Categories
บทความแปล

รวมเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อกระทบโลกนี้

kids-fights

แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เพราะความรักย่อมผูกพันทุกสิ่งไว้ให้ถึงซึ่งความสมบูรณ์ และจงให้สันติสุขของพระคริสต์ครองจิตใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านไว้ให้เป็นกายเดียวด้วย เพื่อสันติสุขนั้น และท่านจงมีใจกตัญญู  (โคโลสี 3:14-15)

หลายปีมาแล้ว ผมไปเยี่ยมคริสตจักรที่แตกแยกกันอย่างรุนแรง สมาชิกบ่นต่อว่ากัน สู้กัน ด่าทอ และโกรธเกรี้ยวในเรื่องที่ไม่มีความหมายอะไร มันเลวร้ายขนาดครึ่งโบสถ์ไม่ยอมพูดกับอีกครึ่ง

วันหนึ่ง ศิษยาภิบาลจึงพูดว่า “โอเค ให้เอาความไม่ลงรอยกันออกไป สักอาทิตย์ และมาร่วมกันรับใช้ในชุมชน ออกไปหาผู้คนที่ยังไม่รู้จักกับพระเจ้า”  ทุกคนจึงตกลงว่าจะทำงานร่วมกันหนึ่งอาทิตย์ พวกเขาเอาอาหารไปแจก ไปดูแลผู้ป่วย ไปเลี้ยงเด็ก และไปแบ่งปันข่าวประเสริฐกับผู้หลงหาย

ทราบมั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้น? พระเจ้ารวมทุกคนในโบสถ์ไว้ด้วยกันอีกครั้ง ฟื้นฟูความเป็นหนึ่งเดียวกัน และมุ่งไปที่ผู้เชื่อในพระกายของพระคริสต์ ความแตกแยกเริ่มลดลงจนเกือบหมด ความสัมพันธ์กลับคืนมา และพวกเขาหาทางประนีประนอมในเรื่องที่เป็นต้นเหตุของการแตกแยก

เมื่อเราจับจ้องไปที่พระเยซูคริสต์และและพระบัญชาที่พระองค์ที่มีในชีวิต ความเป็นหนึ่งเดียวกันจะเกิดขึ้น ดังนั้น แทนที่จะทุ่มเถียงกันในเรื่องไร้สาระ  รับใช้พระเจ้า เคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกันในฐานะพี่น้องชายหญิงของพระคริสต์  และพระเจ้าจะรวมเราไว้เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อออกไปสร้างผลกระทบให้โลกนี้

รวมเป็นหนึ่งเดียวกันในคริสตจักร และออกไปสร้างผลกระทบภายนอกด้วยการรับใช้พระเจ้าร่วมกันในฐานะพระกายของพระองค์

อนุญาตโดย : Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

1 และ 2 พงศ์กษัตริย์ (บทเรียนที่ 16)

ฉีกอาณาจักร

พระธรรม        1พงศ์กษัตริย์ 11:16-43

อ้างอิง              1พกษ.3:3;9:24;11:11;12:2,15,17;14:2,7;2พกษ.21:22;2พศด.13:6;9:29;10:15,2

บทนำ           น่าเศร้าที่ผู้มีสติปัญญามากที่สุดในโลกกลับกลายเป็นผู้ที่โง่เขลาที่สุดในแผ่นดิน เพราะ “ความรัก” อย่างลุ่มหลงในสตรีและในลาภยศ

                       เราทั้งหลายต้องไม่ประมาทเช่นกัน  และในยามที่เราไม่มีหรือมีน้อยอาจจะต้านกับการทดลองได้ง่ายกว่า  ตอนที่เรากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นที่เราได้และมีทุกอย่างตามที่ปรารถนา อย่าให้เรากลายเป็นเหยื่อจากการใช้ พระพรของพระเจ้าโดยขัดกับพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงประทานพรมาให้

บทเรียน

11:26 “เยโรโบอัมบุตรเนบัท คนเอฟราอิม จากเมืองเศเรดาห์ ข้าราชการคนหนึ่งของซาโลมอน มารดาของท่านเป็นหญิงม่ายชื่อเศรุวาห์ ท่านได้กบฏต่อพระราชาด้วย

        (Jeroboam the son of Nebat, an Ephraimite of Zeredah, a servant of Solomon, whose mother’s  name was Zeruah, a widow, also lifted up his hand against the king. )

11:27 “ต่อไปนี้เป็นสาเหตุที่ท่านกบฏต่อพระราชา คือซาโลมอนทรงสร้างป้อมมิลโล และอุดรอยแยกของกำแพงนครดาวิดพระราชบิดาของพระองค์

(And this was the reason why he lifted up his hand against the king. Solomon built the Millo, and closed up the breach of the city of David his father. )

11:28 “เยโรโบอัมเป็นนักรบกล้าหาญ เมื่อซาโลมอนทรงเห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนขยัน จึงตั้งให้ดูแลแรงงานทั้งสิ้นที่ถูกเกณฑ์มาจากพงศ์พันธุ์ ของโยเซฟ

