ชัยชนะมาจากไหน?
พระธรรม 1พงศ์กษัตริย์ 20:1-43
อ้างอิง 1พกษ.13:21-32;15:18-20;20:23-30;22:25;21:4;16:9;2พกษ.5:7;13:17
บทนำ แม้คนของพระเจ้าจะไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า แต่พระเจ้าก็ยังรักพวกเขา พระเจ้าช่วยผู้ที่พระองค์ทรงรักด้วยฤทธานุภาพของพระองค์ แต่น่าเศร้าที่บ่อยครั้งที่คนของพระเจ้าละทิ้งพระเจ้า ไม่เชื่อฟังพระเจ้าและนำความทุกข์ความเจ็บปวดมาสู่ตัวเองและคนรอบตัวของเขา
บทเรียน
20:1 “เบนฮาดัด กษัตริย์ซีเรียทรงรวบรวมกองทัพทั้งสิ้นของพระองค์ มีกษัตริย์ 32 องค์ขึ้นกับพระองค์ พร้อมกับม้าและรถรบ และพระองค์เสด็จขึ้นไปล้อมกรุงสะมาเรีย สู้รบกับเมืองนั้น”
(Ben-hadad the king of Syria gathered all his army together. Thirty-two kings were with him, and horses and chariots. And he went up and closed in on Samaria and fought against it. )
20:2 “และได้ส่งผู้สื่อสารเข้าไปในเมืองหาอาหับกษัตริย์อิสราเอล”
(And he sent messengers into the city to Ahab king of Israel and said to him, “Thus says Ben-hadad: )
20:3 “ทูลพระองค์ว่า “เบนฮาดัดตรัสดังนี้ว่า ‘เงินและทองของท่านเป็นของเรา บรรดาภรรยาและบุตรที่ดีที่สุดของท่านก็เป็นของเราด้วย’”
(“Your silver and your gold are mine; your best wives and children also are mine.” )
20:4 “และกษัตริย์อิสราเอลตรัสตอบว่า “ข้าแต่พระราชาเจ้านายของข้าพเจ้า ดังที่ท่านว่ามานั่นแหละ ข้าพเจ้าเป็นของท่าน รวมทั้งทุกอย่างที่ข้าพเจ้ามีอยู่นั้นด้วย”
(And the king of Israel answered, “As you say, my lord, O king, I am yours, and all that I have.”)
20:5 “บรรดาผู้สื่อสารได้กลับมาอีกกล่าวว่า “เบนฮาดัดตรัสดังนี้ว่า ‘เราส่งข่าวมายังท่านว่า “จงมอบเงินและทองของท่าน ภรรยา และบุตรของท่านแก่เรา”
(The messengers came again and said, “Thus says Ben-hadad: “I sent to you, saying, Deliver to me your silver and your gold, your wives and your children.” )
20:6 “แต่พรุ่งนี้ ประมาณเวลานี้ เราจะส่งข้าราชการของเราไปหาท่าน พวกเขาจะค้นวังของท่าน ค้นบ้านข้าราชการของท่าน สิ่งใดที่ต้องตาของท่านเขาจะหยิบเอาไป’”
(Nevertheless I will send my servants to you tomorrow about this time, and they shall search your house and the houses of your servants and lay hands on whatever pleases you and take it away.” )
20:7 “แล้วกษัตริย์อิสราเอลได้เรียกประชุมพวกผู้ใหญ่ทั้งหมดของ แผ่นดิน ตรัสว่า “ขอตรองดูเถิด ดูว่าชายผู้นี้หาเรื่องเดือดร้อนให้เราเพียงไร เพราะเขาให้คนมาเอาเมียและลูกของเรา ทั้งเงินและทองของเรา และเราก็ไม่ได้ปฏิเสธเขา”
(Then the king of Israel called all the elders of the land and said, “Mark, now, and see how this man is seeking trouble, for he sent to me for my wives and my children, and for my silver and my gold, and I did not refuse him.” )
20:8 “บรรดาผู้ใหญ่และประชาชนทั้งสิ้นก็ทูลพระองค์ว่า “อย่าทรงฟัง อย่าทรงยอม พ่ะย่ะค่ะ”
(And all the elders and all the people said to him, “Do not listen or consent.” )
20:9 “พระองค์จึงรับสั่งแก่ผู้สื่อสารของเบนฮาดัดว่า “จงไปทูลพระราชาเจ้านายของเราว่า ‘ทุกสิ่งที่ท่านเรียกร้องจากผู้รับใช้ ของท่านในครั้งแรกนั้น เราจะทำตาม แต่สิ่งนี้เราทำไม่ได้’” แล้วผู้สื่อสารก็จากไป และกลับมารายงาน”
(So he said to the messengers of Ben-hadad, “Tell my lord the king, “All that you first demanded of your servant I will do, but this thing I cannot do.” And the messengers departed and brought him word again.)
