อภิมหาสิ่งก่อสร้างแห่งยุค
พระธรรม 1พงษ์กษัตริย์ 7:1-51
อ้างอิง 2ซมอ.7:2;1ซมอ.7:15;1พกษ.7:18;10:17;6:15;3:1;2พศด.9:16;2พกษ.11:14;23:3;25:17;สดด.122:5; ศคย.2:1
บทนำ ในยุคสมัยนั้น ผู้ยิ่งใหญ่อย่างซาโลมอนคงหายาก!
และผู้ที่มีอภิมหาโปรเจ็คในการสร้างทั้งพระวิหารและพระราชวังอย่างซาโลมอนก็คงมีไม่มากเช่นกัน!
มีบทเรียนอะไรบ้างที่สอนเราจากโครงการใหญ่ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวนั้น?
บทเรียน
7:1 “ซาโลมอนทรงใช้เวลาสิบสามปี สร้างพระราชวังของพระองค์จนเสร็จสิ้น”
(Solomon was building his own house thirteen years, and he finished his entire house. )
7:2 “พระองค์ ทรงสร้างพระตำหนักพนาเลบานอน ยาว 44 เมตร กว้าง 22 เมตร และสูง 13.5 เมตร อยู่บนเสาไม้สนสีดาร์ สี่แถว มีคานไม้สนสีดาร์อยู่บนเสา”
(He built the House of the Forest of Lebanon. Its length was a hundred cubits and its breadth fifty cubits and its height thirty cubits, and it was built on four rows of cedar pillars, with cedar beams on the pillars. )
7:3 “มุงด้วยไม้สนสีดาร์ บนคานซึ่งอยู่บนเสา 45 ต้น แถวละ 15 ต้น”
(And it was covered with cedar above the chambers that were on the forty-five pillars, fifteen in each row. )
7:4 “มีกรอบหน้าต่างสามแถว หน้าต่างอยู่ตรงข้ามกันทั้งสามแถว”
(There were window frames in three rows, and window opposite window in three tiers. )
7:5 “ประตูและวงกบทั้งหมดเป็นรูปสี่เหลี่ยม และหน้าต่างอยู่ตรงข้ามกันทั้งสามแถว”
(All the doorways and windows had square frames, and window was opposite window in three tiers. )
7:6 “และ พระองค์ทรงสร้างท้องพระโรงเสาหาน ยาว 22 เมตรและกว้าง 13.5 เมตร มีเฉลียงด้านหน้ารองรับด้วยเสาหาน และ มีหลังคาด้านหน้า”
(And he made the Hall of Pillars; its length was fifty cubits, and its breadth thirty cubits. There was a porch in front with pillars, and a canopy in front of them. )
7:7 “และ พระองค์ทรงสร้างท้องพระโรงพระที่นั่ง เป็นที่ซึ่งพระองค์ทรงให้คำพิพากษา คือท้องพระโรงวินิจฉัย ซึ่งปิดด้วยไม้สนสีดาร์ ตั้งแต่พื้นจนถึงเพดาน”
(And he made the Hall of the Throne where he was to pronounce judgment, even the Hall of Judgment. It was finished with cedar from floor to rafters. )
7:8 “พระราชวัง ของพระองค์ที่พระองค์จะประทับนั้น อยู่ที่ลานอีกแห่งหนึ่งหลังท้องพระโรง ก็เป็นฝีมือช่างอย่างเดียวกัน ซาโลมอนยังทรงสร้างวังเหมือนท้องพระโรงนี้สำหรับพระราชธิดา ของฟาโรห์ ซึ่งพระองค์ทรงได้มาเป็นมเหสี”
(His own house where he was to dwell, in the other court back of the hall, was of like workmanship. Solomon also made a house like this hall for Pharaoh’s daughter whom he had taken in marriage. )
7:9 “สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดสร้างด้วยหินอันมีค่าที่สกัดออกมาตามขนาด ใช้เลื่อยเลื่อยทั้งด้านในและด้านนอก ตั้งแต่ฐานถึงด้านบนสุดและมีตั้งแต่ข้างนอกถึงลานใหญ่”
(All these were made of costly stones, cut according to measure, sawed with saws, back and front, even from the foundation to the coping, and from the outside to the great court. )
7:10 “ฐานนั้นทำด้วยหินมีค่า หินก้อนมหึมา หินบางก้อนยาว 4 เมตรและบางก้อน 3.5 เมตร”
(The foundation was of costly stones, huge stones, stones of eight and ten cubits. )
7:11 “ข้างบนก็เป็นหินมีค่า สกัดออกมาตามขนาด และไม้สนสีดาร์”
(And above were costly stones, cut according to measurement, and cedar.)
7:12 “ลานใหญ่มีหินสกัดโดยรอบสามชั้นและไม้สนสีดาร์หนึ่งชั้น เหมือนอย่างลานชั้นในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และเฉลียงพระนิเวศ”
(The great court had three courses of cut stone all around, and a course of cedar beams; so had the inner court of the house of the Lord and the vestibule of the house. )
7:13 “พระราชาซาโลมอนทรงใช้คนไปนำฮูรามมาจากเมืองไทระ”
(And King Solomon sent and brought Hiram from Tyre. )
7:14 “ฮูราม เป็นบุตรชายของหญิงม่ายเผ่านัฟทาลี และบิดาของเขาเป็นชาวเมืองไทระ และเป็นช่างทองสัมฤทธิ์ ฮูรามเต็ม เปี่ยมด้วยสติปัญญา ความเข้าใจ และฝีมือที่จะทำงานทองสัมฤทธิ์ทุกอย่าง เขามาเฝ้าพระราชาซาโลมอนและทำงานทั้งสิ้นของพระองค์”
(He was the son of a widow of the tribe of Naphtali, and his father was a man of Tyre, a worker in bronze. And he was full of wisdom, understanding, and skill for making any work in bronze. He came to King Solomon and did all his work. )
7:15 “ฮูรามทำเสาทองสัมฤทธิ์สองเสา เสาต้นแรกสูง 8 เมตร เสาต้นที่สองวัดเส้นรอบวงได้ 5.3 เมตร”
(He cast two pillars of bronze. Eighteen cubits was the height of one pillar, and a line of twelve cubits measured its circumference. It was hollow, and its thickness was four fingers. The second pillar was the same.)
7:16 “ท่านทำบัวหัวเสาสองอันด้วยทองสัมฤทธิ์หล่อ เพื่อจะวางไว้บนยอดเสา บัวหัวเสาแต่ละอันสูง 2.2 เมตร”
(He also made two capitals of cast bronze to set on the tops of the pillars. The height of the one capital was five cubits, and the height of the other capital was five cubits. )
7:17 “แล้วมีตาข่ายเป็นตาหมากรุก พร้อมด้วยมาลัยโซ่สำหรับบัวที่อยู่บนหัวเสา เจ็ดอันสำหรับบัวหัวเสาแต่ละอัน”
(There were lattices of checker work with wreaths of chain work for the capitals on the tops of the pillars, a lattice for the one capital and a lattice for the other capital.)
7:18 “ท่าน ทำลูกทับทิมสองแถวล้อมทับตาข่ายผืนหนึ่ง เพื่อคลุมบัวที่อยู่บนยอดเสา และท่านก็ทำแบบเดียวกันสำหรับบัวอีกอันหนึ่ง”
(Likewise he made pomegranates in two rows around the one latticework to cover the capital that was on the top of the pillar, and he did the same with the other capital. )
7:19 “ส่วนบัวซึ่งอยู่บนยอดเสาที่อยู่ในเฉลียงนั้นเป็นดอกพลับพลึง สูง 1.8 เมตร”
(Now the capitals that were on the tops of the pillars in the vestibule were of lily-work, four cubits. )
7:20 “บัวอยู่บนเสาสองต้นนั้น และอยู่เหนือคิ้วซึ่งอยู่ถัดตาข่ายด้วย มีลูกทับทิมสองร้อยลูกอยู่ล้อมรอบเป็นสองแถว บัวหัวเสาอีกอันหนึ่งก็มีเหมือนกัน”
(The capitals were on the two pillars and also above the rounded projection which was beside the latticework. There were two hundred pomegranates in two rows all around, and so with the other capital.)
7:21 “ท่านตั้งเสาไว้ที่เฉลียงพระวิหาร ท่านตั้งเสาข้างขวาไว้ และเรียกชื่อว่ายาคีน และท่านตั้งเสาข้างซ้ายไว้ เรียกชื่อว่าโบอัส”
(He set up the pillars at the vestibule of the temple. He set up the pillar on the south and called its name Jachin, and he set up the pillar on the north and called its name Boaz.)
