พระธรรม มัทธิว 1:1-17
อ้างอิง ลูกา 3:23-38;1พงศาวดาร 3:10-17;นางรูธ 4:18-22;2ซามูเอล 7:12-16;อิสยาห์ 9:6-7;11:1
บทนำ มัทธิว เป็นพระกิตติคุณเล่มแรก เน้นการประสูติ การกระทำพันธกิจและการสอนของพระเยซูคริสต์ เน้นหลักการหรือหัวข้อมากกว่าการเล่าเรื่องตามลำดับเหตุการณ์ และมีการคัดลอกข้ออ้างอิงจากพระคัมภีร์เดิม ราว 50 ตอน และอีก 75 ตอน อ้างถึงเหตุการณ์ในพระคัมภีร์เดิม มัทธิวเน้นให้เห็นว่า พระเยซูคริสต์คือ พระเมสิยาห์ ที่สืบเชื้อสายมาจากดาวิดตามพระสัญญาที่สืบเนื่องมาจากอับราฮัม (2ซมอ. 7:12-17;ปฐก. 12:3) และเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ในวันคริสตมาส!
บทเรียน
1:1 “หนังสือลำดับพงศ์ของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด ผู้สืบตระกูลเนื่องมาจากอับราฮัม”
(A record of the genealogy of Jesus Christ the son of David, the son of Abraham)
1:2 “ อับราฮัมมีบุตรชื่ออิสอัค อิสอัคมีบุตรชื่อยาโคบ ยาโคบมีบุตรชื่อยูดาห์และพี่น้องของเขา”
( Abraham was the father of Isaac, Isaac the father of Jacob,Jacob the father of Judah and his brothers,)
1:3 “ยูดาห์มีบุตรชื่อเปเรศกับเศราห์เกิดจากนางทามาร์ เปเรศมีบุตรชื่อเฮสโรน เฮสโรนมีบุตรชื่อราม”
(Judah the father of Perez and Zerah, whose mother was Tamar, Perez the father of Hezron, Hezron the father of Ram,)
1:4 “ รามมีบุตรชื่ออัมมีนาดับ อัมมีนาดับมีบุตรชื่อนาโชน นาโชนมีบุตรชื่อสัลโมน”
(Ram the father of Amminadab,Amminadab the father of Nahshon, Nahshon the father of Salmon,)
1:5 “สัลโมนมีบุตรชื่อโบอาสเกิดจากนางราหับ โบอาสมีบุตรชื่อโอเบดเกิดจากนางรูธ โอเบดมีบุตรชื่อเจสซี”
(Salmon the father of Boaz, whose mother was Rahab,Boaz the father of Obed, whose mother was Ruth,Obed the father of Jesse,)
1:6 “เจสซีมีบุตรชื่อดาวิดผู้เป็นกษัตริย์ ดาวิดมีบุตรชื่อซาโลมอนเกิดจากนางซึ่งแต่ก่อนเป็นภรรยาของอุรียาห์”
(and Jesse the father of King David. David was the father of Solomon, whose mother had been Uriah’s wife,)
1:7 “ซาโลมอนมีบุตรชื่อเรโหโบอัม เรโหโบอัมมีบุตรชื่ออาบียาห์ อาบียาห์มีบุตรชื่ออาสา”
(Solomon the father of Rehoboam, Rehoboam the father of Abijah, Abijah the father of Asa,)
1:8 “อาสามีบุตรชื่อเยโฮชาฟัท เยโฮชาฟัทมีบุตรชื่อโยรัม โยรัมมีบุตรชื่ออุสซียาห์”
(Asa the father of Jehoshaphat,Jehoshaphat the father of Jehoram,Jehoram the father of Uzziah,)
1:9 “อุสซียาห์มีบุตรชื่อโยธาม โยธามมีบุตรชื่ออาหัส อาหัสมีบุตรชื่อเฮเซคียาห์”
(Uzziah the father of Jotham,Jotham the father of Ahaz,Ahaz the father of Hezekiah,)
1:10 “เฮเซคียาห์มีบุตรชื่อมนัสเสห์ มนัสเสห์มีบุตรชื่ออาโมน อาโมนมีบุตรชื่อโยสิยาห์”
(Hezekiah the father of Manasseh,Manasseh the father of Amon,Amon the father of Josiah,)
1:11 “ โยสิยาห์มีบุตรชื่อเยโคนิยาห์กับพวกพี่น้องของท่าน เกิดเมื่อคราวต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลน”
(and Josiah the father of Jeconiah and his brothers at the time of the exile to Babylon.)
