“น้ำ น้ำ น้ำ น้องเคยเห็นน้ำหรือเปล่า น้ำมันมีมวลไม่เบา
จะท่วมยาว ๆ ที่บ้านเรือน จะท่วมเป็นเดือนที่บ้านเรา เตรียมเรือหางยาวหรือยัง?”
คนไทยมีอารมณ์ขันอยู่เสมอ แม้แต่ในยามที่เจอน้ำขัง และขังนานจนกลายเป็นน้ำเน่า!
ไม่มีใครชอบน้ำขังหรือน้ำเน่า หากจะให้ทนก็คงทนได้ชั่วครู่ชั่วยาม แต่จะให้ทนกับมันอย่างยาวนานคงจะไม่ไหว!
จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่จะได้ยินข่าวว่า ชาวบ้านรวมตัวกันไปพังเขื่อน หรือกระสอบทรายที่ทำเป็นพนังกั้นน้ำ เพราะเหตุว่า ทนน้ำเน่าต่อไปไม่ไหวแล้ว!
พูดง่าย ๆ แม้ว่าจะมีอารมณ์ขันมากแค่ไหน แต่เจอเรื่องเครียด ๆ ติดต่อกันอย่างยาวนานเช่นนี้ ก็ขำไม่ออกเหมือนกัน!
น้ำที่ไหลท่วมท้นมาหลายจังหวัดได้กวาดพัดเอาทุกสิ่งที่ขวางหน้าติดมาด้วย รวมทั้ง สารเคมี สารพิษ หรือ ปฏิกูลทั้งหลายแหล่ ที่หมักหมมกันมานับแรมเดือน กลายเป็นมวลน้ำขยะที่น่ากลัวน่าขยะแขยง ที่นำเอาสารพัดเชื้อโรคเข้ามาสู่ชุมชนทุกแห่งที่มันซัดผ่าน และแวะพัก เพราะติดด่าน ติดเขื่อนที่ขวางกันเป็นระยะ และต้องหยุดรอจนกระทั่งมวลน้ำอื่น ๆ ตามมาสมทบมากขึ้น ๆ ทำให้กลายเป็นมวลน้ำใหญ่พลังมหาศาลอันมีกระแสเชี่ยว สามารถทำลายล้างรุนแรง โหมซัดกระหน่ำจนพนังกั้นแตกกระจาย ก่อนที่จะทะลักเข้าสู่พื้นที่ต่อ ๆ ไป และเมื่อเจอสิ่งกีดกขวางที่แข็งแรงก็จะหยุดพักจนน้ำเน่าได้ที่ ก่อนจะพัดทำลายกำแพงขวางกั้นต่อ ๆ ไปเรื่อย โดยมีกรุงเทพมหานครเป็นเป้าหมายใหญ่
สุดท้ายก่อนที่มวลน้ำเหล่านี้ที่เขาเปรียบเป็นเหมือน “วาฬ” มากกว่า 50 ล้านตัว ที่กำลังแนวแน่ที่จะลงทะเลสู่บ้านของมัน ซึ่งหากใครมาขวางก็คงต้องแหลกกันไปข้างหนึ่ง!
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าน้ำเน่าน้ำเสียเหล่านี้จะน่ารังเกียจ แต่สิ่งที่น่ารังเกียจน่าขยะแขยงมากยิ่งกว่าน้ำเน่า ก็คือ “คนเน่า!”
“เน่า” หมายความว่า “เสียและมีกลิ่นเหม็น”
ภาพความทุกข์อันน่าอนาถของพี่น้องชาวไทยเพราะน้ำเน่านั้น แม้น่าสะเทือนใจ แต่ก็ไม่สะเทือนอารมณ์เท่ากับ “คนเน่าๆ” ในสังคมไทยที่ฉวยโอกาสซ้ำเติมผู้ที่กำลังเดือดร้อนเพราะน้ำท่วม! ใครคือคนเน่า ๆ เหล่านั้น ?
…พวกนักการเมืองบางคนที่ “เน่า” จนขาดมโนธรรมและจิตสำนึก ฉวยโอกาส ยักยอก เบียดบัง หรือสวมรอยใช้ปัจจัย งบประมาณหรือสิ่งของบริจาคต่าง ๆ ที่ได้มาจากจิตใจที่ห่วงใยผู้ประสบภัยเพื่อได้หน้า โดยเอาสิ่งของเหล่านั้นไปบริจาคทำประหนึ่งว่าตนเองเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการได้มาซึ่งของเหล่านั้น หรือไม่ก็เอาไปให้กับพวกหัวคะแนนหรือฐานเสียงของตนอย่างไร้ความละอาย !