        (The man Jeroboam was very able, and when Solomon saw that the young man was industrious he gave him charge over all the forced labor of the house of Joseph. )

11:29 “ต่อมาในเวลานั้นเมื่อเยโรโบอัมออกจากกรุงเยรูซาเล็ม อาหิยาห์ผู้เผยพระวจนะชาวชีโลห์ได้พบท่านกลางทาง อาหิยาห์คลุมกายด้วยเสื้อคลุมใหม่ และทั้งสองคนก็อยู่ลำพังในทุ่งนา

        (And at that time, when Jeroboam went out of Jerusalem, the prophet Ahijah the  Shilonite found him on the road. Now Ahijah had dressed himself in a new garment, and the two of them were alone in the open country. )

11:30 “แล้วอาหิยาห์ก็จับเสื้อคลุมใหม่ที่สวมอยู่ฉีกออกเป็นสิบสองชิ้น

       (Then Ahijah laid hold of the new garment that was on him, and tore it into twelve pieces. )

11:31 “และท่านพูดกับเยโรโบอัมว่า “ท่านจงเอาไปสิบชิ้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘นี่‌แน่ะ เรากำลังจะฉีกอาณาจักรจากมือของซาโลมอน และจะให้เจ้าสิบเผ่า

        (And he said to Jeroboam, “Take for yourself ten pieces, for thus says the Lord, the God of Israel, “Behold, I am about to tear the kingdom from the hand of Solomon and will give you ten  tribes )

11:32 “(แต่เขาจะมีเผ่าหนึ่งเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา และเพื่อเห็นแก่เยรูซาเล็มเมืองซึ่งเราเลือกจากเผ่าทั้ง‌หมด ของอิสราเอล)

          (but he shall have one tribe, for the sake of my servant David and for the sake of Jerusalem,  the city that I have chosen out of all the tribes of Israel),

11:33 “เพราะเขาทอดทิ้งเรา ไปนมัสการเจ้าแม่อัชโทเรทพระของชาวไซดอน เคโมชพระของโมอับ และมิลโคมพระของคนอัมโมน และไม่ดำเนินในทางของเราคือทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายตาของ เรา อีกทั้งไม่รักษากฎเกณฑ์และกฎหมายของเรา ไม่เหมือนอย่างดาวิดบิดาของเขา

         (because they have forsaken me and worshiped Ashtoreth the goddess of the Sidonians, Chemosh the god of Moab, and Milcom the god of the Ammonites, and they have not walked  in my ways, doing what is right in my sight and keeping my statutes and my rules, as David his  father did. )

11”34 “อย่างไรก็ตาม เราจะไม่เอาอาณาจักรทั้งหมดไปจากมือของเขา แต่เราจะให้เขาเป็นผู้ครอบครองตลอดชีวิตของเขา เพราะเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเราผู้ที่เราเลือกไว้ ผู้รักษาบัญญัติและกฎเกณฑ์ของเรา

         (Nevertheless, I will not take the whole kingdom out of his hand, but I will make him ruler all the days of his life, for the sake of David my servant whom I chose, who kept my commandments  and my statutes.)

11:35 “แต่เราจะเอาอาณาจักรไปจากมือบุตรชายของเขา และจะมอบให้เจ้าสิบเผ่า

        (But I will take the kingdom out of his son’s hand and will give it to you, ten tribes. )

11:36 “เราจะให้เผ่าหนึ่งแก่บุตรชายของเขา เพื่อดาวิดผู้รับใช้ของเราจะมีประทีปดวงหนึ่งต่อหน้าเรา ตลอดเวลาในเยรูซาเล็ม เมืองซึ่งเราเลือกให้ตัวเองเพื่อประดิษฐานชื่อของเราไว้ ที่นั่น
(Yet to his son I will give one tribe, that David my servant may always have a lamp before me in  Jerusalem, the city where I have chosen to put my name. )

11:37 “เราจะเอาตัวเจ้า และเจ้าจะปกครองทุกอย่างที่ใจของเจ้าประสงค์ และเจ้าจะเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล

         (And I will take you, and you shall reign over all that your soul desires, and you shall be king  over Israel. )

11:38 “และถ้าเจ้าเชื่อฟังทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้า และดำเนินในทางทั้งหลายของเรา และทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายตาของเรา โดยรักษากฎเกณฑ์และบัญญัติของเรา เหมือนอย่างดาวิดผู้รับใช้ของเราได้ทำ แล้วเราจะอยู่กับเจ้า และจะสร้างราชวงศ์ที่มั่นคงให้เจ้า เหมือนที่เราได้สร้างให้ดาวิด และเราจะให้อิสราเอลแก่เจ้า

        (And if you will listen to all that I command you, and will walk in my ways, and do what is right  in my eyes by keeping my statutes and my commandments, as David my servant did, I will be with you and will build you a sure house, as I built for David, and I will give Israel to you.)