7:22 “และบนยอดเสาเหล่านั้นเป็นลายดอกพลับพลึง ดังนั้นงานสร้างเสาก็เสร็จสมบูรณ์”
(And on the tops of the pillars was lily-work. Thus the work of the pillars was finished. )
7:23 “แล้วฮูรามได้หล่ออ่างสาคร วัดจากขอบหนึ่งไปถึงอีกขอบหนึ่งได้ 4.5 เมตร สูง 2.25 เมตร และวัดโดยรอบได้ 13.5 เมตร”
(Then he made the sea of cast metal. It was round, ten cubits from brim to brim, and five cubits high, and a line of thirty cubits measured its circumference. )
7:24 “ใต้ขอบได้หล่อเป็นรูปน้ำเต้าสิบลูกทุก 45 เซนติเมตรอยู่รอบอ่างสาคร รูปน้ำเต้ามีสองแถวและหล่อเป็นชิ้นเดียวกันกับอ่าง”
(Under its brim were gourds, for ten cubits, compassing the sea all around. The gourds were in two rows, cast with it when it was cast. )
7:25 “อ่างสาครนั้นตั้งอยู่บนวัวสิบสองตัว โดยสามตัวหันหน้าไปทิศเหนือ สามตัวหันหน้าไปทิศตะวันตกสามตัว หันหน้าไปทิศใต้ และสามตัวหันหน้าไปทิศตะวันออก เขาวางอ่างสาครบนวัว โดยให้ส่วนหลังของวัวทุกตัวอยู่ด้านใน”
(It stood on twelve oxen, three facing north, three facing west, three facing south, and three facing east. The sea was set on them, and all their rear parts were inward.)
7:26 “อ่างหนา 7.5 เซนติเมตร ที่ขอบอ่างทำเหมือนขอบถ้วยเหมือนดอกพลับพลึงกำลังบาน อ่างมีความจุสี่หมื่นลิตร”
(Its thickness was a handbreadth, and its brim was made like the brim of a cup, like the flower of a lily. It held two thousand baths. )
7:27 “ฮูรามทำแท่นทองสัมฤทธิ์สิบแท่น แต่ละแท่นยาว 1.8 เมตร กว้าง 1.8 เมตร สูง 1.3 เมตร”
(He also made the ten stands of bronze. Each stand was four cubits long, four cubits wide, and three cubits high. )
7:28 “ลักษณะของแท่นเป็นอย่างนี้ แท่นมีแผง แผงนี้ฝังอยู่ในกรอบ”
(This was the construction of the stands: they had panels, and the panels were set in the frames,)
7:29 “บนแผงที่ฝังอยู่ในกรอบนั้นมีรูปสิงโต วัว และเครูบ บนกรอบที่อยู่บนและล่างสิงโตและวัว มีฐานที่ลวดลายเป็นมาลัยย้อย”
(and on the panels that were set in the frames were lions, oxen, and cherubim. On the frames, both above and below the lions and oxen, there were wreaths of beveled work. )
7:30 “แท่น แต่ละแท่นมีล้อทองสัมฤทธิ์สี่ล้อกับเพลาทองสัมฤทธิ์ ที่มุมทั้งสี่มีที่รองรับอ่างเล็ก ที่รองรับนั้นถูกหล่อโดยมีมาลัยห้อยทุกข้าง”
(Moreover, each stand had four bronze wheels and axles of bronze, and at the four corners were supports for a basin. The supports were cast with wreaths at the side of each. )
7:31 “ช่องเปิดอยู่ในบัวหงาย ซึ่งยื่นขึ้นไป 45 เซนติเมตร ช่องเปิดนั้นกลมอย่างที่เขาทำฐาน กว้าง 66 เซนติเมตร ตรงช่องเปิดมีลายสลัก และแผงนั้นเป็นสี่เหลี่ยมไม่กลม”
(Its opening was within a crown that projected upward one cubit. Its opening was round, as a pedestal is made, a cubit and a half deep. At its opening there were carvings, and its panels were square, not round. )
7:32 “ล้อทั้งสี่อยู่ใต้แผง เพลาล้อนั้นติดกับแท่นล้ออันหนึ่งสูง 66 เซนติเมตร”
(And the four wheels were underneath the panels. The axles of the wheels were of one piece with the stands, and the height of a wheel was a cubit and a half.)
