“ความสัมพันธ์เป็นดุจดังเช่นหนังสือ ต้องใช้คือเวลานานในการเขียน แต่เพียงแค่พริบตาเผาไหม้เตียน โปรดจงเขียนอย่างระวังอย่าเผาเลย!”
(Relationships are like a book. It takes a few seconds to burn but it takes years to write. So write it carefully and never let it burn.!)
… ผมยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราที่คบหากันมานานหลาย ๆ ปี แต่อยู่มาวันดีคืนดี กลับสะบั้นไมตรีทิ้งไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย!
หากว่า คนๆ นั้น ทำบาป ทำชั่ว ทำร้ายหรือทำเสื่อมเสียอย่างมากมายใหญ่หลวงให้แก่ตัวของเรา ก็ยังพอทำ เนา เข้าใจได้! แต่ไม่คุ้มค่า และไม่ฉลาดเลยที่คนเราปล่อยให้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินควร จนเกินการควบคุม!
อันที่จริงปัญหาอาจเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ได้เสมอ เพราะเป็นเรื่องกลไกตามธรรมชาติที่เป็นปรากฎการณ์ตามธรรมชาติของชีวิต อาทิ คนเคยรักกันในฐานะคนคบหารู้ใจ แต่เมื่อพัฒนาความสัมพันธ์กันมาจนถึงจุดหนึ่ง คนหนึ่งอาจเกิดความไม่มั่นใจ หรือมั่นใจว่า ไม่สมควรจะสานความสัมพันธ์เช่นนั้นต่อไปอีก ก็เลยขอยุติความสัมพันธ์ฉันคนรักลง ผลที่ตามมาก็คือ อีกคนหนึ่งรับไม่ได้ ก็ขอยุติทุกความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นฉันมิตร ฉันหุ้นส่วน ฉันพี่ฉันน้อง หรือแม้แต่ฉันสมาชิกในองค์กรหรือในคริสตจักรเดียวกัน… อย่างนี้ถือว่าเข้าข่าย “overreact” คือมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ตกขอบเกินไป!
อันที่จริง…เราควรรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันให้คงอยู่ต่อไปโดยไม่ด่วนทำลายทิ้ง เพราะวันหนึ่งข้างหน้า เราอาจจะต้องมาพบปะและร่วมเดินบนเส้นทางเดียวกันในระดับความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมก็เป็นได้!
ในบางกรณี… อยู่ ๆ คนเคยทำงานหรือร่วมงานกันมาเกิดมีแรงบันดาลใจที่จะไปเริ่มต้นงานหรือธุรกิจใหม่ ของตน เอง จึงไปขอลาหัวหน้า นายจ้าง หรือเพื่อนร่วมงาน แต่ผลที่ได้รับกลับมาคือ การสะบั้นไมตรี พร้อมทั้งคำสาบแช่งอย่างโกรธแค้น.. ทั้งๆ ที่เขาและเราต่างก็ล้วนมีเสรีภาพที่จะเลือกทางเดินของตน เราจึงน่าจะอวยพรเขาให้ไปดี และยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีให้มีต่อกัน เพราะเราอาจต้องมาเผชิญหรือร่วมบนเส้นทางเดียวกันอีกครั้งก็เป็นได้ ใครจะรู้?
เราจึงสมควรที่จะพูดกลับกันกับคำพูดในวงการการเมืองที่ว่า
“ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวรในทางการเมือง!”
โดยผมก็ขอเสนอความคิดเห็นว่า…
“ไม่มีศัตรูที่ถาวร แต่มีแต่มิตรแท้ในความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับคนของพระองค์ !”
ในพระคัมภีร์ไบเบิลได้ย้ำเตือนถึงสัจธรรมตอนนี้ว่า …
“มิตรสหายก็มีความรักอยู่ทุกเวลา และพี่น้องก็เกิดมาเพื่อช่วยกัน ยามทุกข์ยาก!” (สภษ.17:17)
(A friend loves at all times, And a brother is born for adversity.)
ดังนั้น ผมจึงขอวิงวอนทุกท่านที่อ่านบทความนี้อยู่
…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผู้หนึ่งผู้ใด อย่ารีบร้อนตัดความสัมพันธ์กับเขาหรือเธอ แต่จงให้โอกาสในการปรับปรุงแก้ไข และพัฒนาความสัมพันธ์ที่มีต่อกันให้ดีขึ้น โดยใจที่เปิดกว้าง!
คุณอาจไม่ชอบบางสิ่งที่เขาหรือเธอทำ แต่ไม่สมควรที่คุณจะตัดความสัมพันธ์กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งอย่างสิ้น เชิง ตราบใดที่เราต้องอยู่ร่วมกันในโลกใบนี้!
ยกเว้นแต่ว่า คุณได้พยายามอย่างเต็มกำลังในทุกวิถีทางที่จะรักษามิตรภาพนั้นไว้อย่างสุดกำลัง สุดความคิด สุดจิต สุดใจแล้ว แต่ยังไร้ประโยชน์… คุณจึงจำเป็นต้องมอบเรื่องดังกล่าวนั้นไว้กับพระเจ้า และมุ่งมั่นดำเนินชีวิตด้วยสันติในจิตใจต่อไป โดยตั้งใจไว้ว่า พร้อมจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่อีกครั้งกับเขาในอนาคต…หากมีโอกาส แม้ว่าในเวลานี้จะไม่ใช่โอกาสดังกล่าว!
คุณต้องตระหนักว่า … พระเจ้าทรงให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกันของคนของพระองค์เป็นอย่างมาก!
พระองค์ตรัสว่า หากบุคคลใดต้องการจะสร้างหรือพัฒนาความสัมพันธ์กับพระองค์จริงๆ. บุคคลนั้นจำเป็นต้องรื้อฟื้นความสัมพันธ์ให้อภัย และคืนดีกับคู่กรณีของเขาเสียก่อนจึงจะมาเข้าเฝ้าพระองค์ได้
“เหตุฉะนั้นถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน” (มธ.5:23-24)
พี่น้องที่รัก!
วันนี้ ยังมีใครอยู่หรือไม่ครับ ที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณนมัสการพระเจ้าอย่างมีสันติสุขในจิตใจไม่ได้ ขอให้คุณขออภัยจากพระเจ้า และยกโทษให้กับเขา ณ บัดนี้ และจงรีบกลับไปคืนดีกับเขาหรือเธอให้เร็วที่สุดเลย จะดีกว่า !
เห็นด้วยไหมครับ?
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc
fanpage@thongchaibsc , BB 2381A496