อย่ารุ่งแล้วเหลิง!
พระธรรม 1พงศ์กษัตริย์ 9:1-28
อ้างอิง 2พศด.7:11-22;1พกษ.3:5,14,14:8;15:5;2พกษ.19:20;20:5;22:17;1ซมอ.9:16;2ซมอ.7:2
บทนำ พระเจ้าทรงอวยพรซาโลมอนและอิสราเอล แต่ก็ทรงเตือนพวกเขาให้ระลึกถึงพันธสัญญาที่มีต่อพระองค์ นั่นคือ หากพวกเขาเชื่อฟังและปฏิบัติตามพระวจนะของพระองค์ พวกเขาจะได้รับพร แต่หากว่าพวกเขาไม่เชื่อฟัง ไม่ติดตามพระองค์ เมื่อนั้นสิ่งที่พวกเขาจะได้รับคือ คำแช่งสาบ!
บทเรียน
9:1 “ต่อมาเมื่อซาโลมอนทรงสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์และ พระราชวังของกษัตริย์ รวมทั้งทุกสิ่งที่ซาโลมอน มีพระประสงค์จะสร้างนั้นสำเร็จ แล้ว”
(As soon as Solomon had finished building the house of the Lord and the king’s house and all that Solomon desired to build, )
9:2 “พระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่ซาโลมอนเป็นครั้งที่สอง เหมือนอย่างที่ทรงปรากฏแก่ท่านที่เมืองกิเบโอน”
(the Lord appeared to Solomon a second time, as he had appeared to him at Gibeon. )
9:3 “และพระยาห์เวห์ตรัสกับท่านว่า “เราได้ยินคำอธิษฐานและคำวิงวอนของเจ้า ซึ่งเจ้าได้อ้อนวอนเรานั้นแล้ว เราได้ทำนิเวศนี้ซึ่งเจ้าได้สร้างไว้ให้บริสุทธิ์ และได้ใส่นามของเราไว้ที่นั่นเป็นนิตย์ ตาของเราและใจของเราจะอยู่ที่นั่นตลอดไป”
(And the Lord said to him, “I have heard your prayer and your plea, which you have made before me. I have consecrated this house that you have built, by putting my name there forever. My eyes and my heart will be there for all time.)
9:4 “และส่วนเจ้า ถ้าเจ้าดำเนินต่อหน้าเราเหมือนอย่างดาวิดบิดาของเจ้าดำเนิน ด้วยใจซื่อสัตย์ และด้วยความ เที่ยงธรรม และทำทุกอย่างตามที่เราได้บัญชาเจ้าไว้ อีกทั้งรักษากฎเกณฑ์และกฎหมายของเรา”
(And as for you, if you will walk before me, as David your father walked, with integrity of heart and uprightness, doing according to all that I have commanded you, and keeping my statutes and my rules,)
9:5 “แล้วเราจะสถาปนาราชบัลลังก์ของเจ้าเหนืออิสราเอลเป็นนิตย์ ดังที่เราได้กล่าวกับดาวิดบิดาของเจ้าว่า ‘เจ้าจะไม่ขาดทายาทที่จะนั่งบนบัลลังก์แห่งอิสราเอล’”
(then I will establish your royal throne over Israel forever, as I promised David your father, saying, “You shall not lack a man on the throne of Israel.” )
9:6 “แต่ถ้าเจ้าทั้งหลายหรือลูกหลานหันไปจากการติดตามเรา และไม่ได้รักษาบัญญัติและกฎเกณฑ์ของเรา ซึ่งเราได้ตั้งไว้ต่อหน้าพวกเจ้า แต่ไปปรนนิบัติพระอื่นๆ และนมัสการพระเหล่านั้น”
(But if you turn aside from following me, you or your children, and do not keep my commandments and my statutes that I have set before you, but go and serve other gods and worship them, )
9:7 “แล้วเราจะตัดอิสราเอลออกเสียจากแผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่ พวกเขา และเราจะเหวี่ยงนิเวศซึ่งเราทำให้บริสุทธิ์เพื่อนามของเราไป จากสายตาของเรา และอิสราเอลจะเป็นคำเปรียบเปรย และเป็นขี้ปากในหมู่ชนชาติทั้งหลาย”
(then I will cut off Israel from the land that I have given them, and the house that I have consecrated for my name I will cast out of my sight, and Israel will become a proverb and a byword among all peoples. )
9:8 “และนิเวศนี้จะกลายเป็นกองสิ่งปรักหักพัง ทุกคนที่ผ่านไปจะประหลาดใจ และจะเยาะเย้ยและกล่าวว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์จึงทรงทำเช่นนี้แก่แผ่นดินนี้และพระนิเวศ นี้?’”
