เวลาเช้าเจ้าจงหว่านพืชของเจ้าและพอ เวลาเย็นก็อย่าหดมือของเจ้าเสีย เพราะเจ้าหาทราบไม่ว่าการไหนจะเจริญ การนี้หรือการนั้น หรือการทั้งสองจะเจริญดีเหมือนกัน (ปัญญาจารย์ 11:6)
เซาโลที่ต่อมากลายเป็นอัครทูตเปาโล ทำงานให้กับแผ่นดินของพระเจ้าตั้งแต่ท่านยังไม่ได้เหยียบเข้าไปที่นั่นด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านที่คอยข่มเหงคริสตจักร ผมคิดว่าคริสเตียนในศตวรรษที่หนึ่งอาจพอใจแค่รวมตัวกันอยู่ในเยรูซาเล็ม ไม่คิดจะย้ายไปไหน
ครับเป็นสิ่งที่ดี พระเจ้าทรงอวยพระพร มีผู้เชื่อเกิดขึ้นรอบๆตัว ใครเล่าอยากจะจากเมืองนี้ไป? แต่เมื่อถูกเซาโลข่มเหง พวกคริสเตียนต่างต้องกระจัดกระจายไป เมื่อเป็นเช่นนั้น ที่พวกเขานำติดตัวไปทั่วโลกคือข่าวประเสริฐแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
ผมคิดว่าบุคคลที่สร้างผลกระทบยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้เซาโลกลับใจคือสเทเฟน ผู้พลีชีพคนแรกของคริสตจักร ผมเชื่อว่าเมื่อท่านเป็นพยานอย่างเข้มแข็งกล้าหาญ มันเหมือนกับสาดน้ำมันเข้าไปในกองเพลิงของเซาโล เพราะท่านกำลังถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์กระตุ้นความรู้สึกผิด แม้สเทเฟนมีช่วงเวลาน้อยนิดในการรับใช้ ไม่เคยเขียนหนังสือในพระคัมภีร์ใหม่สักเล่ม แต่สิ่งที่ท่านทำเป็นพยานจนเซาโลแห่งทาร์ซัสกลับใจ ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก
คุณอาจไปไม่ถึงคนเป็นล้าน ไม่ถึงพัน ไม่ถึงร้อย แต่คุณอาจเป็นคนที่พระเจ้าใช้ไปหาบางคนที่ต่อมาเขาจะทำสิ่งยิ่งใหญ่ หรือคว่ำโลกเพื่อพระเจ้าได้ หรืออาจเป็นเด็กที่คุณเลี้ยงดูให้อยู่ในทางของพระเจ้า แต่แล้ววันหนึ่งมีโอกาสได้ไปพบ ได้คุยเรื่องพระเจ้ากับใครบางคนเช่นเซาโล ดังนั้นจงจำไว้ – มันยังไม่จบ จนกว่าจะถึงตอนจบ
เราต้องสัตย์ซื่อในการหว่านเมล็ดพันธ์แห่งพระวจนะ เราไม่รู้ว่าต้นไม้นั้นจะไปโตขึ้นที่ไหน … ในชีวิตนี้ หรือในยุคต่อไป… หรือต่อๆไปครับ
โดย: Pastor Greg Laurie
อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie
PO Box 4000,Riverside,CA92514