ฉีกอาณาจักร
พระธรรม 1พงศ์กษัตริย์ 11:16-43
อ้างอิง 1พกษ.3:3;9:24;11:11;12:2,15,17;14:2,7;2พกษ.21:22;2พศด.13:6;9:29;10:15,2
บทนำ น่าเศร้าที่ผู้มีสติปัญญามากที่สุดในโลกกลับกลายเป็นผู้ที่โง่เขลาที่สุดในแผ่นดิน เพราะ “ความรัก” อย่างลุ่มหลงในสตรีและในลาภยศ
เราทั้งหลายต้องไม่ประมาทเช่นกัน และในยามที่เราไม่มีหรือมีน้อยอาจจะต้านกับการทดลองได้ง่ายกว่า ตอนที่เรากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นที่เราได้และมีทุกอย่างตามที่ปรารถนา อย่าให้เรากลายเป็นเหยื่อจากการใช้ พระพรของพระเจ้าโดยขัดกับพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงประทานพรมาให้
บทเรียน
11:26 “เยโรโบอัมบุตรเนบัท คนเอฟราอิม จากเมืองเศเรดาห์ ข้าราชการคนหนึ่งของซาโลมอน มารดาของท่านเป็นหญิงม่ายชื่อเศรุวาห์ ท่านได้กบฏต่อพระราชา ด้วย”
(Jeroboam the son of Nebat, an Ephraimite of Zeredah, a servant of Solomon, whose mother’s name was Zeruah, a widow, also lifted up his hand against the king. )
11:27 “ต่อไปนี้เป็นสาเหตุที่ท่านกบฏต่อพระราชา คือซาโลมอนทรงสร้างป้อมมิลโล และอุดรอยแยกของกำแพงนครดาวิดพระราชบิดาของพระองค์”
(And this was the reason why he lifted up his hand against the king. Solomon built the Millo, and closed up the breach of the city of David his father. )
11:28 “เยโรโบอัมเป็นนักรบกล้าหาญ เมื่อซาโลมอนทรงเห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนขยัน จึงตั้งให้ดูแลแรงงานทั้งสิ้นที่ถูกเกณฑ์มาจากพงศ์พันธุ์ ของโยเซฟ”
(The man Jeroboam was very able, and when Solomon saw that the young man was industrious he gave him charge over all the forced labor of the house of Joseph. )
11:29 “ต่อมาในเวลานั้นเมื่อเยโรโบอัมออกจากกรุงเยรูซาเล็ม อาหิยาห์ผู้เผยพระวจนะชาวชีโลห์ได้พบท่านกลาง ทาง อาหิยาห์คลุมกายด้วยเสื้อคลุมใหม่ และทั้งสองคนก็อยู่ลำพังในทุ่งนา”
(And at that time, when Jeroboam went out of Jerusalem, the prophet Ahijah the Shilonite found him on the road. Now Ahijah had dressed himself in a new garment, and the two of them were alone in the open country. )
11:30 “แล้วอาหิยาห์ก็จับเสื้อคลุมใหม่ที่สวมอยู่ฉีกออกเป็นสิบสองชิ้น”
(Then Ahijah laid hold of the new garment that was on him, and tore it into twelve pieces. )
11:31 “และท่านพูดกับเยโรโบอัมว่า “ท่านจงเอาไปสิบชิ้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘นี่แน่ะ เรากำลังจะฉีกอาณาจักรจากมือของซาโลมอน และจะให้เจ้าสิบเผ่า”
(And he said to Jeroboam, “Take for yourself ten pieces, for thus says the Lord, the God of Israel, “Behold, I am about to tear the kingdom from the hand of Solomon and will give you ten tribes )
11:32 “(แต่เขาจะมีเผ่าหนึ่งเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา และเพื่อเห็นแก่เยรูซาเล็มเมืองซึ่งเราเลือกจากเผ่าทั้งหมด ของอิสราเอล)”
(but he shall have one tribe, for the sake of my servant David and for the sake of Jerusalem, the city that I have chosen out of all the tribes of Israel),
11:33 “เพราะเขาทอดทิ้งเรา ไปนมัสการเจ้าแม่อัชโทเรทพระของชาวไซดอน เคโมชพระของโมอับ และมิลโคมพระของคนอัมโมน และไม่ดำเนินในทางของเราคือทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายตาของ เรา อีกทั้งไม่รักษากฎเกณฑ์และกฎหมายของเรา ไม่เหมือนอย่างดาวิดบิดาของเขา”
(because they have forsaken me and worshiped Ashtoreth the goddess of the Sidonians, Chemosh the god of Moab, and Milcom the god of the Ammonites, and they have not walked in my ways, doing what is right in my sight and keeping my statutes and my rules, as David his father did. )
11”34 “อย่างไรก็ตาม เราจะไม่เอาอาณาจักรทั้งหมดไปจากมือของเขา แต่เราจะให้เขาเป็นผู้ครอบครองตลอดชีวิตของเขา เพราะเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเราผู้ที่เราเลือกไว้ ผู้รักษาบัญญัติและกฎเกณฑ์ของเรา”
(Nevertheless, I will not take the whole kingdom out of his hand, but I will make him ruler all the days of his life, for the sake of David my servant whom I chose, who kept my commandments and my statutes.)
