“จงทำตามที่ใจของคุณนำ แต่อย่าลืมเอาสมองไปด้วย!”
(Follow your heart, but take your brain with you!)
ยุคนี้เป็นยุคที่กำลังเน้นการกระทำอะไรๆ ตาม “ใจ” กันอย่างอุตลุด!
เป็นยุคที่เน้นให้แต่ละคน ค้นหา “ตัวตน” และ “ความต้องการของตน” ให้พบ
จากนั้นก็ให้ปลดปล่อยอารมณ์ไปตามใจนั้นเลย! ไม่ต้องมีกรอบ ไม่ต้องติดเบรก ขอให้ทำและเป็นอย่างที่เราอยาก จะเป็น และให้ทำแบบสุดๆ ให้เต็มที่ไปเลย ให้คิดว่านี่คือ เสรีภาพของเรา ไม่ต้องแคร์ใคร เพราะนี่คือ ชีวิตของเรา!
ส่วนคนอื่นเราก็ไม่แคร์เหมือนกัน เพราะนั่นไม่ใช่ชีวิตของเรา!
ธุระของคุณเราไม่ยุ่ง แต่ก็อย่ามายุ่งกับธุระของฉัน!
ใช่ครับ! โลกกำลังมุ่งไปในทิศทางนี้ ศูนย์กลางของ “โลก” อยู่ที่ “ตัวตน” ของเราอีกครั้งหนึ่ง!
“อัตตา” หรือ “ตัวกู” ต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด!
ดังนั้น หากว่า “ใจ” ของเราอยากจะทำอะไร ใครผู้ใดก็อย่ามาขวาง! แล้วผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นอย่างไร?…
“เสียงหัวเราะ!”
ใช่ครับ! ความสุข (ภายนอก) เกิดขึ้นในช่วงต้น ๆ แต่แล้วก็มักจะจบลงด้วยเสียงอีกเสียงหนึ่ง !
เสียงอะไรนะหรือ? ก็ “เสียงร้องไห้” ยังไงล่ะ!
ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้จบเศร้า หาก “ใจ” ของคุณนำคุณให้ทำอะไร คุณควรจะใช้ “สมอง” ช่วยตรวจเช็คหรือคำนวณดูอีกทีว่า หากทำตามที่ “ใจ” นำให้ทำนั้น จะต้องจ่ายราคาเท่าไร !
บางครั้ง “ใจ” ของเราอาจมีรสนิยมสูง แต่รายได้ของเราอาจต่ำจนไม่อาจสนองตอบ “ใจ” ของเราผลที่ตามมาคือ “หนี้สิน” และความยุ่งยากลำบาก(ที่ไม่จำเป็น) ในชีวิต!
ใช่ครับ! หลายครั้งเราก่อ “หนี้สิน” ที่ไม่จำเป็นขึ้นมาเพราะว่าเราปล่อยให้ “ใจ” นำและลืมเอาสมองติดไปด้วย!
จงระวังให้ดี อย่าไว้ใจผู้ใดมากเกินไป รวมทั้ง “ใจ” ของตัวเราเอง!
พระเจ้าตรัสเตือนว่า ในบรรดาสิ่งทั้งปวงในโลกนี้ “ใจ” ของเรานั้นไว้ใจได้ยากที่สุด
“จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ผู้ใดจะรู้จักใจนั้นเล่า” (เยเรมีย์ 17:9)
พระเจ้าจึงทรงให้ “สมอง” มาช่วยกำกับและเตือนสติ “ใจ”!
แต่บ่อยครั้งพระองค์ก็ทรงเสียพระทัยที่ “สมอง” เกิดไปเออออกับใจ เลยพากันลงคลอง ลงเหวไปด้วยกันทั้งคู่
พระเจ้าผู้ทรงตรวจค้นดูจิตจึงต้องกระทำกิจในจิตใจของเราผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยตรง เพื่อให้เรารู้สึกสำนึกตน และกลับใจใหม่แก้ไขก่อนที่จะต้องรับผลการกระทำตาม “ใจ” ของตน
“เราคือพระเจ้าตรวจค้นดูจิต และทดลองดูใจ* เพื่อให้แก่ทุกคนตามพฤติการณ์ของเขาตามผลแห่งการกระทำของเขา” (เยเรมีย์ 17:10)
ดังนั้น การเข้าหาและเข้าใกล้พระเจ้าเป็นส่วนตัว การไปร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้องเป็นกลุ่ม การไปเรียนพระคัมภีร์เป็นชั้นเรียน หรือการไปร่วมนมัสการในวันอาทิตย์ จึงเป็นการช่วยขัดเกลาให้ “ใจ” ของเรา อยู่ในร่องในรอย และเป็นการปลุก “ความคิด” ของเราให้ตื่นขึ้นเคียงคู่ไปกับ “ใจ” อยู่ตลอดเวลา และเหนืออื่นใดก็คือ เราต้องทำให้ทั้ง “ใจ” และ “ความคิด” (สมอง) ของเรายอมอยู่ใต้การนำของ “พระวิญญาณบริสุทธิ์” ซึ่งจะทำให้ชีวิตของเราปลอดภัย และเกิดผลดีในบั้นปลายอย่างแน่นอน
คำถามคือ “หากว่าวันนี้ชีวิตของฉันสับสนวุ่นวายเพราะใจของฉันทำปั่นป่วนไปแล้ว ฉันควรจะทำอย่างไรดี?”
คำตอบคือ คุณต้องยอมสำนึกผิดที่ปล่อยให้ “ใจ” นำคุณไปในทางผิด และให้รีบเข้าหาพระเจ้าทูลขอให้พระองค์ทรงช่วยคุณ พระองค์จะไม่ทรงซ้ำเติมคุณ แต่จะช่วยคุณตามที่ขออย่างแน่นอน!
“พระเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่จิตใจฟกช้ำ และทรงช่วยผู้ที่จิตใจสำนึกผิด” (สดุดี 34:18)
และอย่าลืมทูลขอให้พระองค์ทรงสร้างใจใหม่ที่สะอาดให้แก่คุณด้วย!
“ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสร้างใจสะอาดภายในข้าพระองค์ และฟื้นน้ำใจที่หนักแน่นขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์” (สดุดี 51:10)
และหลังจากนั้น จงให้ “ใจ” ที่สะอาดขึ้นแล้วนี้ นำชีวิตของคุณไปในทางที่ดีกว่าที่ผ่านมา
จงจำไว้เสมอว่า ไม่ว่าอดีตของคุณเมื่อวันวานที่(ผ่านมาแล้ว) จะสกปรกโสโครกมากสักเท่าใด แต่อนาคตของคุณในวันพรุ่งนี้(ที่ยังมาไม่ถึง) ยังคงสะอาดบริสุทธิ์ใสปิ๊งรอคุณอยู่เบื้องหน้า!
อย่าย่ำยีอนาคต (พรุ่งนี้)ที่แสนล้ำค่าด้วยอดีต(วานนี้)อันไร้ราคาที่ผ่านมา!
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์– twitter.com/thongchaibsc
fanpage@thongchaibsc , BB 2381A496