อันที่จริงคริสเตียนเราแสดงออกในเรื่องจุดยืนได้ทุกเรื่อง เพียงแต่ว่าจำเป็นหรือไม่เท่านั้น!
ถ้าจำเป็น และเร่งด่วนเราต้องทำ คือ จงรีบแสดงจุดยืน(ที่ดี) ที่มีประสิทธิภาพเพื่อสื่อสารและแสดงพลัง!
ถ้าจำเป็น แต่ไม่เร่งด่วน เราสามารถรอได้ ก็จงรอจังหวะหรือโอกาสแล้วค่อยแสดงจุดยืนที่มีอย่างเปิดเผย
ถ้าจำเป็น แต่ไม่แน่ใจ เราก็ควรรีบหาข้อมูลให้ครบถ้วน และวิเคราะห์ประเมินให้ถูกต้องแล้วจึงค่อยประกาศจุดยืนนั้นออกมา!
อย่ารีบร้อนผลีผลามประกาศจุดยืนหรือทำอะไรที่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือส่วนรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากกระทบต่อพระนามของพระเจ้า (ไม่ว่าจะถูกคนข้างตัวหรือคนรอบตัวกดดันมากสักเพียงใดก็ตาม)
แน่นอนว่า เราทุกคนต้องมีจุดยืน แต่จุดยืนของเรานั้นต้องอยู่บนความจริงและความรัก!
เพราะว่านั่นคือจุดยืนของพระเจ้า!
ความยุติธรรมที่เราเรียกร้องนั้นต้องตั้งอยู่บนความจริงและความรัก!
เมื่อใดก็ตามที่เราประกาศจุดยืนของเราด้วยความทะนงและคิดว่าเราเป็นฝ่ายถูกต้องแต่ฝ่ายเดียว และอีกฝ่ายผิดหมดทุกเรื่อง เรากำลังนำตัวเราเองและคนที่ตามเราให้เข้าสู่ปัญหาที่ไม่จำเป็น
เมื่อใดก็ตามที่เราด่วนสรุปว่า คนอื่นผิดและเราถูก โดยที่ยังไม่ได้รับฟังความจากทุกฝ่ายให้รอบด้าน เรามีโอกาสผิดพลาดในข้อสรุปของเรามากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะทุก ๆ เรื่องมักจะมีอย่างน้อย 2 ด้าน และความจริงก็คือ ไม่มีใครถูกต้อง 100 % หรือ ผิด 100 % !
สิ่งหนึ่งที่ต้องเตือนสติซึ่งกันและกันก็คือ เมื่อใดก็ตามที่เราเห็น “ปัญหา” หรือ “ประเด็น” ที่ต้องแก้ไขนั้นมีความ สำคัญมากยิ่งกว่า “คน” ที่ต้องแก้ไข เรากำลังก้าวห่างไกลออกไปจากพระทัยของพระเจ้า
ไม่ว่าประเด็นปัญหาจะใหญ่โตมากสักแค่ไหน เราต้องให้ความสำคัญกับ “คน” ที่ “เป็น” ปัญหา หรือ “สร้าง” ปัญหานั้นอยู่เสมอ อย่าให้เรา “ทำร้าย” “บุคคล” ใดเพราะความขัดแย้งในประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น!
ดุจดังที่ บารบารา จอห์นสัน (Barbrara Johnson) ได้เตือนสติว่า…
“อย่าปล่อยให้ “ปัญหา” ที่เราต้องแก้ไข ให้มีความสำคัญมากยิ่งกว่า “คน” ที่เราต้อง “รัก”
(Never let a problem to be solved become more important than a person to be loved.)
ใช่ครับ พระเจ้ามอบ “ปัญหา” มาให้เราแก้ และทรงมอบ “คน” มาให้เรารัก!
อย่าให้การแสดงจุดยืนในเรื่องใดของเรา “ลด” หรือ “ทำลาย” คุณค่าของ “บุคคล” ที่พระเจ้าประสงค์จะให้เรารัก!
คริสเตียนต้องเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหลายในโลก (รวมทั้งในประเทศไทย) ของเรา!
และเราควรจะสังวรไว้อยู่ตลอดเวลาว่า พระเจ้าที่เราเชื่อนั้น คือ พระเจ้าแห่งความรัก
“ฉะนั้นเราจึงรู้ และวางใจในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก และผู้ที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงอยู่ในคนนั้น” (1ยอห์น 4:6)
(We are from God. Whoever knows God listens to us; whoever is not from God does not listen to us. By this we know the Spirit of truth and the spirit of error.)
ฉะนั้น หากว่าเราเชื่อพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ผู้เป็นพระเจ้าแห่งความรักนี้จริง ๆ จุดยืนของเราจะต้องเป็นจุดยืนแห่งความรักเท่านั้น!
หากจุดยืนของเรา (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางการเมือง) ทำให้เราพูดหรือ กระทำสิ่งใดโดยปราศจากความรัก จุดยืนของเราก็ไร้ค่า!
“แม้ข้าพเจ้าจะพูดภาษาแปลกๆ ที่เป็นภาษามนุษย์หรือทูตสวรรค์ได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง แม้ข้าพเจ้าจะเผยพระวจนะได้ จะรู้ความล้ำลึกทุกอย่างและมีความรู้ทั้งสิ้น และแม้จะมีความเชื่อมากยิ่งที่จะย้ายภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย แม้ข้าพเจ้าจะบริจาคสิ่งของของข้าพเจ้าทุกอย่างหรือยอมให้เอาตัวไปเผาไฟ แต่ไม่มีความรัก ก็จะไม่เป็นประโยชน์กับข้าพเจ้า” (1โครินธ์ 13:1-3)
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc,
twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer