ไม่กี่ปีมานี้ลูกชายวัยรุ่นของฉันมาหาแล้วบอกว่าอยากพาน้องๆไปกินไอศครีม ฟังดูน่าสนุก “เอาเลย เดี๋ยวแม่ไปหยิบกุญแจรถก่อน” … “เปล่าครับแม่ …เราต้องการไปกันเองเฉพาะเด็กๆ” เขารีบตอบ
“อ้าว เหรอ” ฉันพูดได้แค่นั้น แต่สมองกลับวิ่งจี๋ ในหัวเห็นแต่ภาพอุบัติเหตุร้ายแรง รับโทรศัพท์แจ้งข่าวร้ายจากตำรวจ เลยไปถึงจัดเตรียมพิธีไว้อาลัย แล้วย้อนกลับมาตรงหน้าว่าควรจะตอบปฏิเสธดีไหม แต่แล้วก็เกิดความรู้สึกแปลกๆว่าทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับคำตอบของฉัน ทั้งๆที่ใจอยากตอบว่า “ไม่ได้แน่ ถ้าแม่ไม่ไปด้วย ก็อยู่บ้านละกัน ทุกคนอยู่บ้านตลอดไป เพราะแม่ต้องให้แน่ใจว่าทุกคนปลอดภัย”
ทำไมพวกแม่ๆชอบทำเช่นนั้น? พวกเราส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่กับความกังวล กลัวไปสารพัดว่าจะมีเหตุร้ายเกิดกับลูกๆ เราแบกความกดดันเอาไว้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่มันเกินความควบคุม แล้วในความคิดนั้น บ่อยครั้งเราเตรียมจัดพิธีไว้อาลัยล่วงหน้าทั้งๆที่มันยังไม่เกิดขึ้น … ที่เราทำเช่นนี้เพราะเรารู้ดีว่าโลกที่เราอยู่นี้เต็มด้วยอันตรายและความชั่วร้าย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่มีโอกาสประสบเคราะห์กรรมเดียวกัน ไม่มีอะไรค้ำประกันชีวิตที่ปลอดภัยในวันพรุ่งนี้ และนี่คือความหนักอึ้งของหัวใจผู้เป็นแม่
ที่ฉันทำได้คือยืนถูมือไปมา มองลอดหน้าต่างออกไป ดูหัวใจของแม่กำลังปีนขึ้นรถไปด้วยกัน …แล้วฉันก็ตระหนักได้ว่า ฉันมีทางเลือก เลือกที่จะคิดไปต่างๆนานาในสิ่งที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ ไม่สามารถไปปกป้องพวกเขาได้ตลอดเวลาและตลอดไป หรือฉันเลือกที่จะฝากพวกเขาไว้ในความดูแลของพระเจ้า ทูลขอพระองค์ให้ฉันตัดสินใจเลือกทำในสิ่งที่สมควรและเป็นความจริง
ความจริงคือ – : พระเจ้าได้กำหนดวันเวลาให้กับลูกๆของฉันแต่ละคนแล้ว
ที่ฉันต้องเลือกทำคือ เพิ่มคุณภาพให้กับชีวิตของพวกเขา ไม่ใช่เพิ่มปริมาณ พวกเขาอาจจำต้องอยู่บ้านภายใต้ร่มปีกของฉัน จะไปก็ต่อเมื่อพระเยซูมารับไป “เมื่อข้าพระองค์ถูกสร้างอยู่ในที่ลับลี้ประดิษฐ์ขึ้นมา ณ ภายในที่ลึกแห่งโลก โครงร่างของข้าพระองค์ไม่ปิดบังไว้จากพระองค์” (สดุดี 139:15-16)
พระเยซูทรงมีชัยชนะเหนือความตาย เพื่อให้เราทั้งหลายไม่ต้องกลัวอีกต่อไป
แน่นอน ความตายของทุกคนที่ฉันรัก ทำให้ฉันต้องเศร้าโศก ใจแตกสลาย แต่ฉันไม่จำเป็นต้องถูกความกลัวของความตายกักขังไว้ “บุตรทั้งหลายร่วมสายโลหิตกันฉันใด พระองค์ก็ทรงเป็นเช่นนั้นด้วย เพื่อโดยทางความตายนั้นเอง พระองค์จะได้ทรงทำลายผู้ที่มีอำนาจแห่งความตาย คือมารเสียได้ และจะได้ทรงช่วยเขาเหล่านั้นให้พ้นจากการเป็นทาสชั่วชีวิต เพราะเหตุกลัวความตาย” (ฮีบรู 2:14-15)
ความตายเป็นการจากกันเพียงชั่วครู่ เราจะได้กลับมาพบกันอีก
ใน 2 ซามูเอล 12 เมื่อทารกของดาวิดสิ้นชีวิตลง ท่านตรัสว่า “มีแต่เราจะตามทางเด็กนั้นไป เขาจะกลับมาหาเราหามิได้” (ข้อ 23) ดาวิดรู้ดีว่าท่านจะพบบุตรชายของท่านอีก – ไม่ใช่วิญญาณนิรนามที่ไม่มีใครรู้จัก แต่เป็นบุตรชายที่ท่านอาลัยหา ท่านจะได้รู้จักเขา ได้โอบกอด ได้จูบ และการพรากจากกันด้วยความตายจะไม่มีอีกต่อไป
ฉันรู้ดีว่านี่เป็นเรื่องหนักสำหรับเช้าวันนี้ และไม่อาจรู้ได้ว่าเรื่องนี้จะห้ามความกลัวคุณได้หรือไม่ ได้แต่หวังว่าความจริงนี้จะทำให้คุณรู้สึกเบาใจลง … ดังนั้น ครั้งต่อไปที่เด็กๆไปกินไอศครีมกัน แทนที่จะกัดเล็บคอยด้วยความหวั่นใจ ฉันเพียงแต่ทำใจให้สบายรอพวกเขากลับมา ฉันกำลังพัฒนาไปอีกขั้น ใช่หรือไม่?
โดย : Lysa TerKeurst
Encouragement for today: www.crosswalk.com
ข่าวประชาสัมพันธ์
- พันธกิจเยี่ยมเยียนครั้งต่อไปของเราจะเป็นบ่ายวันอาทิตย์ที่ 27 มิ.ย. เราจะไปที่ “บ้านแห่งความหวัง” อยู่ภายใต้การดูแลของโบสถ์คาทอลิคแถวถนนสรงประภา มีเด็ก 82 คน อายุ 5-14 ปี
- สิ่งที่เราต้องการคือเสื้อผ้า ของเล่นเด็กที่ใช้แล้ว ของใช้ที่จำเป็น ข้าวสาร อาหารแห้ง ฯลฯ หรือจะถวายเป็นเงินสมทบทุนพันธกิจของเราก็ได้ค่ะ โดยนำของทั้งหมดมาไว้ที่คริสตจักรเพื่อให้ทีมงานได้รวบรวมจดรายละเอียด
- อยากหนุนใจให้เด็กๆและอนุชนร่วมกันรับใช้ ดังนั้นสมาชิกท่านใดจะร่วมไปด้วย ไปลงชื่อได้ที่พี่แหววค่ะ จะได้ทราบจำนวนและจัดรถถูก – อธิษฐานเผื่อด้วยนะคะ