11:39 “เพราะเหตุนี้เราจะให้ความทุกข์ใจแก่เชื้อสายของดาวิด แต่ไม่ใช่ตลอดไป’”

        (And I will afflict the offspring of David because of this, but not forever.” )

11:40 “ดังนั้นซาโลมอนจึงทรงหาช่องทางที่จะประหารเยโรโบอัมเสีย แต่เยโรโบอัมได้ลุกขึ้นหนีไปอียิปต์ ไปยังชิชัก​  กษัตริย์อียิปต์ และอยู่ในอียิปต์จนกระทั่งซาโลมอนสิ้นพระชนม์

      (Solomon sought therefore to kill Jeroboam. But Jeroboam arose and fled into Egypt, to Shishak king of Egypt, and was in Egypt until the death of Solomon. )

11:41 “ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของซาโลมอน และทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำ และพระสติปัญญาของพระองค์ ได้บัน‍ทึกไว้ในหนังสือพระราชกิจของซาโลมอนไม่ใช่หรือ?”

   (Now the rest of the acts of Solomon, and all that he did, and his wisdom, are they not written in the Book of the Acts of Solomon? )

11:42 “และเวลาที่ซาโลมอนทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มเหนืออิสราเอลทั้งสิ้นนั้นคือ 40 ปี”

       (And the time that Solomon reigned in Jerusalem over all Israel was forty years.)

11:43 “และซาโลมอนทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้ในนครดาวิดพระราชบิดาของพระองค์ และเรโหโบอัมพระราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองราชย์แทน

     (And Solomon slept with his fathers and was buried in the city of David his father. And  Rehoboam his son reigned in his place. )

 

ข้อมูลมีประโยชน์

11:26   “กบฏต่อพระราชา” (lifted up his hand against the king.) –ข.40;2พศด.13:6

11:27   “ป้อมมิลโล” (built the Millo) -9:15,24

11:28   “เป็นคนขยัน” (was industrious ) = “หน่วยก้านดี” –ปฐก.39:4;สภษ.22:29

“ผู้ดูแลแรงงาน…จากพงศ์พันธุ์โยเซฟ” (over all the forced labor of the house of Joseph) –5:13-18

-การที่เยโรโบอัมควบคุมแรงงานที่เกณฑ์มาจากเผ่าเอฟราอิม และมนัสเสห์ ทำให้เขารับรู้ว่าประชาชนไม่

พอใจกับนโยบายของซาโลมอน (12:4)

11:29   “อาหิยาห์ ผู้เผยพระวจนะ” (prophet Ahijah) –1พกษ.12:15;14:2;2พศด.9:29;10:15

11:30   “จับเสื้อคลุมใหม่ที่สวมอยู่ ฉีกออกเป็นสิบสองชิ้น” (new garment that was on him, and tore it into

twelve pieces) –1ซมอ.15:27

11:31-32 “สิบเผ่า…เผ่าหนึ่ง” (ten pieces……. one tribe) = ประเพณีที่ถือว่าสิบเผ่าทางเหนือเป็นกลุ่มที่แยกจาก 2 เผ่าทางใต้ (คือ ยูดาห์ และสิเมโอน –โดยเลวีไม่ได้รับดินแดนเป็นมรดก –ยชว.21) นั้นย้อนกลับไปถึงยุคผูวินิจฉัย (วนฉ.5:13-18)

-เพราะมีชนชาติอื่น ๆ (เยรูซาเล็ม กลุ่มกิเบโอน เกเซอร์) มากั้นกลางพื้นที่อิสราเอลทั้ง 2 ส่วน การแบ่งแยกทางการเมืองในช่วงต้น ๆ ของรัชกาลดาวิด และส่วนใต้มาอยู่ภายใต้การปกครองของดาวิด(2ซมอ.2:4;5:3) ยิ่งเป็นการตอกย้ำความแตกแยก

เมื่อดาวิดมีชัยได้กรุงเยรูซาเล็ม (2ซมอ.5:6-7) และฟาโรห์มอบเกเซอร์ให้มเหสีของซาโลมอน (9:16-17) อิสราเอลทั้งหมดจึงมีเขตแดนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันครั้งแรก (เมื่อเยรูซาเล็มและเกเซอร์อยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอลแล้ว กลุ่มชาวกิเบโอนซึ่งเคยจำนนต่อโยชูวาก็ถูกกลืนไปตามการเมือง (ยชว.9)

-การแบ่งแยกในตอนนี้ประกาศว่า “เผ่าหนึ่ง” ซึ่งหมายถึง พื้นที่ส่วนใหญ่ที่ครอบครองโดยยูดาห์ (แต่รวมสิเมโอนด้วย) –ยชว.19:1-9

และ “สิบเผ่า” หมายถึงพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของดาวิดในภายหลัง (เอฟาอิมและมนัสเสห์บุตรของโยเซฟ ถูกนับเป็น 2 เผ่า –ปฐก.48:5;ยชว.14:4)

11:31   “ฉีกอาณาจักร” (tear the kingdom) –1ซมอ.15:27;1พกษ.11:11

11:32   “เห็นแก่ดาวิด” (sake of my servant David) -2ซมอ.7:15

11:33   “เพราะเขาทอดทิ้งเรา” (because they have forsaken me) = ละทิ้งพระเจ้า –ข้อ 5-7