(And this house will become a heap of ruins. Everyone passing by it will be astonished and will hiss, and they will say, “Why has the Lord done thus to this land and to this house?” )
9:9 “แล้วพวกเขาจะตอบว่า ‘เพราะเขาทั้งหลายละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา ผู้ทรงนำบรรพบุรุษของเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ และไปยึดถือพระอื่น อีกทั้งนมัสการและปรนนิบัติพระเหล่านั้น เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ทรงนำเหตุร้ายทั้งหมดนี้มาเหนือเขาทั้งหลาย’”
(Then they will say, “Because they abandoned the Lord their God who brought their fathers out of the land of Egypt and laid hold on other gods and worshiped them and served them. Therefore the Lord has brought all this disaster on them.” )
9:10 “ต่อมาเมื่อสิ้นยี่สิบปี ที่ซาโลมอนได้ทรงสร้างอาคารสองหลัง คือพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และพระราชวังของกษัตริย์”
(At the end of twenty years, in which Solomon had built the two houses, the house of the Lord and the king’s house, )
9:11 “แล้วพระราชาซาโลมอนก็ประทานเมือง 20 เมืองในแผ่นดินกาลิลีแก่ฮีรามกษัตริย์แห่งไทระ เพราะฮีรามได้ส่งไม้สนสีดาร์ ไม้สนสามใบและทองคำให้แก่ซาโลมอน ตามที่พระองค์มีพระประสงค์
(and Hiram king of Tyre had supplied Solomon with cedar and cypress timber and gold, as much as he desired, King Solomon gave to Hiram twenty cities in the land of Galilee. )
9:12 “แต่เมื่อฮีรามเสด็จจากเมืองไทระเพื่อชมเมืองที่ซาโลมอนประทาน แก่ท่าน เมืองเหล่านั้นไม่เป็นที่พอพระทัยท่าน”
(But when Hiram came from Tyre to see the cities that Solomon had given him, they did not please him. )
9:13 “เพราะฉะนั้นท่านจึงว่า “น้องเอ๋ย เมืองที่ท่านให้เรานั้นเป็นเมืองอะไรอย่างนี้?” ท่านจึงเรียกเมืองเหล่านั้นว่าแผ่นดินคาบูลจนทุกวันนี้”
(Therefore he said, “What kind of cities are these that you have given me, my brother?” So they are called the land of Cabul to this day. )
9:14 “ฮีรามได้ส่งทองคำหนักสี่ตันแก่พระราชา”
(Hiram had sent to the king 120 talents of gold. )
9:15 “นี่เป็นเรื่องแรงงานเกณฑ์ ซึ่งพระราชาซาโลมอนได้เกณฑ์ให้มาสร้างพระนิเวศของพระยาห์เว ห์ พระราชวังของพระองค์ ป้อมมิลโล กำแพงกรุงเยรูซาเล็ม เมืองฮาโซร์ เมืองเมกิดโด เมืองเกเซอร์”
(And this is the account of the forced labor that King Solomon drafted to build the house of the Lord and his own house and the Millo and the wall of Jerusalem and Hazor and Megiddo and Gezer )
9:16 “ฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ได้ทรงยกทัพขึ้นมา ยึดเมืองเกเซอร์และเอาไฟเผาเสีย อีกทั้งได้ฆ่าคนคานาอันซึ่งอยู่ในเมืองนั้น และได้ยกเมืองนั้นให้เป็นของขวัญแก่พระธิดาของท่าน ซึ่งเป็นพระมเหสีของซาโลมอน”
(Pharaoh king of Egypt had gone up and captured Gezer and burned it with fire, and had killed the Canaanites who lived in the city, and had given it as dowry to his daughter, Solomon’s wife; )
9:17 “ซาโลมอนทรงสร้างเมืองเกเซอร์ขึ้นใหม่ และสร้างเมืองเบธโฮโรนตอนล่าง”
(so Solomon rebuilt Gezer) and Lower Beth-horon )