20:10 “เบนฮาดัด ส่งข่าวกลับมาอีกว่า “ถ้าผงคลีแห่งสะมาเรียจะพอแก่คนที่ติดตามเรามาสักคนละ หยิบมือหนึ่ง ก็ขอให้พระทั้งหลายลงโทษเราและยิ่งหนักกว่า”
(Ben-hadad sent to him and said, “The gods do so to me and more also, if the dust of Samaria shall suffice for handfuls for all the people who follow me.” )
20:11 “และกษัตริย์อิสราเอลตรัสตอบว่า “จงทูลท่านว่า ‘ขอท่านผู้ที่สวมเกราะ อย่าอวดอ้างอย่างผู้ที่ถอดเกราะแล้วเลย’”
(And the king of Israel answered, “Tell him, “Let not him who straps on his armor boast himself as he who takes it off.” )
20:12 “เบนฮาดัด ทราบข่าวนี้ ขณะที่กำลังดื่มอยู่กับบรรดากษัตริย์ที่ในเพิง ท่านก็สั่งพวกข้าราชการของท่านว่า “จงเข้าประจำที่” และเขาทั้งหลายก็เข้าประจำที่เพื่อต่อสู้กับเมืองนั้น”
(When Ben-hadad heard this message as he was drinking with the kings in the booths, he said to his men, “Take your positions.” And they took their positions against the city. )
20:13 “นี่แน่ะผู้เผยพระวจนะคนหนึ่ง เข้ามาใกล้อาหับกษัตริย์แห่งอิสราเอลทูลว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เจ้าเห็นกองทัพ ใหญ่นี้หรือ? นี่แน่ะ เราจะมอบไว้ในมือของเจ้าในวันนี้ แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์”
(And behold, a prophet came near to Ahab king of Israel and said, “Thus says the Lord, Have you seen all this great multitude? Behold, I will give it into your hand this day, and you shall know that I am the Lord.” )
20:14 “และอาหับตรัสถามว่า “ทรงใช้ใครทำ? ” เขาทูลว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า โดยมือของมหาดเล็กของเจ้านายประจำ จังหวัดทั้งหลาย” แล้วอาหับตรัสว่า “ใครจะเริ่มรบ?” เขาทูลตอบว่า “ฝ่าพระบาท พ่ะย่ะค่ะ”
(And Ahab said, “By whom?” He said, “Thus says the Lord, By the servants of the governors of the districts.” Then he said, “Who shall begin the battle?” He answered, “You.”)
20:15 “พระองค์จึงทรงเกณฑ์มหาดเล็กของเจ้านายประจำจังหวัดเหล่านั้น ซึ่งมี 232 คนด้วยกัน และภายหลังเกณฑ์ประชาชนทั้งสิ้น คือคนอิสราเอลทั้งหมด 7,000 คน”
(Then he mustered the servants of the governors of the districts, and they were 232. And after them he mustered all the people of Israel, seven thousand. )
20:16 “เขาทั้งหลายยกออกไปในเวลาเที่ยงวัน ส่วนเบนฮาดัดกำลังดื่มจนเมาอยู่ในเพิง ทั้งพระองค์และกษัตริย์อีก 32 องค์ ที่ช่วยพระองค์”
(And they went out at noon, while Ben-hadad was drinking himself drunk in the booths, he and the thirty-two kings who helped him. )
20:17 “พวกมหาดเล็กของเจ้านายประจำจังหวัดได้ยกออกไปก่อน เบนฮาดัดก็ส่งผู้สอดแนมออกไป เขาทั้งหลายทูลรายงานพระองค์ว่า “มีคนยกออกมาจากสะมาเรีย”
(The servants of the governors of the districts went out first. And Ben-hadad sent out scouts, and they reported to him, “Men are coming out from Samaria.” )
20:18 “แล้วพระองค์ตรัสว่า “ถ้าพวกเขาออกมาด้วยสันติ จงจับเขามาเป็นๆ หรือถ้าเขาออกมาทำศึก ก็จงจับเขามาเป็นๆ”
(He said,”If they have come out for peace, take them alive. Or if they have come out for war, take them alive.” )
20:19 “พวกมหาดเล็กของเจ้านายประจำจังหวัด และกองทัพที่ติดตามพวกเขาได้เคลื่อนออกจากเมือง”
(So these went out of the city, the servants of the governors of the districts and the army that followed them. )
20:20 “และต่างก็ฆ่าคู่ต่อสู้ของตน คนซีเรียหนี และคนอิสราเอลไล่ติดตามเขาไป แต่เบนฮาดัดกษัตริย์แห่งซีเรียทรงม้าหนี ไปกับทหารม้า”
(And each struck down his man. The Syrians fled, and Israel pursued them, but Ben-hadad king of Syria escaped on a horse with horsemen. )
20:21 “กษัตริย์แห่งอิสราเอลก็ออกไปโจมตีม้าและรถรบ และประหารคนซีเรียมากมาย”
(And the king of Israel went out and struck the horses and chariots, and struck the Syrians with a great blow. )
20:22 “แล้วผู้เผยพระวจนะคนนั้นได้เข้ามาใกล้กษัตริย์แห่งอิสราเอล ทูลพระองค์ว่า “ไปเถิด ขอเสริมกำลังของพระองค์และตรึก ตรองดูว่า พระองค์จะทรงทำประการใด เพราะในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า กษัตริย์แห่งซีเรียจะยกกองทัพมาสู้กับพระองค์อีก”
(Then the prophet came near to the king of Israel and said to him, “Come, strengthen yourself, and consider well what you have to do, for in the spring the king of Syria will come up against you.” )
20:23 “ข้าราชการของกษัตริย์ซีเรียทูลพระองค์ว่า “พระทั้งหลายของเขาเป็นพระเจ้าแห่งภูเขา เขาทั้งหลายจึงเข้มแข็งกว่าเรา แต่ขอให้เราสู้รบกับเขาในที่ราบ แล้วเราจะต้องเข้มแข็งกว่าเขาแน่นอนทีเดียว”
(And the servants of the king of Syria said to him, “Their gods are gods of the hills, and so they were stronger than we. But let us fight against them in the plain, and surely we shall be stronger than they. )
20:24 “ขอทรงทำอย่างนี้ ขอทรงปลดกษัตริย์เสียทุกองค์จากตำแหน่ง และตั้งนายทหารขึ้นแทน”
(And do this: remove the kings, each from his post, and put commanders in their places, )
20:25 “และเกณฑ์กองทัพเข้าแทนส่วนที่ล้มตายไปในคราวก่อน ม้าแทนม้า รถรบแทนรถรบ แล้วเราทั้งหลายจะสู้รบกับเขาในที่ราบ เราจะต้องเข้มแข็งกว่าเขาแน่นอนทีเดียว” และพระองค์ก็ทรงเชื่อฟังเสียงของเขาทั้งหลายและทรงทำตาม”
(and muster an army like the army that you have lost, horse for horse, and chariot for chariot. Then we will fight against them in the plain, and surely we shall be stronger than they.” And he listened to their voice and did so. )
20:26 “เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ เบนฮาดัดทรงเกณฑ์คนซีเรีย ยกขึ้นไปรบกับอิสราเอลที่เมืองอาเฟก”
(In the spring, Ben-hadad mustered the Syrians and went up to Aphek to fight against Israel. )
20:27 “และคนอิสราเอลก็ถูกเกณฑ์ รับเสบียงอาหาร และยกออกไปต่อสู้กับพวกเขา คนอิสราเอลตั้งค่ายตรงหน้าพวกเขาเหมือนแพะสองฝูงเล็กๆ แต่คนซีเรียเต็มท้องทุ่งไปหมด”
(And the people of Israel were mustered and were provisioned and went against them. The people of Israel encamped before them like two little flocks of goats, but the Syrians filled the country. )
20:28 “และคนของพระเจ้าคนหนึ่งได้เข้าไปใกล้ และทูลกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เพราะคนซีเรียกล่าวว่า “พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าแห่งภูเขา พระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าแห่งที่ลุ่ม” เพราะฉะนั้น เราจะมอบกองทัพใหญ่ทั้งหมดนี้ไว้ในมือของเจ้า และพวกเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือพระยาห์เวห์’”
(And a man of God came near and said to the king of Israel, “Thus says the Lord, “Because the Syrians have said, “The Lord is a god of the hills but he is not a god of the valleys,” therefore I will give all this great multitude into your hand, and you shall know that I am the Lord.” )
