เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า (โรม 3:23)
คนที่คิดว่าตนเองชอบธรรมก็ไม่ต้องการการอภัย คนที่คิดว่าตนเองชอบธรรมก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องมีพระเยซู คนที่คิดว่าตนเองชอบธรรมจะพูดว่า “ไปเล่าข่าวประเสริฐให้คนคุก คนข้างถนน หรืออาชญากรฟังเถอะ อย่ามายุ่งกับฉัน เพราะฉันมีการศึกษา มีอาชีพ มีสติปัญญา และมีศีลธรรม”
แต่พระคัมภีร์กล่าวว่า
“พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้รอด มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่ และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระคุณของพระองค์ และจะได้เป็นผู้ได้รับมรดกที่มุ่งหวังคือชีวิตนิรันดร์” (ทิตัส 3:5, 7)
คนที่คิดว่าตนเองชอบธรรมจะแตกต่างไปจากที่ผมขอเรียกว่าคนบาปทั่วๆไป คนชอบธรรมเป็นใจดี เอื้อเฟื้อ พวกเขาอาจอาสาสมัครไปช่วยผู้อื่น และเป็นคนใจบุญ เราต่างก็รู้จักคนประเภทนี้ ที่จริง ผมได้พบคนที่ไม่เป็นคริสเตียนบางคนนิสัยดีกว่าคริสตียนบางคนที่ผมรู้จัก
คงไม่ผิดที่จะพูดว่ามีคนดีที่ในโลกนี้ เพราะเป็นความจริง พระคัมภีร์ไม่ได้คัดค้าน แต่พระคัมภีร์กล่าวว่าไม่มีใครดีพอไปสวรรค์ได้ เราไปสวรรค์ได้ไม่ใช่บนมาตรฐานของความดี สวรรค์ไม่ใช่ที่สำหรับคนสมบูรณ์แบบ แต่เป็นที่สำหรับคนที่ได้รับการอภัย
เราเห็นตัวอย่างคลาสสิคนี้ในพระกิตติคุณยอห์น ในยอห์นบทที่ 3 เราพบนิโคเดมัส ผู้เคร่งศาสนา มีศีลธรรม แต่ในยอห์นบทที่ 4 เราพบหญิงชาวสะมาเรีย หญิงที่ดำเนินอยู่ในความบาป ทั้งคู่มีอะไรที่เหมือนกัน? ทั้งคู่ได้พบพระเยซู และทั้งคู่เชื่อในพระองค์
สิ่งนี้เตือนเราว่าทุกคนต้องการพระเยซู
-คนมีศีลธรรม และคนผิดศีลธรรม ทั้งคู่ล้มละลายสิ้นเนื้อประดาตัว
-คนต่ำต้อย หรือคนสูงส่ง ต่างก็เป็นคนนอกสวรรค์ถ้ายังไม่ได้รับการอภัย
ทุกคนต้องการพระเยซูครับ
โดย: Pastor Greg Laurie
อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie
PO Box 4000,Riverside,CA92514