Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:   “พระคัมภีร์ พูดถึง ‘แม่ ‘หรือ ‘มารดา’ (mother )ไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ: “พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องของ แม่(Mother)ไว้มาก อาทิ

  1. แม่จะต้องทุกข์เจ็บปวดก่อนคลอด แต่จะชื่นชมเมื่อได้คลอดลูกออกมาแล้ว

“เมื่อผู้หญิงจะคลอดบุตร นางก็มีแต่ความทุกข์เพราะถึงกำหนด แต่เมื่อคลอดบุตรแล้ว นางก็ไม่คิดถึงความเจ็บปวดนั้นเลย เพราะมีความชื่นชมยินดีที่คนหนึ่งเกิดมาในโลก”  ~ยอห์น 16:21 THSV11

  1. แม่จะปกป้องลูกที่คลอดออกมา โดยไม่กลัวเกรงสิ่งใด

“โดยความเชื่อ เมื่อโมเสสเกิดมา บิดามารดาจึงซ่อนท่านไว้ถึงสามเดือน เพราะเห็นว่าท่านเป็นเด็กน่ารัก และบิดามารดาของท่านไม่ได้กลัวคำสั่งของกษัตริย์เลย” ~ฮีบรู 11:23 THSV11

  1. ลูกสมควรเชื่อฟังแม่ในทุกเรื่องที่ดี

“เพราะฉะนั้น ลูกเอ๋ยจงเชื่อฟังตามที่แม่จะสั่งเจ้า” ~ปฐมกาล 27:8 THSV11

“เพราะฉะนั้นลูกเอ๋ยเชื่อฟังแม่ ลุกขึ้นหนีไปหาลาบันพี่ชายของแม่ที่ฮาราน” ~ปฐมกาล 27:43 THSV11

“แล้วพระกุมารก็ลงไปกับบิดามารดา ยังเมืองนาซาเร็ธ และยอมเชื่อฟังเขาทั้งสอง ส่วนมารดาเก็บเรื่องราวทั้งหมดนั้นไว้ในใจ” ~ลูกา 2:51 THSV11

  1. แม่ไม่ควรลำเอียง หรือเข้าข้างลูกคนใดคนหนึ่งมากเกินไป

“‘จงนำเนื้อมาให้พ่อและจัดอาหารอร่อยให้พ่อกิน และพ่อจะอวยพรเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ก่อนพ่อตาย’ มารดาพูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ย ขอให้คำสาปแช่งของเจ้าตกอยู่กับแม่เถิด เชื่อฟังแม่เท่านั้น ไปนำมาให้แม่เถิด”” ~ปฐมกาล 27:7, 13 THSV11

  1. แม่ไม่ควรขอ หรือสั่งให้ลูกกระทำในสิ่งที่ไม่ดี หรือไม่เหมาะสม

“นางจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขอสิ่งใดดี?” มารดาจึงตอบว่า “จงขอศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมาเถิด”” ~มาระโก 6:24 THSV11

  1. แม่ต้องเตรียมใจที่ลูกในยุคสุดท้ายจะไม่เชื่อฟังแม่ และอกตัญญู

“แต่จงเข้าใจข้อนี้คือ วาระสุดท้ายนั้นจะเป็นเวลาที่น่ากลัว เพราะผู้คนจะเห็นแก่ตัว รักเงินทอง โอ้อวด หยิ่งยโส ชอบดูหมิ่น ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ อกตัญญู ชั่วร้าย” ~2 ทิโมธี 3:1-2 THSV11

“ส่อเสียด เกลียดชังพระเจ้า ดูถูกคนอื่น เย่อหยิ่งจองหอง อวดตัว คิดทำชั่วแปลกๆ ไม่เชื่อฟังบิดามารดา” ~โรม 1:30 THSV11

  1. ลูกที่ดื้อดึงไม่เชื่อฟังแม่ จะได้รับการลงโทษจากชุมชนและสังคม

ถ้าชายคนใดมีบุตรที่ดื้อและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงของบิดาของตนหรือเสียงของมารดาของตน แม้ว่าบิดามารดาจะได้ตีสอน เขาก็ไม่ยอมฟัง ให้บิดามารดาจับตัวเขาออกมาหาพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้น ณ ประตูเมืองของเขา และพูดกับพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นว่า ‘บุตรชายของเราคนนี้เป็นคนดื้อและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงเรา เป็นคนตะกละและขี้เมา’ แล้วผู้ชายทุกคนในเมืองนั้นจะเอาหินขว้างเขาให้ตาย ดังนั้นท่านจะได้กำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน คนอิสราเอลทั้งสิ้นจะได้ยินและเกรงกลัว” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 21:18-21 THSV11

  1. ลูกต้องให้เกียรติแม่

“เพราะโมเสสสั่งไว้ว่า ‘จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า’ และ ‘ใครประณามบิดามารดาจะต้องมีโทษถึงตาย’” ~มาระโก 7:10 THSV11

“จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า เพื่ออายุของเจ้าจะได้ยืนยาวบนแผ่นดิน ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าประทานแก่เจ้า” ~อพยพ 20:12 THSV11

  1. แม่ต้องทำสิ่งดีๆที่ทำให้ลูกๆ และสามีมีเหตุที่จะชมเชยได้

“ลูกๆ ของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ สามีของเธอก็สรรเสริญเธอว่า “สตรีมากมายทำได้ดีเลิศ แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด”” ~สุภาษิต 31:28-29 THSV11 

  1. ลูกต้องไม่ดูหมิ่นแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อแม่แก่

“บุตรชายที่มีปัญญาทำให้บิดายินดี แต่คนโง่ดูหมิ่นมารดาของตน” ~สุภาษิต 15:20 THSV11

“จงฟังบิดาผู้ให้กำเนิดเจ้า และอย่าดูหมิ่นมารดาเมื่อนางแก่” –สุภาษิต 23:22 THSV11

  1. ลูกต้องไม่ทำตัวโง่ และเป็นความขมขื่นของแม่

“บุตรชายโง่เป็นความโศกสลดแก่บิดา และเป็นความขมขื่นแก่มารดา” ~สุภาษิต 17:25 THSV11