20:29 “แล้วเขาทั้งหลายก็ตั้งค่ายตรงข้ามกันอยู่เจ็ดวัน แล้วในวันที่เจ็ดก็ปะทะกัน คนอิสราเอลฆ่าคนซีเรีย ซึ่งเป็นทหารราบเสีย 100,000 คนในวันเดียว
(And they encamped opposite one another seven days. Then on the seventh day the battle was joined. And the people of Israel struck down of the Syrians 100,000 foot soldiers in one day. )
20:30 “พวกที่เหลือก็หนีเข้าเมืองอาเฟก และกำแพงเมืองล้มทับคนเหล่านั้นเสีย 27,000 คน เบนฮาดัดก็หนีเข้าไปในห้องชั้นในที่ในเมือง”
(And the rest fled into the city of Aphek, and the wall fell upon 27,000 men who were left. Ben-hadad also fled and entered an inner chamber in the city. )
20:31 “และข้าราชการของเบนฮาดัดทูลพระองค์ว่า “นี่แน่ะ เราได้ยินว่าบรรดาพระราชาแห่งวงศ์วานอิสราเอลเป็นพระราชา ที่ทรงเมตตา ขอให้เราเอาผ้ากระสอบคาดเอว และเอาเชือกพันศีรษะของเรา และออกไปหากษัตริย์แห่งอิสราเอล บางทีพระองค์จะไว้ชีวิตฝ่าพระบาท”
(And his servants said to him, “Behold now, we have heard that the kings of the house of Israel are merciful kings. Let us put sackcloth around our waists and ropes on our heads and go out to the king of Israel. Perhaps he will spare your life.” )
20:32 “เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงเอาผ้ากระสอบคาดเอว เอาเชือกพันศีรษะ และไปเฝ้ากษัตริย์แห่งอิสราเอล ทูลว่า“เบนฮาดัด ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทให้มากราบทูลว่า ‘ได้โปรดเถิด ขอให้ข้าพเจ้ารอดชีวิตอยู่’” และพระองค์ตรัสว่า “ท่านยังมี ชีวิตหรือ? ท่านเป็นน้องของเรา”
(So they tied sackcloth around their waists and put ropes on their heads and went to the king of Israel and said,”Your servant Ben-hadad says, “Please, let me live.” And he said, “Does he still live? He is my brother.”)
20:33 “คนเหล่านั้นสังเกตเห็นเป็นลางดี ก็รีบตอบโดยเร็วว่า “พ่ะย่ะค่ะ เบนฮาดัดเป็นพระอนุชาของฝ่าพระบาท” แล้วพระองค์ ตรัสว่า “ไปนำท่านมาเถอะ” แล้วเบนฮาดัดก็เสด็จออกมาหาพระองค์ แล้วพระองค์ก็ให้ท่านขึ้นไปบนรถรบ”
(Now the men were watching for a sign, and they quickly took it up from him and said, “Yes, your brother Ben-hadad.” Then he said, “Go and bring him.” Then Ben-hadad came out to him, and he caused him to come up into the chariot.)
20:34 “และเบนฮาดัดทูลพระองค์ว่า “เมืองต่างๆ ซึ่งบิดาของข้าพเจ้ายึดเอาไปจากพระราชบิดาของท่านนั้น ข้าพเจ้าขอคืนให้ท่าน ท่านจะสร้างย่านการค้าของท่านในเมืองดามัสกัสก็ได้ อย่างที่บิดาข้าพเจ้าทำไว้ในสะมาเรีย” แล้วอาหับตรัสว่า “เราจะยอมให้ท่านไป ตามข้อตกลงนี้” พระองค์จึงทรงทำพันธสัญญากับท่าน และปล่อยท่านไป”
(And Ben-hadad said to him, “The cities that my father took from your father I will restore, and you may establish bazaars for yourself in Damascus, as my father did in Samaria.” And Ahab said, “I will let you go on these terms.” So he made a covenant with him and let him go. )
20:35 “มีคนหนึ่งในกลุ่มผู้เผยพระวจนะพูดกับเพื่อนของตน ตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์ว่า “ได้โปรดเถอะ ขอตีข้าที” แต่ชายคนนั้นก็ปฏิเสธไม่ยอมตีท่าน”
(And a certain man of the sons of the prophets said to his fellow at the command of the Lord, “Strike me, please.” But the man refused to strike him. )