7:33 “ล้อนั้นเขาทำเหมือนล้อรถรบ ทั้งเพลา ขอบล้อ ซี่ล้อ และดุมล้อก็หล่อออกมาทั้งสิ้น”
(The wheels were made like a chariot wheel; their axles, their rims, their spokes, and their hubs were all cast. )
7: 34 “แต่ละแท่นมีที่รองรับอยู่ที่มุมทั้งสี่ ที่รองรับนั้นหล่อเป็นชิ้นเดียวกับแท่น”
(There were four supports at the four corners of each stand. The supports were of one piece with the stands. )
7:35 “ที่บนยอดแท่นมีแถบกลมสูง 22 เซนติเมตร และบนยอดแท่นนั้นมีกรอบและแผงติดเป็นอันเดียวกับแท่น”
(And on the top of the stand there was a round band half a cubit high; and on the top of the stand its stays and its panels were of one piece with it. “
7:36 “ที่พื้นกรอบ และพื้นแผง ท่านสลักเป็นรูปเครูบ สิงโต และต้นอินทผลัม ตามที่ว่างของแต่ละสิ่งมีลายมาลัยอยู่รอบๆ”
(And on the surfaces of its stays and on its panels, he carved cherubim, lions, and palm trees, according to the space of each, with wreaths all around.)
7:37 “ท่านได้ทำแท่นสิบแท่นตามอย่างนี้ หล่อเหมือนกันหมดทุกอัน ขนาดเดียวกัน และรูปเดียวกัน”
(After this manner he made the ten stands. All of them were cast alike, of the same measure and the same form. )
7:38 “ฮูรามทำอ่างเล็กด้วยทองสัมฤทธิ์สิบใบ อ่างแต่ละใบจุ 800 ลิตร และมีขนาด 1.8 เมตร มีอ่างเล็กอยู่บนแท่นทั้งสิบแท่น แท่นละใบ”
(And he made ten basins of bronze. Each basin held forty baths, each basin measured four cubits, and there was a basin for each of the ten stands. )
7:39 “ท่านวางแท่นไว้ด้านขวาของพระนิเวศห้าแท่น และทางด้านซ้ายห้าแท่น และท่านวางอ่างสาครไว้ที่ด้านขวาของพระนิเวศ ทางทิศตะวันออก เฉียงใต้”
(And he set the stands, five on the south side of the house, and five on the north side of the house. And he set the sea at the southeast corner of the house. )
7:40 “ฮูรามได้ทำหม้อ ทัพพี และชามด้วย ดังนั้นฮูรามก็เสร็จงานทั้งสิ้น ที่ท่านต้องทำถวายพระราชาซาโลมอนสำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์”
(Hiram also made the pots, the shovels, and the basins. So Hiram finished all the work that he did for King Solomon on the house of the Lord: )
7:41 “เสาสองต้น คิ้วของบัวที่อยู่บนหัวเสาและตาข่ายสองผืน ซึ่งคลุมคิ้วทั้งสองของบัวที่อยู่บนหัวเสา”
(the two pillars, the two bowls of the capitals that were on the tops of the pillars, and the two latticeworks to cover the two bowls of the capitals that were on the tops of the pillars; )
7:42 “และลูกทับทิมสี่ร้อยลูกสำหรับตาข่ายสองผืน ตาข่ายผืนหนึ่งมีลูกทับทิมสองแถว เพื่อคลุมคิ้วทั้งสองของบัวซึ่งอยู่บนเสา”
(and the four hundred pomegranates for the two latticeworks, two rows of pomegranates for each latticework, to cover the two bowls of the capitals that were on the pillars; )
7:43 “แท่นสิบแท่นและอ่างเล็กสิบใบซึ่งอยู่บนแท่นเหล่านั้น”
(the ten stands, and the ten basins on the stands; )
7:44 “และอ่างสาครใบหนึ่ง และวัวสิบสองตัวที่อยู่ใต้อ่างสาครนั้น”
(and the one sea, and the twelve oxen underneath the sea. )
7:45 “หม้อ ทัพพีและชาม ภาชนะทั้งสิ้นเหล่านี้ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ขัดมัน ฮูรามได้ทำถวายพระราชาซาโลมอนสำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์”
(Now the pots, the shovels, and the basins, all these vessels in the house of the Lord, which Hiram made for King Solomon, were of burnished bronze.)