11:35 “แต่เราจะเอาอาณาจักรไปจากมือบุตรชายของเขา และจะมอบให้เจ้าสิบเผ่า”
(But I will take the kingdom out of his son’s hand and will give it to you, ten tribes. )
11:36 “เราจะให้เผ่าหนึ่งแก่บุตรชายของเขา เพื่อดาวิดผู้รับใช้ของเราจะมีประทีปดวงหนึ่งต่อหน้าเรา ตลอดเวลาใน เยรูซาเล็ม เมืองซึ่งเราเลือกให้ตัวเองเพื่อประดิษฐานชื่อของเราไว้ ที่นั่น”
(Yet to his son I will give one tribe, that David my servant may always have a lamp before me in Jerusalem, the city where I have chosen to put my name. )
11:37 “เราจะเอาตัวเจ้า และเจ้าจะปกครองทุกอย่างที่ใจของเจ้าประสงค์ และเจ้าจะเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล”
(And I will take you, and you shall reign over all that your soul desires, and you shall be king over Israel. )
11:38 “และถ้าเจ้าเชื่อฟังทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้า และดำเนินในทางทั้งหลายของเรา และทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายตา ของเรา โดยรักษากฎเกณฑ์และบัญญัติของเรา เหมือนอย่างดาวิดผู้รับใช้ของเราได้ทำ แล้วเราจะอยู่กับเจ้า และจะสร้างราชวงศ์ที่มั่นคงให้เจ้า เหมือนที่เราได้สร้างให้ดาวิด และเราจะให้อิสราเอลแก่เจ้า”
(And if you will listen to all that I command you, and will walk in my ways, and do what is right in my eyes by keeping my statutes and my commandments, as David my servant did, I will be with you and will build you a sure house, as I built for David, and I will give Israel to you.)
11:39 “เพราะเหตุนี้เราจะให้ความทุกข์ใจแก่เชื้อสายของดาวิด แต่ไม่ใช่ตลอดไป’”
(And I will afflict the offspring of David because of this, but not forever.” )
11:40 “ดังนั้นซาโลมอนจึงทรงหาช่องทางที่จะประหารเยโรโบอัมเสีย แต่เยโรโบอัมได้ลุกขึ้นหนีไปอียิปต์ ไปยังชิชัก กษัตริย์อียิปต์ และอยู่ในอียิปต์จนกระทั่งซาโลมอนสิ้นพระชนม์”
(Solomon sought therefore to kill Jeroboam. But Jeroboam arose and fled into Egypt, to Shishak king of Egypt, and was in Egypt until the death of Solomon. )
11:41 “ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของซาโลมอน และทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำ และพระสติปัญญาของพระองค์ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพระราชกิจของซาโลมอนไม่ใช่หรือ?”
(Now the rest of the acts of Solomon, and all that he did, and his wisdom, are they not written in the Book of the Acts of Solomon? )
11:42 “และเวลาที่ซาโลมอนทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มเหนืออิสราเอลทั้งสิ้นนั้นคือ 40 ปี”
(And the time that Solomon reigned in Jerusalem over all Israel was forty years.)
