Categories
บทความแปล

ดีชั่วนิรันดร์

ติดกระจก

พระวิญญาณบริสุทธิ์ห้ามมิให้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าในแคว้นเอเชีย ท่านเหล่านั้นจึงไปทั่วแว่นแคว้นฟรีเจียกับกาลาเทีย (กิจการ 16:6)

พระเจ้าทรงมีสติปัญญามากกว่าผม และสิ่งที่ดูเหมือนดีในตอนนี้ อาจไม่ดีชั่วนิรันดร์ และสิ่งที่ “ดีชั่วนิรันดร์” ตอนนี้อาจไม่ดี มีแต่ความเจ็บปวด

บางครั้งพระเจ้าบอกว่าไม่ เราก็บอกว่าพระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐาน แต่ที่จริงเราหมายความว่าเราไม่ชอบคำตอบนั้น เราบอกพระเจ้าว่า “พระเจ้าครับ ขอพระองค์ทำนี่ให้หน่อย” แล้วพระเจ้าตอบว่าไม่ได้ เราก็สรุปเอาเองว่าพระเจ้าไม่รักเราแล้ว แต่ความจริงคือ พระเจ้าตอบว่าไม่เพราะพระองค์ “ทรงรักเรา” พระองค์ทรงมีจุดมุ่งหมายอื่นเตรียมไว้ให้เรา

เราพบตัวอย่างนี้ได้ในหนังสือกิจการ 16 เมื่อ อ.เปาโลรู้สึกเป็นห่วงคริสตจักรในแคว้นเอซียไมเนอร์ และอยากจะกลับไปเยี่ยมเพื่อดูความเป็นไป แต่ติดที่ปัญหาเล็กๆข้อหนึ่ง พระเจ้าทรงมีแผนการอื่น ถึงแม้ อ.เปาโลพยายามทุกทางที่จะไปเอเซีย พระเจ้าทรงตอบว่าไม่ (เปาโล และสิลาส) ได้ไปที่มิเซีย พยายามไปบิธีเนียต่อ แต่พระวิญญาณบริสุทธิทรงห้ามไว้ (ข้อ 7)

“พระวิญญาณบริสุทธิทรงห้ามไว้” เป็นถ้อยคำที่ผมแปลกใจ เพราะสงสัยว่าพระวิญญาณบริสุทธิสื่อสารกับพวกเขาอย่างไร กระวนกระวาย ขาดสันติสุขในใจหรือ? คุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างภายนอกดูดี แต่ในใจคุณกลับไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าดีจริงหรือ? ไม่ว่าจะอะไร คุณไม่แน่ใจว่าควรหรือไม่ควรทำ

และบางครั้งเวลาพระเจ้าบอกว่าไม่ ก็ง่ายๆเหมือนปิดประตู พระเจ้าทรงมีเวลาของพระองค์ ในกรณีของเปาโลและสิลาส ยังไม่ถึงเวลาตามที่พวกเขาอยากทำ พระเจ้าต้องการให้ไปที่อื่นก่อน และบางครั้งพระองค์ทรงทำสิ่งเดียวกันกับคุณด้วย

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 

 

Categories
บทความแปล

อธิษฐานในสิ่งที่พระเจ้าสัญญาไว้แล้ว

นกอธิษฐาน

“…ข้าพเจ้าดาเนียล ได้ดูในหนังสือ…ซึ่งตามพระวจนะของพระเจ้าที่ทรงมีถึงเยเรมีย์ผู้ เผยพระวจนะ จะต้องผ่านพ้นไปก่อนสิ้นวันกรุงเยรูซาเล็มร้างเปล่า คือ จำนวนเจ็ดสิบปี แล้วข้าพเจ้าก็หันหน้าไปหาพระเจ้า แสวงหาด้วยการอธิษฐานและการวิงวอน  ทั้งด้วยการอดอาหาร…” (ดาเนียล 9:2-3)

พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทำบางสิ่ง แต่ดาเนียลก็ยังคงอธิษฐาน  ทำไมดาเนียลไม่นั่งเอนหลังพูดว่า “เอาหละพระเจ้า เมื่อพระองค์ทรงสัญญาว่าจะจัดการให้ ถ้าเช่นนั้นผมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิษฐาน”

นี่เป็นเรื่องแปลก — พระคัมภีร์สอนให้เราอธิษฐานในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้แล้วว่าจะทำ

  • วิวรณ์ 11:15 กล่าวว่า – และทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เป่าแตรขึ้น และมีเสียงหลายๆเสียงกล่าวขึ้นดังๆในสวรรค์ว่า  “ราชอาณาจักรแห่งพิภพนี้ ได้กลับเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเป็นของพระคริสต์ของพระองค์  และพระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์” แต่พระเยซูยังทรงสอนให้เราอธิษฐานว่า “ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก”
  • พระคัมภีร์สอนว่าจะมีสันติภาพในเยรูซาเล็ม แต่สดุดี 122:6 บอกเราว่า – จงอธิษฐานขอสันติภาพให้แก่เยรูซาเล็มว่า “ขอบรรดาผู้ที่รักเธอจงจำเริญ”
  • พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาอีกครั้ง (วิวรณ์ 22:20) ท่านยอห์นจึงอธิษฐานว่า “พระเยซูเจ้า  เชิญเสด็จมาเถิด” เป็นพระสัญญาล่วงหน้า แต่เราก็ถูกสั่งให้อธิษฐานว่ามันจะเกิดขึ้น

แม้แต่พระเจ้าตรัสว่าพระองค์จะทรงทำบางสิ่ง พระองค์ก็จะทำ พระเจ้าทรงทำในสิ่งที่พระองค์จะทำผ่านคำอธิษฐานของประชากรของพระองค์ พระเจ้าต้องการให้เรามีส่วนในการทำพระประสงค์ของพระองค์บนโลกนี้ให้สำเร็จผ่านการอธิษฐาน

โดย : Pastor Adrian Rogers’ daily devotional

อนุญาตโดย : Love worth finding Ministries: www.lwf.org

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

1 และ 2 พงศ์กษัตริย์ (บทเรียนที่ 25)

เลือดหลั่งโลมปฐพี

 พระธรรม        1พงศ์กษัตริย์ 21:1-29

อ้างอิง              1พกษ.16:3;18:17;20:43;22:38;12:30;14:9-11;2พกษ.9:10,34-36;21-26;10:6-10;17:17;22:20

บทนำ           อย่าให้ความโลภ ความหยิ่งยโส หรือความหลงในอำนาจก่อเกิดบาปที่นำเอาความหายนะมาสู่ทุกคน รวมทั้งตัวของคุณ และลูกหลานของคุณ เหมือนดังที่เกิดขึ้นกับอาหับและเยเซเบลเลย!

บทเรียน

21:1 “และ​ต่อ​มา​หลัง​จาก​เหตุการณ์​เหล่านี้ นาโบท​ชาว​ยิสเรเอล​มี​สวน​องุ่น​อยู่​ใน​ยิสเรเอล ข้าง​พระราชวัง​ของ​อาหับ​ พระราชา​แห่ง​สะมาเรีย”

       (Now Naboth the Jezreelite had a vineyard in Jezreel, beside the palace of Ahab king of Samaria. )

21:2 “อาหับ​ตรัส​กับ​นาโบท​ว่า “จง​ให้​สวน​องุ่น​ของ​เจ้า​แก่​เรา​เถิด เพื่อ​เรา​จะ​ได้​ทำ​สวน​ผัก เพราะ​อยู่​ใกล้​วัง​ของ​เรา เรา​จะ​ให้​สวน​องุ่น​ที่​ดี​กว่า​เพื่อ​แลก​สวน​นี้ หรือ​ถ้า​เจ้า​เห็น​ชอบ เรา​จะ​ให้​เงิน​สมกับ​ราคา​สวน​นั้น

      (And after this Ahab said to Naboth, “Give me your vineyard, that I may have it for a vegetable garden,  because it is near my house, and I will give you a better vineyard for it; or, if it seems good to you, I will  give you its value in money.”)

21:3 “แต่​นาโบท​ทูล​อาหับ​ว่า “โดย​พระยาห์เวห์ ขอ​ให้​เรื่อง​นี้​ห่าง​จาก​ข้า​พระบาท​เถิด คือ​ที่​จะ​ยก​มรดก​ของ​บรรพบุรุษ​ให้​แก่​ฝ่า​พระบาท

       (But Naboth said to Ahab, “The Lord forbid that I should give you the inheritance of my fathers.”)

21:4 “อาหับ​จึง​เสด็จ​เข้า​ใน​วัง​ด้วย​อารมณ์​ขุ่น​มัว​และ​กลัดกลุ้ม​ยิ่ง​นัก ด้วย​เรื่อง​ที่​นาโบท​ชาว​ยิสเรเอล​ทูล​ตอบ​พระองค์ เพราะ​เขา​ได้​กล่าว​ว่า “ข้า​พระบาท​จะ​ไม่​ให้​มรดก​แห่ง​บรรพบุรุษ​ของ​ข้า​พระบาท​แก่​ฝ่า​ พระบาท” และ​พระองค์​ก็​เอน​พระกาย​ลง​บน​พระแท่น เบือน​พระพักตร์ ไม่​เสวย​อาหาร”

      (And Ahab went into his house vexed and sullen because of what Naboth the Jezreelite had said to him,  for he had said, “I will not give you the inheritance of my fathers.” And he lay down on his bed and  turned away his face and would eat no food. )

21:5 “แต่​เยเซเบล​มเหสี​ของ​พระองค์​เข้า​มา​เฝ้า​พระองค์ ทูล​ถาม​พระองค์​ว่า “ทำไม​จิต​ใจ​ของ​ฝ่า​พระบาท​จึง​กลัดกลุ้ม​จน​ไม่​เสวย​อาหาร?”

      (But Jezebel his wife came to him and said to him, “Why is your spirit so vexed that you eat no food?”

21:6 “และ​พระองค์​ตรัส​ตอบ​พระนาง​ว่า “เพราะ​เรา​ได้​พูด​กับ​นาโบท​ชาว​ยิสเรเอล​ว่า ‘จง​ขาย​สวน​องุ่น​ของ​เจ้า​ให้​เรา หรือ​มิฉะนั้น​ถ้า​เจ้า​พอใจ เรา​จะ​ให้​สวน​องุ่น​อีก​แห่ง​หนึ่ง​แก่​เจ้า​เพื่อ​แลก​กัน’ แต่​เขา​ตอบ​ว่า ‘ข้า​พระบาท​จะ​ไม่​ให้​สวน​องุ่น​ของ​ข้า​พระบาท​แก่​ฝ่า​พระบาท’”

      (And he said to her, “Because I spoke to Naboth the Jezreelite and said to him, “Give me your vineyard  for money, or else, if it please you, I will give you another vineyard for it.” And he answered, “I will not give you my vineyard.”)

21:7 “และ​เยเซเบล​มเหสี​ของ​พระองค์​ทูล​พระองค์​ว่า “ฝ่า​พระบาท​เป็น​ผู้​ครอบครอง​อิสราเอล​อยู่​หรือ เพคะ? เชิญ​เสด็จ​ลุกขึ้น​เสวย​อาหาร​เถิด และ​ให้​พระทัย​ของ​ฝ่า​พระบาท​ร่าเริง หม่อมฉัน​จะ​มอบ​สวน​องุ่น​ของ​นาโบท​ชาว​ยิสเรเอล​ให้​แก่​ฝ่า​พระบาท​เอง

    (And Jezebel his wife said to him, “Do you now govern Israel? Arise and eat bread and let your heart be cheerful; I will give you the vineyard of Naboth the Jezreelite.”)