7:46 “พระราชาทรงหล่อสิ่งเหล่านี้ในที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดน และในที่ดินเหนียวระหว่างเมืองสุคคท และเมืองศาเรธาน
(In the plain of the Jordan the king cast them, in the clay ground between Succoth and Zarethan. )
7:47 “ซาโลมอนไม่ได้ทรงชั่งเครื่องใช้ทั้งหมดนี้ เพราะมีมากเหลือเกิน จึงไม่ได้หาน้ำหนักของทองสัมฤทธิ์”
(And Solomon left all the vessels unweighed, because there were so many of them; the weight of the bronze was not
ascertained. )
7:48 “ซาโลมอนทรงทำเครื่องใช้ทั้งสิ้นซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ คือแท่นบูชาทองคำ และโต๊ะทองคำที่ใช้วางขนมปังเฉพาะพระพักตร์”
(So Solomon made all the vessels that were in the house of the Lord: the golden altar, the golden table for the bread of the Presence, )
7:49 “คันประทีปทองคำบริสุทธิ์อยู่หน้าห้องชั้นในสุดด้านขวาห้าอัน ด้านซ้ายห้าอัน ดอกไม้ ตะเกียงและคีมล้วนทำด้วยทองคำ”
(the lampstands of pure gold, five on the south side and five on the north, before the inner sanctuary; the flowers, the lamps, and the tongs, of gold; )
7:50 “ถ้วย ตะไกรตัดไส้ตะเกียง ชาม ชามเล็กและกระถางไฟ ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ และบานพับทองคำสำหรับประตูของส่วนชั้นในพระนิเวศ คืออภิสุทธิสถานและสำหรับประตูห้องโถงของพระวิหาร”
(the cups, snuffers, basins, dishes for incense, and fire pans, of pure gold; and the sockets of gold, for the doors of the innermost part of the house, the Most Holy Place, and for the doors of the nave of the temple.)
7:51 “งาน ทุกอย่างที่พระราชาซาโลมอนทรงทำ เกี่ยวกับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ก็ได้สำเร็จลง และซาโลมอนทรงนำสิ่งของ ซึ่งดาวิดพระราชบิดาทรงถวายไว้เข้า มา คือเครื่องเงิน เครื่องทองคำ และเครื่องใช้ต่างๆ และทรงเก็บไว้ในคลังพระนิเวศของพระยาห์เวห์”
(Thus all the work that King Solomon did on the house of the Lord was finished. And Solomon brought in the things that David his father had dedicated, the silver, the gold, and the vessels, and stored them in the treasuries of the house of the Lord.)
ข้อมูลมีประโยชน์
7:1 “สิบสามปี” (thirteen years) = ซาโลมอนใช้เวลาสร้างวังของตนเองมากกว่าสร้างพระวิหารของพระเจ้า เกือบ 2 เท่า เพราะวิหารใช้เวลาสร้าง 7 ปี (6:38;ฮกก.1:2-4)
7:2 “พระตำหนักพนา เลบานอน” ( House of the Forest of Lebanon) = เสาไม้สนสีดาห์ 4 แถวในพระราชวัง ทำให้ดูเหมือนป่าใหญ่ เปรียบเทียบกับขนาดของวิหารของพระเจ้า ใน 6:2
7:3 “มุงด้วยไม้สนสีดาร์ บนคานซึ่งอยู่บนเสา 45 ต้น แถวละ15 ต้น” (covered with cedar above the chambers that were on the forty-five pillars, fifteen in each row. ) = อาคารนี้มีอีก 3 ชั้นเหนือห้อง
โถงใหญ่ ซึ่งอยู่ในระดับราบ และยังมีที่เก็บอาวุธด้วย (10:16-17)
