พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความมืด และได้ทรงย้ายเรามาตั้งไว้ในแผ่นดินแห่งพระบุตรที่รักของพระองค์ ในพระบุตรนั้นเราจึงได้รับการไถ่ ซึ่งเป็นการทรงโปรดยกบาปทั้งหลายของเรา (โคโลสี 1:13-14)
เย็นวันก่อนคริสตมาส ก่อนการนมัสการที่โบสถ์ นักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง เอ.ซี ดิ๊กซัน กำลังเตรียมบทเทศนาเรื่องความรอดอยู่จวนใกล้เสร็จ ท่านรู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะไม่สามารถหาตัวอย่างที่มาเหมาะสมได้ จึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นเพื่อให้สมองแจ่มใสขึ้น
ท่านสวมเสื้อโคทและเดินออกไปในความหนาวเย็น ในทันใดนั้น เด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาหาท่าน หิ้วกรงนกที่ทำจากเถาวัลย์และกิ่งไม้มาด้วย ในกรงมีนกเล็กๆสองตัว ท่านจึงถามว่า “หนู กำลังจะเอานกไปทำอะไร?”
“ก็เอาไปเล่นสักพัก เสร็จแล้วก็คงฆ่าทิ้ง เป็นพวกนกกระจอกไม่เอาไหนที่จับได้ในทุ่งน่ะครับ” เด็กตอบ
“ลูกเอ๋ย อย่าฆ่านกพวกนั้นเลย” ดิ๊กซันพูด “ขายให้พ่อเถอะ” ท่านล้วงลงไปในกระเป๋าและหยิบเงินให้เด็กไป หลังจากนั้นก็เปิดกรงและปล่อยนกให้เป็นอิสระ นกสองตัวจึงค่อยๆบินจากไปทีละตัว
ดิ๊กซันได้ตัวอย่างที่ท่านจะนำไปเทศน์แล้ว คืนนั้น ท่านจะบอกกับที่ประชุมว่า ขณะที่มองนกบินขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเหมือนท่านได้ยินเสียงนกร้องว่า “รอดแล้ว รอดแล้ว รอดแล้ว…”
พระเยซูทรงเห็นคุณค่าในคนบาปอย่างเรา เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงทรงจ่ายราคาสูงที่สุดเพื่อปลดปล่อยเราเป็นอิสระ ดังนั้น เมื่อเราดำเนินชีวิตแต่ละวัน ควรจะเป็นวันที่เราร้องบทเพลงแห่งความรอด – ร้องถึงความจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราให้ผู้อื่นได้ฟัง
พระเยซูทรงจ่ายราคาสูงสุด – ตายบนไม้กางเขน – เพื่อไถ่เราจากความตายนิรันดร์ จงบอกเรื่องความจริงนี้กับตนเอง และประกาศออกไปสู่ผู้อื่นด้วย
โดย: Pastor Jack Graham
Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org