“ไปนมัสการเจ้าแม่อัชโทเรท” (worshiped Ashtoreth     ) –วนฉ.2:13

“ไม่ดำเนินในทางของเรา” (not walked in my ways) –ข.1-2,3:14 -2พกษ.21:22

“ไม่รักษากฎเกณฑ์และกฎหมายของเรา” (keeping my statutes and my rules) = ไม่ปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของพระเจ้า – 1พกษ.3:3

11:34   “เราจะให้เขาเป็นผู้ครอบครองตลอดชีวิตของเขา” (I will make him ruler all the days of his life  )

= พระเจ้าจะอนุญาตให้ซาโลมอนครองราชย์ไปตลอดชีวิต  (ข.12-13)

11:35   “แต่เราจะเอาอาณาจักรไปจากมือบุตรชายของเขา” (I will take the kingdom out of his son’s hand) = จากมือของเรโหโบอัม (12:1-24)

11:36   “เผ่าหนึ่ง” (one tribe,) –1พกษ.12:17

“มีประทีปดวงหนึ่งต่อหน้าเราตลอดเวลาในเยรูซาเล็ม”( have a lamp before me in Jerusalem  ) –2ซมอ.21:17

= ราชวงศ์ของดาวิดจะยังคงสืบทอดต่อไปในเมืองที่พระเจ้าทรงเลือกที่จะสถาปนาพระนามของพระองค์ (ข.13)

-ในพระคัมภีร์ การจุดหรือดับดวงประทีปตะเกียง หรือแสงสว่าง สื่อถึงการเจริญเติบโตหรือการสิ้นชีวิต (โยบ 18:6;21:17;สภษ.13:9;20:20;24:20)

ในที่นี้และใน 15:4;2พกษ.8:19;2พศด.21:7;สดด.132:17 ภาพเปรียบเทียบนี้ ถูกนำมาใช้กับราชวงศ์ของดาวิด (สดด.132:17)

11:37   “ปกครอง” (reign ) –1พกษ.14:7

“ที่ใจเจ้าประสงค์” (all that your soul desires) = ที่ใจปรารถนา –2ซมอ.3:21

“อิสราเอล” (Israel)  = สิบเผ่าทางเหนือ

11:38   “ถ้าเจ้าเชื่อฟังทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้า…แล้วเราจะอยู่กับเจ้า” (if you will listen to all that I command you, … I will be with you) = เยโรโบอัมก็ต้องอยู่ใต้เงื่อนไขพันธสัญญาเดียวกับดาวิดและซาโลมอน (2:3-4;3:14;6:12-13)

“ทำสิ่งที่ชอบธรรม” (do what is right     ) = ทำสิ่งที่ถูกต้อง –ฉธบ.12:25;2ซมอ.8:15

“โดยรักษากฎเกณฑ์และบัญญัติของเรา” (keeping my statutes and my commandments)

= ปฏิบัติตาม –ฉธบ.17:19 , “สร้างราชวงศ์” (will build) –อพย.1:21;11:39

11:39   “เราจะให้ความทุกข์ใจแก่เชื้อสายของดาวิดแต่ไม่ใช่ตลอดไป” (I will afflict the offspring of David

because of this, but not forever) = จะกำราบวงศ์วานของดาวิด ก็คือการแบ่งแยกอาณาจักรอันเป็นการลดสถานภาพและอำนาจของราชวงศ์ของดาวิดลงไปมาก -แต่ก็ไม่ใช่ตลอดไป คือ จะมีการฟื้นฟูเกิดขึ้น (ยรม.30:9;อสค.34:23;37:15-28;ฮชย.3:5;อมส.9:11-12) และทำให้อาณาจักรกลับมารวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้งภายใต้การปกครองของวงศ์วานดาวิด

11:40   “ซาโลมอนจึงทางหาช่องทางที่จะประหารเยโรโบอัม”(Solomon sought therefore to kill Jeroboam.)

= เยโรโบอัมอาจพยายามแย่งชิงอาณาจักรจากซาโลมอนแต่ล้มเหลว (ข.26)

“ชิชักกษัตริย์”  (Shishak king) -14:25-26;2พศด.12:2

ฟาโรห์องค์นี้เป็นองค์แรกที่มีชื่อระบุไว้ในพระคัมภีร์เดิม เป็นชาวลิเบีย ที่ก่อตั้งราชวงศ์ลำดับที่ 22 (ปี 945 – 924 ก.ค.ศ)  -ซาโลมอนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ของฟาโรห์ลำดับก่อนหน้านั้นผ่านการแต่งงาน (3:1)

11:41   “ในหนังสือพระราชกิจของซาโลมอน” ( the Book of the Acts of Solomon) = จดหมายเหตุของ

ซาโลมอน = งานเขียนที่บันทึกเกี่ยวกับชีวิตและการปกครองของซาโลมอนซึ่งผู้เขียน 1-2 พงศ์กษัตริย์ใช้เป็นแหล่งข้อมูล

11:43   “ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ” (slept with his fathers) -1:21, “เรโหโบอัม” (Rehoboam) –มธ.1:7

