Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

เรื่องราวของคริสต์มาส โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (13)

คอลัมน์ : “ส ด แ ต่ เ ช้ า” ปี 2 (265)

ความเมตตาของพระคริสต์ (แห่งวันคริสต์มาส)

“คนตาบอดคนนั้นจึงร้องว่า “เยซู บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด”” ~ลูกา 18:38 THSV11

“He called out, “Jesus, Son of David, have mercy on me!”” ~Luke 18:38 NIV

ผมชอบที่ Mathew N. Schmalz กล่าวไว้ว่า

“พระเมตตาคือ การตอบสนองด้วยความรักของพระเจ้าต่อคนบาป
และความเมตตาคือการตอบสนองด้วยความรักของเราต่อคนอื่น
และต่อตัวเราเอง ในสภาพการณ์ที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ!”

(Mercy is God’s loving response to sinners; and mercy is our loving response to others and to ourselves—in circumstances of need.)

เมื่อพระเยซูคริสต์แห่งวันคริสต์มาสทรงเติบใหญ่ พระองค์ออกกระทำพระราชกิจ ด้วยการรับใช้ช่วยเหลือประชาชนทั้งหลายด้วยพระเมตตาอันใหญ่หลวง และมีหนึ่งเรื่องราวที่น่าประทับใจดังนี้

1.พระเยซูคริสต์เสด็จมาใกล้เมืองเยรีโค

2.คนตาบอดคนหนึ่ง(ชื่อ บารทิเมอัส~มก.10:46)

  • 1).นั่งขอทานอยู่ริมทาง
  • 2).ได้ยินเสียงฝูงชนเดินผ่าน
  • 3).จึงถามว่ามีเรื่องอะไร?
  • 3.พวกเขาจึงบอกว่า เยซูชาวนาซาเร็ธเสด็จผ่านมา
  • 4.คนตาบอดคนนั้นจึงร้องว่า

“เยซู บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด”

(ชื่อ “บุตรของดาวิด” = ชื่อเรียกหนึ่งของพระเมสสิยาห์ หรือ พระคริสต์ ~มธ.1:1;12:23;22:41-45;มก.10:47;12:35; ยน.7:42; สดด.89:3-4; อมส.9:11; 2ซมอ.7:12-13)

  • 5.คนที่เดินอยู่ข้างหน้านั้นจึงห้ามเขาเพื่อให้เขาเงียบ
  • 6.คนตาบอดยิ่งร้องขึ้นว่า

“บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด”

3.พระเยซู

  • 1).ทรงหยุดและ
  • 2).ทรงยืนอยู่ และ
  • 3).ทรงสั่งให้พาคนตาบอดมาหาพระองค์
  • 8.คนตาบอดเข้ามาใกล้แล้ว
  • 9.พระเยซูตรัสถามเขาว่า “ท่านปรารถนาจะให้เราทำอะไรแก่ท่าน?”
  • 10คนตาบอดทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้ข้าพระองค์เห็นได้”
  • 11.พระเยซูตรัสกับเขาว่า

“จงเห็นเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ตัวท่านหายปกติแล้ว”

( และอาจมีความหมายอีกว่า “ความเชื่อของท่าน ทำให้ท่านรอด”
~มธ.9:22; ลก.17:19;7:50; มก.5:34 ปท. มก.8:48,50
=บาปได้รับการให้อภัย และสามารถมีสันติสุขของพระเจ้าในชีวิตได้

  • 12.คนตาบอด จึง
       1).เห็นได้ในทันใด และ
       2).ตามพระองค์ไป พร้อมกับ
       3).ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
  • 13.ประชาชนเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็สรรเสริญพระเจ้าด้วย
    (การสรรเสริญพระเจ้า = ประเด็นหลักปกติ ในพระธรรมลูกา
    ~2:13,20,28;5:25-26;7:16;13:13;17:15,18;18:43;19:37;23:47;24:53
    (ลูกา 18:35-43)

ใช่ครับ ในเมื่อพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก และพระทัยเมตตา ในการ

