Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

คุณคือปัญหา

“ถ้าคุณไม่เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา คุณก็คือส่วนหนึ่งของปัญหา!”

(You’re either part of the solution or part of the problem.)

ผู้ที่กล่าวประโยคข้างต้นคือ เอ็ลดริดจ์ คลีเวอร์ (Eldridge Cleaver) นักเขียนและนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนผิวดำ ซึ่งได้กล่าวไว้ในปี ค.ศ. 1968 ในช่วงนั้นมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นปัญหาใหญ่ คนผิวดำถูกกีดกันและริดรอนสิทธิ์หลายประการ ดุจไม่ใช่คน! ทั้งๆ ที่พระเจ้าตรัสสอนไว้ชัดเจนมาตั้งแต่โบราณกาลแล้วว่า…

“มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นพระฉายของพระเจ้า!” ทุก ๆ คนจึงมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน แม้ว่าจะ..

มีฐานะความเป็นอยู่ไม่เท่ากัน

มีความรู้ความสามารถไม่เท่ากัน

มีตำแหน่งยศศักดิ์ไม่เท่ากัน

มีระดับสติปัญญาไม่เท่ากัน    หรือ

มีผิวสีหรือเชื้อชาติที่แตกต่างกัน   ฯลฯ

ดังนั้น “การมี” (to have) แม้ไม่เท่าเทียมกัน แต่ “การเป็น” (to be) นั้นทุกคนเป็นเหมือนกัน นั่นคือเป็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าและเป็น “มนุษย์” ที่ถูกเนรมิตสร้างตามแบบอย่าง “พระฉายา” ของพระองค์ (His image) เราจึงเป็นผู้ที่มีความคิดสติปัญญา มีคุณธรรมโดยมีคุณสมบัติที่ถอดแบบออกมาจากพระเจ้านานาประการ อาทิ ความรัก ความดี ความยุติธรรม ความรู้ และสติปัญญา  ฯลฯ และหนึ่งในนั้นที่พิเศษก็คือ “ความสามารถในการแก้ปัญหา” ได้!  ด้วยเหตุนี้เอง

…เมื่อเกิดปัญหาเรื่องการเดินทางที่ต้องใช้เวลานาน มนุษย์จึงสร้าง รถ รถไฟ เรือ และเครื่องบิน ฯลฯ

…เมื่อเกิดปัญหาเรื่อง อาหารการกิน ที่ไม่พอเพียง มนุษย์จึงสร้างระบบเกษตรกรรม หลากหลายที่สนองความต้องการ

…เมื่อเกิดปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมหรือความอยุติธรรมมนุษย์จึงสร้างระบอบการปกครองและระบบกฎหมายขึ้นมาเพื่อลดหรือแก้ปัญหาเหล่านั้น  ฯลฯ

ดังนั้น ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา  เมื่อมนุษย์ต้องเผชิญกับปัญหานานาชนิด  พวกเขาจึงนำศักยภาพที่มีอยู่ออกมาใช้ มนุษย์จึงสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ มาได้โดยตลอด! แต่เพราะด้วยธรรมชาติบาปที่เกิดขึ้นจากการกบฎต่อพระเจ้า ทำให้มนุษย์เราใช้ศักยภาพนั้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่ให้เกียรติแก่พระเจ้าผู้ทรงสร้างเขาและต่อทรัพยากรธรรมชาติในโลก ทำให้มนุษย์กลายเป็นผู้ก่อปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมขึ้นมาและเขาเองได้กลายเป็นส่วนของปัญหาเหล่านั้น! และสาเหตุที่ทำให้ปัญหาเหล่านั้นกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขยากขึ้นก็คือ การที่แต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างมองดูฝ่ายตรงข้ามเป็น “ตัวปัญหา” หรือ “สาเหตุของปัญหา” โดยยืนกรานว่าตัวของเขาเองไม่ได้มีส่วนในการก่อปัญหาขึ้น หรือหากว่าเขามีส่วนร่วมในปัญหานั้นเขาก็จะมองเห็นว่า ที่เขาต้องเข้าร่วมในปัญหาดังกล่าวนั้นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นตัวสาเหตุในการก่อปัญหาขึ้นโดยแท้! และที่ทำให้ปัญหาบานปลายยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ การที่เรามักมีวิธีที่เอาตัวเองเข้าไปสู่ปัญหามากกว่าหาวิธีที่จะเอาตัวเองออกจากปัญหาเหล่านั้น ดังคำกล่าวที่ว่า…

“เหตุผลหนึ่งสำหรับบรรดาปัญหาของโลกนี้ก็คือ เรารู้จักวิธีเข้าสู่ปัญหามากกว่าวิธีเอาตัวเองออกจากปัญหานั้น”

(One reason for the world’s problems is that we know more ways to get into trouble than to get out of it.)

ในพระคริสตธรรมคัมภีร์มีคำเตือนมากมายให้เราเอาตัวออกห่าง และอย่านำตัวเข้าไปสู่ปัญหายุ่งยากโดยไม่จำเป็น อย่าข้องแวะกับปัญหาอันโง่เขลาและไม่เป็นสาระ ด้วยรู้แล้วว่าปัญหาเหล่านั้นก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน” (2ทธ.2:23) ดังนั้น หากเป็นไปได้ อย่าให้ความโกรธ ความเกลียดชังหรือความขมขื่นที่อยู่ในใจของเรา กระพือปัญหาความยุ่งยากให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น! ขอให้วันนี้เราระลึกถึงพระวจนะและกระทำตามดังนี้

จงระวังให้ดีอย่าให้ใครเพิกเฉยต่อพระคุณของพระเจ้า และอย่าให้มีรากขมขื่น*งอกขึ้นมา ทำความยุ่งยากให้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้คนเป็นอันมากเสียไป” (ฮบ.12:15)

จงรีบถอนรากถอนโคนต้นขมขื่นนี้ทิ้งไป ณ บัดนี้…แล้วปัญหาทุกปัญหาจะแก้ไขได้ง่ายขึ้น และทุกอย่างจะจบลงโดยเร็ว!

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.