21:8 “พระนาง​จึง​ทรง​พระอักษร​ใน​พระนาม​ของ​อาหับ ประทับ​ตรา​ของ​พระองค์ ส่ง​ไป​ยัง​ผู้ใหญ่​และ​เจ้านาย​ผู้​อยู่​ใน​เมือง​กับ​นาโบท”

(So she wrote letters in Ahab’s name and sealed them with his seal, and she sent the letters to the elders and the leaders who lived with Naboth in his city. )

21:9 “พระนาง​ทรง​พระอักษร​ว่า “จง​ประกาศ​ให้​ถือ​อด​อาหาร และ​ให้​นาโบท​นั่ง​ใน​ที่​นั่ง​อัน​มี​เกียรติ​ท่ามกลาง​ประชาชน”

      (And she wrote in the letters, “Proclaim a fast, and set Naboth at the head of the people. )

21:10 “และ​ให้​คน​อันธพาล​สอง​คน​นั่ง​ตรงข้าม​กับ​เขา ให้​ฟ้อง​เขา​ว่า ‘เจ้า​ได้​แช่ง​พระเจ้า​และ​พระราชา’ แล้ว​พา​เขา​ออก​ไป​ และ​เอา​หิน​ขว้าง​เสีย​ให้​ตาย

       (And set two worthless men opposite him, and let them bring a charge against him, saying, “You have  cursed God and the king.” Then take him out and stone him to death.” )

21:11 “และ​คน​ของ​เมือง​นั้น คือ​ผู้ใหญ่​และ​เจ้านาย​ผู้​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​นั้น ได้​ทำ​ตาม​ที่​เยเซเบล​มี​พระอักษร​สั่ง​ไป​ถึง​พวกเขา ตาม​ที่​ปรากฏ​ใน​ลาย​พระหัตถ์​ซึ่ง​พระนาง​ทรง​มี​ไป​ถึง​พวกเขา​นั้น”

   (And the men of his city, the elders and the leaders who lived in his city, did as Jezebel had sent word  to them. As it was written in the letters that she had sent to them, )

21:12 “พวกเขา​ได้​ประกาศ​ให้​ถือ​อด​อาหาร และ​ได้​ให้​นาโบท​นั่ง​ใน​ที่นั่ง​อัน​มี​เกียรติ​ท่ามกลาง​ประชาชน”

       (they proclaimed a fast and set Naboth at the head of the people. )

21:13 “และ​คน​อันธพาล​สอง​คน​นั้น​ก็​เข้า​มา นั่ง​อยู่​ตรงข้าม​กับ​เขา และ​คน​ถ่อย​นั้น​ได้​ฟ้อง​นาโบท​ต่อ​หน้า​ประชาชน​กล่าว​ว่า “นาโบท​ได้​แช่ง​พระเจ้า​และ​พระราชา” เขา​ทั้งหลาย​จึง​พา​นาโบท​ออก​ไป​นอก​เมือง และ​เอา​หิน​ขว้าง​เขา​จน​ตาย”

     (And the two worthless men came in and sat opposite him. And the worthless men brought a charge   against Naboth in the presence of the people, saying, “Naboth cursed God and the king.” So they took   him outside the city and stoned him to death with stones.)

21:14 “แล้ว​พวกเขา​ก็​ส่ง​ข่าว​ไป​ทูล​เยเซเบล​ว่า “นาโบท​ถูก​หิน​ขว้าง​ตาย​แล้ว

     (Then they sent to Jezebel, saying, “Naboth has been stoned; he is dead.” )

21:15 “พอ​เยเซเบล​ทรง​ได้ยิน​ว่า นาโบท​ถูก​หิน​ขว้าง​ตาย​แล้ว เยเซเบล​จึง​ทูล​อาหับ​ว่า “ขอ​เชิญ​เสด็จ​ไป​ยึด​สวน​ของ​นาโบท​ชาว​ยิสเรเอล ซึ่ง​เขา​ได้​ปฏิเสธ​ไม่​ขาย​แก่​พระองค์ เพราะว่า​นาโบท​ไม่มี​ชีวิต​อยู่ เขา​ตาย​แล้ว

     (As soon as Jezebel heard that Naboth had been stoned and was dead, Jezebel said to Ahab, “Arise,   take possession of the vineyard of Naboth the Jezreelite, which he refused to give you for money, for  Naboth is not alive, but dead.” )

21:16 “และ​ต่อ​มา​พอ​อาหับ​ได้ยิน​ว่า​นาโบท​ตาย​แล้ว อาหับ​ก็​ทรง​ลุกขึ้น ลง​ไป​ยัง​สวน​องุ่น​ของ​นาโบท​ชาว​ยิสเรเอล​เพื่อ​ยึด​ถือ​เป็น​กรรมสิทธิ์”

      (And as soon as Ahab heard that Naboth was dead, Ahab arose to go down to the vineyard of Naboth   the Jezreelite, to take possession of it. )

21:17 “แล้ว​พระวจนะ​ของ​พระยาห์เวห์​มา​ถึง​เอลียาห์​ชาว​ทิชบี​ว่า”

         (Then the word of the Lord came to Elijah the Tishbite, saying, )

21:18 “จง​ลุกขึ้น​ไป​พบ​อาหับ​พระราชา​แห่ง​อิสราเอล ผู้​อยู่​ใน​กรุง​สะมาเรีย ดูสิ เขา​อยู่​ใน​สวน​ของ​นาโบท​ที่​เขา​ลง​ไป​ยึด​เอา​ เป็น​กรรมสิทธิ์”

      (“Arise, go down to meet Ahab king of Israel, who is in Samaria; behold, he is in the vineyard of  Naboth, where he has gone to take possession.)

21:19 “เจ้า​จง​พูด​กับ​เขา​ว่า ‘พระยาห์เวห์​ตรัส​ดังนี้​ว่า “เจ้า​ได้​ฆ่า​และ​ได้​ยึด​ถือ​เอา​เป็น​กรรมสิทธิ์​ด้วย​หรือ?”’ และ​เจ้า​จง​พูด​กับ​เขา​ว่า ‘พระเจ้า​ตรัส​ดังนี้​ว่า “ใน​ที่​ที่​สุนัข​เลีย​โลหิต​ของ​นาโบท สุนัข​จะ​เลีย​โลหิต​ของ​เจ้า​ด้วย”’”

    (And you shall say to him, “Thus says the Lord, “Have you killed and also taken possession?” And you  shall say to him, “Thus says the Lord: “In the place where dogs licked up the blood of Naboth shall  dogs lick your own blood.”” )