คำถามนำอภิปราย

  1. มีเหตุการณ์ “กบฏ” หรือ “ต่อต้าน” การปกครองหรือการศาสนาใดบ้างที่ประทับใจของคุณมากที่สุด? ทำไม?
  2. เคยมีใครมาขอหรือบอกหรือทำนายว่า พระเจ้าจะใช้คุณในการใหญ่ใดบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? และอย่างไร?
  3. คุณเคยแยกตัวหรือได้รับการมอบหมาย “คน” หรือ “งาน” มาให้กระทำภารกิจใดบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? แล้วผลเป็นอย่างไ?
  4. คุณเคยประพฤติตัวไม่ถูกต้องเป็นเหตุให้พระเจ้าลงโทษด้วยการดึงงาน(พันธกิจ)ที่เราเคยทำออกมาจากมือของเราไปมอบให้ผู้อื่นกระทำบ้างหรือไม่? อย่างไร?
  5. พระเจ้าเคยมอบหมายอะไรให้คุณกระทำโดยมีคำกำชับมาให้ชัดเจนบ้างหรือไม่? แล้วผลเป็นอย่างไ? ทำไม?
  6. คุณเคยถูกเล่นงานหรือถูกมุ่งร้ายบ้างหรือไม่? สาเหตุมาจากอะไร? หรือจากใคร? แล้วผลลัพธ์ที่ตามมาคืออะไร?
  7. บทเรียนพิเศษ ที่คุณได้รับจากบทเรียนตอนนี้เป็นส่วนตัวคือ…………………………………………………………….

ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

 

 

Categories
บทความแปล

สิทธิพิเศษของพระเจ้าในพระคริสต์

Slot Machine

พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย (โรม 12:1)

ดูเหมือนทุกวันนี้มีแต่เพิ่มขึ้น ผมเจอผู้คนที่นับถือศาสนาแบบสลอตแมชีน คือคนประเภทที่… คิดว่าการรับใช้พระเจ้าเหมือนกับหยอดเหรียญเข้าไปในเครื่องเล่นสลอตแมชีน พวกเขาจะมาอาสารับใช้ที่โบสถ์ แล้วก็ไปโยกที่เครื่อง รอดูว่าพระเจ้าจะให้เงินคืนมาหรือเปล่า

ครับคุณอาจคิดว่า “นี่มันไร้สาระ ใครจะไปเชื่อเรื่องแบบนี้?” แต่ความจริงคือมันมีความรู้สึกบางอย่างสะกิดอยู่ในใจ อาจไม่ชัดเจนเหมือนตัวอย่างด้านบน แต่เราต่างก็มีเสียงเล็กๆที่มาจากเนื้อหนังของเรากระซิบว่า “พระเจ้าโชคดีแค่ไหน ที่มีคนอย่างฉันอยู่ในทีม”

แต่พระคัมภีร์ให้แนวคิดที่ต่างไปเมื่อพูดถึงการรับใช้พระเจ้า แทนที่จะยกตัวขึ้นมาและคิดว่าเรากำลังช่วยพระเจ้าอยู่ แต่ความจริงคือการรับใช้พระเจ้าเป็นสิทธิพิเศษสำหรับเราทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์

ถวายด้วยใจยินดี รับใช้ด้วยใจถ่อม คุณไม่มีสิ่งใดมาถวายพระเจ้าได้นอกจากสิ่งที่พระองค์ประทานให้คุณ — ชีวิตที่บริสุทธิ์

จงใช้สิทธิพิเศษแห่งการรับใช้ที่พระเจ้ามอบให้ปรนนิบัติพระองค์ทุกวัน และขอบคุณพระองค์สำหรับพระพรล้นเหลือที่ประทานให้ในการมีชีวิตอยู่เพื่อถวายพระสิริแด่พระองค์

จงใช้สิทธิพิเศษนี้เพื่อปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าด้วยความถ่อมใจ และไม่คาดหวังสิ่งใดมากไปกว่าพระคุณที่พระองค์ได้ประทานให้

อนุญาตโดย : Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

Categories
บทความแปล

ฤทธิอำนาจตามการเชื่อฟัง

Gideon Judges 6

แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าโง่เขลา เพื่อทำให้คนมีปัญญาอับอาย และได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้คนที่แข็งแรงอับอาย พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าต่ำต้อยและดูหมิ่น และเห็นว่าไร้สาระ เพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญ เพื่อมิให้มนุษย์สักคนหนึ่งอวดต่อพระเจ้าได้ (1โครินธ์ 1:27-29)

ถ้าพระเจ้าตรัสว่า “เรากำลังมองหาสตรีที่จะมาช่วยให้แผนงาน และความตั้งใจของเราสำเร็จ”  คุณรู้สึกว่าตัวเองมีคุณสมบัติพอมั้ย? พวกเราไม่กี่คนคงยกมือตะโกนว่า “เลือกฉัน เลือกฉัน”

แต่นี่คือสิ่งที่คุณต้องจำไว้ – พระเจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกคนที่มีคุณสมบัติ แต่พระองค์จะสร้างคุณสมบัติให้กับคนที่พระองค์ทรงเรียก