…ทำให้สิ่งของที่ได้รับบริจาคมาไม่ได้กระจายไปถึงมือผู้เดือดร้อนได้อย่างทั่วถึงทันเวลา
จนต่อมาเมื่อน้ำท่วมซัดกระหน่ำพื้นที่เก็บของบริจาค ผลก็คือ ของบริจาคจากน้ำใจของประชาชนมากหลายก็เสียหายกระจัดกระจายไปตามสายน้ำ!
…พวกพ่อค้า แม่ค้า บางคนก็ “เน่า” เช่นกัน โดยการแห่กันกักตุนสินค้าเก็งกำไร หรือขึ้นราคาสินค้าอย่างปราศจากน้ำใจ ซ้ำเติมผู้บริโภคที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก เป็นเหตุที่ทำให้ของข้าวแพงขึ้นหลายเท่าตัว เพราะอ้างว่าหายากและต้นทุนแพง! อย่างเช่น ในช่วงน้ำท่วม
จะหาน้ำดื่ม – ก็ขึ้นราคาเป็น 2 – 3 เท่า
ถังใส่น้ำ – ราคาก็พรวดพราดน่าใจหาย
แม้แต่ถุงดำ (ถุงขยะ) ที่เคยมีคาดดื่น ก็หายากยังกับหาทอง!
และยังมีอีกสารพัดรายการ ที่เดินหน้าขยับราคากัน!
แต่พวกที่ “เน่า” อีกพวกหนึ่งที่ซ้ำเติมคนเดือดร้อน คือ “พวกที่ให้บริการ” อย่างเช่น คิดค่ายานพาหนะสุดโหด อาทิ “เรือรับจ้าง” ที่โขกราคาแต่ละเที่ยว ทั้ง ๆ ที่ไม่ไกลนัก แต่ราคาก็ฟันยับนับพันบาท เพราะรู้ว่า อย่างไร ๆ ผู้ประสบภัยที่จะต้องเข้าไปขนทรัพย์สินหรือขนผู้อาวุโสหรือผู้เจ็บป่วยนั้นต้องยอมจ่ายราคาอย่างแน่นอน! ช่างไร้มนุษยธรรมเสียจริง ๆ !
และพวกที่จัดว่า “สุดเน่า” ที่ชาวบ้านเรียกว่า “พวกเลวมาก” หรือ “เลวอย่างให้อภัยไม่ได้” ประเภท “เลวทรามต่ำช้า” ก็คือ พวก “มิจฉาชีพ” ที่กระหน่ำซ้ำเติมลักทรัพย์ ขโมย หรือปล้นชิงทรัพย์สิ่งของของประชาชน ทั้งประเภทที่ทิ้งข้าวของไว้ที่บ้านหรือนำเอาติดตัวไปด้วย!
…แต่อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลาง “ความเน่า” ทั้งของ “น้ำ” และของ “คน” ประเภทต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น
เรายังได้สัมผัสกับความสะอาดใสของ “น้ำ” และ “คน” ในอีกด้านหนึ่งเช่นกัน!
นั่นคือ บรรดาพี่น้องประชาชนผู้มี “จิตอาสา” สละแรงกายและแรงทรัพย์ นำน้ำสะอาด และอาหาร รวมทั้งถุงยังชีพมาแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยในจุดต่างๆ เพราะคนเช่นนี้แหละ จึงทำให้สังคมไทยมีประกายแห่งความหวัง และมีความสุขขึ้น!
ดังนั้น วันนี้ ขอให้เราทั้งหลายมาช่วยกันสนับสนุน หนุนใจคนที่มีจิตอาสาเช่นนี้ ให้มีกำลังใจ กระทำกุศลกิจเช่นนี้ต่อไป ด้วยแววตาที่ฉายแสงแห่งความซาบซึ้งใจและด้วยคำขอบคุณที่ไพเราะชื่นชม เพื่อพวกเราจะได้ช่วยกันฟันฝ่าน้ำเน่าออกไปด้วยกัน จนถึงที่น้ำใสใจเปี่ยมสุขกันถ้วนหน้า!
ดีไหมครับ?
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc
fanpage@thongchaibsc , BB 2381A496