  1. ลูกต้องไม่หมิ่นประมาทแม่

“ผู้ที่หมิ่นประมาทบิดาของตนหรือมารดาของตนจะถูกสาปแช่ง’ และให้ประชาชนทั้งปวงกล่าวว่า ‘อาเมน’” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 27:16 THSV11

  1. ลูกต้องไม่แช่งด่าแม่

“ผู้ใดด่าแช่งบิดามารดาของตน ผู้นั้นต้องถูกปรับโทษถึงตาย” ~อพยพ 21:17 THSV11

“คนที่แช่งบิดาหรือมารดาของตน ประทีปของเขาจะดับมืดมิด” -สุภาษิต 20:20 THSV11

  1. ลูกต้องไม่ทำร้าย ทุบตีแม่

“ผู้ใดทุบตีบิดามารดาของตน ผู้นั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงตาย” –อพยพ 21:15 THSV11

  1. ลูกต้องไม่ล่วงละเมิดทางเพศต่อแม่

“ห้ามเปิดของลับของบิดาเจ้า คือของลับมารดาเจ้า เพราะนางเป็นแม่ของเจ้า ห้ามเปิดของลับของนาง” ~เลวีนิติ 18:7 THSV11

  1. ลูกควรทำให้แม่เปรมปรีดิ์ในชีวิต

“จงให้บิดามารดาของเจ้ายินดี จงให้ผู้ที่คลอดเจ้าเปรมปรีดิ์” –สุภาษิต 23:25 THSV11

  1. ลูกต้องไม่ทิ้งคำสอนของแม่

“ลูกเอ๋ย จงฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้า และอย่าทิ้งคำสอนของแม่เจ้า”  ~สุภาษิต 1:8 THSV11

  1. ลูกๆต้องรู้จักตอบแทนพระคุณแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม่ม่าย

“ถ้าแม่ม่ายคนไหนมีลูกหรือหลาน ก็ให้เขาทั้งหลายเรียนรู้การทำหน้าที่ในทางพระเจ้าต่อครอบครัวของตนก่อน และให้ตอบแทนคุณบิดามารดา เพราะว่าการกระทำเช่นนี้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” ~1 ทิโมธี 5:4 THSV11

“ถ้าแม่ม่ายคนไหนมีลูกหรือหลาน ก็ให้เขาทั้งหลายเรียนรู้การทำหน้าที่ในทางพระเจ้าต่อครอบครัวของตนก่อน และให้ตอบแทนคุณบิดามารดา เพราะว่าการกระทำเช่นนี้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” ~1 ทิโมธี 5:4 THSV11

  1. แม่ควรเข้าใจและสนับสนุนลูกในการรับใช้พระเจ้า

“พระเยซูตอบว่า “พ่อกับแม่ตามหาลูกทำไม? พ่อกับแม่ไม่รู้หรือว่าลูกต้องอยู่ในพระนิเวศของพระบิดา?”” ~ลูกา 2:49 THSV11

“วันที่สามมีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี มารดาของพระเยซูก็อยู่ที่นั่น พระเยซูและสาวกของพระองค์ได้รับเชิญไปในงานนั้น เมื่อเหล้าองุ่นหมดแล้ว มารดาของพระเยซูพูดกับพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่น” พระเยซูตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย ไม่ใช่ธุระของท่าน เวลาของเรายังมาไม่ถึง” มารดาของพระองค์จึงบอกพวกคนใช้ว่า “จงทำตามที่ท่านสั่งเจ้าเถิด”” ~ยอห์น 2:1-5 THSV11

  1. แม่ต้องเตรียมพร้อมในวันที่ลูกต้องจากไป

“เพราะเหตุนี้ผู้ชายจึงต้องละบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา” ~มาระโก 10:7 THSV11

  1. ลูกต้องเชื่อวางใจในพระเจ้า แม้ถูกแม่ทอดทิ้ง

“แม้บิดาและมารดาของข้าพระองค์ทอดทิ้งข้าพระองค์ แต่พระยาห์เวห์จะทรงยกข้าพระองค์ขึ้น” ~สดุดี 27:10 THSV11 

  1. ลูกที่ยอมสละแม่เพื่อพระเจ้า จะได้รับการประทานแม่ใหม่ๆอีกหลายคนทดแทน

“คนนั้นจะได้รับผลตอบแทนร้อยเท่าในยุคนี้คือ บ้าน พี่น้องชายหญิง มารดา ลูก และไร่นา พร้อมการข่มเหงด้วย และในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์” ~มาระโก 10:30 THSV11

“เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นมารดาของพระองค์ และสาวกคนที่พระองค์ทรงรักยืนอยู่ใกล้พระองค์ จึงตรัสกับมารดาของพระองค์ว่า “หญิงเอ๋ย นี่คือบุตรของท่าน”” ~ยอห์น 19:26 THSV11

“แล้วพระองค์ตรัสกับสาวกคนนั้นว่า “นี่คือมารดาของท่าน” แล้วสาวกคนนั้นก็รับมารดาของพระองค์มาอยู่ในบ้านของตนตั้งแต่เวลานั้น” ~ยอห์น 19:27 THSV11

  1. เราที่อยู่ฝ่ายพระเจ้า จะมีคนที่ทำตามพระทัยพระเจ้า มาเป็นแม่ฝ่ายจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น

“เพราะว่าใครก็ตามที่ทำตามพระทัยพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ ผู้นั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา” ~มัทธิว 12:50 THSV11

“คนใดที่ทำตามพระทัยของพระเจ้า คนนั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา”” ~มาระโก 3:35 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
สารจากศบ.

