จอห์น ดี รอกกี้เฟลเลอร์ มหาเศรษฐีใจบุญชื่อก้องโลก เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับเรื่องการถวายสิบลดของเขาว่า…
“ผมคงไม่มีทางสามารถถวายสิบลดจำนวน 1 ล้านเหรียญ(สหรัฐ)แรกได้ หากว่าผมไม่ยอมถวายสิบลดของเงินเดือนแรกของผมจำนวน 1.50 เหรียญ (สหรัฐ) ต่อสัปดาห์ก่อน!”
คริสเตียนเรา “ถวายสิบลด” หรือ “ถวายทศางค์” (สิบชักหนึ่ง) จากทรัพย์สิ่งของที่เรามีอยู่ถวายแด่พระเจ้า เพื่อเป็นการนมัสการและขอบคุณพระเจ้า ไม่ได้ถวายเพราะถูกบังคับฝืนใจ ของเราเองและก็ไม่ได้ถวายตามใจเช่นกัน!
การถวายสิบลดนี้ต้องกระทำด้วยความเต็มใจและวางใจพระเจ้าสำหรับสิ่งที่ถวายไปนั้น โดยมีความสำนึกในพระคุณของพระเจ้าเป็นหลัก และแสดงออกถึงการเชื่อฟังพระเจ้าอย่างเป็นรูปธรรมของเรา โดยไม่คำนึงว่าพระเจ้าจะนำไปใช้อย่างไรต่อไป เพราะนั่นเป็นสิทธิขาดของพระองค์!
แท้จริงแล้ว…ก่อนที่จะมีพระบัญญัติให้ถวายสิบลด คนของพระเจ้าได้ถวายสิบลดออกมาจากใจของเขาเอง โดยไม่มีข้อเรียกร้องใด ๆ อาทิ อับราฮัมถวายสิบลดที่ได้จากชัยชนะในสงครามแด่พระเจ้า (ปฐก.14:17-27;ฮบ.7:4-10) และยาโคบ บนตัวไว้กับพระเจ้าว่าท่านจะถวายหนึ่งในสิบจากทรัพย์สมบัติของท่านถวายแด่พระเจ้า เมื่อพระองค์ทรงนำท่านกลับมาอยู่บ้านเมืองเดิมอย่างปลอดภัย (ปฐก.28:20-22)
การถวายสิบลดทั้ง 2 กรณี นี่จึงเป็นเรื่องของการแสดงความขอบคุณที่พระเจ้าทรงนำและประทานสิ่งต่างๆ !
ต่อมาพระเจ้าทรงกำหนดให้อิสราเอลทุกคนต้องถวายหนึ่งในสิบของผลแรกจากไร่นาและฝูงสัตว์โดยให้ทำอย่างสัตย์ซื่อ โดยไม่ต้องคิดมาก แต่หากว่าเขาอยากจะไถ่พืชผลหรือสัตว์เลี้ยง เขาก็ทำได้ตามราคาที่ปุโรหิตคำนวณไว้ และต้องเพิ่มจำนวนอีก 1 ใน 5 เป็นค่าปรับ เพราะว่าเขาได้นำสิ่งที่มอบถวายแด่พระเจ้ากลับมาใช้เอง!