21:20 “อาหับ​ตรัส​กับ​เอลียาห์​ว่า “โอ ศัตรู​ของ​เรา เจ้า​พบ​เรา​เข้า​แล้ว​หรือ?” ท่าน​ทูล​ตอบ​ว่า “ข้า​พระบาท​พบ​ฝ่า​พระบาท​เข้า​แล้ว เพราะ​ว่า​ฝ่า​พระบาท​ยอม​ขาย​พระองค์​เข้า​ทำ​สิ่ง​ชั่ว​ใน​สายพระเนตร ​พระยาห์เวห์

      (Ahab said to Elijah, “Have you found me, O my enemy?” He answered, “I have found you, because  you have sold yourself to do what is evil in the sight of the Lord. )

21:21 “นี่แน่ะเรา​จะ​นำ​เหตุ​ร้าย​มา​เหนือ​เจ้า เรา​จะ​กวาด​เจ้า​ออก​ไป​เสีย​ให้​สิ้น และ​จะ​กำจัด​ผู้ชาย​ทุก​คน​เสีย​จาก​อาหับ​ใน​อิสราเอล ไม่​ว่า​ทาส​หรือ​ไท”

   (Behold, I will bring disaster upon you. I will utterly burn you up, and will cut off from Ahab every male, bond or free, in Israel.)

21:22 “และ​เรา​จะ​ทำ​ให้​ราชวงศ์​ของ​เจ้า​เหมือน​ราชวงศ์​ของ​เยโรโบอัม​บุตร​ เนบัท และ​เหมือน​ราชวงศ์​ของ​บาอาชา​บุตร​อาหิยาห์ เพราะ​เจ้า​ทำ​ให้​เรา​โกรธ และ​เพราะ​เจ้า​ทำ​ให้​อิสราเอล​ทำ​บาป​ด้วย”

  (And I will make your house like the house of Jeroboam the son of Nebat, and like the house of  Baasha the son of Ahijah, for the anger to which you have provoked me, and because you have  made Israel to sin.)

21:23 “และ​ส่วน​เยเซเบล พระยาห์เวห์​ตรัส​ว่า ‘สุนัข​จะ​กิน​เยเซเบล​ภายใน​เขต​ยิสเรเอล’”

   (And of Jezebel the Lord also said, “The dogs shall eat Jezebel within the walls of Jezreel.”)

21:24 “คนใด​ใน​วงศ์​อาหับ​ที่​ตาย​ใน​เมือง สุนัข​จะ​กิน และ​คนใด​ใน​วงศ์​ของ​เขา​ตาย​ใน​ทุ่งนา นก​ใน​อากาศ​จะ​กิน

(Anyone belonging to Ahab who dies in the city the dogs shall eat, and anyone of his who dies in the open country the birds of the heavens shall eat.” )

21:25 “ไม่มี​ใคร​ได้​ขาย​ตนเอง เพื่อ​ทำ​สิ่ง​ชั่ว​ใน​สายพระเนตร​พระยาห์เวห์​อย่าง​อาหับ ผู้​ที่​เยเซเบล​มเหสี​ได้​ยุยง”

         (There was none who sold himself to do what was evil in the sight of the Lord like Ahab, whom  Jezebel his wife incited.)

21:26 “พระองค์​ทรง​ทำ​สิ่ง​ที่​น่า​เกลียด​ชัง​ยิ่ง​นัก คือ​ดำเนิน​ตาม​รูปเคารพ ตาม​ธรรมเนียม​ทุก​อย่าง​ของ​คน​อาโมไรต์ ผู้​ที่​พระยาห์เวห์​ทรง​เหวี่ยง​ออก​ไป​ให้​พ้น​หน้า​คน​อิสราเอล”

    (He acted very abominably in going after idols, as the Amorites had done, whom the Lord cast out before the people of Israel.)

21:27 “และ​ต่อ​มา​เมื่อ​อาหับ​ทรง​ได้ยิน​พระวจนะ​เหล่านี้ พระองค์​ก็​ฉีก​ฉลอง​พระองค์ ทรง​สวม​ผ้า​กระสอบ ถือ​อด​อาหาร  บรรทม​ใน​ผ้า​กระสอบ และ​ทรง​ดำเนิน​ไป​มา​ด้วย​ความ​สำนึก​ผิด”

(And when Ahab heard those words, he tore his clothes and put sackcloth on his flesh and fasted and lay in sackcloth and went about dejectedly.)

21:28 “และ​พระวจนะ​ของ​พระยาห์เวห์​มา​ยัง​เอลียาห์​ชาว​ทิชบี​ว่า”

        (And the word of the Lord came to Elijah the Tishbite, saying, )

21:29 “เจ้า​ได้​เห็น​อาหับ​ถ่อม​ตัว​ลง​ต่อ​หน้า​เรา​แล้ว​หรือ? เพราะ​เขา​ได้​ถ่อม​ตัว​ลง​ต่อ​เรา เรา​จะ​ไม่​นำ​เหตุ​ร้าย​มา​ใน​สมัย​ของ​เขา แต่​เรา​จะ​นำ​เหตุ​ร้าย​มา​เหนือ​ราชวงศ์​ของ​เขา​ใน​สมัย​บุตร​ของ​เขา

         (“Have you seen how Ahab has humbled himself before me? Because he has humbled himself before  me, I will not bring the disaster in his days; but in his son’s days I will bring the disaster upon his  house.” )

ข้อมูลมีประโยชน์

21:1     “นาโบท” (Naboth) = เป็นชาวยิสเรเอลมีสวนองุ่นอยู่ข้างพระราชวังของอาหับ (2พกษ.9:21)

“พระราชวังของอาหับ” (the palace of Ahab) = อาหับมีวังนอกเหนือจากวังหลวงในกรุงสะมาเรียด้วย  (18:45;2พกษ.9:30)

    “สะมาเรีย” (Samaria) = เป็นทั้งชื่อเมืองหลวงและนามของอาณาจักรเหนือทั้งหมด (16:24)

21:2     “จงให้สวนองุ่นของเจ้าแก่เราเถิด” (Give me your vineyard) = อาหับมีอำนาจที่ถูกจำกัดโดยบทบัญญัติ (ฉธบ.17:14-20;1ซมอ.10:25) ไม่อาจยึดที่ดินที่มีเจ้าของได้ (แตกต่างจากธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติของกษัตริย์ในคานาอัน) –1ซมอ.8:9-17

