Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

เรื่องราวของคริสต์มาส โดย ศจ ธงชัย ประด้บชนานุรัตน์ (10)

คอลัมน์ :”ส ด แ ต่ เ ช้ า” ปี 2 (258)

ข่าวดี เราตายแล้ว!

“ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า” ~กาลาเทีย 2:20 THSV11

“I have been crucified with Christ and I no longer live, but Christ lives in me. The life I now live in the body, I live by faith in the Son of God, who loved me and gave himself for me.” ~Galatians 2:20 NIV

ข่าวด่วน! เราตายแล้ว!

ใช่ครับ

  • 1.เราไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
  • 2.เราไม่ได้อยู่ใต้บังคับของกฏบัญญัติใดๆแล้ว
  • 3.เราถูกตรึงร่วมกับพระคริสต์แล้ว

ตอนนี้ ผู้ที่มีชีวิตอยู่ในเรา คือ องค์พระเยซูคริสต์ ต่างหาก! ร่างกายยังเป็นร่างกายของเราแต่ผู้ที่สถิตและดำเนินชีวิตในร่างกายนี้ เป็น …องค์พระคริสต์แห่งวันคริสต์มาส!

1.เรามีหน้าที่เพียงให้พระองค์ทรงครอบครองร่างกายและทุกอย่างที่

  • 1).อยู่ใน และ
  • 2).อยู่กับร่างกายนี้

2.เราเพียงรับผิดชอบ

  • 1).ให้บริการพระองค์ หรือ
  • 2).ให้พระองค์ทรงใช้เรา  ก.ตามพระทัย และ  ข.ตามพระประสงค์ของพระองค์

ใช่ครับ บัดนี้ เราได้ตัดสินใจ ยอมมอบสัมปทานใน

  • ก).การจัดการและ
  • ข).การบริหารชีวิตของเรา อย่างสิ้นเชิงให้กับพระคริสต์แล้ว จนกว่าจะถึงเวลาที่พระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงกายนี้ให้มีเกียรติสิริในวันที่พระองค์เสด็จกลับมารับเรา

เหมือนตอนที่นางฮันนาห์มอบถวายสัมปทานตลอดชีวิตของซามูเอล บุตรชายของนางให้แก่พระเจ้า

“เพราะฉะนั้นดิฉันเองถวายเขาแด่พระยาห์เวห์ เขาถูกถวายแด่พระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา!” ~1 ซามูเอล 1:28 THSV11

“So now I give him to the Lord.  For his whole life he will be given over to the Lord.” ~1 Samuel 1:28 NIV

พี่น้องที่รัก

ไม่มีใครเป็นคนชอบธรรมได้ โดยการมีชีวิตทำตามธรรมบัญญัติได้ 100% ทั้งๆที่ธรรมบัญญัตินั้น

  • 1.บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์
  • 2.ชอบธรรม(ยุติธรรม) และ
  • 3.ดีงาม

“เพราะฉะนั้น ธรรมบัญญัติจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบัญญัตินั้นก็ศักดิ์สิทธิ์ ยุติธรรมและดีงาม” ~โรม 7:12 THSV11

“So then, the law is holy, and the commandment is holy, righteous and good.” ~Romans 7:12 NIV

อย่าให้เราถือเอา การปฏิบัติตามกฏ บัญญัติต่างๆมาเป็นฐานเพื่อรับ

  • 1.การยอมรับ หรือ
  • 2.การโปรดปรานจากพระเจ้า จนกระทั่ง
  • 1).เราเกิดความหลงตน เย่อหยิ่ง เปรียบเทียบคนอื่นกับความชอบธรรมของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อตัวเราเคร่งครัดในการรักษาธรรมบัญญัติเหล่านั้นได้ดีกว่าผู้อื่น หรือ
  • 2).เราเกิดความท้อใจ สิ้นหวัง เมื่อเปรียบเทียบกับความชอบธรรมของคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เราดำเนินชีวิตห่างไกลจากมาตรฐานของธรรมบัญญัติเหล่านั้น

ดังนั้น ข่าวดีคือ ในวันคริสต์มาสนี้ พระเยซูคริสต์องค์พระผู้ช่วยให้รอด เสด็จลงมารับสภาพมนุษย์ และประทานตัวพระองค์เอง เพื่อ ไถ่เราให้รอดพ้น

  • 1.จากโทษของการไม่ทำตามธรรมบัญญัติอันศักดิ์สิทธิ์ และ
  • 2.จากโทษของการทำบาปที่ต้องตายนิรันดร์