“”ทศางค์ทั้งสิ้นที่ได้จากแผ่นดินเป็นพืชที่ได้จากแผ่นดินก็ดี หรือผลจากต้นไม้ก็ดี
เป็นของพระเจ้าเป็นสิ่งบริสุทธิ์แด่พระเจ้า ถ้าคนใดประสงค์จะไถ่ทศางค์ส่วนใดของเขา
เขาต้องเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของทศางค์นั้น และทศางค์ที่ได้มาจากฝูงวัว หรือฝูงแพะแกะ
คือสัตว์หนึ่งในสิบตัวที่ลอดใต้ไม้เท้าของผู้เลี้ยง เป็นสัตว์บริสุทธิ์แด่พระเจ้าอย่าให้คิดว่าดีหรือไม่ ดี
และอย่าให้เขาสับเปลี่ยน ถ้าเขาสับเปลี่ยนทั้งตัวที่นำมาเปลี่ยนกับตัวที่ถูกเปลี่ยนเป็นของบริสุทธิ์ไถ่ไม่ได้“
(ลนต.27:30-33)
ทศางค์ที่ประชาชนนำไปถวายพระเจ้านี้ ประชาชน( 11 เผ่า) นำเอาไปให้เผ่าเลวี เปรียบเหมือนเป็นรายได้ของพวกเลวี เพราะว่า พวกเขาเป็นเผ่าที่ไม่มีที่ดินทำกินเหมือนเผ่าอื่น ๆ พวกเขาถูกเรียกออกมาให้รับใช้พระเจ้าเต็มเวลา! พวกเขาทำหน้าที่ด้านศาสนกิจต่างๆ และต้องเสี่ยงชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่พิธีกรรมต่าง ๆ เพราะหากว่าพวกเขาประพฤติปฏิบัติไม่สมควรต่อพระเจ้า พวกเขาจะต้องประสบหายนะ (ถึงแก่ความตาย)!
อย่างไรก็ตาม คนเลวีที่ได้รับทศางค์เป็นรายได้ก็ต้องถวายทศางค์อีกเช่นกัน ให้กับพวกปุโรหิตอีกต่อหนึ่ง
ประชาชนจะนำทศางค์นี้ไปถวายที่พลับพลา (หรือพระวิหาร ในสมัยต่อมาหรือคริสตจักรในนี้) และทุกคนในครอบครัวของประชาชนจะร่วมสามัคคีธรรมกินเลี้ยงกับพวกเลวีด้วย (ฉธบ.12:5-7,17-19)
แต่หากว่าบ้านของผู้ถวายทศางค์อยู่ไกลจากพลับพลาไม่สะดวกในการนำพืชผลหรือสัตว์มาถวายก็ให้ขายสิ่งเหล่านั้นในตำบลของตน แล้วนำเงินมาถวายที่พลับพลาแทน (ฉธบ.14:22-27)
ในสมัยของพระเยซูคริสต์ พระองค์ตรัสเตือนผู้ถวายทศางค์ให้กระทำด้วยความรัก ความเมตตา ยุติธรรม และด้วยความเชื่อ หากผู้ที่ถวายขาดท่าทีดังกล่าว แทนที่พระเจ้าจะทรงรับของถวายนั้น ตรงกันข้ามพระเจ้าอาจจะทรงลงโทษเขาแทนก็เป็นได้! (มธ.23:4,23;ลก.11:42,46;18:12)
ในปัจจุบันนี้ พวกคริสเตียนไม่ได้ถูกบังคับให้ถวายสิบลดเหมือนอย่างชาวยิว แต่เราถูกสอนให้ถวายอย่างสุดกำลังและสุดความสามารถด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ถวายด้วยความนึกเสียดาย หรือด้วยความฝืนใจ (2คร.8:3;9:7) เราถูกสอนให้ตระหนักว่า สิบลดนั้นเป็นของพระเจ้า ไม่ใช่ของของเรา!
แท้จริงแล้วต้องพูดว่า ทั้งสิบส่วนหรือ 100 % ที่เราครอบครองอยู่นั้นล้วนเป็นของ ๆ พระเจ้าอย่างสิ้นเชิง เราเป็นผู้อารักขาดูแลมีหน้าที่เบื้องต้นในการถวาย 10 ลด จากผลแรกของเราในทันทีด้วยความรัก และด้วยความเชื่อฟังพระองค์อย่างไม่มีข้อแม้ หรือเงื่อนไขใด ๆ !
ปัจจุบันในคริสตจักรจะมีคณะบุคคลที่ดูแลการใช้ทรัพย์(สิบลด)นั้นซึ่งอาจเรียกชื่อแตกต่างหลากหลาย อาทิ คณะธรรมกิจ, คณะมัคนายก, คณะผู้อภิบาล หรือคณะกรรมการคริสตจักร ฯลฯ คนเหล่านั้นจะต้องรับผิดชอบทั้งต่อพระเจ้าและต่อคริสตจักรในการใช้สิบลดเหล่านั้น “ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า” ไม่ใช่ “ตามใจของข้าพเจ้า!”