21:3     “โดยพระยาห์เวห์ขอให้เรื่องนี้ห่างจากข้าพระองค์เถิด” (The Lord forbid that) = การยกที่ดิน(สวน) ให้กษัตริย์อาหับเป็นเรื่องที่ยากสำหรับนาโบท เพราะพื้นฐานความเชื่อที่ว่า ที่ดินเป็นของพระเจ้าที่ประทานให้ประชากรอิสราเอลแต่ละครอบครัว ประดุจสัญญาเช่าที่ทุกตระกูลต้องรักษาไว้ด้วยความหวงแหน ในฐานะมรดกประจำตระกูล

21:7     “ฝ่าพระบาทเป็นผู้ครอบครองอิสราเอลอยู่หรือเพคะ?” (Do you now govern Israel?) = เยเซเบลกล่าวเสียดสีอาหับเพราะเธอคุ้นเคยกับธรรมเนียมกษัตริย์ฟินีเซียและคานาอันที่ใช้อำนาจเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง (1ซมอ.12:3-4)

21:9     “จงประกาศให้ถืออดอาหาร” (Proclaim a fast) = เยเซเบลพยายามสร้างเหตุการณ์ว่า ประชาชนจะประสบภัยพิบัติ และจะหลีกเลี่ยงได้หากว่า พวกเขาถ่อมใจลงต่อพระพักตร์ของพระเจ้า และกำจัดคนทำบาปซึ่งนำการพิพากษามาสู่พวกเขา (ปท.วนฉ.20:26;1ซมอ.7:5-6;2พศด.20:2-4)

21:10   “อันธพาล” (worthless men) = คนชั่ว –ฉธบ.13:13

“สองคน” (two) = จำนวนคนที่จะเป็นพยานได้สำหรับความผิดที่มีโทษถึงตาย ตามกฎหมาย(กฎบัญญัติของโมเสส ใน กดว.35:30;ฉธบ.17:6;19:15;  “ฟ้อง” (charge against) = ปรักปรำ

= แผนการที่วางไว้ให้ดูเสมือนว่าเป็นกระบวนการที่ชอบธรรมทางกฎหมาย (อพย.20:16;23:7;ลนต.19:16)

“เจ้าได้แช่งพระเจ้าและพระราชา” (You have cursed God and the king.) = ความผิดของการทำตามคำกล่าวหานี้คือ การลงโทษด้วยการเอาหินขว้างจนตาย (ลนต.24:15-16)

21:13   “นอกเมือง” (outside the city) = ตามกฎบัญญัติของโมเสส (ลนต.24:14;กดว.15:35-36) –นาโบทถูกเอาหินขว้างในที่ดินของตนเอง (ปท. ข้อ 19 กับ 2พกษ.9:21,26)

-บรรดาบุตรชายของนาโบทก็ถูกเอาหินขว้างตายไปพร้อมกัน (2พกษ.9:26-ปท.กรณีของอาคาน ใน ยชว.7:24-25) เพื่อกำจัดทายาทด้วย

21:19   “เจ้าได้ฆ่าและได้ยึดถือเอาเป็นกรรมสิทธิ์ด้วยหรือ?” (Have you killed and also taken possession?) = การที่อาหับยอมทำตามแผนของเยเซเบลก็เท่ากับว่า เขามีความผิดฐานฆ่าคนและลักทรัพทย์ด้วย

“ในที่ที่สุนัขเลียโลหิตของนาโบท สุนัขจะเลียโลหิตของเจ้าด้วย”( In the place where dogs licked up the blood of Naboth shall dogs lick your own blood.) = การกลับใจในเวลาต่อมาของอาหับทำให้คำพยากรณ์บางส่วนถูกเลื่อนออกไปจนถึงสมัยของโยรัม บุตรชายของเขาที่ถูกทิ้งศพ ณ จุดดังกล่าวแทน (2พกษ.9:25-26)แต่สุนัขได้เลียโลหิตของอาหับใน 2พกษ.22:38 หลังจากที่เขาตายในการสู้รบที่ราโมทกิ-   เลอาด (22:29-37) และศพถูกนำกลับมายังสะมาเรีย และสุนัขได้เลียเลือดที่ถูกล้างออกจากรถศึกของเขา

21:21   “ไม่ว่าทาสหรือไท” (bond or free) -14:10

21:22   “เหมือนราชวงศ์ของเยโรโบอัม” (like the house of Jeroboam) –14:10;15:28-30

“เหมือนราชวงศ์ของบาอาชา” (  like the house of Baasha) -16:3-4,11-13

21:24   “คนใดในวงศ์อาหับที่ตายในเมือง สุนัขจะกินและคนใดในราชวงศ์ของเขาตายในทุ่งนา นกในอากาศจะกิน” (Anyone belonging to Ahab who dies in the city the dogs shall eat, and anyone of his who dies in the open country the birds of the heavens shall eat.) -14:11;16:4, เป็นคำสาปแช่งตามพันธสัญญาใน ฉธบ.28:26(เปรียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกหลานเพศชายในพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัม ที่ไม่มีผู้ใดได้รับการฝังศพอย่างมีเกียรติเลย)

21:25   “ผู้ที่เยเซเบลมเหสีได้ยุยง” (whom Jezebel his wife incited.) = ผู้ที่กระทำตามการชักนำของเยเซเบลมเหสี (16:31;18:4;19:1-2;21:7)

21:26   “ดำเนินตามรูปเคารพ” (in going after idols) –ลนต.26:30

          “คนอาโมไรต์” (Amorites)  = ในที่นี้หมายถึงคนทั้งหมดในคานาอันก่อนที่อิสราเอลจะเข้ามา (ปฐก.15:16 ฉธบ.1:7)

21:27   “สวมผ้ากระสอบ” (put sackcloth) –ปฐก.37”34

21:29   “เพราะเขาได้ถ่อมตัวลงต่อเรา เราจะไม่นำเหตุร้ายมาในสมัยของเขา…”( he has humbled himself before me, I will not bring the disaster in his days) –ยนา.3:10

= การพิพากษาเลื่อนออกไปถึงในสมัยลูกของเขา (ข.19) แต่โทษไม่ได้ลดลง

คำถามนำอภิปราย

1. เคยมีคนที่ปรารถนาจะได้(หรือซื้อ) “ทรัพย์สิน” ของคุณ แต่คุณไม่ยินยอมบ้างหรือไม่?  เรื่องราวเป็นอย่างไร และเกิดอะไรขึ้น?