สารประจำสัปดาห์จากศิษยาภิบาล

13 สิงหาคม 2023

สวัสดีครับพี่น้อง CJ

ผมดีใจที่คริสตจักรของเรามีการประชุมรวมสมาชิกเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (6 ส.ค.) ได้มีการรายงานพันธกิจจากฝ่ายต่างๆ รวมทั้งความคืบหน้าในการกอสร้างอาคารโบสถ์

ทุกคนตื่นตาตื่นใจกับโบสถ์ใหม่ของเราเป็นอย่างยิ่ง และรับรู้ภาระในการระดมทุนอีก 11 ล้านบาท ตามรายงานประกอบ   

ขออธิษฐานเพื่อจะมีผู้มีภาระใจในการร่วมถวายจนได้เงินครบตามงบประมาณ ท่านสามารถถวายทรัพย์ได้ดังนี้:  คริสตจักรแห่งความสุข ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา เพลินจิต บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 216-221419-9   หรือทาง QR Code ด้านล่าง

เชื่อว่าโบสถ์ของเราจะเป็นพรอย่างมากมายทั้งต่อสมาชิก คนในชุมชน และสังคมต่อไป

ผมใฝ่ฝันที่จะเห็น

  1. คริสตจักรแห่งความสุข เป็น “ครอบครัวที่มีความสุข” และมีคน 3 รุ่นเป็นอย่างน้อย เคียงข้างกันทั้งในการนมัสการ การสามัคคีธรรม และการรับใช้
  2. คริสตจักรแห่งความสุขเป็น “โรงเรียนสอนความเชื่ออันมีหลักอย่างถูกต้อง” ที่สมาชิกและผู้สนใจจะหลั่งไหลกันมาศึกษาหาความรู้และแสวงหาประสบการณ์ในการเติบโตขึ้นในฝ่ายจิตวิญญาณไปด้วยกัน จนกว่าทุกคนจะบรรลุความเป็นผู้ใหญ่ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพระคริสต์
  3. คริสตจักรแห่งความสุขเป็น “ศูนย์ไกล่เกลี่ย” ที่ช่วยไกล่เกลี่ยคู่ขัดแย้ง ได้เข้าใจ เห็นใจ และคืนดีกันได้โดยไม่ต้องไปถึงโรงถึงศาล
  4. คริสตจักรแห่งความสุข เป็น “ศูนย์บริการชุมชน” ที่ช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่คนในชุมชนโดยรอบคริสตจักร โดยการช่วยเหลือ หรือตอบสนองความต้องการในด้านต่างๆ อย่างมีคุณค่าและเปี่ยมด้วยความเอื้ออาทร
  5. คริสตจักรแห่งความสุขเป็น “ศูนย์เผยแพร่ข่าวประเสริฐ” ที่ชุมชนและผู้ที่อยู่ห่างไกล ได้ยินได้รับรู้ ได้เข้าใจและได้เปิดใจต่อพระกิตติคุณอย่างเต็มใจ และรู้สึกพึงพอใจ

พี่น้องที่รัก ขอให้เรามาร่วมกันทำให้ฝันเหล่านี้เป็นจริง จะดีไหม?

ขอพระเจ้าทรงอวยพรทุกท่าน

ด้วยรักจากใจ

(ธงชัย ประดับชนานุรัตน์) ในนามทีมศิษยาภิบาล

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม :  ”พระคัมภีร์กล่าวอะไรเกี่ยวกับ” Morality “(มีศีลธรรม) ที่ภาษาไทย แปลออกมาหลากหลาย อาทิ  ความดีงาม ความมีศีลธรรมจรรยา คุณธรรม ความรู้สึกผิดชอบ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และหลักประพฤติปฏิบัติที่ดี?”

 คำตอบ:

  1. มนุษย์เริ่มต้นเป็นคนไร้ศีลธรรมเมื่อเขาไม่เชื่อในพระเจ้าแห่งศีลธรรม

“คนโง่รำพึงในใจตนว่า “ไม่มีพระเจ้า” เขาทั้งหลายก็เลวทรามและทำความอยุติธรรมที่น่าเกลียดน่าชัง ไม่มีผู้ใดทำดี” ~สดุดี 53:1 THSV11

  1. พระเจ้าเสียพระทัยในความไร้ศีลธรรมของมนุษย์ จึงทรงล้างโลกไปครั้งหนึ่ง

“พระเจ้าทอดพระเนตรแผ่นดินก็ทรงเห็นว่าเสื่อมทราม เพราะมนุษย์ทั้งหมดประพฤติตนเสื่อมทรามบนแผ่นดิน” ~ปฐมกาล 6:12 THSV11

“พระยาห์เวห์ทรงเห็นว่าความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจทั้งหมดของเขาล้วนเป็นเรื่องชั่วร้ายตลอดเวลา พระยาห์เวห์เสียพระทัยที่ทรงสร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดินและโทมนัสยิ่งนัก พระยาห์เวห์จึงตรัสว่า “เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราได้สร้างมานี้ไปเสียจากแผ่นดิน ทั้งมนุษย์และสัตว์ใช้งาน กับสัตว์เลื้อยคลานและนกในอากาศด้วย เพราะว่าเราเสียใจที่ได้สร้างพวกเขา”” ~ปฐมกาล 6:5-7 THSV11

  1. พระเจ้าทรงประสงค์ให้มนุษย์ปฏิบัติต่อกันอย่างมีศีลธรรม

“มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี? และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า? นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตา และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ” ~มีคาห์ 6:8 THSV11

  1. มนุษย์กลับยังคงประพฤติตนอย่างไร้ศีลธรรมเช่นเดิมตลอดมา

“ท่านจึงเป็นคนไม่สะอาดด้วยการกระทำของท่าน และประพฤติเยี่ยงโสเภณีในการกระทำของท่าน” ~สดุดี 106:39 THSV11

  1. พระเจ้าทรงกำชับไม่ให้คบหาสมาคมกับคนที่มีชื่อว่าเป็นคนของพระเจ้าแต่ไร้ศีลธรรม

“แต่บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังเขียนบอกพวกท่านว่า จงอย่าคบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องแล้ว แต่ยังล่วงประเวณี โลภ ไหว้รูปเคารพ ชอบกล่าวร้าย เป็นคนขี้เมา และเป็นคนฉ้อโกง แม้จะกินด้วยก็อย่าเลย” ~1 โครินธ์ 5:11 THSV11

  1. พระเจ้าไม่ประสงค์ให้เราพูดสอนเรื่องศีลธรรม แต่กลับไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่รู้หรือเชื่อ

“พี่น้องของข้าพเจ้า แม้ใครจะกล่าวว่าตนมีความเชื่อ แต่ไม่ได้ประพฤติตามจะมีประโยชน์อะไร? ความเชื่อนั้นจะช่วยให้เขารอดได้หรือ?” ~ยากอบ 2:14 THSV11