เราถูกสอนว่า การนำสิบลดไปใช้ตามใจของเราเองนั้น ไม่เรียกว่าการถวายสิบลด!
ดังนั้น เมื่อเราถวาย 10 ลด ขอให้เราถวายด้วยความเชื่อฟัง โดยไม่เจาะจงว่าคริสตจักรต้องนำไปใช้ทำอะไรตามที่เรากำหนด! และให้เราไว้วางใจว่าพระเจ้าจะทรงใช้สิบลดเหล่านั้นอย่างเกิดผลผ่านคณะบุคคลที่คริสตจักรให้ความเชื่อถือดังกล่าว!
หากบุคคลใดถวาย 10 ลดแด่พระเจ้า โดยมีเงื่อนไข… ตามหลักคำสอนของพระคริสตธรรมคัมภีร์ถือว่า บุคคลคนนั้นไม่ได้ถวาย 10 ลดให้กับพระเจ้า แต่เป็นการนำ 10 ลดของพระเจ้ามาใช้ตามใจตนเอง!
การกระทำเช่นนั้นจะไม่ก่อเกิดประโยชน์ หรือพระพรต่อผู้ถวายแต่ประการใด เพราะว่า พระเจ้าทรงประสงค์ “ความเชื่อฟัง” มากยิ่งกว่า “เครื่องบูชา” (สิบลด) ที่ถวายโดยไม่เชื่อฟัง! (1ซมอ.15:22-23)
ดังนั้น ขอให้วันนี้พวกเรามีท่าทีที่ถูกต้องในการถวายทศางค์คืนแด่พระเจ้า!
อนึ่ง สิ่งที่อนุโลมได้ก็คือ หลังจากที่เราแต่ละคนถวายสิบลดแด่พระเจ้าตามแนวทางของพระคริสตธรรมคัมภีร์โดยความสมัครใจด้วยใจชื่นชมในพระคุณของพระเจ้าแล้ว เราอาจจะถวายทรัพย์เพิ่มเติมโดยระบุวัตถุประสงค์ที่สอดคล้องกับพระทัยของพระเจ้าก็ย่อมได้!
ด้วยเหตุนี้เอง ขอให้พวกเราแยกแยะให้ออกระหว่างการถวาย 10 ลด โดยไม่มีเงื่อนไขกับการถวายพิเศษโดยมีเงื่อนไข เพื่อว่าเราทั้งหลายจะได้ไม่ทำผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แทนที่จะถวายสิบลดแด่พระเจ้า กลับกลายเป็นการขโมยหรือยักยอกสิบลดของพระเจ้าไปแทน! หากเรากระทำเช่นนั้น… เราย่อมรู้อยู่แก่ใจแล้วใช่ไหมครับว่า ผลลัพธ์ที่จะตามมาจากการกระทำเช่นนั้นจะเป็นเช่นไร ?
บทส่งท้าย…หากว่าเราที่เชื่อพระเจ้าทุกคนเชื่อฟังและรักพระเจ้า และเราสัตย์ซื่อในการถวาย 10 ลด โดยไม่นึกเสียดาย เราอาจจะมีประสบการณ์แห่งพระคุณที่เพิ่มพูนขึ้นอีกมากมายในชีวิตของเรา และเราจะสนุกชื่นชมกับการถวายสิบลดที่เพิ่มมากขึ้น จากการอวยพระพรของพระเจ้าอย่างคาดไม่ถึงก็เป็นได้!
เพราะพระองค์สัญญาว่าผู้ใดที่สัตย์ซื่อต่อทรัพย์ที่พระองค์มอบหมายให้ดูแล พระองค์จะทรงเพิ่มเติมให้แก่เขามากยิ่งขึ้นอย่างล้นเหลือ (2คร.9:8-10)!
– ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ –