเพื่อเห็นแก่เยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกไว้”
(However, I will not tear away all the kingdom, but I will give one tribe to your son, for the sake of David my servant and for the sake of Jerusalem that I have chosen.” )
11:14 “พระยาห์เวห์ทรงให้ปฏิปักษ์เกิดขึ้นต่อสู้ซาโลมอน คือฮาดัดคนเอโดม ท่านเป็นเชื้อกษัตริย์แห่งเอโดม”
(And the Lord raised up an adversary against Solomon, Hadad the Edomite. He was of the royal house in Edom. )
11:15 “เพราะเมื่อดาวิดอยู่ในเอโดมนั้น โยอาบผู้บัญชาการกองทัพได้ขึ้นไปฝังผู้ที่ถูกฆ่า และได้ฆ่าชายทุกคนในเอโดมเสีย”
(For when David was in Edom, and Joab the commander of the army went up to bury the slain, he struck down every male in Edom )
11:16 “(เพราะโยอาบและคนอิสราเอลทั้งสิ้นยังอยู่ที่นั่นหกเดือน จนกว่าเขาจะได้ตัดชีวิตชายทุกคนในเอโดม)”
(for Joab and all Israel remained there six months, until he had cut off every male in Edom)
11:17 “แต่ฮาดัดได้หนีไปอียิปต์ พร้อมกับคนเอโดมบางคนผู้เป็นข้าราชการของบิดาท่าน เวลานั้นฮาดัดยังเป็นเด็ก เล็กๆ อยู่”
(But Hadad fled to Egypt, together with certain Edomites of his father’s servants, Hadad still being a little child. )
11:18 “พวกเขาออกจากมีเดียนมายังปาราน พาคนจากปารานที่มากับเขาทั้งหลายเข้าไปยังอียิปต์ และเข้าเฝ้าฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ และพระองค์ประทานบ้านหลังหนึ่งแก่ฮาดัด และทรงกำหนดให้ได้รับปันอาหาร และประทานที่ดินให้ท่านด้วย
(They set out from Midian and came to Paran and took men with them from Paran and came to Egypt, to Pharaoh king of Egypt, who gave him a house and assigned him an allowance of food and gave him land. )
11:19 “และฮาดัดเป็นที่โปรดปรานของฟาโรห์ ฟาโรห์จึงประทานน้องสาวของมเหสีของพระองค์เอง คือน้องสาวของพระราชินีทาเปเนสให้เป็นภรรยาของท่าน”
(And Hadad found great favor in the sight of Pharaoh, so that he gave him in marriage the sister of his own wife, the sister of Tahpenes the queen. )
11:20 “และน้องสาวของทาเปเนสก็คลอดบุตรชายคือเกนูบัทแก่ท่าน และทาเปเนสให้เขาหย่านมในวังของฟาโรห์ และเกนูบัทอยู่ในวังของฟาโรห์ในหมู่โอรสของฟาโรห์”
(And the sister of Tahpenes bore him Genubath his son, whom Tahpenes weaned in Pharaoh’s house. And Genubath was in Pharaoh’s house among the sons of Pharaoh. )
11:21 “แต่เมื่อฮาดัดอยู่ในอียิปต์ได้ยินว่า ดาวิดล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์แล้ว และโยอาบผู้บัญชา การกองทัพก็สิ้นชีวิตแล้ว ฮาดัดจึงทูลฟาโรห์ว่า “โปรดให้ข้าพระบาทไป และข้าพระบาทจะกลับไปประเทศของข้าพระบาท”
(But when Hadad heard in Egypt that David slept with his fathers and that Joab the commander of the army was dead, Hadad said to Pharaoh, “Let me depart, that I may go to my own country.”)