2.คุณเคยหงุดหงิดหรือโกรธกริ้วผู้ใดด้วยความไม่พอใจที่ขัดใจคุณ ไม่ยอมให้ไม่ยอมขายหรือไม่ยอมทำตามในสิ่งที่คุณขอหรือต้องการบ้างหรือไม่?  เรื่องอะไร? และทำไม?

3. คุณเคยผิดหวังและยอมรับคำแนะนำหรือคำปรึกษาและกระทำตามเพื่อที่จะได้อย่างที่คุณต้องการ โดยไม่คำนึงถึงวิธีการบ้างหรือไม่?  ผลเป็นอย่างไร?

4. คุณเคยเป็นธุระในการดำเนินการเพื่อให้ได้มาตามประสงค์แทนผู้อื่น โดยใช้กลวิธีที่แยบยลในการสร้างความชอบธรรม (แต่ไม่ชอบธรรม) ให้กับสิ่งที่ทำบ้างหรือไม่?  อย่างไร และผลเป็นอย่างไร?

5. คุณเคยเห็นผู้ใดร่วมมือสมคบกับผู้อื่น (โดยเฉพาะผู้มีอิทธิพลอำนาจ)ในการวางแผนเล่นงานผู้อื่น (ผู้บริสุทธิ์) บ้างหรือไม่? ผลลัพธ์คืออะไร? (และคุณเคยร่วมมือกับผู้ใดทำเช่นนั้นบ้างหรือไม่?)

6. คุณเคยได้มาหรือยึดครองในทรัพย์สิ่งของที่ไม่ใช่ของคุณด้วยวิธีการอันไม่พึงประสงค์บ้างหรือไม่? แล้วผลที่ตามมาเป็นอย่างไร? มีผลเสียอะไรตามมาบ้างหรือไม่? และคุณสำนึกผิดบ้างหรือไม่?

7. คุณเคยเห็น “ผลกรรม” สนองบุคคลใดที่กระทำ “กรรมชั่ว” ต่อผู้อื่นบ้างหรือไม่?  (แบ่งปัน)

8. หากคนบาปหรือคนทำผิดกลับใจจะสายเกินแก้หรือสายเกินไปหรือไม่?  อย่างไร?

9. บทเรียนวันนี้สอนอะไรคุณเป็นพิเศษ

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทความแปล

เหมือนกับแกะ

แกะหลง

เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นเหมือนแกะที่พลัดฝูงไป แต่บัดนี้ได้กลับมาหาพระผู้เลี้ยงและผู้พิทักษ์วิญญาณจิตของท่านทั้งหลายแล้ว (1เปโตร 2:25)

มากกว่าหนึ่งครั้งที่พระคัมภีร์เปรียบคริสเตียนว่าเป็นเหมือนแกะ ผมไม่รู้ว่าควรปลื้มดีหรือเปล่า เพราะแกะไม่ใช่สัตว์ที่ฉลาดที่สุดในโลก คงจะดีถ้าพระเจ้าเปรียบว่าเราเป็นเหมือนปลาโลมา เพราะเป็นสัตว์ที่ได้ชื่อว่าฉลาด ผมเคยได้คุยกับคนฝึกโลมา ผมถามเขาว่า “โลมานี่ฉลาดเหมือนที่เห็นจริงหรือ?”

เขาตอบว่า “บางอย่างใช่ บางอย่างก็ไม่ใช่ พวกมันฉลาดในหลายเรื่อง เพราะอ่านสัญลักษณ์และเข้าใจความหมายได้” น่าทึ่งนะครับ

แต่พระเยซูคริสต์ไม่ได้เปรียบเทียบเราเป็นเหมือนโลมา พระองค์เปรียบเทียบเรากับแกะ และแกะเป็นหนึ่งในจำนวนสัตว์ที่ฉลาดน้อยที่สุด พวกมันอ่อนแอ และขี้ตกใจ วิ่งช้า และปกป้องตัวเองไม่ได้ นอกจากนั้นพวกมันยังต้องการการดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา รู้กันดีว่าแกะจะตามกันไป แม้มุ่งไปสู่ความตาย มีบันทึกว่าถ้าแกะตัวหนึ่งตกจากหน้าผา ตัวอื่นๆก็จะกระโจนตามลงไป

พระคัมภีร์กล่าวว่า “เราทุกคนได้เจิ่นไปเหมือนแกะ เราทุกคนต่างได้หันไปตามทางของตนเอง…” (อิสยาห์ 53:6) คิดดู กี่คนกันที่ถูกหลอกไปในคำโกหกเดิมๆ ยุคแล้วยุคเล่า ตกเข้าไปในหลุมเดิม เสพย์ติดเดิมๆ กับดักเดิมๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า

เราเป็นเหมือนแกะ นั่นคือความจริง คำถามคือคุณจะเป็นแกะฉลาดหรือแกะโง่? แกะฉลาดจะคอยอยู่ใกล้ผู้เลี้ยง และเป็นที่ๆเราควรอยู่ด้วยครับ

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 

 

Categories
บทความแปล

พระเจ้ารู้จักคุณดีแค่ไหน?