เมื่อทูตของพระเจ้ามาเรียกกิเดโอนให้ไปนำกองทัพอิสราเอล กิเดโอนซ่อนตัวอยู่ในบ่อย่ำองุ่นนวดข้าวอยู่ (ผู้วินิจฉัย 6:11-14) ไม่มีใครนวดข้าวในบ่อย่ำองุ่น คุณนวดโดยการโยนขึ้นไปในอากาศ ให้เปลือกปลิวไป และเมล็ดข้าวที่หนักกว่าตกลงที่พื้น

แล้วกิเดโอนไปทำอะไรในบ่อย่ำองุ่น? เขาซ่อนตัว ใช่ เขาหวาดกลัวพวกศัตรูมาก จึงซ่อนตัว และเมื่อทูตของพระเจ้ามาหากิเดโอน เรียกเขาว่า “เจ้าบุรุษผู้กล้าหาญเอ๋ย” (ผู้วินิจฉัย  6:12) เรื่องนี้สะดุดใจฉัน นึกภาพกิเดโอนหันซ้ายหันขวาแล้วถาม “พูดกับผมเหรอครับ?”

พระเจ้าไม่ได้เห็นอย่างที่เราเห็น เรามักจะมองไปสิ่งที่เราทำสำเร็จได้ด้วยกำลังเราเอง แต่พระเจ้ามองว่าเราสามารถทำอะไรได้ในพระองค์

ลองนึกถึง:

  • ยาโคบ จอมขี้โกง
  • โยเซฟ ขี้อวด
  • โมเสสพูดตะกุกตะกัก
  • ซารายเป็นหมัน
  • ดาวิดเด็กเลี้ยงแกะ
  • ราหับ หญิงงามเมือง
  • เปโตร ชาวประมง
  • เปาโล ฆาตกร
  • มารี มักดาลา ถูกครอบงำ
  • หญิงชาวสะมาเรียที่แต่งงานห้าหน
  • ทิโมธี ขี้อาย
  • พริสซิลลา เย็บเต็นท์

แม้ไม่มีใครเลือกพวกเขาให้ไปเป็นผู้นำประเทศ แต่นี่เป็นชายและหญิงที่พระเจ้าเลือกให้มาทำแผนการของพระองค์ให้สำเร็จด้วยฤทธิอำนาจของพระองค์

ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคุณ แต่มันดีที่สุดสำหรับฉัน และยังมีข่าวที่ดีกว่าข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” (ฟีลิปปี 4:13) คุณเองก็ทำได้

โดย : Sharon Jaynes

อนุญาตโดย  Girlfriends in God :  www.crosswalk.com

Categories
สารจากศบ.

สารจากศิษยาภิบาล

ImageHandler

17 พฤศจิกายน 2013

 สวัสดีครับชาว CJ และผู้มาเยี่ยมเยียนที่รักทุกท่าน

ดีใจที่ทุกท่านมานมัสการได้ครับ!

ดีใจที่ค่ายของ Agape คริสตจักรลูกของเราดำเนินไปได้ดี มีผู้รับเชื่อ 1 คน และอีกหลายคนแสดงความสนใจ!

ดีใจที่กลุ่มแคร์วันอังคารบ้านบอยด์ (LoveIs) ,กลุ่มแคร์ วันพุธ บ้านเอ๋+ฟั่น , กลุ่มแคร์วันศุกร์  อู๊ด + แอน ก็ไปได้ดี รวมทั้งชั้นเรียนพระคัมภีร์ในวันพฤหัสก็ยังคงมีคนมาเรียนกันไม่ขาดตอน!

วันพฤหัสที่ 21 พ.ย. นี้ ผมสอนปกติ แต่พฤหัสที่ 28 พ.ย. จะมีการแบ่งปันพิเศษ บทเรียนดี ๆ จาก GLS โดยคุณแดงและพี่น้องของเราที่ไปร่วมการสัมมนามาดีมากจริง ๆ ครับ

อย่าพลาดรายการดี ๆ อย่างนี้นะครับ!

ขออธิษฐานเผื่อ

1.ผู้ที่ตั้งครรภ์ คือ 1.คุณตอย 2. คุณเอาะ 3.คุณแคร์

2. ผู้ที่จะแต่งงานคือ

  • คุณหนิง – คุณป๊อบ วันที่  30 พ.ย. นี้   เวลา 14.00 น.  ณ คริสตจักรสืบสัมพันธวงศ์
  • คุณต้น – คุณเปิ้ล วันที่ 7 ธ.ค. นี้  เวลา 14.00 น.   ณ คริสตจักรสืบสัมพันธวงศ์
  • คุณไนซ์ – คุณเจอรัลด์ วันที่ 10 ธ.ค. นี้  ณ ประเทศสิงคโปร์

3.ผู้ที่ไม่สบายคือ

1.หญิง & ม่อน    2.คุณบอย โกสิยพงษ์    3.แม่ของหมูหญิง และ 4. อ.วรางค์ ฯลฯ

และอธิษฐานเผื่อรายการพิเศษของคริสตชนบนเวทีใหญ่ 4 ธันวาคม นี้ เวลา 18.30 – 21.30 น. และขอชาว CJ พาญาติมิตรไปพร้อมหน้านะครับ!