11:43 “และซาโลมอนทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้ในนครดาวิดพระราชบิดาของพระองค์ และเรโหโบอัมพระราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองราชย์แทน”
(And Solomon slept with his fathers and was buried in the city of David his father. And Rehoboam his son reigned in his place. )
ข้อมูลมีประโยชน์
11:26 “กบฏต่อพระราชา” (lifted up his hand against the king.) –ข.40;2พศด.13:6
11:27 “ป้อมมิลโล” (built the Millo) -9:15,24
11:28 “เป็นคนขยัน” (was industrious ) = “หน่วยก้านดี” –ปฐก.39:4;สภษ.22:29
“ผู้ดูแลแรงงาน…จากพงศ์พันธุ์โยเซฟ” (over all the forced labor of the house of Joseph) –5:13-18
-การที่เยโรโบอัมควบคุมแรงงานที่เกณฑ์มาจากเผ่าเอฟราอิม และมนัสเสห์ ทำให้เขารับรู้ว่าประชาชนไม่
พอใจกับนโยบายของซาโลมอน (12:4)
11:29 “อาหิยาห์ ผู้เผยพระวจนะ” (prophet Ahijah) –1พกษ.12:15;14:2;2พศด.9:29;10:15
11:30 “จับเสื้อคลุมใหม่ที่สวมอยู่ ฉีกออกเป็นสิบสองชิ้น” (new garment that was on him, and tore it into
twelve pieces) –1ซมอ.15:27
11:31-32 “สิบเผ่า…เผ่าหนึ่ง” (ten pieces……. one tribe) = ประเพณีที่ถือว่าสิบเผ่าทางเหนือเป็นกลุ่มที่แยกจาก 2 เผ่าทางใต้ (คือ ยูดาห์ และสิเมโอน –โดยเลวีไม่ได้รับดินแดนเป็นมรดก –ยชว.21) นั้นย้อนกลับไปถึงยุคผูวินิจฉัย (วนฉ.5:13-18)
-เพราะมีชนชาติอื่น ๆ (เยรูซาเล็ม กลุ่มกิเบโอน เกเซอร์) มากั้นกลางพื้นที่อิสราเอลทั้ง 2 ส่วน การแบ่งแยกทางการเมืองในช่วงต้น ๆ ของรัชกาลดาวิด และส่วนใต้มาอยู่ภายใต้การปกครองของดาวิด(2ซมอ.2:4;5:3) ยิ่งเป็นการตอกย้ำความแตกแยก
เมื่อดาวิดมีชัยได้กรุงเยรูซาเล็ม (2ซมอ.5:6-7) และฟาโรห์มอบเกเซอร์ให้มเหสีของซาโลมอน (9:16-17) อิสราเอลทั้งหมดจึงมีเขตแดนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันครั้งแรก (เมื่อเยรูซาเล็มและเกเซอร์อยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอลแล้ว กลุ่มชาวกิเบโอนซึ่งเคยจำนนต่อโยชูวาก็ถูกกลืนไปตามการเมือง (ยชว.9)
-การแบ่งแยกในตอนนี้ประกาศว่า “เผ่าหนึ่ง” ซึ่งหมายถึง พื้นที่ส่วนใหญ่ที่ครอบครองโดยยูดาห์ (แต่รวมสิเมโอนด้วย) –ยชว.19:1-9
และ “สิบเผ่า” หมายถึงพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของดาวิดในภายหลัง (เอฟาอิมและมนัสเสห์บุตรของโยเซฟ ถูกนับเป็น 2 เผ่า –ปฐก.48:5;ยชว.14:4)
11:31 “ฉีกอาณาจักร” (tear the kingdom) –1ซมอ.15:27;1พกษ.11:11
11:32 “เห็นแก่ดาวิด” (sake of my servant David) -2ซมอ.7:15
11:33 “เพราะเขาทอดทิ้งเรา” (because they have forsaken me) = ละทิ้งพระเจ้า –ข้อ 5-7
“ไปนมัสการเจ้าแม่อัชโทเรท” (worshiped Ashtoreth ) –วนฉ.2:13
“ไม่ดำเนินในทางของเรา” (not walked in my ways) –ข.1-2,3:14 -2พกษ.21:22
“ไม่รักษากฎเกณฑ์และกฎหมายของเรา” (keeping my statutes and my rules) = ไม่ปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของพระเจ้า – 1พกษ.3:3
11:34 “เราจะให้เขาเป็นผู้ครอบครองตลอดชีวิตของเขา” (I will make him ruler all the days of his life )
= พระเจ้าจะอนุญาตให้ซาโลมอนครองราชย์ไปตลอดชีวิต (ข.12-13)
11:35 “แต่เราจะเอาอาณาจักรไปจากมือบุตรชายของเขา” (I will take the kingdom out of his son’s hand) = จากมือของเรโหโบอัม (12:1-24)
11:36 “เผ่าหนึ่ง” (one tribe,) –1พกษ.12:17
“มีประทีปดวงหนึ่งต่อหน้าเราตลอดเวลาในเยรูซาเล็ม”( have a lamp before me in Jerusalem ) –2ซมอ.21:17