20:36 “แล้วท่านจึงพูดกับเขาว่า “เพราะท่านไม่ฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ นี่แน่ะ พอท่านจากข้าไป สิงโตตัวหนึ่งจะสังหารท่าน” พอเขาจากท่านไป สิงโตตัวหนึ่งก็มาพบเขา และสังหารเขาเสีย”
(Then he said to him, “Because you have not obeyed the voice of the Lord, behold, as soon as you have gone from me, a lion shall strike you down.” And as soon as he had departed from him, a lion met him and struck him down. )
20:37 “แล้วท่านไปพบชายอีกคนหนึ่ง และท่านว่า “ได้โปรดเถอะ ขอตีข้าที” ชายคนนั้นได้ตีท่านและทำให้ท่านบาดเจ็บ”
(Then he found another man and said, “Strike me, please.” And the man struck him—struck him and wounded him. )
20:38 “ผู้เผยพระวจนะนั้นจึงจากไป และคอยพบพระราชาอยู่ที่หนทาง โดยปลอมตัวเอาผ้าพันตา”
(So the prophet departed and waited for the king by the way, disguising himself with a bandage over his eyes. )
20:39 “พอพระราชาทรงผ่านไป ท่านก็ร้องทูลพระราชาว่า “ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเข้าไปในกลางศึก และดูเถิด ทหารคนหนึ่ง หันมา และนำชายคนหนึ่งมาให้ข้าพระบาท บอกว่า ‘จงระวังชายคนนี้ไว้นะ ถ้าเขาหลุดไปได้โดยเหตุใดๆ ชีวิตของท่าน จะต้องแทนชีวิตของเขา หรือมิฉะนั้นท่านจะต้องเสียเงินตะลันต์หนึ่ง’”
(And as the king passed, he cried to the king and said, “Your servant went out into the midst of the battle, and behold, a soldier turned and brought a man to me and said, “Guard this man; if by any means he is missing, your life shall be for his life, or else you shall pay a talent of silver.”)
20:40 “และเมื่อผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทติดธุระอยู่ที่นี่ที่นั่น เขาก็หายไป” กษัตริย์แห่งอิสราเอลตรัสกับเขาว่า “โทษของเจ้าต้องเป็นอย่างนั้นแหละ เพราะเจ้าเองได้ตัดสินแล้ว”
(And as your servant was busy here and there, he was gone.” The king of Israel said to him, “So shall your judgment be; you yourself have decided it.” )
20:41 “แล้วท่านก็รีบเอาผ้าพันตาออกเสีย และกษัตริย์แห่งอิสราเอลก็จำท่านได้ว่าเป็นผู้เผยพระวจนะคนหนึ่ง”
(Then he hurried to take the bandage away from his eyes, and the king of Israel recognized him as one of the prophets. )
20:42 “และท่านจึงทูลพระองค์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เพราะเจ้าได้ปล่อยชายคนที่อยู่ในมือของเจ้า ผู้ซึ่งเราได้กำหนดให้ทำลายนั้น ดังนั้นชีวิตของเจ้าจะต้องแทนชีวิตของเขา และประชาชนของเจ้าแทนประชาชนของเขา’”
(And he said to him, “Thus says the Lord, “Because you have let go out of your hand the man whom I had devoted to destruction, therefore your life shall be for his life, and your people for his people.” )
20:43 “และกษัตริย์แห่งอิสราเอลก็เสด็จเข้าไปในพระราชวัง ด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและกลัดกลุ้มยิ่งนัก และเสด็จมาสะมาเรีย”
(And the king of Israel went to his house vexed and sullen and came to Samaria. )
ข้อมูลมีประโยชน์
20:1 “เบนฮาดัด” (Ben-hadad) = กษัริย์ของซีเรีย(หรืออารัม) น่าจะเป็นเบนฮาดัดที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรหรือหลานของเบนฮาดัดที่ 1 (900-895 ก.ค.ศ.) -15:9-10,18-20,33 เหตุการณ์ในบทนี้ครอบคลุมช่วงเวลา 2 ปี (ข้อ 22-26) ตามมาด้วยช่วงเวลาสงบสุข 3 ปี (ระหว่างอิสราเอลกับซีเรีย-22:1) -เมื่อ 3 ปีสิ้นสุดลง อาหับตายในช่วงที่มีการสู้รบกับซีเรีย (22:37) ในปี 853 ก.ค.ศ. ดังนั้น เหตุการณ์ในบทนี้น่าจะเกิดขึ้นประมาณปี 857 ก.ค.ศ.
