…ในชีวิตของเรา เรามักก่อเกิดปัญหาต่อผู้อื่นหรืออาจต้องรับมือกับปัญหาเกิดขึ้นกับเรา ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยคาดหวังหรือเจตนาให้เกิดขึ้นมาก่อนเลย และดูเหมือนว่าปรากฎการณ์ดังกล่าวเหล่านั้นมักจะอยู่เหนือการควบคุมหรือการคาดคิดของเรา!
…หากเราเป็นฝ่ายถูกผู้อื่นกระทำ เราก็มักจะรู้สึกโกรธ และจะยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก หากว่าคนที่ทำผิดต่อเรานั้นชอบแก้ตัวหรือปัดความรับผิดชอบ! แต่หากเราเป็นฝ่ายกระทำต่อผู้อื่น เราก็อาจจะรู้สึกไม่พอใจที่ทำไมคนอื่นถึงมาโกรธเรา และมักจะมีข้อแก้ตัวเข้าข้างตัวเองอยู่เสมอ! นี่เรียกว่า “ทวิมาตรฐาน” หรือ “double standard” ขนานแท้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติบาปแห่งเนื้อหนังของมนุษย์เรา!
…วันหนึ่ง ไม่รู้เกิดอะไรมาดลใจ ผมทวิตถ่ายทอดความรู้สึกดังกล่าวออกมาเป็นตัวอักษรว่า…
“หยุดแก้ตัว จงแก้ไข หยุดอวดใหญ่ จงถ่อมใจ หยุดให้ร้าย จงขออภัย
หยุดขมขื่นใจ จงยกโทษ หยุดเกลียดโกรธ ให้พระเจ้าโปรดจัดการ!”
ใช่ครับ หากว่าเราบังคับคนอื่นให้เป็นอย่างที่เราคิดว่าควรจะเป็นไม่ได้ เราก็ควรจะจัดการกับตัวเองให้เป็นอย่างที่เราคิดว่าควรจะเป็นออกมาให้เห็นเป็นตัวอย่างซะก่อนจะดีกว่า! และหากว่าเรารับมือกับอารมณ์หรือความรู้สึกรุนแรงนั้นไม่ไหว เราก็ควรเข้ามาหาพระเจ้าเพื่อได้รับการบรรเทาอารมณ์หรือการช่วยเหลือหรือการจัดการจากพระองค์ ซึ่งดีกว่าที่เราจะเป็นผู้กระทำเองมากมายหลายเท่านัก!
บทเรียนที่สำคัญอีกบทเรียนหนึ่งคือว่า หากเกิดปัญหาขึ้นในท่ามกลางคนกันเอง หรือคนใกล้ชิด เราควรจะทำอย่างไร? เช้าวันหนึ่งถ้อยคำต่อไปนี้ก็พรั่งพรูออกมาผ่าน twitter…
“เกิดปัญหาอย่ามัวหาว่าใครผิด ขอเพียงคิดว่าอะไรคือสาเหตุ
รวมพลังแก้ปัญหากันสุดเดช ดูที่เจตนาดีด้วยเชื่อใจ”!
พร้อมกับคำกำชับสุดท้ายที่เตือนใจของผมก็คือ … “อย่าให้บานปลาย!”
ใช่ครับ บางครั้งปัญหาที่เราคิดว่าแย่ ได้เกิดขึ้นมาแล้ว… แต่เรากลับเลือกใช้วิธีแก้ไขที่ทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วนั้นย่ำแย่ลงไปยิ่งกว่านั้นอีก! ดังนั้น ขอให้เราตั้งสติ ขอให้เรามองดูซึ่งกันและกันด้วยสายตาอย่างที่พระคริสต์ทรงประสงค์ให้เรามี นั่นคือ มองให้เห็นเจตนาดี และความจริงใจของผู้อื่นเป็นประการแรก อย่ามองหาความผิดหรือความเลวในคนอื่นเป็นสำคัญ!
ขอให้เราเชื่อในส่วนดีของกันและกันอยู่เสมอ และขอให้เรามีใจถ่อมลงให้อภัยแก่กันในทันที อย่าเปิดช่องทางหรือให้สัมปทานกับความขมขื่นใจเข้ายึดครองพื้นที่ในใจของเราแบบผูกขาดระยะยาวเป็นอันขาด ขอให้เราเตือนสติตัวเราเองอยู่เสมอด้วยพระธรรมต่อไปนี้
“จงให้ใจขมขื่น และใจขัดเคือง และใจโกรธ และการทะเลาะเถียงกัน และการพูดให้ร้าย กับการคิดปองร้ายทุกอย่างอยู่ห่างไกลจากท่านเถิด และท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกันและอภัยโทษให้กัน เหมือนดังที่พระเจ้าได้ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่ท่านในพระคริสต์นั้น” (เอเฟซัส 4:31-32)
…แล้วคุณจะกินอิ่มนอนหลับ มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ไม่เชื่อลองดูสิครับ!
TFB – Thoughts for believers – ข้อคิดสำหรับผู้เชื่อ จาก Twitter, Facebook & Blackberry