ผมแนะนำให้อ่านบทความ “หมายเหตุประเทศไทย” ของคุณ ลม เปลี่ยนทิศ (20 ส.ค. 2556, ไทยรัฐ) และหนังสือ “โลกเปลี่ยนไทยปรับ” ของ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เพราะให้มุมมองข้อคิดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการบริโภค!
การบริโภคมี 3 ขั้น
- บริโภคขั้นที่จำเป็น
- บริโภคขั้นสะดวกสบาย
- บริโภคขั้นฟุ่มเฟือย
–การบริโภคขั้นที่จำเป็นคือ การบริโภคสินค้าหรือใช้บริการที่จำเป็นหรือมีประโยชน์ เพื่อบรรเทาความขาดแคลนหรือช่วยเพิ่มความพึงพอใจของเราให้มากขึ้น เมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายออกไป
–การบริโภคขั้นสะดวกสบาย คือ การบริโภคด้วยความพึงพอใจมากขึ้น โดยจ่ายเงินมากขึ้น
–การบริโภคขั้นฟุ่มเฟือย คือ การเรียกหาความพึงพอใจ(ในการบริโภค)มากกว่าเดิม โดยใช้เงินเพิ่มขึ้น แต่ความพึงพอใจอาจเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
ข้อเตือนสติก็คือ…
อย่าให้เรามีวัฒนธรรมในการบริโภคที่สูงกว่าฐานะจริงของตัวเรา!
คืออย่าเป็นคนประเภท “รายได้ต่ำ รสนิยมสูง!” หรือ “รายได้ปานกลาง รสนิยมสูง!” หรือแม้แต่ “รายได้สูง แต่รสนิยมสูงเกินไป!”
ที่น่าเป็นห่วงคือ คนไทยกำลังติดกับดักของลัทธิวัตถุนิยม บริโภคนิยม และสุขนิยม
คนไทยเริ่มคุ้นเคยกับการคอรัปชั่น จนถือว่าเป็นเรื่องปกติ และยอมรับได้ หากว่ามันช่วยทำให้เราได้ปัจจัยมาสนองลัทธิ “สุขนิยม” ของตน!
พระวจนะของพระเจ้าได้เตือนเราให้ได้สติและรู้จักประมาณตนในการดำเนินชีวิต
–ผู้หญิง(ที่กระตือรือร้นในการรับใช้และมีความเป็นผู้นำ)ต้องรู้จักประมาณตน
“ส่วนพวกผู้หญิงก็เหมือนกัน ต้องเป็นคนน่านับถือ ไม่ใส่ร้ายคนอื่น รู้จักประมาณตน ซื่อสัตย์ในทุกๆ เรื่อง” (1ทธ.3:11)
–ผู้ชายสูงอายุต้องรู้จักประมาณตน
“สอนบรรดาผู้ชายสูงอายุให้รู้จักประมาณตน มีความน่านับถือ มีสติสัมปชัญญะ มีความเชื่อที่ถูกต้อง มีความรัก และความทรหดอดทน” (ทต.2:2)
-ผู้นำ(ผู้ปกครองดูแลคริสตจักร) ก็ต้องรู้จักประมาณตน
“ผู้ปกครองดูแลนั้นจะต้องเป็นคนที่ไม่มีที่ติ เป็นสามีของหญิงคนเดียว รู้จักประมาณตน มีสติ สัมปชัญญะ เป็นคนน่านับถือ มีอัธยาศัยต้อนรับแขกเหมาะที่จะเป็นอาจารย์” (1ทธ.3:2)
เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการความพึงพอใจมากยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก โดยต้องใช้เงินจำนวนมากอยู่เรื่อย ๆ ตามเงื่อนไขหรือข้อจำกัดทางการเงิน รวมทั้งต้นทุนด้านเวลาเพื่อซื้อสินค้านั้น เมื่อนั้นความพึงพอใจของคุณแทนที่จะเพิ่มขึ้น อาจกลับลดลง!
เราเรียกการบริโภคขั้นนี้ว่า “การบริโภคแบบบั่นทอนตนเอง!”
นี่คือปรากฏการณ์ของ “ความยากจนบนความมั่งคั่ง” (The Poverty of Affluence) คือ “คนมีการบริโภคเพิ่มมากขึ้น มีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น แต่กลับมีความสุขลดลง!”
ดังนั้น ขอให้เราเตือนสติซึ่งกันและกันว่า “การบริโภคที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แบบไม่มีข้อจำกัดเช่นนี้มิได้ช่วยให้มนุษย์อย่างเรามีความสุขเพิ่มขึ้นเลย!”
เพราะปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีความสุขอย่างแท้จริงคือ ความรู้จักพอ (ประมาณ) และการได้เข้าสนิทอยู่ในพระเจ้า!
คุณต้องหันหลังให้กับ “ลัทธิสุขนิยม” ที่มุ่งแสวง “หา” เพื่อจะ “ได้” ทรัพย์สินอย่างบ้าคลั่งและต้องพึ่งพาวัตถุนิยม และเข้าใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าแห่งความสุข ผ่านวิถีชีวิตแบบประมาณตนและมีประสบการณ์กับความสุขแท้ผ่านการ “ให้” ด้วยใจเอื้อเฟื้อ
“ส่วนพวกที่มั่งคั่งในชีวิตนี้ จงกำชับพวกเขาไม่ให้เย่อหยิ่ง หรือมุ่งหวังในทรัพย์ที่ไม่ยั่งยืน แต่ให้มุ่งหวังในพระเจ้าผู้ประทานทุกสิ่งแก่เราอย่าง บริบูรณ์ เพื่อให้เราได้ชื่นชม จงกำชับพวกเขาให้ทำการดี ให้ทำการดีมากๆ ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปัน” (1ทธ.6:17-18)
เพราะหากคุณกระทำเช่นนี้อย่างศรัทธาวางใจในพระเจ้า คุณจะบริโภคน้อยลง และมีความสุขเพิ่มขึ้น!
ไม่เชื่อลองดูสิครับ!
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer