“…พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ข้าพระองค์รอคอยพระองค์อยู่วันยังค่ำ” (สดุดี 25:5ข)
ฉันใช้เวลาไปหลายเดือนกับงานชิ้นนี้ ด้วยความคาดหวังและมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ในชั่วพริบตา มันพังทลายลงไม่มีชิ้นดี เหมือนกับมีดปลายหยักที่ทิ่มแทงเข้ามาในใจ ทำลายความฝันของฉันจนหมดสิ้น ความผิดหวังมันรุนแรงยากเกินกว่าจะรับไหว ฉันทำงานหนักเหน็ดเหนื่อยทุ่มเทไปที่งานชิ้นนี้ ตอนนี้ไม่เพียงแต่ผิดหวังเท่านั้น แต่ยังถูกปฏิเสธอีกด้วย
จากความผิดหวังกลายเป็นความขุ่นเคือง ไม่พอใจ และรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม…ทำไมพระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานของฉัน? ทำไมพระองค์ใส่ความฝันลงในใจฉัน เพียงเพื่อให้มันพังทลายลงมา? ทำไมพระองค์ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น? ทำไมต้องเป็นฉัน?
ถึงจะรู้ดีว่าฉันควรมีทัศนคติที่ดีกว่านี้ และไม่ท้อง่าย แต่ฉันกลับไม่รู้สึกอยากทำอีกต่อไป! ในหัวมีแต่คำถามซ้ำซาก “ทำไปอีกทำไม? ลองไปก็เสียเปล่า ถ้าพระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำไมพระองค์จะมาตอบเอาตอนนี้?”
เห็นหรือไม่ ฉันกำลังเอาความรู้สึกมาควบคุมความคิด และไล่ความเชื่อไปนั่งแถวหลัง…ที่ฉันคิดได้มีแต่ความรู้สึกผิดหวังของตัวเอง แทนที่จะคิดว่าพระเจ้าอาจทำการบางอย่างที่ความเชื่อของฉันมองไม่เห็น ฉันรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม ลืมไปหมดว่าวิถีของพระเจ้าดีที่สุด ฉันอยากเห็นผลทันตา แทนที่จะวางใจในวาระและเวลาอันพร้อมของพระเจ้า
ในที่สุดฉันก็เริ่มตระหนักได้ว่ากำลังปล่อยให้ความรู้สึกมานำหน้าความเชื่อ จึงไปอ่านสดุดี 25 และค่อยๆให้ข้อพระคำเหล่านั้นซึมเข้าไปชำระจิตวิญญาณ
ข้อ 1 “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ตั้งใจแน่วแน่ในพระองค์” ฉันรู้สึกหมดกำลังใจ ไร้คุณค่า หมดหวังและถูกปฏิเสธ จึงเข้ามาเทจิตใจและจิตวิญญาณให้กับพระเจ้า และพระองค์ทรงฟัง
ข้อ 2 “…ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ ขออย่าให้ข้าพระองค์ได้อาย ขออย่าให้ศัตรูของข้าพระองค์ได้ไชโยเหนือข้าพระองค์” พระเจ้ากำลังเตือนให้ฉันวางใจในพระองค์ ไม่ใช่ในความปรารถนาหรือความฝันของตัวเอง ไม่ใช่เป็นไปตามแบบของโลก ไม่ใช่ด้วยความสามารถ ตามเวลา และแนวคิดของตัวเอง แต่ในพระองค์เท่านั้น ฉันอธิษฐานเผื่อศัตรู – ความรู้สึกที่ยากเกินอธิบาย ความสงสัย ไม่มั่นใจ หงุดหงิดและท้อ
ข้อ 3 “เออ อย่าให้ผู้ใดๆ ที่เฝ้าพระองค์อยู่นั้นได้อาย แต่ผู้ที่ทรยศโดยใช่เหตุนั้นขอให้ได้รับความอาย” ไม่ว่าความฝันฉันจะเป็นจริงหรือไม่ ฉันจะไม่ได้รับความอับอาย พระเจ้าเป็นพระเจ้าของฉัน ถ้าแผนการของพระองค์ไม่เป็นดังที่ฉันฝัน ฉันเชื่อมั่นว่าพระสัญญานิรันดร์ของพระองค์ยังคงอยู่
ข้อ 4-5ก “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงกระทำให้ข้าพระองค์รู้จักพระมรรคาของพระองค์ ขอทรงสอนวิถีของพระองค์แก่ข้าพระองค์ ขอทรงนำข้าพระองค์ไปในความจริงของพระองค์ และขอทรงสอนข้าพระองค์…” พระคำข้อนี้หยุดฉันได้ และเริ่มคิดอย่างมีเหตุผล − ทำไมฉันมัวแต่เอาหัวชนกำแพง? ทำไมหมกมุ่นอยู่กับความขุ่นเคืองใจ? ทำไมไม่เปิดทางให้พระเจ้าเข้ามานำไปในทางของพระองค์? พระเจ้าทรงเตือนว่าพระองค์คือครูผู้สอน และเราเป็นเพียงนักเรียน
ข้อ 5ข “…พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ข้าพระองค์รอคอยพระองค์อยู่วันยังค่ำ” ถ้าฉันฝากความหวังของฉันไว้ในความผัน ความต้องการของตัวเอง ฉันก็เตรียมพร้อมที่จะล้มพลาดลง ความหวังในความชื่นชมยินดีอันเต็มเปี่ยม มาจากพระเยซูคริสต์เท่านั้น ความหวังมีในพระองค์ ไม่ใช่ในมนุษย์ อาชีพ สามี ลูก คริสตจักร เงินทอง ชีวิตที่สุขสบาย และความฝันที่เป็นจริง
ความผิดหวังเกิดขึ้นเสมอ แต่กับพระเจ้า ถึงอย่างไรเราก็ยังวางใจว่าในความผิดหวังของเราเป็นเวลาที่พระเจ้าเรียกเราให้เข้ามาวางใจในพระองค์ ขั้นแรกคือต้องฝึกฝนความเชื่อให้อยู่เหนือความรู้สึกของเรา
โดย: Tracie Miles
Encouragement for today: www.crosswalk.com
ข่าวประชาสัมพันธ์
- บันใดขั้นแรก “ฝึกฝนให้ความเชื่ออยู่เหนือความรู้สึก”
- อธิษฐานเผื่อพี่น้องที่จมอยู่ในความผิดหวัง ในความฝันที่พังทะลาย จนแทบเอาตัวไม่รอด ให้พวกเขาสามารถนำความเชื่อมาอยู่เหนือความรู้สึกได้ – ขอพระเจ้าอวยพร