9:18 “ทั้งเมืองบาอาลัทและเมืองทามาร์ในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินนั้น”
(and Baalath and Tamar in the wilderness, in the land of Judah, )
9:19 “ทั้งบรรดาเมืองคลังหลวงที่ซาโลมอนมีอยู่ และเมืองทั้งหลายสำหรับรถรบของพระองค์ และเมืองทั้งหลายสำหรับทหารม้าของพระองค์ และสิ่งใดๆ ซึ่งซาโลมอนมีพระประสงค์จะสร้างในกรุงเยรูซาเล็ม ในเลบานอน และทั่วแผ่นดินอยู่ในอาณาจักรของพระองค์”
(and all the store cities that Solomon had, and the cities for his chariots, and the cities for his horsemen, and whatever Solomon desired to build in Jerusalem, in Lebanon, and in all the land of his dominion. )
9:20 “ประชาชนทั้งหมดที่เหลืออยู่และไม่ใช่คนอิสราเอลได้แก่ คนอาโมไรต์ คนฮิตไทต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส”
(All the people who were left of the Amorites, the Hittites, the Perizzites, the Hivites, and the Jebusites, who were not of the people of Israel)
9:21 “ลูกหลานของพวกเขาที่เหลืออยู่ในแผ่นดิน ซึ่งคนอิสราเอลไม่สามารถจะทำลายให้สิ้นได้ ซาโลมอนก็ทรงเกณฑ์ให้เป็นทาสแรงงานอยู่จนทุกวันนี้”
(their descendants who were left after them in the land, whom the people of Israel were unable to devote to destruction—these Solomon drafted to be slaves, and so they are to this day. )
9:22 “แต่คนอิสราเอลนั้น ซาโลมอนไม่ได้ทรงทำให้เป็นทาส เพราะเขาทั้งหลายเป็นทหาร เป็นข้าราชการ เป็นผู้บังคับบัญชา เป็นนายทหาร เป็นผู้บังคับการรถรบ และเป็นทหารม้าของพระองค์”
(But of the people of Israel Solomon made no slaves. They were the soldiers, they were his officials, his commanders, his captains, his chariot commanders and his horsemen. )
9:23 “เหล่านี้เป็นข้าราชการผู้ใหญ่เหนือพระราชกิจของซาโลมอน จำนวน 550 คน พวกเขาเป็นผู้ดูแลประชาชนที่ทำงาน”
(These were the chief officers who were over Solomon’s work: 550 who had charge of the people who carried on the work. )
9:24 “แต่พระธิดาของฟาโรห์ได้เสด็จขึ้นจากนครดาวิด มายังพระตำหนักของพระนางซึ่งซาโลมอนทรงสร้างถวาย แล้วพระราชาจึงสร้างป้อมมิลโล”
(But Pharaoh’s daughter went up from the city of David to her own house that Solomon had built for her. Then he built the Millo. )
9:25 “ปีละสามครั้งซาโลมอนทรงถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และเครื่องศานติบูชาบนแท่นบูชาซึ่งทรงสร้างถวายพระยาห์เวห์ อีกทั้งทรงเผาเครื่องหอมเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ดังนั้นพระองค์จึงสร้างพระนิเวศจนสำเร็จ”
(Three times a year Solomon used to offer up burnt offerings and peace offerings on the altar that he built to the Lord, making offerings with it before the Lord. So he finished the house.)
9:26 “พระราชาซาโลมอนทรงสร้างกองเรือที่เมืองเอซีโอนเกเบอร์ ซึ่งอยู่ใกล้เมืองเอโลทบนฝั่งทะเลแดง ในแผ่นดินเอโดม”
(King Solomon built a fleet of ships at Ezion-geber, which is near Eloth on the shore of the Red Sea, in the land of Edom. )
9:27 “และฮีรามได้ส่งข้าราชการและพลเรือผู้คุ้นเคยกับทะเล ไปกับกองเรือพร้อมกับข้าราชการของซาโลมอน”
(And Hiram sent with the fleet his servants, seamen who were familiar with the sea, together with the servants of Solomon.)
