พระเยซูตรัสกับเธอว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก (ยอห์น 11:25)
อีสเตอร์ไม่ใช่เรื่องของการแต่งไข่สีสวยสด ใส่เสื้อสีตุ่น หรือทานอาหารเฉลิมฉลอง ถึงแม้จะมีสิ่งเหล่านี้ แต่อีสเตอร์นั้นเกี่ยวข้องกับการสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ขององค์พระเยซูคริสต์
สำหรับบางคน อีสเตอร์จะเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ ได้ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนๆ สำหรับคนอื่นๆ มันเป็นวันที่น่าเศร้า เพราะอีสเตอร์เป็นเครื่องเตือนใจถึงคนรักที่ตายจากไปและยังอาลัยหา
ความตายดูเหมือนโหดร้าย รุนแรง และเป็นการจบสิ้น นี่คือสิ่งที่พวกสาวกรู้สึกเมื่อได้เห็นองค์พระเยซูคริสต์ ที่พวกเขายอมทิ้งทุกสิ่งติดตามพระองค์ไป ถูกแขวนที่บนกางเขน พวกเขาหมดสิ้นแล้ว ความตายทำลายพวกเขาลง แต่ถ้าพวกเขาย้อนกลับไปในความทรงจำ ก็คงจำได้ถึงเหตุการณ์สำคัญและคำตรัสของพระเยซู
พวกเขาคงจะจำว่าพระเยซูประทับอยู่ที่หน้าอุโมงค์ฝังศพของเพื่อนรักของพระองค์ ลาซารัส พวกเขาคงจำได้ว่าพระองค์ทรงทำบางสิ่งที่เกินกว่าพวกเขาจะคิดได้ พระองค์ทรงกันแสง (ดูยอห์น 11:35) พระเยซูทรงกันแสง เพราะพระองค์ทรงทราบดีว่าความตายไม่ใช่แผนการเริ่มแรกของพระเจ้า มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อแก่ชรา ทนทุกข์กับโรคร้าย หรือตายจากไป แต่เป็นเพราะบาปของอาดัมและเอวา ความบาปจึงเข้ามาสู่มนุษยชาติ และตามมาด้วยความตาย ความตายก็แพร่กระจายมาถึงเราทุกคน พระเยซูทรงกันแสงเพราะมันทำให้พระทัยพระองค์แหลกสลาย
แต่เมื่อประทับอยู่ที่หน้าอุโมงค์ฝังศพของลาซารัส พระเยซูตรัสถ้อยคำที่เต็มด้วยความหวังว่า – “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก (ยอห์น 11:25) ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุด และการคืนพระชนม์ของพระองค์ก็เป็นการยืนยันถึงเรื่องนี้
ถ้าคุณเข้ามาวางใจในพระเยซูคริสต์ อีสเตอร์สำหรับคุณก็หมายถึงคุณจะได้รับชีวิตชั่วนิรันดร์จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า อีสเตอร์นำมาซึ่งความหวังสำหรับคนที่ถูกความตายทำลายยับเยิน
โดย: Pastor Greg Laurie
อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie
PO Box 4000,Riverside,CA92514