นกร่วง

อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้ นกกระจาบสองตัวเขาขายบาทหนึ่งมิใช่หรือ แต่ถ้าพระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ นกนั้นแม้สักตัวเดียวจะตกลงถึงดินก็ไม่ได้ ถึงผมของท่านทั้งหลาย ก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น เหตุฉะนั้นอย่ากลัวเลย ท่านทั้งหลายก็ประเสริฐกว่านกกระจาบหลายตัว (มัทธิว 10:28-31)

ยังจำได้ตอนเป็นเด็ก เดินไปตามถนนในฟอร์ทเวิร์ท เท็กซัส ที่ๆผมโตขึ้นมา และในท่ามกลางตึกสูงของเมืองผมเคยเห็นนกกระจอกตัวหนึ่งร่วงตกลงมาบนพื้น เข้าใจว่าคงจะบินชนตึกแล้วตกลงมา

เมื่อมองไปที่นกตัวนั้น ผมตระหนักได้ว่าในปฐมกาล พระเจ้าทรงทราบดีถึงเวลานาทีที่นกตัวนั้นจะตกลงมา

พระเจ้าทรงมีรายละเอียดในทุกๆชีวิต ไม่ใช่เฉพาะคนที่ทำงานรับใช้ในโบสถ์ ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อค้า ทำขนมปัง หรือขายเทียน พระเจ้าทรงมีแผนการให้ชีวิตคุณอย่างละเอียดชนิดนับผมทุกเส้นไว้แล้ว พระเจ้าผู้ทรงทราบวินาทีที่นกกระจอกจะตกลงมาจากฟ้า ทรงรู้จักคุณดีและทรงทำงานอยู่ในคุณ

และถ้าพระเจ้าทรงห่วงใยนกทั้งหลาย พระองค์ทรงห่วงใยผู้เชื่อขนาดไหน ดังนั้นจงอย่าลืมว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าที่รู้จักเราเป็นส่วนตัว พระองค์ไม่ได้อยู่ห่างไกลออกไป แต่ทรงอยู่ที่นี่ เวลานี้ ทรงอยู่กับเรา

พระเจ้าทรงรู้จัก และทรงรักคุณมากขนาดผมทุกเส้นของคุณทรงนับไว้แล้ว ดังนั้น จงจำว่าพระองค์ทรงอยู่ใกล้คุณและจะไม่มีวันทอดทิ้งคุณ

อนุญาตโดย : Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry : www.powerpoint.org

Categories
สารจากศบ.

สารจากศิษยาภิบาล

ImageHandler

26 มกราคม 2014

สวัสดีครับพี่น้อง CJ

ขอบคุณพระเจ้าที่ทุกท่านมานมัสการพระเจ้าด้วยกันในวันนี้ได้ ขออธิษฐานเผื่อบางคนที่ปรารถนาจะมาแต่มาไม่ได้ และขออธิษฐานเผื่อบ้านเมืองของเราด้วยนะครับ ขอให้ผ่านพ้นเวลาที่ยากลำบากไปได้ และบังเกิดผลดีในบั้นปลาย ขอให้เราเชื่อมั่นว่าคำตอบสุดท้ายสำหรับประเทศไทยและของโลกนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมนุษย์คนใดหรือกลุ่มใด แต่ขึ้นอยู่กับพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก

ย้ำอีกครั้งว่า ปี 2014 นี้ CJ ของเราเน้นให้เป็นปี “สร้างสาวกให้เป็นสร้างสาวก” และได้กำหนดคุณลักษณะ 12 ประการที่สมาชิก CJ แท้ทุกท่านพึงกระทำ เวลานี้เราได้กล่าวถึงไปแล้ว 4 ประการ คือ

1. สมาชิก CJ ทุกคนต้องอธิษฐานเป็น และอธิษฐานเป็นชีวิตจิตใจ –หากคุณยังไม่ทำหรือทำไม่ได้ ขอให้รีบเรียนรู้และลงมือทำเลยนะครับ ประโยชน์จะตกแก่ชีวิตของคุณและคนรอบตัวอย่างมหาศาล

2. สมาชิก CJ ทุกคนต้องเข้าเฝ้าพระเจ้าเป็นส่วนตัวที่เรียกว่า “เฝ้าเดี่ยว” เป็น

3. สมาชิก CJ ทุกคนต้องเป็นพยานชีวิตและประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์เป็น

4. สมาชิก CJ ทุกคนต้องกระตือรือร้นร่วมสามัคคีธรรมร่วมกับพี่น้อง ทั้งในคริสตจักรหรือตามกลุ่มแคร์ (ตามบ้าน/ตามบริษัท) ฯลฯ

ดังนั้น เพื่อทำให้ตัวของทุกท่านมีคุณลักษณะดังกล่าว ขอให้ทุกท่านเข้ากลุ่มพันธกิจกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งดังนี้

  1. กลุ่มมัทธิว                    ผู้นำคือ     คุณณพิชญ์ (แดง)
  2. กลุ่มมาระโก                 ผู้นำคือ   คุณหทัยรัตน์(เอ๋)
  3. กลุ่มลูกา                       ผู้นำคือ   อาจารย์ธงชัย
  4. กลุ่มยอห์น                    ผู้นำคือ  คุณภาวิน (เฮียฝา)
  5. กลุ่มกิจการ                   ผู้นำคือ  คุณสุรัตนาวี (โบ)

และ/หรือเข้ากลุ่ม Line ของ “สมาชิก CJ” หรือเข้า IG ของผม thongchaibsc

ปีนี้เราจะก้าวหน้าด้วยกันไปสู่เป้าหมายที่จะถวายตัวของเราแต่ละคนให้เป็น “สาวกแท้” ของพระเยซูคริสต์ ที่ช่วยอีกคนหนึ่งให้เป็น “สาวกแท้” ของพระเยซูคริสต์ที่สามารถช่วยอีกคนหนึ่งเช่นกัน!

ผมขอบคุณพระเจ้าที่วันอังคารที่ บ.LoveIs มีผู้เข้าร่วม cell (กลุ่ม care) อย่างคึกคักตลอดมา ขอให้กลุ่มวันอื่น ๆ เช่นวันพุธ (บ้านครูเอ๋) วันศุกร์ (กลุ่มคุณอู๊ด/อ.แอน) และ ฯลฯ ล้วนมีคนกระตือรือร้นเข้าร่วมเช่นกัน!

ส่วนชั้นเรียนพระคัมภีร์วันพฤหัสก็เช่นกัน  ผมขอวิงวอนให้ CJ แท้ทุกคนหิวกระหายที่จะศึกษาพระวจนะของพระเจ้าด้วยกัน เพื่อทำให้ท่านรู้และเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้ามากขึ้น

ผมประทับใจมากแม้ในช่วงที่มี ชุมนุมกันที่สี่แยกอโศก พี่น้องก็มีใจสู้มาศึกษาพระคัมภีร์และอธิษฐานเผื่อประเทศไทยด้วยกันเป็นประจำทุกวันพฤหัส

ดังนั้นในปีใหม่นี้หากผู้ใดยังไม่เคยมาร่วมศึกษาเลย  ผมขอเชิญทุกท่านเริ่มต้นใหม่ด้วยกันในวันพฤหัสหน้านี้เลยนะครับ!

วันนี้ขอขอบคุณ อ. ขจร ที่แบ่งปันพระวจนะกับเรา

ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกท่านครับ!

ด้วยรัก

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (ศิษยาภิบาล)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

รถที่ปราศจากน้ำมัน

น้ำมันหมด

“ความสัมพันธ์ที่ปราศจาก “ความไว้วางใจ” ก็เปรียบเสมือนกับ ‘รถที่ปราศจากน้ำมัน’

คุณยังอยู่ในรถคันนั้นได้นานตราบที่คุณต้องการ แต่มันจะไม่ไปไหนเลย!”

(A relationship without ‘trust’ is like a car without gas,

you can stay in it all you want, but it won’t go anywhere.!)

น่าเสียดายหากว่าเรามีรถหรูดูดี แต่ไม่มีน้ำมัน เพราะว่ามันวิ่งไปไหนไม่ได้!

หาก ”ความสัมพันธ์” ในชีวิตของเราเปรียบเหมือนกับ “รถ”

“ความไว้วางใจ” ก็อาจเปรียบได้กับ “น้ำมัน” (ที่รถต้องใช้)!

เมื่อใดก็ตามที่คนเรายังรักกันมีความคิดตรงกัน ใจตรงกัน หรือมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เมื่อนั้นไม่ว่าจะเป็นทิศทางไหนพวกเราก็พร้อมที่จะไปด้วยกัน และอุปสรรคขวางหน้าไม่ว่าใหญ่หรือยากแค่ไหน เราก็ไม่หวั่นไหว เพราะเรามีกันและกันและไว้วางใจซึ่งกันและกัน!

แต่หากว่าวันใด ความรักผูกพันที่เคยมีต่อกันจางหายไป หรือความไว้วางใจที่มีต่อกันหมดสิ้นไปในวันนั้น ไม่ว่าจะลากกันรุนแรงสักเพียงใดก็ไม่ไปและถึงจะผลักกันเท่าไรก็จะไม่เคลื่อนไหว

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คริสตจักร ที่ทำงาน หรือประเทศชาติ หากว่าคนเราหมดสิ้นความไว้วางใจที่มีต่อกันก็เท่ากับหมดสิ้นเยื่อใยที่พึงมีให้แก่กัน ในที่สุดหากว่าทุกคนที่อยู่ด้วยกันไม่ทนอยู่เหมือนซากศพที่ปราศจากชีวิตต่างก็คงต้องลาจากกันไป!

แต่หากว่าทุกคนกลับใจยอมให้พระคริสต์ทรงฟื้นฟูและความไว้วางใจที่มีต่อกันขึ้นมาใหม่ ด้วยการถ่อมใจยอมจำนนต่อพระองค์และต่อกันและกันอย่างสิ้นเชิง …ความสัมพันธ์ที่ตายไปแล้วก็จะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่!

แต่เรื่องเศร้าก็คือ คนบางคนเลือกที่จะปล่อยให้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่ตายจากไปโดยไม่ยอมให้พระเจ้าแตะต้องสัมผัสความสัมพันธ์ที่ตายซากไปแล้วนั้นให้กลับคืนมามีชีวิตอีกครั้ง เพราะทิฐิหรืออัตตาของตนเองและทุ่มเทความวางใจไปในสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่ได้รับการเตือนสติให้หันกลับมาหาพระเจ้าแล้วก็ตาม แต่ก็ยังดื้อดึงทำตามใจตัวเอง… ในที่สุดพระเจ้าก็ต้องทรงอนุญาตให้เกิดการแยกจากกันเพื่อเริ่มต้นใหม่!

ดังนั้น หากว่าวันนี้ คุณกำลังมีประสบการณ์ในทำนองนี้ ไม่ว่าเคยเสียหรือกำลังจะสูญเสีย “ความสัมพันธ์” ที่มีต่อกันไป ขอให้คุณจงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความสัมพันธ์นั้นกลับคืนมา แต่หากว่าคุณได้พยายามทุกอย่างแล้วกระนั้นก็ดูเหมือนว่าไม่มีทางที่จะเป็นได้ดังหวัง ก็ขอให้คุณจงรักษา “ความสัมพันธ์” ที่มีเหลืออยู่ เพื่อรอวันหนึ่งข้างหน้าที่จะกลับคืนดีกันได้อีกครั้งด้วยความไว้วางใจในพระเจ้า!

ฉะนั้น พี่น้องที่รัก… ในขณะที่ยังมีโอกาส จงสร้าง “ความไว้วางใจ” ที่มีต่อกันให้เกิดขึ้น และทะนุถนอมดูแลรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกัน ประดุจทรัพย์ล้ำค่าให้คงอยู่ตลอดไป เพราะว่านั่นคือของขวัญจากพระเจ้า จงผลักดันความสัมพันธ์ของเราที่มีต่อกันให้ก้าวหน้าไปสู่ความสุขความยินดีแห่งการเกิดผลที่ยิ่งใหญ่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า!

ขอให้ “รถแห่งความสัมพันธ์” ของเราเต็มล้นด้วย “น้ำมันแห่งความไว้วางใจ”

แต่หากว่าวันนี้เราไม่ได้รับความไว้วางใจหรือไม่อาจที่จะไว้วางใจในมนุษย์คนใดได้อีก… ก็อย่าให้เราท้อใจ ขอเพียงให้เรายังคงมุ่งหน้าต่อไป (แม้เผชิญกับอุปสรรคที่น่ากลัว)ด้วยความไว้วางใจในพระเจ้า โดยไม่หวั่นไหว… เพราะว่าเราจะเป็นสุข และยินดีในบั้นปลายอย่างแน่นอน!

                 “ข้าแต่​พระยาห์เวห์​ จอมทัพคน​ที่​วางใจ​ใน​พระองค์​ก็​เป็น​สุข”    (สดุดี 84:12)

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/ lifeanswer,