11:22 “แต่ฟาโรห์ตรัสกับท่านว่า “ท่านอยู่กับเรา ท่านขาดอะไรหรือ? ท่านจึงหาทางที่จะกลับไปประเทศของท่าน” และท่านทูลพระองค์ว่า “ไม่ขาดอะไร พ่ะย่ะค่ะ แต่ขอให้ข้าพระบาทไปเถิด”
(But Pharaoh said to him, “What have you lacked with me that you are now seeking to go to your own country?” And he said to him, “Only let me depart.” )
11:23 “พระเจ้าทรงให้ปฏิปักษ์อีกคนหนึ่งเกิดขึ้นต่อสู้ซาโลมอน คือเรโซนบุตรของเอลียาดา ผู้ที่หนีไปจากฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์แห่งโศบาห์เจ้านายของตน”
(God also raised up as an adversary to him, Rezon the son of Eliada, who had fled from his master Hadadezer king of Zobah. )
11:24 “เมื่อดาวิดเข่นฆ่าชาวโศบาห์นั้น เรโซนได้รวบรวมผู้คนให้อยู่กับเขา และได้กลายเป็นหัวหน้ากองปล้น พวกเขาไปอาศัยอยู่ในเมืองดามัสกัส และครอบครองเมืองดามัสกัส”
(And he gathered men about him and became leader of a marauding band, after the killing by David. And they went to Damascus and lived there and made him king in Damascus. )
11:25 “เขาเป็นปฏิปักษ์ของอิสราเอลตลอดรัชสมัยของซาโลมอน และก่อการร้ายเหมือนที่ฮาดัดได้ทำ และเขาเกลียดชังอิสราเอล และได้ปกครองซีเรีย”
(He was an adversary of Israel all the days of Solomon, doing harm as Hadad did. And he loathed Israel and reigned over Syria. )
ข้อมูลมีประโยชน์
11:1 “ทรงรักหญิงต่างชาติหลายคน” (loved many foreign women,) = มีเมียจำนวนมาก แม้ซาโลมอนจะมีเหตุผลมากมายในการสมรส เช่น เมื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ทั้งใหญ่และเล็ก (อันเป็นธรรมเนียมของประเทศในตะวันออกใก้ลยุคโบราณ) แต่การกระทำเช่นนั้นเป็นการละเมิดพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ 17:17 – และยังละเมิดข้อห้ามในการแต่งงานกับคนต่างชาติที่ไม่เชื่อพระเจ้า (อพย.34:16;
ฉธบ.7:1-3:ยชว.23:12-13;อสร.9:2;10:2-3;นหม.13:23-27;1พกษ.16:31)
ปท.8:61, บรรยากาศ/รูปแบบ/พิธีกรรมการนมัสการพระต่างชาติ และรูปเคารพเริ่มเข้ามาอยู่ในราชสำนัก
ของซาโลมอนผ่านบรรดามเหสีต่างชาติ และค่อย ๆ ชักจูงซาโลมอนให้เข้าสู่พิธีกรรมของศาสนาอื่น ๆ
“หญิงโมอับ” (Moabite,) –ปฐก.19:36-38
“หญิงอัมโมน” (Ammonite) –1พกษ.14:21,31;ปฐก.19:36-38;ฉธบ.23:3
“หญิงเอโดม” (Edomite) –ปฐก.25:26;36:1;อมส.1:11;9:12;ฉธบ.23:7-8
“หญิงไซดอน” (Sidonian) –16:31