“กษัตริย์ 32 องค์ขึ้นกับพระองค์” (Thirty-two kings were with him ) = หัวหน้าเผ่าหรือกษัตริย์ของเมืองขึ้นของเบนฮาดัดที่ 2 ; “กรุงสะมาเรีย” (Samaria) -16:24
20:4 “ข้าพเจ้าเป็นของท่านรวมทั้งทุกอย่างที่ข้าพเจ้ามีอยู่นั้นด้วย” (I am yours, and all that I have)
= อาหับยอมจำนนต่อเบนฮาดัด เพราะว่ามีความหวังน้อยมากที่จะชนะเพื่อไม่ให้เมืองถูกปล้นทำลายและอาหับไม่ต้องตาย
20:6 “เราจะส่งข้าราชการของเราไปหาท่าน พวกเขาจะค้นวังของท่าน ค้นบ้านข้าราชการของท่าน” (will send
my servants to you tomorrow about this time, and they shall search your house and the houses of your servants) = ข้อเรียกร้องใหม่ของเบนฮาดัดคือ ให้ทั้งเมืองต้องยอมจำนนทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง
20:9 “…แต่สิ่งนี้เราทำไม่ได้” (but this thing I cannot do) = ข้อเรียกร้องครั้งหลังนี้อาหับ ผู้ใหญ่และประชาชนยอมรับไม่ได้ อาหับจึงยืนกรานไม่ยกเมืองและทรัพย์(พร้อมคน)ในเมืองให้
20:10 “ก็ขอให้พระทั้งหลายลงโทษเราและยิ่งหนักกว่า” (The gods do so to me and more also)
= เบนฮาดัดสาบานขอให้เทพเจ้าทั้งหลายของท่านจัดการกับท่านอย่างหนัก ถ้าทำลายสะมาเรียไม่ได้
= สำนวนของคำสาปแช่ง (1ซมอ.3:17)
20:11 “ขอให้ท่านผู้ที่สวมเกราะอย่าอวดอ้างอย่างผู้ที่ถอดเกราะแล้วเลย” (‘Let not him who straps on his armor boast himself as he who takes it off.) = สำนวนที่หมายความว่า “ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะอย่าเพิ่งคุยโว” หรือ “อย่านับลูกไก่ก่อนที่มันจะฟักไข่ให้เป็นตัว”
20:13 “แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือพระยาห์เวห์” (and you shall know that I am the Lord) = พระเจ้าทรงเมตตาประชากรของพระองค์แม้ว่ากษัตริย์อาหับจะไม่ได้แสวงหาความช่วยเหลือจากพระเจ้า แต่กระนั้นพระองค์ก็ยังทรงปรากฏพระองค์เองเพื่อช่วยกู้พวกเขา (18:36-37)
20:14 “มหาดเล็กของเจ้านายประจำจังหวัดทั้งหลาย” (servants of the governors of the districts.) = บรรดาทหารหนุ่มจากเหล่าผู้บัญชาการภูมิภาคต่าง ๆ -16:27
20:15 “มี 232 คน …อิสราเอลทั้งหมด 7000 คน” (they were 232. all the people of Israel, seven thousand ) = ไม่ใช่กองกำลังขนาดใหญ่ เพื่อแสดงให้เห็นว่าชัยชนะที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นมาจากพระเจ้า ไม่ใช่มาจากกำลังทหารของอิสราเอล (วนฉ.7:2)
20:20 “…ต่างก็ฆ่าคู่ต่อสู้ของตน” (struck down his man) –ปรากฏว่าทหารกองหน้าก็มีขนาดเล็กพอ ๆ กับ (2ซมอ.2:15-16)
20:22 “กษัตริย์แห่งซีเรียจะยกกองทัพมาสู้กับพระองค์อีก” (king of Syria will come up against you) = ผู้เผยพระวจนะนิรนามเตือนอาหับไม่ให้มั่นใจตนเองจนเกินไป เขาประกาศว่า เบนฮาดัดจะกลับมาโจมตีเพื่อหวังจะผลักดันให้อาหับวางใจในพระเจ้า (ผู้ทรงเปิดเผยพระองค์บนยอดเขาคารเมล และในชัยชนะที่เพิ่งผ่านมา)
20:23 “พระเจ้าแห่งขุนเขา” (gods of the hills) = แนวคิดของคนในสมัยนั้นที่คิดว่าเทพเจ้ามีอำนาจครอบคลุมเฉพาะพื้นที่จำกัดเท่าที่พระเจ้าองค์นั้นครอบครองอยู่