สำหรับรายการประกาศวันศุกร์สุดท้ายของเทอมที่ BSC ในเทอมนี้เปลี่ยนมาเป็นวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2013 เวลา 14.00 น. ขอพี่น้องพาญาติมิตรไปร่วมรายการกันให้ตรึมเลย!

สำหรับคริสตมาสของ CJ จะมีในวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. เวลา 18.00 น.  ณ โรงเรียนนานาชาติตรีนิ๊ตี้ สุขุมวิท 36

ผู้ใดต้องการรับการหนุนใจจากผมกรุณาเข้ากลุ่ม Line “สมาชิก CJ” จะมีคำหนุนใจทุกวันครับ!

ขอพระเจ้าทรงอวยพรทุกท่านที่มานมัสการวันนี้โดยด้วยหน้า

ด้วยรักและผูกพัน

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (ศิษยาภิบาล)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ไม่รักสัตว์ ไม่ใช่คนดี

คนรักสัตว์

“จิตเมตตาสงสารต่อสัตว์โลกได้ผนึกเป็นเนื้อเดียวกับความดีในลักษณะนิสัย จึงอาจยืนยันได้ว่า

คนที่ทารุณสัตว์ย่อมไม่อาจเป็นคนดีได้!”

(compassion for animals is intimately associated with goodness of character,

and it may be confidently asserted that he who is cruel to animals cannot be a good man.)

                                                                                                                                                                       Arthur Schopenhauer-

        น่าคิดจริง ๆ ว่านะครับ  คนใจร้ายต่อสัตว์ย่อมไม่สามารถเป็นคนใจดีต่อคนได้!

โดยธรรมชาติ คนเราจะมีใจอ่อนโยน และผ่อนคลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้อยู่ใกล้กับสัตว์ที่น่ารักน่าเอ็นดู

แท้จริงแล้ว พระคัมภีร์เปิดเผยว่า “คู่อุปถัมภ์” (companion) ที่พระเจ้าออกแบบมาเป็น “ต้น แบบ” แรก (prototype) ของเรานั้นไม่ใช่ “คน”  แต่เป็น “สัตว์”

      “พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ตรัส​ว่า “การ​ที่​ชาย​ผู้​นี้​จะ​อยู่​แต่​ลำพัง​นั้น​ไม่​ดี เรา​จะ​สร้าง​คู่​อุปถัมภ์​ที่​เหมาะสมกับ​เขา​ขึ้น” พระยาห์เวห์​พระเจ้า​จึง​ทรง​ปั้น​สัตว์​ทุก​ชนิด​ใน​ท้องทุ่ง และ​นก​ทุก​ชนิด​ใน​ท้องฟ้า​จาก​ดิน แล้ว​ทรง​นำ​มา​ยัง​ชาย​นั้น เพื่อ​ดู​ว่า เขา​จะ​เรียก​ชื่อ​มัน​ว่า​อะไร ชาย​นั้น​ตั้ง​ชื่อ​สัตว์​ทุก​ชนิด​ที่​มี​ชีวิต​ว่า​อย่างไร สัตว์​นั้น​ก็​มี​ชื่อ​อย่าง​นั้น ชาย​นั้น​จึง​ตั้ง​ชื่อ​สัตว์​ใช้​งาน​ทุก​ชนิด และ​นก​ใน​อากาศ​และ​สัตว์ป่า​ทุก​ชนิด แต่​ชาย​นั้น​ยัง​ไม่​พบ​คู่​อุปถัมภ์​ที่​เหมาะสม​กับ​เขา”  (ปฐมกาล 2:18-20)

      ใช่ครับ สัตว์คือ คู่อุปถัมภ์หรือ ”ผู้ช่วยที่เหมาะสมอันดับแรกสำหรับมนุษย์” (a helper fit for him)

พระเจ้าตรัสว่า ไม่เหมาะที่มนุษย์คนแรก(ผู้ชาย) จะอยู่โดยลำพัง พระเจ้าจึงออกแบบ “คู่อุปถัมภ์” ที่เหมาะสมกับเขา พระองค์ ทรงใช้ดินปั้นสัตว์ขึ้นมาหลายชนิด ทั้งสัตว์ในท้องทุ่ง และสัตว์ในป่า นกในท้องฟ้า นำมาให้มนุษย์ตั้งชื่อ เพื่อจะปกครองมันและใช้ชีวิตร่วมกับมันอย่างอบอุ่น !

ในที่นี้คงรวมทั้งสัตว์ยอดฮิตอย่าง “สุนัข” และ “แมว” หรือ “ปลา” และ “กระต่าย” ฯลฯ

แต่ว่าอย่างไรก็ตาม สัตว์เหล่านี้ก็ยังไม่ใช่ “คู่อุปถัมภ์ที่เหมาะสมกับเขา!” (ปฐก.2:18,20)

จนกระทั่งพระเจ้าทรงสร้างผู้หญิงขึ้นจากกระดูกซี่โครงของผู้ชายและนำมาแทนสัตว์ที่เป็น “ต้นแบบ”

เมื่อผู้ชายได้พบผู้หญิง เขาอุทานขึ้นมาว่า “นี่แหละกระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา จะเรียกว่า “ชายา”(หญิง) เพราะว่า เธอนี้ออกมาจาก “ชาย”!”  (ปฐก.2:23)

ดังนั้น ถ้าเลือกได้คนเราจะเลือก “คน” เป็น “คู่อุปถัมภ์” แต่หากว่าไม่สามารถหาคนที่ถูกใจมาเป็นคู่ครองที่เหมาะสม คนเราก็มักจะเลือก “สัตว์” มาเป็น “เพื่อน” หรือ “คู่หู” แทน!