  1. เราต้องไม่ปฏิบัติต่อกันอย่างไร้ศีลธรรม หรือผิดศีลธรรม

“พี่น้องเอ๋ย อย่ากล่าวร้ายกันและกัน คนที่กล่าวร้ายพี่น้องหรือตัดสินพี่น้องของตน ก็กล่าวร้ายธรรมบัญญัติและตัดสินธรรมบัญญัติ ถ้าท่านตัดสินธรรมบัญญัติ ท่านก็ไม่ใช่ผู้ประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่เป็นผู้ตัดสิน” ~ยากอบ 4:11 THSV11

  1. พระคัมภีร์บอกเราว่า ในยุคสุดท้าย คนจะยิ่งประพฤติตนอย่างไร้ศีลธรรม

“ท่านเหล่านั้นบอกท่านว่า “ในวาระสุดท้ายจะมีคนที่ชอบเยาะเย้ยเกิดขึ้น ที่ดำเนินชีวิตตามความปรารถนาชั่วของตัวเอง” คนเหล่านี้คือคนที่ก่อให้เกิดความแตกแยก หมกมุ่นอยู่ในโลกียวิสัย และปราศจากพระวิญญาณ” ~ยูดา 1:18-19 THSV11

“ก่อนอื่นพึงรู้ข้อนี้คือ ในวาระสุดท้ายพวกที่ชอบเยาะเย้ยจะมาเยาะเย้ย และทำตามตัณหาของตนเอง” ~2 เปโตร 3:3 THSV11

  1. เราต้องพิสูจน์ว่าเราเป็นลูกของพระเจ้าด้วยการประพฤติตนมีศีลธรรม

“เช่นนี้แหละ จึงเห็นได้ว่าใครเป็นลูกของพระเจ้า และใครเป็นลูกของมาร คือผู้ที่ไม่ได้ประพฤติชอบ และไม่รักพี่น้องของตน ก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า” ~1 ยอห์น 3:10 THSV11

“ถ้าพวกท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้าอย่างแท้จริงตามพระคัมภีร์ที่ว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” พวกท่านก็ทำดี” ~ยากอบ 2:8 THSV11

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ใดจะอาศัยอยู่ในพลับพลาของพระองค์? ผู้ใดจะอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์? คือผู้ดำเนินชีวิตอย่างหาที่ติมิได้และทำสิ่งที่ชอบธรรม และพูดความจริงจากใจของตน ผู้ไม่ใช้ลิ้นของตนในการนินทาว่าร้าย ไม่ทำชั่วต่อเพื่อน และไม่เยาะเย้ยเพื่อนบ้านของตน” -สดุดี 15:1-3 THSV11

  1. เราต้องเป็นแบบอย่างในการเป็นคนมีศีลธรรมที่โดเด่นกว่าคนทั่วไป

“ท่านเองจงประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างในการดีทุกด้าน ในการสอนอย่างจริงใจ จริงจัง” ~ทิตัส 2:7 THSV11

  1. พระเจ้าจะให้คนมาเพิ่มในคริสตจักรมากขึ้น เมื่อเรามีศีลธรรมและประกาศข่าวประเสริฐ

“เพราะฉะนั้น คริสตจักรตลอดทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลี และสะมาเรียก็เกิดความสงบสุขและเจริญเติบโต ต่างประพฤติตนด้วยความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและรับการหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสตสมาชิกจึงยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น” ~กิจการ 9:31 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
สารจากศบ.

สารประจำสัปดาห์จากศิษยาภิบาล

6 สิงหาคม 2023

สวัสดีครับพี่น้อง CJ ที่รัก

ขอให้เรายืนหยัดเคียงข้างกัน อย่างพี่น้องที่ดีต่อกันเสมอไป เราต้องตระหนัก และระวังตนไว้เสมอ เพราะเราอยู่ในสงครามฝ่ายวิญญาณ 

สิ่งที่เราพึงระวังคือ

  1. ระวังลูกศรเพลิงจากพญามาร ที่เมื่อเราถูกลอบยิงเมื่อใด มันจะทำลายสัมพันธภาพของพวกเรา ทั้งในสัมพันธภาพภายในครอบครัวฝ่ายกายและฝ่ายจิตวิญญาณ
  2. ระวังลูกศรแห่งความเห็นแก่ตัว ที่เมื่อถูกยิงเมื่อใด ความเห็นแก่ตัวของเราจะพุ่งขึ้นท่วมท้นความคิดและจิตใจของเรา ทำให้เราพร้อมทำอะไรก็ได้ตามใจของเรา โดยไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นอีกต่อไป ไม่ว่าจะต่อคนใกล้หรือคนไกลตัว หรือหนักหน่อยก็คือจะไม่สนใจแม้แต่พระทัย หรือพระวจนะของพระเจ้าด้วย
  3. ระวังลูกศรแห่งความสงสัย ที่ถูกยิงเมื่อใดความสงสัยจะเข้ามาทำลายความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าและความเชื่อใจในคนข้างตัวหรือ คนรอบตัวของเรา ทำให้เราพร้อมชนและพร้อมแตกหักทั้งกับพระเจ้าและทุกคน โดยพร้อมจะเดินออกห่างครอบครัวและคริสตจักรด้วยความสับสนปั่นป่วนในความคิดและชีวิต
  4. ระวังลูกศรแห่งความโลภ ที่ถูกยิงเมื่อใด ความอยากได้ ความอยากมี อยากเป็นทั้งหลายจะถาโถมเข้าครอบงำจิตใจของเรา ทำให้เราพร้อมจะทำอะไร หรือละทิ้งอะไรหรือใครก็ได้เพื่อได้ในสิ่งที่เราปรารถนา และเดินจากพระเจ้า คริสตจักร และสามัคคีธรรมของพี่น้องโดยไร้ซึ่งเยื่อใย
  5. ระวังลูกศรแห่งความโกรธ ที่ถูกยิงเมื่อใด พิษสงแห่งความแค้นเคือง จะระเบิดความรุนแรงอันน่ากลัวออกมา ทั้งผ่านคำพูดและการกระทำ ทำลายล้างทุกคนที่เป็นเป้าหมาย โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบอันร้ายแรงต่อคนบริสุทธิ์ที่อยู่ด้วยเลย
  6. ระวังลูกศรแห่งความอิจฉาริษยา ที่ถูกยิงเมื่อใด ความไม่พอใจจะทำลายล้างความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันจนหมดสิ้น จะมีเหลือแต่ความปรารถนาที่จะได้เช่นกัน และใจที่พร้อมทำลายคนอื่นไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังด้วยคำพูด คำนินทา คำวิพากษ์วิจารณ์ และการกระทำที่คาดไม่ถึง
  7. ระวังลูกศรแห่งความทำลายกำลังใจ ที่ถูกยิงเมื่อใด ความท้อแท้ ความเบื่อหน่าย ความหมดอาลัยตายอยาก จะเกาะกุมหัวใจของเรา จนทำให้เราไม่อยากลุกขึ้นมา ปฏิสัมพันธ์กับผู้ใดอีกต่อไป อยากอยู่ของเราคนเดียว ไม่อยากจะยุ่งกับใครและไม่อยากให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับเราทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเคยสนิทสนมต่อกันมานานสักเพียงใดก็ตาม ไม่ว่า มารจะมีลูกศรอีกกี่ชนิด แต่ที่แน่นอนคือ ลูกธนูทุกชนิดนั้นจะทำให้เรา
  • ห่างไกลไปจากพระเจ้า
  • ห่างไกลไปจากพี่น้องหรือครอบครัว(ทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิตวิญญาณ)

