1ทิโมธี 6:17 “สำหรับคนเหล่านั้นที่มั่งมีฝ่ายโลก จงกำชับเขาอย่าให้มีมานะทิฐิ หรือให้เขามุ่งหวังในทรัพย์ที่ไม่เที่ยง แต่จงหวังในพระเจ้าผู้ทรงประทานทุกสิ่ง เพื่อความสะดวกสบายของเรา”
ถึงเวลานั้นของปีอีกแล้ว ฉันไปหาซื้อของที่ห้าง สิ่งที่เห็นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ชั้นวางสินค้าด้านหนึ่งมีชุดแฟนซีและอุปกรณ์สำหรับงานฮาโลวีน ถัดไปเป็นของใช้สำหรับงานขอบคุณพระเจ้า มีไก่งวง ถัดไปมีต้นคริสตมาส และของสำหรับตกแต่งงานคริสตมาส ถึงแม้ฉันจะเป็นคนชอบเตรียมการล่วงหน้า … แต่ก็คิดว่ามันออกจะเร็วไปหน่อยหรือเปล่าสำหรับเตรียมฉลองเทศกาลต่างๆที่ยังมาไม่ถึง ถึงจะอย่างไร ฉันก็ไม่แพ้การทดลอง ยอมควักกระเป๋าซื้อแน่ – ด้วยเหตุผลหลักๆสองประการ
ประการแรก – ไม่มีเงินพอ บ้านเรากำลังมีปัญหาเรื่องเงิน หลายคนรอบตัวตกงาน หลายคนสูญเสียบ้านที่ครอบครัวอยู่อาศัย บางคนมีชีวิตแบบพึ่งพิงพระเจ้าวันต่อวัน อธิษฐานและหวังจะได้งาน … งานอะไรก็ได้ … เพื่อให้มีอาหารบนโต๊ะสำหรับครอบครัว ร้านขายของปลีกตอบสนองต่อสถานการณ์ด้วยการจัด “ลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี” อาทิตย์เว้นอาทิตย์ เพื่อให้คนเร่งใช้เงินก่อนถึงเทศกาล เราจำต้องใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างรอบคอบและถูกต้อง
อาจารย์สอนพระคัมภีร์ที่ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง โฮเวิร์ด เฮ็นริคส์ได้รับเชิญพร้อมภรรยาให้ไปทานอาหารเย็นที่บ้านมหาเศรษฐีท่านหนึ่ง ทั้งคู่รู้สึกกังวลที่ต้องไปใช้เวลากับคนที่มีทั้งอำนาจ เงินทอง และชื่อเสียง ระหว่างรับประทานอาหารทั้งคู่รู้สึกว่าเศรษฐีท่านนี้ง่ายๆ สบายๆและติดดิน ก่อนลากลับ โฮเวิร์ดถามท่านเศรษฐีว่า “คุณทำอย่างไรที่โตมาบนกองเงินกองทองแต่ไม่ยึดติดกับมัน?” เศรษฐียิ้มและตอบว่า “คุณพ่อคุณแม่ของผมสอนไว้ว่า ทุกอย่างในบ้านของเราถ้าไม่เป็นวัตถุสิ่งของ ก็เป็นอุปกรณ์”!!… เป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเรา!
ในฟีลิปปี 4:12 อ.เปาโลเขียนว่า “ข้าพเจ้ารู้จักที่จะเผชิญกับความตกต่ำ และรู้จักที่จะเผชิญกับความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ข้าพเจ้ารู้จักเคล็ดลับที่จะเผชิญกับความอิ่มท้องและความอดอยาก ความสมบูรณ์พูนสุข และความขัดสน”
อ.เปาโลกำลังบอกเราว่า ความพึงพอใจของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “สิ่งของ” ท่านผ่านประสบการณ์ทั้งมั่งคั่งและยากจนมาแล้ว และท่านเรียนรู้ที่จะมีความสุขอยู่กับมัน – ไม่ว่าสถานการณ์รอบตัวจะเป็นอย่างไร
สังเกตุดู อ.เปาโล “เรียนรู้” ที่จะเผชิญได้ มันไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ “เรียนรู้” แปลว่า “การไขเข้าไปสู่ความลับ” ดังนั้นสถานการณ์ของ อ.เปาโล คือการนำร่องเข้าสู่ความจริงของฃีวิต – ความพึงพอใจไม่เกี่ยวกับความร่ำรวยหรือยากจน ความพึงพอใจเป็นเรื่องการงานภายใน เป็นผลของการได้รู้จักพระเจ้า และดำเนินชีวิตอยู่ด้านหน้าเวทีแห่งนิรันดร์กาล
ประการที่สอง – เวลานั้นสั้นนัก
ผู้เขียนบทเพลงสดุดีกล่าวว่า “ขอพระองค์ทรงสอนให้นับวันของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะมีจิตใจที่มีปัญญา” (สดุดี 90:12) ทุกวันเป็นของขวัญมาจากพระเจ้า เราต้องใช้ของขวัญที่พระเจ้าประทานให้อย่างมีปัญญา ปัญญาจะทำให้เรามองเห็นเวลา – ที่ไม่ใช่เพื่อมีไว้ใช้ให้หมดไป – แต่เป็นเรื่องของการลงทุน วิธีที่เราใช้เวลาจะเป็นการลงทุนสำหรับอนาคตอันเป็นนิรันดร์
พูดถึงนิรันดร์กาล – อาทิตย์ที่แล้ว เพื่อนคนหนึ่งของครอบครัวเสียชีวิตขณะกำลังนอนหลับ เขาจากไปแบบกระทันหันและไม่ทันได้ตั้งตัวตามมุมมองของโลก แต่ฉันรู้ดีว่ามีงานฉลองต้อนรับเขาที่บนสวรรค์ เรารู้จักจามาล แบรดลี่ มากว่า 30 ปี และได้รับพระพรมากมายผ่านการรับใช้ด้านดนตรีและแบ่งปันพระกิตติคุณ ขณะที่ฉันพยายามรวบรวมความคิดเรื่องการจากไปของจามาล อดไม่ได้ที่จะคิดถึงคืนก่อนหน้าที่เขาจากไป คิดว่าเขาคงไม่รู้ตัวว่ากำลังจะได้ไปเข้าเฝ้าพระเยซูจำเพาะพระพักตร์พระองค์ จามาลเข้านอนในบ้านที่บนโลก และตื่นขึ้นมาอีกทีบนบ้านที่ในสวรรค์ เขาพร้อมอยู่แล้ว … คุณล่ะ?
บางครั้งฉันคิดว่าเรามัวแต่ใช้เวลาเตรียมงานฉลองในเทศกาลต่างๆ แทนที่จะใช้เวลาเตรียมตัวสำหรับชีวิตนิรันดร์ ปีนี้ขอเปลี่ยนค่ะ อยากให้เราเฉลิมฉลององค์พระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง และขอบพระคุณพระองค์ด้วยการเข้ามายอมจำนนอย่างหมดสิ้นต่อพระองค์
โดย: Mary Southerland
Encouragement for today: www.crosswalk.com
ข่าวประชาสัมพันธ์
- มีข้อคิดมากมายในเรื่องด้านบน บางครั้งเรามัวแต่ยุ่งเตรียมการเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ จนลืมความจริงไปว่าเราฉลองทำไม เพื่อใคร เรามัวแต่ฉาบจนลืมกระเทาะเปลือกออกดูเนื้อใน – ขอพระเจ้าอวยพรให้เรามีปัญญามองเห็นสิ่งต่างๆมากกว่าแค่รูปกายภายนอกค่ะ