“จงขอบพระคุณในทุกรณี…” (1เธสะโลนิกา 5:18)
อ.เปาโลเขียนถึงชาวเธสะโลนิกาว่า “จงขอบพระคุณในทุกกรณี” (1เธสะโลนิกา 5:18) เมื่อเราอ่านพระวจนะข้อนี้แล้วคิดว่าดีจัง แล้วเราก็ใส่เสื้อคลุมเก่าๆตัวเดิม แห่งการขอบพระคุณในชีวิต แล้วก็ไปทำกิจวัตรประจำวันต่อ ในความเป็นจริง พวกเราส่วนใหญ่ขอบพระคุณ…น้อยมาก
สังเกตุดู พระคัมภีร์ไม่ได้สั่งให้เรา “รู้สึก” ขอบพระคุณในทุกกรณี แต่สั่งให้เรา “จงขอบพระคุณในทุกกรณี” เมื่อฉันเริ่มสรรเสริญพระเจ้าในสถานการณ์ยากลำบาก แม้ไม่ได้รู้สึกอยากทำ หลายครั้งเกล็ดที่บังตาหลุดออกไป และได้เห็นพระสิริของพระเจ้าส่องเป็นประกายเหมือนเพชรบนกำมะหยี่สีดำเหนือสถานการณ์นั้น บางครั้งฉันไม่เห็นพระสิริในโศกนาฏกรรม แต่ก็ยังสรรเสริญพระองค์ได้เพราะฉันรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ที่นั่น
ความกตัญญูเปลี่ยนเลนส์ที่เรามองสถานการณ์ต่างๆแค่เสี้ยวเวลาของชีวิต การขอบพระคุณเปลี่ยนมุมมองได้แม้ในความผิดหวัง อกหัก ฝันสลาย สุขภาพย่ำแย่ และโหยหาสิ่งเติมเต็ม เมื่อคุณสรรเสริญพระเจ้าในสิ่งที่พระองค์เป็น ขอบพระคุณในสิ่งที่พระองค์ทำ มุมมองที่มีต่อพระองค์จะกว้างขึ้น และปัญหาจะเล็กลง แล้วคุณจะมีประสบการณ์ใกล้ชิดและดื่มด่ำกับพระเจ้า ช่องว่างระหว่างความจริงและอารมณ์จะหมดไป
หลายต่อหลายครั้งในหนังสือสดุดี ดาวิดบ่นถึงสถานภาพของเขา (สดุดี 42, 57, 62) แต่บ่อยครั้งระหว่างคำบ่นคร่ำครวญ เขากลับเริ่มสรรเสริญพระเจ้า ในสิ่งที่พระองค์เป็น ขอบพระคุณสำหรับสิ่งที่พระองค์ทำ คุณก็ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น? ดาวิดรู้สึกดีขึ้นได้ในทันที ชีวิตไม่ได้เลวร้ายนักหนา ปัญหาของเขาดูเล็กลงขณะมุมมองที่มีต่อพระเจ้ากลับใหญ่ขึ้น และเริ่มเห็นพระสิริของพระเจ้าส่องผ่านลงมาในสถานการณ์นั้นๆ
ทำไมเป็นเช่นนั้น? หนึ่งในหนังสือสดุดีบทเล็กๆ ดาวิดเปลี่ยนจากเศร้าหมองเป็นชื่นชมยินดี เขาไม่ได้รอจนพระเจ้าเปลี่ยนสถานการณ์ แก้ปัญหาให้ หรือทำให้เขารู้สึกดีขึ้นก่อนขอบพระคุณได้ พี่น้องคะ เมื่อเราเลิกบ่นต่อว่า และเปลี่ยนไปใช้ภาษากตัญญูรู้คุณต่อความรักของพระเจ้า มุมมองเราจะเปลี่ยนไปด้วย เราจะได้เห็นช่วงเวลาที่พระสิริส่องผ่านเลนส์แห่งการสรรเสริญและขอบพระคุณ – ช่วงเวลานี้อยู่ที่นั่นเสมอ เพียงแต่ถูกสายตาแห่งการพร่ำบ่นของเราเองบดบังจนสิ้น
อนุญาตโดย: Sharon Jaynes
Girlfriends In God: www.crosswalk.com