ดังนั้นขอให้เราตื่นตัว คอยระวังตัวเอง และคอยดูแลพี่น้องของเราไว้เสมอ สิ่งที่เราพึงกระทำคือทำตามพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า

“สุดท้ายนี้จงเข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในอานุภาพอันทรงพลังของพระองค์ จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะสามารถต่อสู้กับอุบายของมารได้เพราะ

  • เราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่เรา
  • . ต่อสู้กับพวกภูตผีที่ครอบครอง
  • ข.พวกภูตผีที่มีอำนาจ
  • ค.พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้
  • ง.ต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วในสวรรคสถาน

จงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะสามารถต่อสู้ในวันชั่วร้ายนั้น และเมื่อทำทุกอย่างแล้วจะยังยืนหยัดอยู่ได้ จงยืนหยัดไว้

  •  เอาความจริงคาดเอว
  • เอาความชอบธรรมเป็นเกราะป้องกันอก และ
  • เอาความพรั่งพร้อมในการประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า
  • จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นี้พวกท่านจะสามารถดับลูกศรเพลิงทั้งหมดของมารร้าย
  • จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และ
  • จงถือพระแสงของพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า
  • จงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกเวลาโดย 1) การอธิษฐานและ 2) การวิงวอนทุกๆอย่าง

เพราะเหตุนี้ จงเฝ้าระวัง

  • ด้วยความเพียร และ
  • ด้วยการวิงวอนเผื่อธรรมิกชนทุกคนอยู่เสมอ” ~เอเฟซัส 6:10-18 THSV11

พี่น้องที่รัก

  1. ขอให้เรารักและใกล้ชิดพระเจ้า ตลอดเวลา
  2. ขอให้เรารักกันและกัน และรักคริสตจักรโดยรวมอย่าให้ความเกลียดชังเข้าครอบงำความคิดจิตใจของเราเป็นอันขาด
  3. ขอพระเจ้าจะทรงช่วยเราทุกคนให้รักกันได้ 100% และทำให้ตัวเอง และคนอื่นๆ ที่อยู่ด้วยมีความสุข

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

ด้วยรักและห่วงใยจากพระคริสต์

 (ธงชัย ประดับชนานุรัตน์) ในนามทีมศิษยาภิบาล

ป.ล.   ผู้ใดประสงค์จะแสดงความรักต่อพระเจ้า คริสตจักร และบุคคลใดผ่านทรัพย์ ท่านสามารถถวายได้ที่ คริสตจักรแห่งความสุข ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา เพลินจิต  บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 216-221419-9   หรือทาง QR Code      

___________________________ 

เมื่อมีคนมาถามผม

ปัจจุบันนี้ถ้ามีคนมาถามผมว่าทำไมถึงยังดำเนินในทางของพระเจ้าอยู่? 

ผมก็จะตอบเขาว่า ในชีวิตของผมนั้นพระเจ้าไม่เคยมาสายเลย และพระคำพระเจ้าเป็นจริง และมีแต่สิ่งดีมากมายที่นำไปใช้ได้ 

ถึงจะไม่ได้มีสิ่งของมากมาย แต่ก็ไม่ได้ขาดสิ่งดีใดๆเลย มีทั้งคนที่รักเรา มีอาหารที่มีกินครบ 3 มื้อ มีบ้านให้อยู่อาศัย และพระเจ้าที่เสริมกำลังเราทุกด้านในการใช้ชีวิต ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

ผมคิดเสมอว่าถ้าไม่มีพระเจ้าภายในจิตใจของผมคงมีแต่ความคิดที่ไม่ดี การได้รู้จักพระเจ้าก็รู้จักกับปัญญาในการใช้ชีวิตหลายอย่าง ได้รู้จักความรัก การให้อภัย ความอดทนอดกลั้นต่อคนที่ไม่น่ารัก

การได้อ่านพระคัมภีร์ยังทำให้ผมได้รู้จักการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีด้วย แต่บางครั้งก็มีบ้างที่เราไม่สามารถทำตามพระคำพระเจ้าได้ตลอด

บางครั้งเวลามีคนมาด่ามาว่าเรา เราก็อยากจะสวนกลับ แต่การได้รู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้น เราก็ยิ่งรับมือได้ดีขึ้นด้วย

สรุปง่ายๆ ในทั้งหมดนี้คือ พระเจ้านั้นแสนดี ผู้ที่รักมนุษย์อย่างไม่มีเงื่อนไข

ธีรภัทร์ รัตนรัตน์ (เรียว-ลูกแม่ปลา)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ถาม:  “พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องวุฒิภาวะฝ่ายวิญญาณ” (Spiritual Maturity) ไว้อย่างไรบ้าง?

ตอบ”พระคัมภีร์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องวุฒิภาวะ ดังกล่าวไว้ดังนี้:

1.เราควรกล่าวถึงพระปัญญาของพระเจ้าในท่ามกลางคนที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณ

“ถึงกระนั้นเรากล่าวถึงปัญญาในท่ามกลางคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว
(We do, however, speak a message of wisdom among the mature ) แต่ไม่ใช่ปัญญาของยุคนี้ หรือของอำนาจครอบครองยุคนี้ ซึ่งกำลังเสื่อมสูญไป แต่เรากล่าวถึงพระปัญญาของพระเจ้าซึ่งเป็นความล้ำลึก คือพระปัญญาที่ทรงซ่อนไว้นั้น และที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ก่อนปฐมกาล เพื่อการรับศักดิ์ศรีของเรา” ~1 โครินธ์ 2:6-7 THSV11

2.เราควรรับผิดชอบดูแลตัวเองให้ผ่านพ้นสภาวะความเป็นทารกฝ่ายวิญญาณ

“ถึงแม้ว่าขณะนี้ท่านทั้งหลายควรจะเป็นครูได้แล้ว แต่ท่านก็ต้องให้คนอื่นสอนท่านอีกในเรื่องหลักธรรมเบื้องต้นแห่งพระวจนะของพระเจ้า ท่านต้องการน้ำนมไม่ใช่อาหารแข็ง เพราะว่าทุกคนที่ยังกินน้ำนมนั้นยังไม่เข้าใจในเรื่องความชอบธรรม เพราะเขายังเป็นทารกอยู่ อาหารแข็งนั้นสำหรับผู้ใหญ่ (solid food is for the mature) สำหรับคนที่ฝึกฝนจนมีความสามารถแยกแยะดีชั่วได้แล้ว” ~ฮีบรู 5:12-14 THSV11

3.เราควรมีวุฒิภาวะฝ่ายวิญญาณ และไม่ทำให้ใครต้องมาเสียเวลากับเราในเรื่องนี้อีก

“เพราะฉะนั้นขอให้เราผ่านหลักคำสอนเบื้องต้นเกี่ยวกับพระคริสต์ ไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ (Therefore let us move beyond the elementary teachings about Christ and be taken forward to maturity) โดยไม่วางรากฐานซ้ำอีก คือเรื่องการกลับใจจากการประพฤติที่นำไปสู่ความตาย และเรื่องความเชื่อในพระเจ้า” ~ฮีบรู 6:1 THSV11

4.เราควรมีวุฒิภาวะฝ่ายจิตวิญญาณเมื่อเรามีความทรหดอดทนที่เกิดจากทดลองใจต่างๆ

“พี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อพวกท่านพบกับการทดลองใจต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง เพราะพวกท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้นทำให้เกิดความทรหดอดทน และจงให้ความทรหดอดทนนั้นมีผลอย่างสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่สมบูรณ์และดีพร้อม (Let perseverance finish its work so that you may be mature and complete) โดยไม่ขาดสิ่งใดเลย” ~ยากอบ 1:2-4 THSV11

5.เราควรเป็นผู้เตรียมหรือรับการเตรียมให้เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณที่รวมพลังเป็นหนึ่งในการรับใช้ด้วยความจริงและความรัก

“และพระองค์เองประทานให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมธรรมิกชนสำหรับการปรนนิบัติและการเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า บรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ คือโตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์ (until we all reach unity in the faith and in the knowledge of the Son of God and become mature, attaining to the whole measure of the fullness of Christ.)(เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและพัดไปพัดมาด้วยลมคำสั่งสอนทุกอย่าง ด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ ตามอุบายที่ฉลาดในการล่อลวง แต่ให้เรายึดถือความจริงด้วยความรัก เพื่อจะเจริญขึ้นในทุกด้านสู่พระองค์( we will grow to become in every respect the mature body of him)ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์ ~เอเฟซัส 4:11-15 THSV11

6.เราควรคิดจดจ่อในการบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัยอย่างที่ผู้ใหญ่คิด

“พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมา แล้วโน้มตัวไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า และข้าพเจ้าบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัลคือการทรงเรียกแห่งเบื้องบนซึ่งมีในพระเยซูคริสต์ เพราะฉะนั้น เราที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจงคิดอย่างนี้ (All of us, then, who are mature should take such a view of things.)และถ้าพวกท่านคิดอีกอย่างหนึ่ง พระเจ้าก็จะทรงให้เรื่องนี้ประจักษ์แก่ท่านด้วย” ~ฟีลิปปี 3:13-15 THSV11

7.เราควรให้ความคิดของเราเป็นเหมือนผู้ใหญ่ แต่ความชั่วร้ายให้เป็นเป็นเหมือนทารก

“พี่น้องทั้งหลาย อย่าเป็นเหมือนเด็กในด้านความคิด แต่ในเรื่องความชั่วร้ายจงเป็นเหมือนทารก และในด้านความคิดจงเป็นเหมือนผู้ใหญ่ (but in your thinking be adults.)” ~1 โครินธ์ 14:20 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ –

Categories
สารจากศบ.

สารประจำสัปดาห์จากศิษยาภิบาล

30 กรกฎาคม 2023

สวัสดีครับ พี่น้องคริสตจักรแห่งความสุข

ผมไปร่วมประชุม “Generations” ที่สิงคโปร์ เพิ่งกลับมา ต้องยอมรับว่าเป็นการประชุมที่สัมผัสใจมากที่สุดในชีวิตเลย (แม้ว่าผมไม่ได้เห็นด้วยกับทุกอย่าง 100%)

ผมขอแบ่งปันสิ่งที่ผมเห็น ผมสัมผัส และหลักการที่น่าจะลองนำมาปฏิบัติตามในคริสตจักรของเราดังนี้