9:28 “เขาทั้งหลายไปถึงเมืองโอฟีร์ และนำทองคำจากที่นั่นจำนวน 14,000 กิโลกรัม มาถวายพระราชาซาโลมอน”
(And they went to Ophir and brought from there gold, 420 talents, and they brought it to King Solomon. )
ข้อมูลมีประโยชน์
9:1 “…เมื่อซาโลมอนทรงสร้างพระนิเวศ…สำเร็จแล้ว” (…Solomon had finished building the house of the Lord)
= อย่างเร็วที่สุดก็จะเป็นปีที่ 24 (4+7+13 = 24) ในรัชกาลของซาโลมอน คือปี 946 B (6:1,37-38;7:1;9:10)
9:2 “เหมือนอย่างที่ปรากฏแก่ท่านที่เมืองกิเบโอน” (as he had appeared to him at Gibeon) -3:4-15
9:3 “ได้ใส่นามของเราไว้ที่นั่นเป็นนิตย์” (putting my name there forever.) = สถาปนานามของพระเจ้า -3:2:8:16
“ตาของเราและใจของเราจะอยู่ที่นั่นตลอดไป” (My eyes and my heart will be there for all time.) –8:29
9:4-5 “…ถ้าเจ้าดำเนินต่อหน้าเรา…ด้วยใจซื่อสัตย์ และด้วยความเที่ยงธรรม…” (if you will walk before me… with integrity of heart and uprightness) -–8:25;2:4
= พระเจ้าย้ำความสำคัญของการเชื่อฟังตามพันธสัญญาเพื่อจะได้รับการอวยพรจากพระเจ้า แทนการสาปแช่ง
“แล้วเราจะสถาปนาราชบัลลังก์ของเจ้าเหนืออิสราเอลเป็นนิตย์” ( I will establish your royal throne over Israel forever ) = สิ่งจำเป็นที่พระเจ้าต้องย้ำเตือนเพราะอาณาจักรซาโลมอนรุ่งเรือง มีอิทธิพล และมั่งคั่งเพิ่มขึ้น ทำให้ท่านมีแนวโน้มที่จะลืมหรือละเมิดพันธสัญญาที่ท่านมีกับพระเจ้า
–ฉธบ.8:12-14,17;31:20;32:15
9:6 “แต่ถ้าเจ้าทั้งหลายนหรือลูกหลานหันไปจากการติดตามเรา…แต่ไปปรนนิบัติพระอื่นๆ และนมัสการพระเหล่านั้น” (But if you turn aside from following me… but go and serve other gods and worship them) -11:4-8
9:7 “และอิสราเอลจะเป็นคำเปรียบเปรยและเป็นขี้ปากในหมู่ชนชาติทั้งหลาย” (Israel will become a proverb and a byword among all peoples.) = คำสาปแช่งตามพันธสัญญาใน ฉธบ.28:37
9:9 “เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงนำเหตุร้ายทั้งหมดนี้มาเหนือเขาทั้งหลาย” (Therefore the Lord has brought all this disaster on them.”) –ฉธบ.29:22-28;ยรม.22:8-30
9:11 “แล้วพระราชาซาโลมอนก็ประทานเมือง 20 เมืองในแผ่นดินกาลิลีแก่ฮีราม กษัตริย์แห่งไทระ” (King Solomon gave to Hiram twenty cities in the land of Galilee.)-เมื่อเปรียบเทียบระหว่างข้อ10-14 และ 5:1-12 จะเห็นว่า ในระหว่างโครงการก่อสร้าง 20 ปี ซาโลมอนเป็นหนี้ฮีรามมากกว่าที่คาดไว้ในข้อตกลงตอนแรก (5:9) ซึ่งเป็นค่าจ้างแรงงาน (5:6) และค้าไม้ (5:10-11) และจากข้อ 11,14 เห็นว่านอกจากไม้และแรงงานแล้ว ซาโลมอนยังได้ทองคำจำนวนมากจากฮีราม ดูเหมือนว่า ซาโลมอนจะมอบเมือง 20 เมืองบริเวณพรมแดนฟินิเซีย-กาลิลีเป็นตัวค้ำประกันการจ่ายทองคำ