“เขาทั้งหลายจึงเข้มแข็งกว่าเรา” (be stronger than they) = ชาวซีเรีย(อารัม) เชื่อว่าผลลัพธ์ของสงครามนั้นขึ้นอยู่กับกำลังของเทพเจ้าแต่ละฝ่ายที่ต่อ สู้กันมากกว่าเกิดจากกองทัพ – พวกเขาจึงวางแผนการสู้รบครั้งต่อไปโดยหาช่องทางให้เทพเจ้าของฝ่ายเขาได้เปรียบมากที่สุด และให้อีกฝ่ายเสียเปรียบมากที่สุด
20:26 “เมืองอาเฟก” (Aphek) = น่าจะเป็นอาเฟกที่ตั้งอยู่ห่างจากทะเลสาบกาลิลีไปทางทิศตะวันออกราว 3-4 กิโลเมตร การต่อสู้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นที่หุบเขาจอร์แดนใกล้จุดที่แม่น้ำยารมัดเชื่อมกับแม่น้ำจอร์แดน
20:28 “คนของพระเจ้าคนหนึ่ง” (a man of God ) = เป็นผู้เผยพระวจนะคนเดิมในข้อ 13,22
“และพวกเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือพระยาห์เวห์” (and you shall know that I am the Lord) -ข.13 = พระเจ้าจะสำแดงอีกครั้งว่า พระเจ้าทรงครอบครองเหนือธรรมชาติและประวัติศาสตร์ เทพเจ้าแห่งธรรมชาติต่าง ๆ (ของคนต่างชาติ) ไม่มีอำนาจใด ๆ เมื่ออยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้า
20:30 “กำแพงเมืองล้มทับคนเหล่านั้น” (wall fell upon) = พระเจ้าแห่งอิสราเอลไม่เพียงทำให้กองทัพอิสราเอลมีชัยชนะในการรบแต่ยังทรงบันดาลให้เกิดภัยพิบัติกับกองทัพของซีเรียด้วย
20:31 “…เป็นพระราชาที่ทรงเมตตา” (…merciful kings) = ชาวซีเรียตระหนักว่ากษัตริย์อิสราเอลแตกต่างจากชนชาติอื่น ๆ ที่เลือดเย็น
“เอาผ้ากระสอบคาดเอว เอาเชือกพันศีรษะ” (us put sackcloth around our waists and ropes on our heads) = สัญลักษณ์ของการถ่อมตน และยอมจำนน
20:32 “…ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท” (..Your servant) = ภาษาทางการฑูตที่ยอมรับว่าตนเองต่ำต้อยและยอมอยู่ใต้อำนาจอาหับ
“ท่านเป็นน้องของเรา” (He is my brother) = อาหับตอบสนองด้วยการใช้สรรพนามที่ใช้กับชนชั้นผู้ปกครองที่ถือว่าเท่าเทียมกัน (9:13) นับเป็นสิ่งที่อาหับให้มากกว่าที่เบนฮาดัดคิดหรือหวังจากพระองค์
20:33 “พระองค์ให้ท่านขึ้นไปบนรถรบ” (he caused him to come up into the chariot) = ประทับร่วมกันในราชรถ นับเป็นวิธีที่ไม่ปกตินักในการปฏิบัติต่อศัตรูที่เพิ่งพ่ายแพ้ในสงคราม
20:34 “เมืองต่างๆ ที่บิดาของข้าพเจ้ายึดเอาไปจากพระราชบิดาของท่านนั้น” (The cities that my father took from your father I will restore) = อาจเป็นราโมทกิเลอาด (22:3) และเมืองอื่น ๆ ที่เบนฮาดัดที่ 1 ยึดจากบาอาชา (15:20) ก่อนหน้านั้น
“สร้างย่านการค้าของท่าน” (may establish bazaars for yourself) = เปิดช่องให้มีการค้าระหว่างประเทศเป็นผลประโยน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งปกติเป็นสิทธิพิเศษเฉพาะของคนในท้องถิ่นเท่านั้น
“ทำพันธสัญญากับท่าน” (made a covenant with him) = สนธิสัญญาแบบเท่าเทียม นอกจากเป็นสัญญาสันติภาพแล้วยังรวมถึงเงื่อนไขทางการเมืองและการค้าที่เบนฮาดัดเสมอมา (โดยไม่ได้ปรึกษากับพระเจ้าก่อน)
20:35 “คนหนึ่งในกลุ่มผู้เผยพระวจนะ” (man of the sons of the prophets)
= ในบางฉบับใช้ว่า “บุตรของผู้เผยพระวจนะคนหนึ่ง” ซึ่งเป็นสำนวนหมายถึงสมาชิกในกลุ่มผู้เผยพระวจนะ –2พกษ.2:3,5,7,15;4:1,38;5:22; 6:1;9:1
= นับว่าเป็น 1 ในกลุ่มของผู้เผยพระวจนะที่เป็นชุมชนทางศาสนาในยุคที่คนทั่วไปไม่ใส่ใจพระเจ้า
= เป็นชุมชนที่ปลูกฝังคำสอนและประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้า (18:29;กดว.11:25-27;1ซมอ.10:5-6,10-11;18:10;19:20-24) ซึ่งอาจแตกต่างกับ “ผู้เผยพระวจนะ” ซึ่งมาจากพระเจ้า(โดยตรง) และเป็นพี่เลี้ยงฝ่ายวิญญาณของพวกเขา
20:36 “สิงห์โตตัวหนึ่งจะสังหารท่าน” (a lion shall strike you down)= บทลงโทษที่คล้ายคลึงกับที่เกิดกับคนของพระเจ้าจากยูดาห์ ใน 13:23-24
20:39 “เงินหนึ่งตะลันต์” (a talent of silver) = 34 กิโลกรัม มีทหารน้อยคนที่มีค่าตัวหรือมีราคาแพงขนาดนี้
20:40 “โทษของเจ้าต้องเป็นเช่นนั้นแหละ เพราะเจ้าเองได้ตัดสินแล้ว” (shall your judgment be; you yourself have decided it.) = อาหับไม่ยอมผ่อนปรน แต่หารู้ไม่ว่าพระองค์กำลังสั่งประหารตัวเอง (ปท. วิธีการที่นาธันใช้ใน 2ซมอ.12:1-12)
20:42 “ผู้ชึ่งเรากำหนดให้ทำลาย” (whom I had devoted to destruction) –ลนต.27:28;ยชว.6:17
พระเจ้ามอบเบนฮาดัดไว้ในมือของอาหับ (ข.28) พระองค์ต้องรับผิดชอบ
“ชีวิตของเจ้าจะต้องแทนชีวิตของเขาและประชาชนของเจ้าแทนประชาชนของเขา” (our life shall be for his life, and your people for his people) = อาหับทำบาปในฐานะกษัตริย์ โทษจึงไม่ได้ตกอยู่กับอาหับคนเดียว แต่ตกอยู่กับประชาชนในอาณาจักรเหนือ(อิสราเอล) ด้วย
-ต่อมาอาหับตายในสงครามต่อสู้กับพวกซีเรีย (22:29-39) และอิสราเอลต้องอับอายขายหน้าเพราะอารัม (ในช่วงรัชกาล เยฮูและเยโฮอาหาส) –2พกษ.10:32;13:3
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยถูกรุกรานหรือโจมตีด้วยฝ่ายตรงข้ามที่มีกำลังมากกว่าคุณอย่างมากมายหรือไม่? เรื่องอะไร?
- คุณรับมือสถานการณ์ในข้อ 1 นั้นอย่างไร?
1) คุณยอมจำนน?
2) คุณเจรจาต่อรอง?
3) คุณไม่ยอมและต่อสู้? ทำไมจึงเลือกปฏิบัติเช่นนั้น?
3. คุณเคยคิดที่จะยอมหรือยอมให้หรือยอมแพ้ต่อคนที่โจมตีหรือเล่นงานคุณ แต่อีกฝ่ายกลับเล่นไม่เลิกและเหิมเกริมหนักข้อมากขึ้นจนคุณทนไม่ไหวบ้างหรือไม่? แล้วคุณทำอย่างไร? (แบ่งปัน)
4. คุณเคยมีประสบการณ์กับการที่พระเจ้ายืนยันกับคุณว่า “ศึกใหญ่” ที่คุณเผชิญอยู่นั้น พระเจ้าจะทรงมอบชัยชนะให้แก่คุณบ้างหรือไม่? อย่างไร?
5. คุณเคยคุยโวโอ้อวดด้วยความทระนงหรือมั่นใจในตัวเอง แต่สุดท้ายจบลงที่ความอัปยศหรืออับอายบ้างหรือไม่? เป็นอย่างไร(แบ่งปัน)
6. คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า การมีทัพใหญ่หรือกำลังมากกว่าไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะมีชัยชนะเสมอไป? และคนที่มีกำลังน้อยกว่าก็ไม่ได้หมายความว่า ต้องพ่ายแพ้เสมอไป? อะไรคือปัจจัยหรือตัวแปรแห่งชัยชนะหรือความพ่ายแพ้นั้น?
7. คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า การเชื่อฟังพระเจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญมากยิ่งกว่าความเมตตาหรือความกลัวใด ๆ ทำไม?
8.คุณเคยโกรธกริ้วคนบางคนที่ชี้หรือจี้ความผิดของคุณต่อหน้าคนอื่น (แทนที่ตัวคุณจะสำนึกผิด)บ้างหรือไม่? แล้ว ผลเป็นอย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์