1. เราไม่ควรเลือกแนวทางที่ชอบพูดกันว่า ให้หาคนรุ่นใหม่มาแทนคนรุ่นเก่าที่เรียกว่า “Replacement”~เพราะเป็นความคิดที่ตื้น เปราะบาง และมีความเสี่ยงอันจะนำผลเสียเกินการคาดเดามาสู่คริสตจักรได้โดยง่าย  แต่เราควรเน้นแนวทางแบบเสริมทัพที่เรียกว่า Reinforcement”  ที่เป็นการส่งเสริมและสร้างผู้นำรุ่นใหม่หรือเจนใหม่และอีกหลายๆ รุ่นให้มาเสริมกันเข้ามาทีละรุ่น ผ่านการถ่ายทอดชีวิต ความรู้ทักษะจากใจของผู้ที่ผ่านการอบรมมาก่อน เป็นเหตุให้คนเก่ายังมีที่รับใช้ และคนใหม่ก็ได้ร่วมให้เข้ามาร่วมเข้ามารับใช้ด้วยอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการขาดตอน

2. เราควรหนุนใจและลงทุนเสริมสร้างคน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ตั้งแต่เด็ก) คือตั้งแต่ที่พวกเขายังไม่มีอะไร หรือยังไม่ประสบความสำเร็จใดๆ ที่เรียกว่า “Encouragement” มากกว่าจะชื่นชมหรือยกย่อง หรือให้การรับรองแต่คนที่ประสบความสำเร็จแล้วแบบ Endorsement

3. เราควรลดหรือหลีกเลี่ยงการใช้เวลา พลังงาน และงบประมาณไปกับ “กิจกรรม” หรือ “Events” ที่ impressive” (น่าประทับใจ) แต่ควรใจกว้างในการทุ่มเทแรงกายแรงใจและทรัพยากรทั้งหมดที่เรามี ไปกับ “สิ่งที่สำคัญ” หรือ ที่ “important” ต่อชีวิตของ “คน” และ “คริสตจักร” จริงๆ แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

4. เราควรลดการปฏิบัติต่อเด็ก อนุชน หรือผู้เชื่อแบบเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา ผ่านการ ‘entertain’ (ให้ความสนุกบันเทิง) พวกเขาในรูปแบบต่างๆ จนเป็นเด็กอยู่ตลอดไป แต่ควรฝึกให้พวกเขาเรียนรู้จักการถวายตัว การถวายพลังงาน เวลา และการถวายทรัพย์ อย่างมีเป้าหมายและมีความตั้งใจแน่วแน่ ตั้งแต่พวกเขายังไม่มีอะไร แล้วเราจะแปลกใจในผลที่จะตามมา

5. เราควรฝึกให้เด็กๆ อนุชนหนุ่มสาว ผู้เชื่อทั้งใหม่และเก่า ฝึกฝนในการเขียนคำพยานออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ได้อย่างสละสลวย กระชับทรงพลัง และพร้อมที่จะแบ่งปันได้ในทุกโอกาส

6. เราควรส่งเสริมให้มีการสื่อสารต่อกันในเชิงสร้างสรรค์เท่านั้น ให้เรามาทำให้โบสถ์ของเราเต็มไปด้วยถ้อยคำแห่งการหนุนใจ และเสริมสร้างให้ปลอดจากคำพูดเชิงลบที่บั่นทอนจิตใจ หรือความรู้สึกของกันและกัน ทั้งในครอบครัวและในคริสตจักร ขอให้เราปฏิเสธที่จะรับฟังคำซุบซิบนินทา คำตัดสินพิพากษา คำประณามซ้ำเติม หรือคำกล่าวร้ายทุกประเภท และขอให้ผู้ที่พูดหรือโพสต์ยุติการกระทำเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำสิ่งเหล่านั้นโดยอ้างนามแห่งความหวังดี

7. เราควรวางรากฐานชีวิตคริสเตียนของเราและทุกคนให้อยู่บนความสมดุล ทั้งด้วยความจริงและความรัก โดยไม่เอาแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง

ขอพระเจ้าทรงโปรดเมตตาให้สิ่งดีๆทั้งปวงเกิดขึ้นในคริสตจักรของเรา

ด้วยความรักในพระคริสต์และทุกชีวิตในคริสตจักรแห่งความสุข

(ธงชัย ประดับชนานุรัตน์) ในนามทีมศิษยาภิบาล

ป.ล. ผู้ที่ต้องการถวาย เพื่อพันธกิจใด เชิญถวายดังนี้  คริสตจักรแห่งความสุข ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเพลินจิตบัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 216-221419-9 หรือทาง QR Code   

________________________________ 

ทุกวันอาทิตย์ ผมก็จะไปที่ CJ ครั้งแรกที่มา ผมมากับพ่อและแม่ แต่ด้วยความที่งานก็ค่อยๆเยอะขึ้นทุกวัน จึงทำให้ไม่สามารถไปด้วยได้ และด้วยความที่บ้านอยู่ค่อนข้างไกล เลยจำเป็นที่จะต้องนั่งรถไฟฟ้า BTS ทุกๆครั้งก่อนออกเดินทาง ก็จะอธิฐานให้การเดินทางนั้นเป็นไปได้ด้วยดี

ผมประทับใจการมาโบสถ์ตั้งแต่ครั้งแรก เพราะมีเพื่อน มีครูรวี และคำสอนที่ครูรวีมาสอนทุกอาทิตย์ หลังจากวันนั้นถ้าไม่มีเหตุจำเป็น ผมก็ไม่ขาดการไปโบสถ์อีกเลย

การที่มีพระเจ้าทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีคนรอบข้างหลายๆคนคอยให้ความช่วยเหลือ ครั้งหนึ่ง วันที่ผมต้องตีกลองงานของโรงเรียน ก็มีเพื่อนวิ่งไปซื้อที่ปิดแผลมาพันนิ้วให้ เพราะว่าตีกลองแล้วมันจะเจ็บ

อีกเรื่องคือ การที่ได้เรียนโรงเรียนไกลบ้าน ทำให้ผมเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเพราะพ่อแม่ไม่สะดวกไปส่ง ผมรู้สึกลำบาก และผมรู้สึกว่าพ่อแม่ได้วางใจในพระเจ้ามากขึ้นที่จะปล่อยให้ผมเดินทางด้วยตนเอง และผมก็มีประสบการณ์ใหม่ๆที่อาจไม่ได้รับหากผมต้องเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน

ทุกวันอาทิตย์ผมมาโบถส์กับพ่อแม่ แต่ด้วยงานที่ค่อยๆเยอะขึ้น ทำให้พ่อกับแม่ไม่สามารถมาโบถส์ด้วยกันได้ ผมเลยต้องนั่ง BTS มาคนเดียว ทุกๆ ครั้งก่อนออกเดินทางผมจะอธิษฐานให้การเดินนั้นเป็นไปด้วยดี ผมประทับใจการมาโบสถ์ตั้งแต่ครั้งแรก เพราะมีเพื่อน มีครูรวี และคำสอนที่ครูรวีในทุกอาทิตย์ หลังจากวันนั้นถ้าไม่มีเหตุจำเป็นผมจะไม่ขาดการไปโบสถ์อีกเลย

ภูเขา (ด.ช.อินทนนท์ ทองไพบูลย์)

 

 

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม: “พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่อง ‘วินัย’ ที่มีความหมาย (a meaningful discipline )

ตอบ:  “ในพระคัมภีร์ ใช้คำว่า วินัย และคำที่มีความหมายในทำนองกันไว้หลายคำ

ในพระคัมภีร์ใหม่ ภาษากรีกใช้คำว่า “ไพเด่อา” (วินัย คำแนะนำ การฝึกอบรม) หรือ “ไพดือโอ” (ฝึกวินัย  ฝึกอบรม สอน แก้ไข แนะนำ ตี เฆี่ยน) ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  1. วินัย

“เขาจะตายเพราะขาดวินัยในชีวิต และเพราะความโง่อย่างยิ่งของเขา เขาจึงหลงเจิ่นไป” ~สุภาษิต 5:23 THSV11

“เพราะเจ้าเกลียดวินัย และเจ้าเหวี่ยงคำของเราไว้ข้างหลังเจ้า” ~สดุดี 50:17 THSV11

“พระองค์ทรงให้พวกท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากฟ้า เพื่อให้ท่านมีวินัย พระองค์ทรงให้ท่านเห็นเพลิงใหญ่ของพระองค์ในโลก  และท่านได้ยินพระวจนะของพระองค์จากกลางเพลิง” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 4:36 THSV11

  1. คำสั่งสอน

“คนที่รักคำสั่งสอน(วินัย)ก็รักความรู้ แต่คนที่เกลียดคำตักเตือนก็โง่เขลา” ~สุภาษิต 12:1 THSV11

“จงยึดคำสั่งสอน(วินัย)ไว้ และอย่าปล่อยไป จงเฝ้าเธอไว้ เพราะเธอเป็นชีวิตของเจ้า” ~สุภาษิต 4:13 THSV11

  1. การสั่งสอน

“เพราะบัญญัติเป็นประทีป และคำสอนเป็นแสงสว่าง และคำตักเตือนเพื่อการสั่งสอน(สร้างวินัย) เป็นทางแห่งชีวิต” ~สุภาษิต 6:23 THSV11

  1. การตีสอน 

“ท่านทั้งหลายจงตระหนักในวันนี้เถิด เพราะข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวกับลูกหลานของพวกท่าน ผู้ไม่เห็นการตีสอน(สร้างวินัย)ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และพระกรที่เหยียดออกของพระองค์” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 11:2 THSV11

“อย่าละเลยการตีสอน (สร้างวินัย) เด็ก เพราะถ้าเจ้าตีเขาด้วยไม้เรียว เขาจะไม่ตาย” -สุภาษิต 23:13 THSV11

“จงตีสอน(สร้างวินัย)บุตรของเจ้า และเขาจะให้เจ้าสบายใจ เขาจะให้ความปีติยินดีแก่เจ้า” -สุภาษิต 29:17 THSV11

“ท่านทั้งหลายจงสู้ทนเอาเถอะเพราะเป็นการตีสอน (การสร้างวินัย) พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อท่านเหมือนท่านเป็นบุตรของพระองค์ เพราะว่ามีบุตรคนไหนบ้างที่บิดาไม่ตีสอน?” -ฮีบรู 12:7 THSV11

“เพราะบิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอน(การสร้างวินัย)เราเพียงชั่วเวลาเล็กน้อยตามความเห็นดีเห็นชอบของพวกเขา แต่พระองค์ทรงตีสอนเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะมีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระองค์” -ฮีบรู 12:10 THSV11

  1. การอบรม

“ข้าพเจ้าเป็นยิว เกิดในเมืองทาร์ซัสแคว้นซีลีเซีย แต่เติบโตขึ้นในเมืองนี้ เป็นศิษย์ของอาจารย์กามาลิเอลและได้รับการอบรม(วินัย)อย่างเคร่งครัดตามธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษของเรา จึงมีความกระตือรือร้นเพื่อพระเจ้าเช่นเดียวกับพวกท่านในเวลานี้” ~กิจการ 22:3 THSV11

“พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรม(วินัย) ในความชอบธรรม” ~2 ทิโมธี 3:16 THSV11

  1. รับการสอน

“โมเสสจึงได้รับการสอน(วินัย)ในเรื่องวิชาการทุกอย่างของชาวอียิปต์ มีสมรรถภาพในการพูดและในกิจการต่างๆ” ~กิจการ 7:22 THSV11

  1. เรียนรู้

“ในคนพวกนั้นมีฮีเมเนอัสและอเล็กซานเดอร์ ผู้ซึ่งข้าพเจ้ามอบไว้กับซาตานแล้ว เพื่อเขาจะได้เรียนรู้(รับการลงวินัย)ที่จะไม่หมิ่นพระเกียรติพระเจ้า” ~1 ทิโมธี 1:20 THSV11                                                    

  1. แก้ไข(ชี้แจง)

“(ลงวินัย) แก้ไขความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้ามด้วยความสุภาพอ่อนโยน เพราะพระเจ้าอาจโปรดให้พวกเขากลับใจ และมาถึงความรู้ในความจริง” ~2 ทิโมธี 2:25 THSV11

  1. สอน

“และเพื่อสอน(ลงวินัย)เราให้ละทิ้งความอธรรมและโลกียตัณหา และให้ดำเนินชีวิตในยุคนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ อย่างชอบธรรมและให้ดำเนินตามทางพระเจ้า” ~ทิตัส 2:12 THSV11

-ธงชัย  ประดับชนานุรัตน์