คอลัมน์ :”ส ด แ ต่ เ ช้ า” ปี 2 (267)
คริสต์มาสแห่งความรัก!
“พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์
เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” ~ยอห์น 3:16 THSV11
“For God so loved the world that he gave his one and only Son,
that whoever believes in him shall not perish but have eternal life.” ~John 3:16 NIV
คริสต์มาสเป็นเรื่องราวของความรัก! โดยเริ่มต้นจากการที่พระเจ้าทรงรักมวลมนุษยชาติ และแสดงความรักนั้นออกมาผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์ ผู้:
- ทรงลงมาประสูติในโลกนี้ รับสภาพอย่างมนุษย์
- ทรงสั่งสอนให้มนุษย์ทั้งปวงรู้จักกับพระเจ้า
- ทรงรับใช้ปรนนิบัติมนุษย์ทั้งหลายด้วยพระทัยเมตตา
- ทรงรับความทุกข์ทรมานและสละพระชมม์ของพระองค์เพื่อไถ่บาปของมนุษย์ทั้งปวง
- ทรงสัญญาว่าจะเสด็จกลับมารับทุกคนที่เชื่อและรับการไถ่บาปนี้ไปอยู่กับพระองค์นิรันดร์กาล
ความจริงแห่งข่าวดีนี้ เป็นแก่นแท้แห่งความเชื่อในเรื่องความรักของพระเจ้า ที่ปรากฏอยู่ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ว่า
“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์” ~ยอห์น 3:16 TNCV
โดยมีปราชญ์ได้พิจารณาแยกแยะให้เห็นความจริงอันล้ำลึกฝ่ายวิญญาณเกี่ยวกับความรักของพระเจ้า จากพระธรรมอันโด่งดังข้อนี้ไว้ดังนี้
- “เพราะว่า” = เหตุผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- “พระเจ้า”= บุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- “ทรงรัก” = แรงจูงใจ หรือ แรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- “โลกนี้” = ผู้รับที่ใหญ่ยิ่งที่สุด
- “คือได้ประทาน”= การกระทำที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- “พระบุตรองค์เดียวของพระองค์” = ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- “เพื่อทุกคน”= คำเชิญชวนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- “ที่วางใจ” = เงื่อนไขธรรมดาที่ใหญ่ยิ่งที่สุด
- “ในพระบุตรนั้น”= ผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- “จะไม่พินาศ “= การช่วยกู้ให้รอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- “แต่” = ความแตกต่างที่ใหญ่ยิ่งที่สุด
- “มี” = ความแน่นอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- “ชีวิตนิรันดร์” = การครอบครองอันถาวรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ด้วยเหตุนี้ ผู้ใดที่
- 1.รู้เรื่อง และ
- 2.รู้จักกับพระเจ้า และพระคริสต์แห่งวันคริสต์มาสนี้จริงๆเป็นส่วนตัว เขาจะค่อยๆกลายเป็น “บุคคลแห่งความรัก” ไม่ว่าอดีตของเขาจะเป็นอย่างไรมาก็ตาม
ชีวิตของเขา ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การโพสต์ หรือการกระทำใดๆของเขาจะล้วนแสดงให้เห็น “พระคริสต์เจ้า”ในตัวของเขา!
- 1.เขาจะเป็นดุจ “พระคริสต์น้อย” ที่อยู่ในบ้าน ในบริษัท ในโบสถ์ หรือ ในที่ต่างๆ
- 2.เขาจะเป็นดุจ “พระคัมภีร์” เปิดออก ที่เดินไปมาให้คนทั้งหลายได้อ่านอย่างชัดแจ้ง และเมื่อพวกเขารวมตัวกันนมัสการพระเจ้า และสามัคคีธรรมร่วมกัน
- 3.พวกเขาก็จะเป็น “คริสตจักร” ของพระเจ้า
1).ที่ประกาศข่าวดี และเสนอความรักของพระคริสต์เจ้า
2).ที่เปิดประตูออกกว้างต้อนรับคนทั้งปวงให้เข้ามาหาพระคริสต์แห่งวันคริสต์มาสนี้ด้วยความกระตือรือร้น และ ความชื่นชมยินดี
- 4.พวกเขาจะเป็น “ครอบครัว” ของพระคริสต์
1).ที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักของพระคริสต์ซึ่งมีให้แก่กันทุกเวลา
2).ที่เต็มล้นด้วยความสุขแท้ที่เรียกว่า “สันติสุข”อยู่ในจิตใจตลอดกาล
ดังนั้น ทุกคนที่รู้จักกับพระคริสต์แห่งวันคริสต์มาส จะต้องกระทำ ดังนี้
“ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น
แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง” ~1 ยอห์น 3:18 THSV11
“Dear children, let us not love with words or speech but with actions and in truth.” ~1 John 3:18 NIV
และเราจะตัอง ทำเช่นนี้ ตลอดไปนั่นคือ
“จงให้ความรักฉันพี่น้องมีอยู่ต่อกันเสมอไป” ~ฮีบรู 13:1 THSV11
“Keep on loving one another as brothers and sisters.” ~Hebrews 13:1 NIV
พี่น้องที่รัก
ให้เรามาทำคริสต์มาสของเรา ให้เป็น “คริสต์มาสแห่งความรัก” อย่างแท้จริง ด้วยการแบ่งปันความรักอันแสนวิเศษนี้ให้แก่คนอื่นๆโดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ตั้งแต่เช้าวันนี้จรดค่ำ เหมือนดังที่ Jeanette Duby กล่าวไว้ว่า
“พระเจ้าเป็นความรัก พระองค์ทรงรักเรา และพระองค์ทรงติดตามหาเราด้วยความรักนั้น และเมื่อฉันได้มีประสบการณ์กับความรักของพระองค์ ฉันจึงสามารถแบ่งปันความรักกับคนอื่นๆฉันซาบซึ้งในความรักที่พระเจ้าทรงมีสำหรับฉันยิ่งนัก!”
(God is love. He loves us and He pursues us with that love. And when I experienced His love, I was able to share that love with others. I appreciate the love God has for me.)
…จะดีไหมครับ?
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (24 ธันวาคม 2022)