7:6 “ท้องพระโรงเสาหาน” ( Hall of Pillars) = โถงทางเท้าตำหนักพนา เลบานอน ความยาวระเบียง 22 เมตร (50 ศอก) และกว้าง 13.5 เมตร (30 ศอก) สอดล้องกับความกว้างของพระราชวัง
7:9 “ใช้เลื่อยเลื่อย” (sawed with saws,) = ใช้เลื่อยแต่ง, หินปูนสีขาวอมชมพูในแถบนั้น จะตัดแต่งได้ง่ายเมื่อสกัดออกมาในตอนแรก แต่จะแข็งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อยู่ภายนอก
7:12 “ลานใหญ่” (The great court) = สร้างแบบเดียวกับลานชั้นในของพระวิหาร (6:36)
7:13 “พระราชาซาโลมอนทรงใช้” (And King Solomon sent and brought) = ก่อนพระวิหารสร้างเสร็จและก่อนจะเริ่มก่อสร้างพระราชวังของซาโลมอน (2พศด.2:7,13-14) “ฮูราม” (Hiram ) ชื่อเต็มคือ ฮูรามอับบี (หุรามอาบี) -2พศด.2:13
7:14 “หญิงม่ายเผ่านัฟทาลี” (widow of the tribe of Naphtali ) -2พศด.2:14 สรุปว่าแม่ของฮูรามมาจากเผ่าดาน เป็นไปได้ว่า เธอเกิดในเมืองของดานทางตอนเหนือของอิสราเอล ใกล้กับเผ่านัฟทาลี ซึ่งเป็นเผ่าของสามีคนแรก หลังจากสามีตาย เธอได้แต่งงานกับคนไทระ
“งานทองสัมฤทธิ์ทุกอย่าง” (worker in bronze) = ฮูราม มีทักษะอื่น ๆ อีกมากมาย (2พศด.2:7,14)
7:15 “เสาทองสัมฤทธิ์สองเสา” (two pillars of bronze.) = ตั้งไว้แต่ละด้านของทางเข้าหลักของพระวิหาร (ข.21) เสานี้อาจตั้งอยู่เป็นอิสระหรือใช้เสาคู่นี้ช่วยรองรับหลังคา (เป็นเฉลียงพระวิหาร) และคิ้วบนเสา
7:16 “2.2 เมตร” (five cubits. ) = 5 ศอก (2พกษ.25:17)
7:21 “เสาข้างขวา” (pillar on the south) = เสาทางใต้ พระวิหารหันไปทางตะวันออก เช่นเดียวกับพลับพลา (อสค.8:16)
7:23 “หล่ออ่างสาคร” (made the sea of cast metal.) = ขันสาขร , เป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่สอดคล้องกับอ่างทองสัมฤทธิ์ที่สร้างขึ้นสำหรับพลับพลา (อพย.30:11-21;38:8) ปุโรหิตใช้น้ำในอ่างนี้สำหรับชำระล้างตามระเบียบพิธี (2พศด.4:6)
“วัดโดยรอบได้ 13.5 เมตร” (line of thirty cubits measured its circumference.) = 30 ศอก ทางคณิตศาสตร์จะเป็น 31.416 ศอก เพราะเป็นวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ศอก 30 ศอก ในที่นี้อาจเป็นการปัดเศษให้เป็นตัวเลขถ้วน
7:24 “สิบลูกทุก 45 เซนติเมตร” (ten cubits) = ศอกละ 10 ลูก , 10 ลูกต่อ 1 ศอก (45 ซม.) เท่ากับมี 300 ลูกสำหรับอ่างทั้งใบ หรือ 600 ลูกเมื่อนับทั้ง 2 แถว
7:26 “มีความจุสี่หมื่นลิตร” (two thousand baths.) = 44 กิโลลิตร (2พศด.4:5)
7:27 “แท่นทองสัมฤทธิ์สิบแท่น” (ten stands of bronze) = แท่นทองสัมฤทธิ์ที่สามารถเคลื่อนที่ย้ายได้และถูกออกแบบมาเพื่อรองรับอ่างน้ำ(ขันน้ำ) ดูข้อ 38 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าขันสาครมาก น้ำจากอ่าง(ขัน) เหล่านี้ใช้ล้างชิ้นส่วนของสัตว์ที่ฆ่าเพื่อเผาบูชา ((ลนต.1:9,13;2พศด.4:6)
7:36 “สลักรูปเครูบ สิงโต และต้นอินทผลัม” (carved cherubim, lions, and palm trees) -6:29
7:40 “หม้อ” (pots ) = อาจใช้ปรุงเนื้อที่จะรับประทานควบคู่กับเครื่องสัตวบูชา (ลนต.7:11-17;22:21-23)
“ทัพพี” (the shovels) = ใช้กวาดขี้เถ้าออกจากแท่นบูชา