= ราชวงศ์ของดาวิดจะยังคงสืบทอดต่อไปในเมืองที่พระเจ้าทรงเลือกที่จะสถาปนาพระนามของพระองค์ (ข.13)
-ในพระคัมภีร์ การจุดหรือดับดวงประทีปตะเกียง หรือแสงสว่าง สื่อถึงการเจริญเติบโตหรือการสิ้นชีวิต (โยบ 18:6;21:17;สภษ.13:9;20:20;24:20)
ในที่นี้และใน 15:4;2พกษ.8:19;2พศด.21:7;สดด.132:17 ภาพเปรียบเทียบนี้ ถูกนำมาใช้กับราชวงศ์ของดาวิด (สดด.132:17)
11:37 “ปกครอง” (reign ) –1พกษ.14:7
“ที่ใจเจ้าประสงค์” (all that your soul desires) = ที่ใจปรารถนา –2ซมอ.3:21
“อิสราเอล” (Israel) = สิบเผ่าทางเหนือ
11:38 “ถ้าเจ้าเชื่อฟังทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้า…แล้วเราจะอยู่กับเจ้า” (if you will listen to all that I command you, … I will be with you) = เยโรโบอัมก็ต้องอยู่ใต้เงื่อนไขพันธสัญญาเดียวกับดาวิดและซาโลมอน (2:3-4;3:14;6:12-13)
“ทำสิ่งที่ชอบธรรม” (do what is right ) = ทำสิ่งที่ถูกต้อง –ฉธบ.12:25;2ซมอ.8:15
“โดยรักษากฎเกณฑ์และบัญญัติของเรา” (keeping my statutes and my commandments)
= ปฏิบัติตาม –ฉธบ.17:19 , “สร้างราชวงศ์” (will build) –อพย.1:21;11:39
11:39 “เราจะให้ความทุกข์ใจแก่เชื้อสายของดาวิดแต่ไม่ใช่ตลอดไป” (I will afflict the offspring of David
because of this, but not forever) = จะกำราบวงศ์วานของดาวิด ก็คือการแบ่งแยกอาณาจักรอันเป็นการลดสถานภาพและอำนาจของราชวงศ์ของดาวิดลงไปมาก -แต่ก็ไม่ใช่ตลอดไป คือ จะมีการฟื้นฟูเกิดขึ้น (ยรม.30:9;อสค.34:23;37:15-28;ฮชย.3:5;อมส.9:11-12) และทำให้อาณาจักรกลับมารวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้งภายใต้การปกครองของวงศ์วานดาวิด
11:40 “ซาโลมอนจึงทางหาช่องทางที่จะประหารเยโรโบอัม”(Solomon sought therefore to kill Jeroboam.)
= เยโรโบอัมอาจพยายามแย่งชิงอาณาจักรจากซาโลมอนแต่ล้มเหลว (ข.26)
“ชิชักกษัตริย์” (Shishak king) -14:25-26;2พศด.12:2
ฟาโรห์องค์นี้เป็นองค์แรกที่มีชื่อระบุไว้ในพระคัมภีร์เดิม เป็นชาวลิเบีย ที่ก่อตั้งราชวงศ์ลำดับที่ 22 (ปี 945 – 924 ก.ค.ศ) -ซาโลมอนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ของฟาโรห์ลำดับก่อนหน้านั้นผ่านการแต่งงาน (3:1)
11:41 “ในหนังสือพระราชกิจของซาโลมอน” ( the Book of the Acts of Solomon) = จดหมายเหตุของ
ซาโลมอน = งานเขียนที่บันทึกเกี่ยวกับชีวิตและการปกครองของซาโลมอนซึ่งผู้เขียน 1-2 พงศ์กษัตริย์ใช้เป็นแหล่งข้อมูล
11:43 “ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ” (slept with his fathers) -1:21, “เรโหโบอัม” (Rehoboam) –มธ.1:7
คำถามนำอภิปราย
- มีเหตุการณ์ “กบฏ” หรือ “ต่อต้าน” การปกครองหรือการศาสนาใดบ้างที่ประทับใจของคุณมากที่สุด? ทำไม?
- เคยมีใครมาขอหรือบอกหรือทำนายว่า พระเจ้าจะใช้คุณในการใหญ่ใดบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? และอย่างไร?
- คุณเคยแยกตัวหรือได้รับการมอบหมาย “คน” หรือ “งาน” มาให้กระทำภารกิจใดบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? แล้วผลเป็นอย่างไ?
- คุณเคยประพฤติตัวไม่ถูกต้องเป็นเหตุให้พระเจ้าลงโทษด้วยการดึงงาน(พันธกิจ)ที่เราเคยทำออกมาจากมือของเราไปมอบให้ผู้อื่นกระทำบ้างหรือไม่? อย่างไร?
- พระเจ้าเคยมอบหมายอะไรให้คุณกระทำโดยมีคำกำชับมาให้ชัดเจนบ้างหรือไม่? แล้วผลเป็นอย่างไ? ทำไม?
- คุณเคยถูกเล่นงานหรือถูกมุ่งร้ายบ้างหรือไม่? สาเหตุมาจากอะไร? หรือจากใคร? แล้วผลลัพธ์ที่ตามมาคืออะไร?
- บทเรียนพิเศษ ที่คุณได้รับจากบทเรียนตอนนี้เป็นส่วนตัวคือ…………………………………………………………….
ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์