ใน 2พศ.8:1-2 บ่งชี้ภายหลังเมือ ซาโลมอนมีทองคำสำรองเพิ่มขึ้น อาจเป็นช่วงหลังจากมีการเดินทางไปโอฟีร์ (1พกษ.9:26-28;10:11) หรือหลังจากการมาเยือนของราชินีแห่งเชบา(10:1-13) ซาโลมอนก็จ่ายหนี้คืนให้ฮีรามและรับเมืองทั้ง 20 แห่งซึ่งเป็นหลักประกันกลับไป
9:13 “น้องเอ๋ย” (my brother) = สรรพนามที่ใช้ในการฑูตระหว่างประเทศบ่งบอกถึงความสัมพันธ์แบบพันธมิตรระหว่างผู้ที่เท่าเทียมกัน (20:32)
9:15 “นี่เป็นเรื่องแรงงานเกณฑ์” ( labor that King Solomon drafted) = แรงงานทาสแบบถาวรไม่ใช่พวกชาวอิสราเอลที่ถูกเกณฑ์แบบชั่วคราวใน 5:13-16
“ป้อมมิลโล” (the Millo) = ซาโลมอนอาจขยายเมืองเยรูซาเล็มไปทางเทือกเขาด้านเหนือของกรุง (2ซมอ.5:9)
“เมืองฮาโซร์” (Hazor) –การก่อสร้างที่ฮาโซร์ เมกิดโด และเกเซอร์ เป็นการเสริมความแข็งแกร่งของเมืองเก่าแก่เหล่านี้ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ
“ฮาโซร์” เป็นป้อมปราการที่สำคัญที่สุดในแถบกาลิลีตอนเหนือ ซึ่งคุมเส้นทางการค้าจากแม่น้ำยูเฟรติส สู่อียิปต์
“เมกิดโด” –เป็นป้อมปราการบนเส้นทางการค้าที่สำคัญเชื่อมเหนือ-ใต้ โดยควบคุมทางผ่านภูเขาคารเมล จากที่ราบยิสเรเอล สู่ที่ราบชายฝั่งทะเลชาโรน –เกเซอร์ -3:1
9:16 “ฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์” (Pharaoh king of Egypt) -3:1
“ฆ่าคนคานาอันที่อยู่ในเมืองนั้น” (had killed the Canaanites who lived in the city,) = แม้โยชูวาจะสังหารกษัตริย์ของเกเซอร์ในขณะที่มีชัยเหนือดินแดนนั้น (ยชว.10:33;12:12) แต่เผ่าเอฟราอิมก็ยังไม่สามารถขับไล่ผู้อาศัยในนั้นออกไปได้ (ยชว.16:10;วนฉ.1:29)
9:17 “เมืองเบธโฮโรนตอนล่าง” (Lower Beth-horon) = ตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็มไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 14.5 กม. เป็นทางเข้าสู่ที่ราบสูงยูดาห์และเยรูซาเล็มจากที่ราบชายฝั่ง
9:18 “เมืองบาอาลัท” (Baalath) -ยชว.15:24, อยู่ทางใต้ของเฮโบรน ในเผ่ายูดาห์ หรืออาจเป็นบาอาลัท ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเบธโฮโรน ในเผ่าดาน (ยชว.19:44)
“เมืองทามาร์” (Tamar) –อาจเรียกว่า “ทัดโมร์” ก็ได้ –2พศด.8:4;อสค.47:19
9:19 “เมืองทั้งหลายสำหรับรถรบของพระองค์และเมืองทั้งหลายสำหรับทหารม้าของพระองค์”
(the cities for his chariots, and the cities for his horsemen) = เมืองที่อยู่ตามจุดยุทธศาสตร์ทั่วอาณาจักร แม้ซาโลมอนจะรักสันติ แต่ก็เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม –ฉธบ.17:16-17
9:20 “คนอาโมไรต์…คนเยบุส” (the Amorites…the Jebusites) –ฉธบ.7:1;20:17;ปฐก.10:15-18;13:7;
15:16;23:9;ยชว.5:1;วนฉ.3:3;6:10;2ซมอ.21:2
9:22 “แต่คนอิสราเอลนั้นซาโลมอนไม่ได้ทรงทำให้เป็นทาส” (But of the people of Israel Solomon made no slaves.) ดูข้อ 15
9:25 “ปีละ 3 ครั้ง” (Three times)= ตามเทศกาลสำคัญประจำปี 3 เทศกาลคือ เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เทศกาลสัปดาห์ และเทศกาลอยู่เพิง (อพย.23:14-17;2พศด.8:13)
