“ความตายสำหรับคริสเตียนเปรียบดังพิธีศพของบรรดาความทุกข์เศร้าโศก
และสิ่งเลวร้ายของเขา และเปรียบดังการเป็นขึ้นมาของความชื่นชมยินดีทั้งปวงของเขา!”
(Death to the Christian is the funeral of all his sorrows and evils and the resurrection of all his joys.)
โดยปกติไม่มีใครอยากตาย นอกจากว่าอยู่ในสภาวะที่ทุกข์ทรมานจนไม่อยากอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป!
โดยธรรมชาติ คนเรากลัวตาย แต่หากว่าผิดหวังหรือเจ็บปวดมาก ๆ หรือยืดเยื้อ บางคนอาจรู้สึกว่า ตายไปก็จะดีกว่า! ซึ่งการคิดเช่นว่านี้ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องหรือตรงกับพระทัยของพระเจ้าผู้ทรงสร้างชีวิตของเราทั้งหลาย!
สำหรับคนที่ไม่รู้จักกับพระเจ้า ความตายเป็นสิ่งที่คลุมเครือ ลึกลับ และสับสน อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า หากคนใดมีความสุขดี เขาก็คงไม่อยากตาย นอกจากว่ามีความทุกข์สาหัสโหมกระหน่ำชีวิต และไม่มีทางออก เขาก็อาจเรียก ร้องหาความตาย!
แต่สำหรับคนที่รู้จักกับพระเจ้าและเชื่อในพระองค์อย่างสุดใจ พวกเขาจะไม่มีความกลัวในความตายใดๆ เพียง แต่ว่า อาจมีความลังเลในการจากโลกนี้ไป ซึ่งเป็นเพราะว่า…เขายังมีภาระใจในภารกิจของพระเจ้าที่มอบหมายให้กระทำที่ยังไม่สำเร็จอย่างที่คาดหวัง! เหมือนดังที่ อ.เปาโล เคยเผชิญกับภาวะลังเลเช่นนี้มาก่อน และกล่าวไว้ว่า…
“ข้าพเจ้าลังเลใจอยู่ในระหว่างสองฝ่ายนี้ คือว่า ข้าพเจ้ามีความปรารถนาที่จะจากไปเพื่ออยู่กับพระคริสต์ซึ่ง ประเสริฐกว่ามากนัก แต่การที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ในร่างกายนี้ก็จำเป็นมากสำหรับพวกท่าน” (ฟป.1:23-24)
แม้แต่องค์พระเยซูคริสต์เอง เมื่อครั้งพระองค์ทรงเสด็จเข้ามาในโลก และรับสภาพอย่างมนุษย์นั้น พระองค์เองก็ยังพยายามรักษาพระชนม์ชีพของพระองค์ และทรงใช้อย่างคุ้มค่าเกิดผลตามพระประสงค์ของพระเจ้าพระบิดา จน กระทั่งเมื่อถึงวาระที่พระองค์จะต้องกระทำภารกิจสำคัญที่สุดตามการทรงมอบหมายจากพระบิดา ซึ่งต้องใช้ “ความตาย” ของพระองค์เป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุตามพระประสงค์นั้น คือการไถ่บาปมนุษย์ในโลกนี้ องค์พระเยซูคริสต์จึงทรงพร้อมที่จะสละชีวิตของพระองค์แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยก็ตาม!
พระองค์ทรงตัดสินพระทัยในการสละชีวิตของพระองค์ยอมถูกตรึงบนไม้กางเขนในวันศุกร์ประเสริฐ เพื่อเป็นค่าไถ่รับโทษแทนบาปของมนุษย์ทั้งปวง!
และในวันนั้นเองที่พระองค์ตรัสว่า “สำเร็จแล้ว!” … และสิ้นพระชนม์! (ยน.19:30)
หวังว่า ในวันหนึ่งข้างหน้า เราทุกคนจะสามารถพูดได้ด้วยความมั่นใจเหมือนกับที่องค์พระเยซูคริสต์ตรัสไว้ และเราทั้งหลายจะเป็นขึ้นมากับพระองค์อีกครั้งด้วยความชื่นชมยินดีเหมือนที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาอีกครั้งในเช้าวันอาทิตย์อีสเตอร์!
สำหรับองค์พระเยซูคริสต์แล้ว ความตาย(ในวันศุกร์ประเสริฐ) ของพระองค์เป็นการสิ้นสุดสภาวะอันจำกัดเจ็บปวด และทุกข์ทรมานของพระองค์ในโลกนี้ !
สำหรับเราทั้งหลายที่รู้จักกับพระองค์เช่นเดียวกัน เราควรมองดู “ความตาย” เป็นดุจการฝังศพแห่งความทุกข์เศร้าโศกและสิ่งเลวร้ายทั้งปวงที่เราเผชิญในชีวิตของเรา และเรากำลังชื่นชมยินดีกับชีวิตใหม่อันจะนำไปสู่ความครบบริบูรณ์ในวันที่เราเป็นขึ้นมากับพระองค์!
คุณมีความมั่นใจในชีวิตปัจจุบัน และในชีวิตอันสุขสำราญหลังความตายแล้วหรือยัง?
TFB – Thoughts for believers ข้อคิดสำหรับผู้เชื่อ จาก Twitter, Facebook & Blackberry