1:12 “ ครั้นต้องถูกกวาดไปยังกรุงบาบิโลนแล้ว เยโคนิยาห์ก็มีบุตรชื่อเชอัลทิเอล เชอัลทิเอลมีบุตรชื่อเศรุบบาเบล”
(After the exile to Babylon:Jeconiah was the father of Shealtiel,Shealtiel the father of Zerubbabel,)
1:13 “เศรุบบาเบลมีบุตรชื่ออาบียุด อาบียุดมีบุตรชื่อเอลียาคิม เอลียาคิมมีบุตรชื่ออาซอร์”
(Zerubbabel the father of Abiud,Abiud the father of Eliakim, Eliakim the father of Azor,)
1:14 “อาซอร์มีบุตรชื่อศาโดก ศาโดกมีบุตรชื่ออาคิม อาคิมมีบุตรชื่อเอลีอูด”
(Azor the father of Zadok, Zadok the father of Akim, Akim the father of Eliud,)
1:15 “ เอลีอูดมีบุตรชื่อเอเลอาซาร์ เอเลอาซาร์มีบุตรชื่อมัทธาน มัทธานมีบุตรชื่อยาโคบ”
(Eliud the father of Eleazar, Eleazar the father of Matthan, Matthan the father of Jacob,)
1:16 “ยาโคบมีบุตรชื่อโยเซฟ สามีของนางมารีย์ พระเยซูที่เรียกว่าพระคริสต์ก็ทรงบังเกิดมาจากนางมารีย์นี้”
(and Jacob the father of Joseph, the husband of Mary, of whom was born Jesus, who is called Christ.)
1:17 “ดังนั้นตั้งแต่อับราฮัมลงมาจนถึงดาวิดจึงเป็นสิบสี่ชั่วคน และนับตั้งแต่ดาวิดลงมา จนถึงต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลน เป็นเวลาสิบสี่ชั่วคน และนับตั้งแต่ต้องถูกกวาดไปเป็นเชลย ยังกรุงบาบิโลนจนถึงพระคริสต์เป็นสิบสี่ชั่วคน”
( Thus there were fourteen generations in all from Abraham to David, fourteen from David to the exile to Babylon, and fourteen from the exile to the Christ.)
ข้อมูลมีประโยชน์
1:1 “ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด” (the son of David)
= นามของพระเมสิยาห์ ผู้ซึ่งกำลังเสด็จกลับมา (มธ. 9:27;12:23;20:30;21:9;22:44-45)
“ผู้สืบตระกูลเนื่องจากอับราฮัม” (the son of Abraham)
= เพราะมัทธิวเขียนถึงชาวยิว จึงจำเป็นต้องแสดงตัวของพระเยซูว่า มาจากเชื้อสายของอับราฮัม
1:3,5,6 “ทามาร์” (Tamar) –น่าสนใจที่มัทธิวอ้างนามของ “สตรี”หลายคน โดยเริ่มจาก ทามาร์ (ข.3; ปฐก. 32:24- 30), ราหับ (ข.5,ยชว.2:1;ฮบ. 11:31), รูธ (ข.51, นรธ.1:4), บัธเชบา มารดาของซาโลมอน (ข.16,2ซมอ.12:24) และมารีย์ (ข.16) เพราะทามาร์ และราหับต่างทำตัวเป็นหญิงโสเภณี, รูธเป็นหญิงต่างด้าวชาวโมอับ, บัธเชบาเป็นหญิงมีสามีที่ดาวิดเป็นชู้ด้วย
1:4 “อัมมีนาดับ” (Amminadab) –เป็นพ่อตาของอาโรน (อพย. 6:23)
1:8 “โยรัม” ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Jehoram”
ในข้อนี้ภาษาไทยเขียนว่า “โยรัมมีบุตรชื่ออุสซียาห์” แต่ในภาษาต้นฉบับจะเขียนว่า .. “Jehoram the father of Uzziah”
แต่คำว่า “father” ในที่นี้ ไม่ได้หมายความถึง “พ่อ” (father) จริง ๆ แต่หมายถึง “บรรพบุรุษ” (forefather) ดังที่ 2 พงศาวดาร 21:4-26:23 บันทึกไว้ว่ามีหลายช่วงสมัย (อาหัสยาห์, โยอาช, อามาชิยาห์) ก่อนจะถึงสมัยของ อุสซียาห์
1:11 “โยสิยาห์มีบุตร” (Josiah the father) –ก็เช่นเดียวกันกับในข้อ 8
ในตอนนี้ โยสิยาห์ถูกเรียกว่า “บิดา” ของ เยโคนิยาห์ (เยโฮยาคีน) ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วพระองค์เป็นบิดาของเอลียาคิม (เยโฮยาคิม) กับเยโฮอาหาส แต่เป็นปู่ของเยโฮยาคีน (2พศด. 36:1-9;1พศด 3:16)
1:12 “เชอัลทิเอลมีบุตร” (shealtiel the father..)
= ในตอนนี้กล่าวว่า เชอัลทิเอล มีบุตรชื่อ เศรุบบาเบล แต่ที่จริงแล้ว พระองค์เป็นปู่ของเศรุบบาเบล (1พศด.3:17-18)
1:16 “โยเซฟ สามีของนางมารีย์” (Joseph the husband of Mary)
= น่าสนใจที่มัทธิวไม่ได้พูดว่า โยเซฟเป็นบิดาของพระเยซู เพียงแต่พูดว่า เขาเป็นสามีของมารีย์ และพระเยซูบังเกิดจากเธอ
ในลำดับพงศ์พันธ์นี้ มัทธิวแสดงให้เห็นว่า แม้พระเยซูคริสต์ไม่ได้เป็นบุตรทางกายภาพของโยเซฟ แต่พระองค์ก็เป็นบุตรที่ชอบธรรมตามกฎหมาย
จึงนับ ได้ ว่า เป็นเชื้อสายของดาวิด
1:17 “สิบสี่ชั่วคน…สิบสี่ชั่วคน” (fourteen generations…… fourteen …….fourteen)
= การแบ่งพงศ์พันธุ์ในลักษณะนี้ สะท้อนให้เห็นลักษณะเฉพาะตัวของพระธรรมมัทธิว ดังนี้
1) มัทธิว ชอบเล่าเรื่องตัวเลข
2) มัทธิว สนใจการจัดเรื่องราวให้เป็นระบบ
หมายเลข 14 นั้นเข้าใจว่า มาจาก หมายเลข 7×2 ซึ่งปกติ 7 เป็นเลขแห่งความสมบูรณ์ และยังเป็นจำนวนมูลค่ารวมของตัวอักษรในคำว่า “ดาวิด” อีกด้วย (วว. 13:18) อย่างเช่น มัทธิว ไม่ได้บันทึกชื่อคนทุกคน ในพงศ์พันธุ์ระหว่างอับราฮัม และดาวิด (ข.2-6), ระหว่างดาวิดถึงช่วงอพยพ (ข.6-11) และระหว่างการอพยพถึงพระเยซู (ข.12-16) –การนับคนในตระกูลของชาวยิวไม่จำเป็นต้องนับชื่อทุกคน
อย่างไรก็ตาม รายชื่อพงศ์พันธุ์ของมัทธิว ตอบคำถามสำคัญมากที่ชาวยิวมักจะถาม นั่นคือ คนที่อ้างตนว่าเป็นกษัตริย์นั้นเป็นลูกหลานของดาวิดตามเชื้อสายที่มีสิทธิครอบครองบัลลังก์หรือไม่?
และมัทธิวตอบชัดเจนว่า พระเยซูคือเชื้อสายอันชอบธรรมของดาวิด!
คำถามนำอภิปราย
- ทำไมมัทธิว จึงโยงลำดับพงศ์พันธ์ของพระเยซูคริสต์ ไปโดยตรงที่ “ดาวิด” แทนที่จะเป็นที่ “อับราฮัม” ?
- ทำไมมัทธิว จึงเน้นตัวเลข “14 “ ในการจัดลำดับพงศ์พันธ์เชื้อสายของพระเยซูคริสต์?
- ในลำดับพงศ์พันธ์ของพระเยซูคริสต์ มีรายนามของผู้หญิงกี่คน? ใครบ้าง? คนเหล่านั้นมีความเป็นมาและสำคัญอย่างไร? ทำไมพระเจ้าทรงเรียกและใช้พวกเธอ?
- คุณได้รับบทเรียนอะไรจากการที่พระเจ้าทรงเลือกพวกเธอให้เป็นบรรพบุรุษของพระเยซูคริสต์ และมัทธิวเองก็ เอ่ยถึงนามของพวกเธอในบทนี้?
4.1 มัทธิว ไม่เขียนว่า “โยเซฟ มีบุตรชื่อพระเยซู” หรือ “พระเยซูเป็นบุตรของโยเซฟ” แต่ใช้คำเพียงว่า “โยเซฟ สามีของมารีย์….พระเยซู….ก็ทรงบังเกิดมาจากนางมารีย์” คุณคิดว่า ทำไมมัทธิวจึงเขียนเช่นนั้น เขามีเจตนาอะไรเป็นพิเศษหรือไม่? อย่างไร?
4.2 ทำไมพระเจ้าจึงยอมให้ชนชาติอิสราเอลต้องทนทุกข์จากการถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่บาบิโลนด้วย? ทำไมพระองค์ไม่ช่วยเหลือปกป้องพวกเขาในฐานะที่เป็นชนชาติของพระองค์?
5. คุณได้รับบทเรียนอะไรจากเรื่องนี้บ้าง?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์