เราจึงได้รับการอภัยบาป และการจ่ายหนี้บาปแทนจากพระเยซูคริสต์แบบหมดสิ้นแล้ว 100% เมื่อเราเชื่อและรับการไถ่บาปแทนของพระคริสต์

เราจึงรอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และ

  • 1).ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์
  • 2).ได้รับการประกาศ หรือถูกนับว่า เป็นผู้ชอบธรรมแล้วจากพระเจ้า (แม้มนุษย์ยังไม่ยอมรับก็ตาม)

นี่คือข่าวดีสุดยอด ที่เรียกว่า “ข่าวประเสริฐ” หรือที่คนสมัยก่อนเรียกว่า “พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์!”

ดังนั้น หากเราได้รับความรอด (บาปและโทษจากการทำบาป) โดยพระคุณเพราะความเชื่ออันยอดเยี่ยมนี้แล้ว ก็อย่าให้เรากลับไปเอา ระบบการทำตัวให้ชอบธรรมโดยการทำตามธรรมบัญญัติมาปะปนผสมกับพระคุณนี้ จนสับสนวุ่นวายไปหมด!

จงจำไว้เสมอว่า

# ยึดระบบบัญญัติ+ พระคุณ = ทำให้กางเขนถูกเย้ยหยัน

เพราะเป็น

  • 1. บิดเบือนพระคุณของพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์ และ
  • 2.ทำให้การเสด็จมาสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปมนุษย์ของพระเยซูคริสต์ต้องเสียไปเปล่าๆ

แต่กระนั้น เราก็ต้องระวัง เช่นกันว่า

# การรับพระคุณ + การทิ้งธรรมบัญญัติ + การทำตามเนื้อหนัง = ทำให้พระคุณของพระเจ้าเป็นโมฆะ

ดังนั้นวันนี้ หากเรากลับใจจากบาป หันมาเชื่อ และรับพระคุณของพระคริสต์แห่งวันคริสต์มาสนี้แล้ว ขอให้เราตระหนักและยึดความจริงนี้ไว้เสมอว่า

1.พระคริสต์ตายเพื่อไถ่บาปเราแล้ว

2.เราก็ตายร่วมกับพระองค์แล้ว เราไม่ได้มีชีวิตขึ้นอยู่ หรือ

  • 1).ตามบัญญัติ หรือ
  • 2).ตามใจของเรา อีกต่อไป

3.พระคริสต์ที่เป็นขึ้นมาจากตาย ต่างหากมีชีวิตอยู่ในเรา และนำชีวิตของเราในเวลานี้

4.เราต้องยอมให้ความร่วมมือกับพระองค์ในการใช้

  • 1).ร่างกายของเรา
  • 2).ทุกสิ่งที่อยู่กับ หรือ อยู่ภายใต้การดูแลของร่างกายนี้ .ตามพระทัย และ .ตามพระประสงค์ของพระคริสต์ผู้รับสัมปทาน
    ในการใช้ร่างกายนี้ ตลอดไปจนกว่ากายนี้ จะใช้ไม่ได้อีกต่อไป

5.เราจะดำเนินชีวิตที่เหลือในร่างกายนี้ โดยความเชื่อในพระคริสต์ ผู้

  • 1).ได้ทรงรักเรา และ
  • 2).ได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อเรา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อพระเจ้า และสังคมต่อไป

เหมือนดังที่ John Piper กล่าวว่า

“เมื่อข้าพเจ้าเชื่อในพระเยซู ข้าพเจ้าได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์แล้ว เพราะฉะนั้น สิ่งใดที่พระองค์ได้กระทำหรือได้มาก็ล้วนกลายเป็นของข้าพเจ้าด้วยเช่นกัน โดยการหลอมรวมกับพระองค์ผ่านทางความเชื่อเท่านั้น ชีวิตอันชอบธรรมของพระองค์จึงอยู่ภายในตัวข้าพเจ้าแล้ว
สิ่งที่พระคริสต์ได้กระทำสำเร็จแล้ว ก็ถือว่าเป็นของข้าพเจ้าด้วย!”

(When I believe in Jesus, I am united to Christ. Therefore, what he did and achieved becomes mine by this union through faith alone. His righteous life is imputed to me. What Christ achieved is counted as mine.)

พี่น้องที่รัก

…คุณเชื่อเช่นนี้ ไหมครับ?

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (15 ธันวาคม 2022)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.