“ชาม” (the basins.) =ชามประพรม, เพื่อให้ปุโรหิตใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ ซึ่งต้องพรมเลือดหรือน้ำ (อพย.27:3)
7:41 “ตาข่ายสองผืน” (two latticeworks) = 2 ชุด – ข.17
7:42 “ลูกทับทิมสี่ร้อยลูก” (four hundred pomegranates ) – 18, 20
7:43 “แท่นสิบแท่น และอ่างเล็กสิบใบ” (ten stands, and the ten basins) –ข.27-37
7:44 “อ่างสาคร…วัวสิบสองตัว “ (the one sea, and the twelve oxen ) –ข.23-26
7:45 “หม้อ ทัพพี และชาม” ( the pots, the shovels, and the basins,) –ข.40
7:46 “สุดคท” (Succoth) = ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน (ปฐก.33:17;ยชว.13:27;วนฉ.8:4-5) ทางเหนือของแม่น้ำยับบอก
-การขุดสำหรับพื้นที่บริเวณนี้ยืนยันว่า สุดคท เคยเป็นศูนย์กลางด้านโลหะวิทยา ในสมัยที่มีราชวงศ์ปกครอง “เมืองศาเรธาน” (Zarethan) = ตั้งอยู่ใกล้เมืองอาดัม (ยชว.3:16) และ อาเบล เมโหลาห์ (1พกษ.4:12 )
7:48 “แท่นบูชาทองคำ” (the golden altar) -6:22
“โต๊ะทองคำ” (the golden table )= ใช้วางขนมปังเบื้องพระพักตร์หรือเฉพาะพระพักตร์ (อพย.25:23-30; 1พศด.9:32;2พศด.13:11;29:18) – โต๊ะทองคำ 10 ตัวนี้ ถูกกล่าวถึงใน 1พศด.28:16 และ 2พศด.4:8,19 โดยมี 5 ตัวตั้งอยู่ทางด้านเหนือ และอีก 5 ตัวตั้งอยู่ทางด้านใต้ของพระวิหาร
7:49 “คันประทีปทองคำบริสุทธิ์” (the lampstands of pure) –มีคันประทีปที่มี 7 กิ่งเพียงหนึ่งคันตั้งอยู่ในพลับพลาตรงข้ามกับโต๊ะวางขนมปัง เฉพาะพระพักตร์ (อพย.25:31-40;26:35)
-คันประทีปสิบคันในพระวิหารนั้นจะตั้งอยูด้านเหนือ 5 คัน และด้านใต้ 5 คัน ทำให้มีแสงสว่างในวิสุทธิสถาน
“ดอกไม้” (the flowers) = ลวดลายดอกไม้ –อพย.25:33
“ตะเกียง” (the lamps) -อพย.25:37
“คีม” (the tongs ) -2พศด.4:21;อสย.6:6
7:50 “กระถางไฟ” (fire pans, ) -2พกษ.25:15;2พศด.4:22;ยรม.52:18-19
7:51 “เครื่องใช้ต่าง ๆ “ (in the things) = เครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ซึ่งกษัตริย์ดาวิดได้จัดถวายไว้ เป็นเครื่องใช้
ล้ำค่าทำจากเงินและทองคำ (ทั้งจากยึดมาในสงคราม หรือเป็นเครื่องราชบรรณาการมาจากกษัตริย์ทั้งหลาย ที่ต้องการทำให้ดาวิดโปรดปราน ) -2ซมอ.8:9-12;1พศด.18:7-11;2พศด.5:1
“คลังนิเวศของพระยาห์เวห์” (treasuries of the house of the Lord.) -15:18;2พกษ.12:18; 1พศด.9:26;26:20-26;28:12
คำถามนำอภิปราย
- คุณใช้เวลาและทรัพย์สินเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตัวคุณ (และครอบครัว) ของคุณ มากกว่าเวลาและทรัพย์ที่ทุ่มเทเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับแผ่นดินของพระเจ้าหรือไม่? (อย่างไร) คุณจะปล่อยให้ให้เป็นเช่นนี้ต่อไปหรือจะปรับเปลี่ยนอะไรบ้างหรือไม่?
- คุณมีความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเป็นพิเศษ? และคุณได้ใช้ความสามารถเหล่านั้นเพื่ออะไร หรือเพื่อใครบ้าง?
1) เพื่อครอบครัว?
2) เพื่อคริสตจักร?
3) เพื่อชุมชน และสังคม?
4) เพื่อกษัตริย์?
5) เพื่อพระเจ้า?
และอย่างไร?
โดย: ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์