  • 1.ช่วยเหลือและ
  • 2.รับใช้ผู้คนที่เดือดร้อน ทั้งทางกาย จิต และวิญญาณ ด้วยความถ่อมพระทัย 

เราทุกคนที่เป็นคนของพระองค์ ที่ได้ชื่อว่า เป็น”คริสตชน” ก็ควรมีจิตใจเปี่ยมด้วยเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม โดยไม่เลือกภูมิหลัง ชั้นวรรณะ เชื้อชาติ หรือ ศาสนาใด

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเองได้รับความสุขใจมากล้น จากการได้แสดงความเมตตาต่อผู้อื่น ในวิสัยที่พอจะทำได้ อาทิ ได้

  • 1.มีส่วนร่วมสมทบทุนช่วยเหลือเพื่อนสมัยเป็นนักเรียนโรงเรียนวัดที่มีปัญหาเรื่องฟันและเรื่องเงิน
  • 2.ช่วยค่าอาหารลูกคนขับแท็กซี่ ที่มีปัญหาหนี้สินและปัญหาครอบครัว
  • 3.หนุนใจและให้กำลังใจกับพี่น้องที่สูญเสียสมาชิกที่รักในครอบครัว ในงานศพ
  • 4.ให้คำปรึกษาช่วยเหลือครอบครัวที่แตกสลายแต่ประสงค์จะเริ่มต้นกันใหม่
  • 5.ช่วยประกอบพิธีสมรสให้กับคู่บ่าวสาวที่มีความขัดแย้งในครอบครัวทั้งสองฝ่ายและคืนดีกัน
  • 6.เยี่ยมเยียนผู้อาวุโสในสถานดูแล และประกาศข่าวดีคริสต์มาสและมีผู้รับเชื่อ มีกำลังใจสู้ชีวิต
  • 7.ให้คำปรึกษาแก่ผู้มีความสงสัย ความทุกข์ใจ และเจ็บป่วยท้อแท้หลายคนในกลุ่มแคร์ต่างๆ

พี่น้องที่รัก

ให้เรามาทำคริสต์มาสของเราให้มีความหมาย เหมือนอย่างที่ Calvin Coolidge แนะนำที่ว่า

“คริสต์มาสไม่ใช่เวลาหรือฤดูกาล แต่เป็นสภาวะทางความคิด การทะนุถนอมสันติสุข และ ความปรารถนาดี การบริบูรณ์ด้วยความเมตตา
เหล่านี้ คือ การมีจิตวิญญาณที่แท้จริงของวันคริสต์มาส!”

(Christmas is not a time nor a season, but a state of mind. To cherish peace and goodwill, to be plenteous in mercy, is to have the real spirit of Christmas.)

ใช่ครับ ขอให้เราแสดงความเมตตาและจิตไมตรี โดยเริ่มจาก

1.ต่อตัวเอง โดยการ

  • 1).ปล่อยวางทุกสิ่งที่ถ่วงชีวิตเราให้ต่ำลง
  • 2).ปลดปล่อยตัวเราเองให้เป็นอิสระจากความโกรธกลียด และความขมขื่นใจ
  • 3).ปฏิบัติต่อตัวด้วยความทะนุถนอมและให้รางวัลชีวิตแก่ตัวเองบ้าง

2.ต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่กำลังจำเป็นต้องได้รับความอนุเคราะห์ช่วยเหลือ โดยการ

  • 1).อธิษฐานเผื่อเขา หรือ อธิษฐานกับเขา ให้เขามีกำลังจากพระเจ้าในการสู้ชีวิต
  • 2).แบ่งปันหรือให้ปัจจัยหรือสิ่งที่จำเป็นต่อการอยู่รอดปลอดภัยให้แก่พวกเขาในยามวิกฤติ
  • 3).ช่วยพวกเขาให้พ้นจากสภาพที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะทางกายจิต หรือวิญญาณ

ขอให้เรามาเริ่มทำพันธกิจแห่งความเมตตานี้ เหมือนที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงกระทำต่อคนตาบอดในเรื่องนี้ ในทันที ในคริสต์มาสนี้ และปีใหม่นี้ เลย

…จะดีไหมครับ?

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (22 ธันวาคม 2022)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.