มีคำเตือนสติที่ผมชอบอยู่ตอนหนึ่ง กล่าวไว้ว่า…
“มโนธรรมเตือนท่านเยี่ยงมิตร ก่อนที่มันจะลงโทษท่านอย่างตุลาการ!”
(Conscience warns you as a friend before it punishes you as a judge.)
น่าเป็นห่วงจริง ๆ ที่สังคมไทยของเราในปัจจุบันนี้ ไม่มีใครยอมฟังเสียงเตือนของมโนธรรมกันอีกต่อไปแล้ว! สังคมไทยกลายเป็นสังคมที่ขาดแคลนสิ่งที่ควรจะมีอยู่ทั่วไป นั่นคือ สามัญสำนึก! ปรากฎว่า เดี๋ยวนี้อะไร ๆ ที่เราเคยคิดว่า คนทั้งหลาย “น่าจะรู้กัน” หรือ “น่าจะสำนึกกัน” โดยทั่วไปก็กลับกลายเป็นสิ่งที่คนสมัยนี้ไม่เข้าใจ เหมือนกับไม่เคยรู้กันมาก่อนเลยว่า ต้องคิด ต้องพูด หรือต้องทำอย่างไรจึงจะเหมาะจะควร!
อาทิ เรื่อง “สัมมาคารวะ” ที่ควรจะมีให้แก่กันและกัน โดยเฉพาะต่อผู้ใหญ่หรือผู้อาวุโส เดี๋ยวนี้แทบไม่มีเลย เพราะคนรุ่นใหม่ไม่รู้จักกันแล้ว “สัมมาคารวะ” คืออะไร?
หรือ… “ความมีน้ำใจ” ที่ควรเอื้อเฟื้อหรือเอื้ออาทรต่อกันก็กลายเป็นเรื่องแปลกประหลาด หากว่าใครกระทำเช่นนั้น!
หรือ.. “ความซื่อสัตย์” กับ “ความจงรักภักดี” ที่คนเราควรมีต่อสถาบัน หรือต่อองค์กรของตนเอง ก็กลายเป็น “ประเด็นถกเถียง” หรือกลายเป็นสิ่ง “ล้าสมัย” ที่ไม่มีใครจะกระทำเช่นนั้นกันอีกต่อไปแล้ว!
หรือ… “การมีสติยั้งคิด” และ “การละอายต่อบาป” ที่ควรจะเป็นคุณธรรมพื้นฐานประจำใจของคนไทยในการอยู่ร่วมกันในชุมชนหรือสังคม เดี๋ยวนี้ก็อันตรธานหายไปจากสังคมไทยเกือบสิ้นเชิง!
…คนไทยกลับกลายเป็นคนมักง่าย ทำอะไรขาดสติ หรือปราศจากความละอายต่อบาปกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนน่าใจหาย! คำว่า “มโนธรรม” นั้นมีหมายความว่า “ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ความรู้สึกว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ” ในพระธรรมสุภาษิตก็เขียนไว้ว่า… “มโนธรรมของมนุษย์เป็นประทีปของพระเจ้า ส่องดูส่วนลึกที่สุดของเขาทั้งสิ้น” (สุภาษิต 20:27)
หากในส่วนลึกของหัวใจของเราไม่มี “มโนธรรม” ชีวิตของเราจะตกอยู่ในความมืดมิด! แต่หากเรามีมโนธรรมทำหน้าที่ดุจตะเกียงส่องอยู่ในจิตวิญญาณของเรา ชีวิตของเราจะดำเนินอยู่ในความสว่าง! ขอให้วันนี้ เราจะกลับมาร่วมด้วยช่วยกันปลูกต้นแห่งมโนธรรมขึ้นในจิตใจของคนไทยกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง แม้ว่า เราอาจจะไม่รู้ว่าผลที่ตามมาเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ผมรับประกันได้อย่างหนึ่งก็คือ ผลดีจากการทุ่มเทลงแรง ปลูกต้นมโนธรรมเหล่านี้จะมีมากกว่าผลเสียที่เกิดจากการอยู่เฉย ๆ อย่างแน่นอน!
ดังนั้น หากว่าคุณเป็นคนมีคุณธรรมและมีมโนธรรม ขอให้คุณช่วยสังคมไทยของเราโดยการกระทำกุศลดังกล่าว แม้ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่ขอให้วันนี้เราร่วมกันนำ “มโนธรรม” กลับมาสู่สังคมไทย ขอให้เรามีอุดมกาณ์ที่แน่วแน่ในการกระทำเช่นนี้ …
ดุจเดียวกับที่ มาร์ติน ลูเธอร์ (Martin Luther) เคยกล่าวไว้ว่า…“ต่อให้ผมรู้ว่าพรุ่งนี้โลกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ผมก็ยังคงจะปลูกต้นแอปเปิ้ลของผม!” (Even if I knew that tomorrow the world would go to pieces, I would still plant my apple tree.)
ฉะนั้น เพื่อให้แผ่นดินไทยของเราร่มรื่นไปด้วยร่มเงาแห่งความรู้สึกในความผิดชอบ ชั่วดี อันจะนำความสุขสันต์มาสู่ประเทศชาติบ้านเมืองของเรา…นับจากวันนี้เป็นต้นไป จนวันที่พวกเราตาย ก็ขอให้พวกเราแต่ละคนจะร่วมกันปลูกต้น “มโนธรรม” ขึ้นในใจของคนไทยอย่างน้อยวันละต้น! แบบ “Together We Can” หรือ “ร่วมกันเราทำได้!”
จะดีไหมครับ?
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์