9:26 “ทางสร้างกองเรือ” (built a fleet of ships) = ใช้ทำธุรกิจสำคัญทางการค้า ในการสร้างความมั่งคั่งให้แก่ราชสำนักของซาโลมอน (ข.28;10:11)
“เมืองเอซีโอนเกเบอร์” (Ezion-geber) = อยู่ริมด้านเหนือของอ่าวอาคาบา (24:48;กดว.33:35;ฉธบ.2:8)
“ฝั่งทะเลแดง” (the Red Sea) เป็นคำที่มาจากคำภาษาฮีบรูว่า “ยัมซุฟ” หมายถึง “ทะเลต้นกก” ซึ่งหมายถึง แหล่งน้ำที่ชนอิสราเอลเดินผ่านขณะที่กำลังอพยพ(ออกจากอียิปต์) –อพย.13:18;14:2
แต่อย่างไรก็ตาม คำนี้สามารถอ่านได้ว่า “ยิมโซฟ” เช่นกัน ที่หมายถึง “ทะเลปลายแผ่นดิน” ซึ่งน่าสอดคล้องมากกว่าอ้างถึงทะเลแดง
9:28 “เมืองโอฟีร์” (Ophir) –แหล่งทองคำ –2พศด.8:18;โยบ.28:16;สดด.45:9;อสย.13:12
–ยังเป็นแหล่งของไม้จันทน์, เพชรนิลจินดาล้ำค่ามากมาย (10:11) รวมถึงเงิน งาช้าง ,ลิง และนกยูง (10:22)
-ที่ตั้งของเมืองเป็นที่ถกเถียงกันในทุกวันนี้ว่า อาจหมายถึง อาระเบียตะวันออกเฉียงใต้, อาระเบียตะวันตกเฉียงใต้ ,ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟริกา (พื้นที่ของโซมาเลีย), อินเดีย, ซิมบับเว
-ถ้าโอฟีร์ ตั้งอยู่ในอาระเบีย ก็น่าจะเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้าจากตะวันออกไกลและอัฟริกาตะวันออก แต่กองเรือพานิชย์ของซาโลมอนใช้เวลาเดินทางถึง 3 ปี (10:22)
โอฟีร์ ในตอนนี้ จึงน่าจะอยู่ไกลกว่าชายฝั่งอาระเบีย
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยใช้เวลาก่อสร้างอะไรหรือทำโครงการใดที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของคุณนานแค่ไหน? และคุณได้รับประสบการณ์อะไรเป็นพิเศษหรือได้รับบทเรียนอะไรจากการกระทำสิ่งเหล่านั้น?
- คุณเคยมีประสบการณ์กับการที่พระเจ้าปรากฏหรือสำแดงพระองค์เป็นส่วนตัวกับคุณแบบ 2 ต่อ 2 บ้างไหม? อย่างไร? และพระองค์เคยปรากฏกับคุณเป็นครั้งที่ 2 หรือไม่? (แบ่งปัน)
- คุณคิดว่า “พระเนตร” (ตา) และ “พระทัย” (ใจ) ของพระเจ้าอยู่กับคุณในเวลานี้ในที่ ๆ คุณอยู่ (ที่บ้าน ที่ทำงานหรือที่โบสถ์ ฯลฯ) หรือไม่? ทำไมคุณคิดเช่นนั้น?
- หากคุณสำรวจดูตัวของคุณอย่างซื่อตรง คุณคิดว่าเวลานี้คุณดำเนินชีวิตและทำงานอยู่ต่อพระพักตร์ของ พระเจ้าแบบใจซื่อสัตย์และเที่ยงธรรมสักกี่เปอร์เซนต์
…..1) ต่ำกว่า 50 %
…..2) 60-70 %
…..3) 71-80 %
…..4) 81-90 %
…..5) 91-100 %
- คุณเคย “แวบ” หรือ “แฉลบ” ออกไปจากการติดตามพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์บ้างหรือไม่? อย่างไร? และผลเป็นอย่างไร?
- คุณเคยทำข้อตกลงหรือร่วมมือ (ร่วมหุ้น) กับผู้ใด….แล้ว
1) คุณเอาเปรียบเขา?
2) เขาเอาเปรียบคุณ? บ้างหรือไม่?
ผลเป็นอย่างไร?
- คุณเคยยืมหรือเป็นหนี้ผู้อื่นบ้างหรือไม่?
…..1) เท่าไร? เรื่องอะไร?……………………………………….. (ทำไม)
…..2) คุณจ่ายคืนหมดแล้วหรือไม่? อย่างไร?
หรือ
…..1) เคยมีคนมายืมคุณบ้างหรือไม่? เท่าไร?
…..2) เขาจ่ายคืนหรือไม่? อย่างไร? (หรือทำไม?)
แล้วคุณสนองตอบอย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์