11:2 “เขาจะหันจิตใจของพวกเจ้าไปตามพระต่าง ๆ ของเขาอย่างแน่นอน” (neither shall they with you, for surely they will turn away your heart after their gods.) = ปรากฏเป็นจริงในข้อที่ 4 ซึ่งมีตัวอย่างปรากฏในประวัติศาสตร์อิสราเอลมาก่อนหน้าแล้ว ใน กดว.25:1-15
= เป็นชนชาติที่พระเจ้าตรัสห้ามไว้แล้วว่า ไม่ให้แต่งงานด้วย (อพย.34:16;1พกษ.16:31;ฉธบ.7:3-4)
11:3 “มเหสี 700 คน และนางห้าม 300 คน” (700 wives, princesses, and 300 concubines)
เปรียบเทียบกับ พซม.6:8 –ปท.ปฐก.25:6
11:4 “บรรดามเหสีของพระองค์ก็หันพระทัยของพระองค์ไปตามพระอื่น ๆ และพระทัยของพระองค์ไม่
ภักดีต่อพระยาห์เวห์” (his wives turned away his heart after other gods, and his heart was not wholly true to the Lord his God,) = เป็นจริงเหมือนดังที่เตือนไว้ในข้อ 2
11:5 “เจ้าแม่อัชโทเรท” (Ashtoreth the goddess) –ข้อ 33;14:15;2พกษ.23:13;วนฉ.2:13;1ซมอ.7:3
“พระมิลโคม” (Milcom) –2ซมอ.12:30
“โมเลค” และ “มิลโคม” เป็นชื่อของพระต่างชาติองค์เดียวกัน การที่ซาโลมอนและชาวอิสราเอลนมัสการพระเหล่านี้ไม่เพียงลบหลู่พระเจ้าในฐานะเป็นพระเจ้าเหนือพวกเขา ยังมีการบูชายัญเด็กทารก (ในบางโอกาส) ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งเลวร้ายอย่างยิ่งที่เกินจะรับได้ (2พกษ.16:3;17:17;21:6;ลนต.18:21;20:2-5;
ปฐก.15:16;วนฉ.10:6
ชื่อของ “อัชโทเรท” และ “โบเชท” ก็มีเสียงสระแบบเดียวกับคำภาษาฮีบรู “โบเชท” ที่แปลว่า “สิ่งที่น่าละอาย” , เขาใช้คำว่า “โบเชท” เป็นชื่อเรียกพระบาอัลอย่างเหยียดหยาม (วนฉ.6:32;ยรม.7:31)
11:6 “ไม่เหมือนอย่างดาวิดพระราชบิดาของพระองค์” (as David his father had done. ) -แม้ดาวิดจะเคยทำเรื่องเลวร้ายบางเรื่อง แต่ท่านก็กลับใจและไม่เคยเกี่ยวข้องกับการนมัสการรูปเคารพใด ๆ
11:7 “ปูชนียสถานสูง” (high place) -3:2; “พระเคโมช” (Chemosh) –2พกษ.3:27
11:9 “ผู้ทรงปรากฏแก่ท่านสองครั้งแล้ว” (who had appeared to him twice) –3:4-5;9:1-9
11:11 “…เจ้าไม่ได้รักษาพันธสัญญาของพระยาห์เวห์” (you have not kept my covenant) = ซาโลมอนได้ละเมิดพันธสัญญาข้อพื้นฐานที่สุด (อพย.20:2-5) จึงสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อความสัมพันธ์ตามพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับประชากรของพระองค์
11:12 “…เพื่อเห็นแก่ดาวิดบิดาของพระเจ้า” (Yet for the sake of David your father)= ดาวิดจงรักภักดีต่อ
พระเจ้าและพันธสัญญาของพระเจ้าอย่างไม่แปรเปลี่ยน (2ซมอ.7:11-16)
11:13 “เผ่าหนึ่ง” (one tribe) = เผ่ายูดาห์ –ข.31-32;12:20
“เห็นแก่เยรูซาเล็มที่เราได้เลือกไว้” (for the sake of Jerusalem that I have chosen.”)
“เยรูซาเล็ม” = ที่ตั้งพระวิหารที่สร้างโดยบุตรของดาวิดตาม 2ซมอ.7:13
-ชะตากรรมของกรุงเยรูซาเล็มและราชวงค์ของดาวิดจึงเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด และพระวิหารเป็นตัวแทนพระราชวังของพระเจ้าเป็นที่ตั้งของพระบัลลังก์ของพระองค์ในโลกนี้ (หีบพันธสัญญา) และเป็นที่ ๆ
พระเจ้าปฏิญาณว่า จะสถิตอยู่ด้วยในฐานะจอมกษัตริย์แห่งอิสราเอล (9:3)
11:14 “ฮาดัด” (Hadad)
= 1. ชื่อเทพแห่งพายุของชาวเซมีติก (วนฉ.2:13;ศคย.12:11)
2. ชื่อของกษัตริย์อารัม (15:18;20:11) 3. ชื่อของกษัตริย์เอโดมหลายองค์ (ปฐก.36:35,39)
11:15 “เพราะเมื่อดาวิดอยู่ในเอโดมนั้น” (David was in Edom) = ดาวิดรบกับเอโดม (2ซมอ.8:13-14)
11:16 “จนกว่าเขาจะได้ตัดชีวิตชายทุกคนในเอโดม” (until he had cut off every male in Edom) = สังหาร
ชายชาวเอโดมได้ทั้งหมด (ชายที่มีส่วนในการสู้รบกัน)
11:17 “ยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่” (still being a little child.) = อาจอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนต้น
11:18 “มีเดียน” (Midian) = มีชาวมีเดียนอาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนด้านตะวันออกของโมอับและเอโดม
“ปาราน” (Paran)= บริเวณถิ่นกันดารทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาเดช ในพื้นที่ตอนกลางของ
คาบสมุทรซีนาย (กดว.10:12;12:16;13:3)
“ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์” (Pharaoh king of Egypt) -3:1
“ประทานบ้านหลังหนึ่ง…รับปันอาหาร…ประทานที่ดินให้” (gave him a house ….allowance of
food …. gave him land.) = อียิปต์ผูกมิตรกับฝ่ายที่ก่อกวนอิสราเอลเพื่อรักษาดุลแห่งอำนาจ เพราะอิสราเอลเข้มแข็งขึ้นมากกว่าเดิม
11:21 “โปรดให้ข้าพระบาทไป…จะกลับไปประเทศของข้าพระบาท” (Let me depart,…. I may go to my own country.) =ดูเหมือนฮาดัดจะกลับเอโดมในช่วงต้นรัชกาลของซาโลมอน
11:22 “ท่านอยู่กับเราท่านขาดอะไรหรือ?” (What have you lacked with me that you are now seeking to go to your own country?) =เนื่องจากในเวลาที่กล่าวนี้ อียิปต์ยังมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับอิสราเอล (3:1) -ฟาโรห์จึงลังเลที่จะให้ฮาดัดกลับไป และสร้างปัญหาให้ซาโลมอน
11:23 “โศบาห์” (Rezon) –2ซมอ.8:3
11:24 “หัวหน้ากองปล้น” (leader of a marauding band) = เป็นหัวหน้ากองโจรเหมือนที่ดาวิดเคยทำ
(1ซมอ.22:1-2) รวมถึงเยฟธาห์ก่อนหน้านี้ (วนฉ.11:3)
“อาศัยอยู่ในเมืองดามัสกัส” (lived there) = คงเกิดขึ้นในช่วงต้นรัชกาลซาโลมอน (2ซมอ.8:6)
-การที่ซาโลมอนไปยึดฮามัทโศบาห์ (ซึ่งเคยเป็นดินแดนที่ฮาดัดเอเซอร์ เคยปกครอง) –2ซมอ.8:3-6;
2พศด.8:3) เป็นชนวนที่ทำให้เกิดการต่อต้านภายใต้การนำของเรโซน และแม้ว่าซาโลมอนจะยังคงควบคุมพื้นที่ตอนเหนือของดามัสกัสไปจนถึงยูเฟรติสได้ (4:21,24) แต่ก็ไม่สามารถขับเรโซนออกจากดามัสกัสได้
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยเห็นคนที่ “ฉลาดมาก” กลับกลายเป็นคนที่ “โง่เขลามาก” ในเวลาต่อมาบ้างไหม? อย่างไร? (แบ่งปัน)
- ในพระคัมภีร์ตอนนื้ ซาโลมอนทำอะไรบ้างที่เข้าข่าย “คนฉลาดมาก” ซึ่งกลับกลายเป็น “คนโง่เขลามาก” ? และสิ่งเหล่านั้นผิดอย่างไร? และส่งผลเสียหายอะไรบ้าง?
- เวลานี้ มีอะไรบ้างที่เข้าข่าย “โง่เขลา” ที่คุณเห็นว่า
2. หากการแต่งงานกับคนไม่เชื่อพระเจ้า (คนต่างชาติ) เป็นสิ่งที่พระเจ้าห้าม แล้วทำไมทุกวันนี้ยังมีกรณีที่