ดังนั้น คนที่ไม่รัก และไม่สงสาร “สัตว์” แถมยังทำร้ายมัน ย่อมจะไม่รัก ไม่สงสารคนและสามารถทำร้าย “คน” อื่นได้ไม่ยาก!

ด้วยเหตุนี้เอง หลักในการพิจารณาคู่ครองจึงมักจะมีปรัชญาที่โด่งดังว่า …    Love me, love my dog” (รักฉัน จงรักสุนัขของฉัน!)

วันนี้ หากคุณเป็นคนที่ไม่มีจิตเมตตาสงสารสัตว์ คุณคงต้องอยู่โดดเดี่ยวอย่างเดียวดายเป็นแน่แท้!

แต่หากคุณเป็นคนรักสัตว์ คุณจะเป็นคนดีในสายตาของคนบางคน และมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม(หรือเพศเดียวกัน) ให้เข้ามาใกล้โดยไม่รู้ตัว!

หวังว่า นิสัยรักสัตว์ของคุณจะดึงดูด “คน” ที่มีนิสัยรักสัตว์ชนิดเดียวกันให้เข้ามาในชีวิตของคุณ!

วันนี้ ให้เรามาฝึกรักสัตว์กันเถอะ !

จะดีไหมครับ?

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/ lifeanswer,   

Categories
บทความแปล

ทันเวลา

หัวใจในพระเจ้า

ไม่มีการทดลองใดๆเกิดขึ้นกับท่าน  นอกเหนือจากการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ทั้งหลาย พระเจ้าทรงสัตย์ธรรม พระองค์จะไม่ทรงให้ท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อท่านถูกทดลองนั้น พระองค์จะทรงโปรดให้ท่านมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ด้วย  เพื่อท่านจะมีกำลังทนได้ (1โครินธ์ 10:13)

ในหนังสือ “ที่ซ่อนตัว” ที่ค่ายกักกันนาซี  คอร์รี่ เทนบูม ผู้รอดชีวิต จำเรื่องราวของเธอเมื่อยังเป็นสาวน้อย และต่อมาต้องต่อสู้กับการสูญเสียคนที่รักหลายคนไปได้

คุณพ่อของเธอดึงตัวออกมาด้านข้างและถาม “คอร์รี่ เมื่อลูกและพ่อไปอัมสเตอร์ดัม – พ่อให้ตั๋วกับลูกเมื่อไร?”

“ก็ ให้ก่อนเราขึ้นรถไฟค่ะ”

“ถูกต้อง” คุณพ่อตอบ “และพระบิดาของเราผู้รอบรู้ทุกสิ่ง รู้ว่าเราจำเป็นต้องใช้สอย ลูกอย่าวิ่งนำหน้าพระองค์ คอร์รี่ เมื่อเวลามาถึง และพวกเราบางคนต้องตายจากไป ลูกจะมองเข้าไปในหัวใจ และพบกับกำลังที่ต้องการ – ทันเวลา”

บางทีเราสงสัย – ถ้าเกิดเราถูกทดสอบเกินกำลังจะทนได้ล่ะ? ถ้าเราถูกทดลองเหนือกำลังที่จะต้านไหว? – คุณจะไม่มีวันไปถึงตรงนั้น เพราะพระเจ้าทรงทราบดีถึงจุดที่คุณรับไหว และเมื่อเกิดการทดสอบ 1โครินธ์ 10:13 บอกเราว่าพระเจ้าทรงสัตย์ธรรม พระองค์จะไม่ทรงให้ท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้” มีทางออกให้เสมอ บางครั้งมันอยู่แค่หน้าประตู
แต่ถ้าพระเจ้าส่งการทดสอบที่ผมไม่อาจผ่านได้มาให้ล่ะ? บ่อยครั้ง ผมคุยกับคนที่กำลังเผชิญความทุกข์ยาก และผมถามตัวเอง – ผมจะมีทัศนคติอย่างที่พวกเขามีเมื่อต้องเผชิญเรื่องแบบนี้หรือเปล่า? และนี่คือคำตอบของผม : ถ้าพระเจ้าทรงขอให้ผมทำ พระองค์ก็จะทรงประทานกำลังให้ผมทำได้

พระเจ้าจะประทานกำลังให้เผชิญกับสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ คุณจะได้รับสิ่งที่จำเป็นเมื่อคุณจำเป็น ดังนั้นจงอย่ากังวลไป แค่วางใจในพระเจ้า พระองค์ทรงควบคุมอยู่

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514