คอลัมน์ : “ส ด แ ต่ เ ช้ า” ปี 2 (254)
คริสต์มาส: 14×3
“แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา
ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ” ~กาลาเทีย 4:4 THSV11
“But when the set time had fully come, God sent his Son, born of a woman, born under the law, to redeem those under the law, that we might receive adoption to sonship.” ~Galatians 4:4-5 NIV
Max Lucado กล่าวว่า
“เมื่อพระคริสต์มาบังเกิด ความหวังของเราก็บังเกิดขึ้น!” (When Christ was born so was our hope.)
พระเยซูคริสต์มาบังเกิด ผ่านลำดับพงศ์และเชื้อสายของดาวิด (พระเมสสิยาห์) ผู้สืบตระกูลมาจากอับราฮัม ดังนี้
I.นับตั้งแต่อับราฮัมลงมาจนถึงดาวิด มีสิบสี่ชั่วคน ~ช่วงเวลาขาขึ้นของชนชาติของพระเจ้าจากการทรงเรียกของพระเจ้า
- 1.อับราฮัมมีบุตรชื่ออิสอัค
- 2.อิสอัคมีบุตรชื่อยาโคบ
- 3.ยาโคบมีบุตรชื่อยูดาห์และพี่น้องของเขา
- 4.ยูดาห์มีบุตรชื่อเปเรศกับเศราห์ซึ่งเกิดจากนางทามาร์
- 5.เปเรศมีบุตรชื่อเฮสโรน
- 6. เฮสโรนมีบุตรชื่อราม
- 7.รามมีบุตรชื่ออัมมีนาดับ (พ่อตาของอาโรน~อพย.6:23)
- 8.อัมมีนาดับมีบุตรชื่อนาโชน
- 9.นาโชนมีบุตรชื่อสัลโมน
- 10.สัลโมนมีบุตรชื่อโบอาสซึ่งเกิดจากนางราหับ(ห่างจากดาวิดมากแต่ไม่ได้บันทึกชื่อทุกคน)
- 11.โบอาสมีบุตรชื่อโอเบดซึ่งเกิดจากนางรูธ
- 12.โอเบดมีบุตรชื่อเจสซี
- 13.เจสซีมีบุตรชื่อดาวิดผู้เป็นกษัตริย์
- 14.ดาวิดมีบุตรชื่อซาโลมอนเกิดจากนางซึ่งแต่ก่อนเป็นภรรยาของอุรียาห์
II.นับตั้งแต่ดาวิดลงมา จนถึงคราวถูกกวาดไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลนมีสิบสี่ชั่วคน ~ช่วงเวลาขาลง ของชนชาติของพระเจ้า จากการทำบาปของพวกเขา
- 1.ดาวิดมีบุตรชื่อซาโลมอน
- 2.ซาโลมอนมีบุตรชื่อเรโหโบอัม
- 3.เรโหโบอัมมีบุตรชื่ออาบียาห์
- 4.อาบียาห์มีบุตรชื่ออาสา
- 5.อาสามีบุตรชื่อเยโฮชาฟัท
- 6.เยโฮชาฟัทมีบุตรชื่อโยรัม
- 7.โยรัมมีบุตรชื่ออุสซียาห์(มีหลายชื่อถูกละไป เพื่อสะดวกในการจัดหมวดหมู่)
- 8.อุสซียาห์มีบุตรชื่อโยธาม
- 9.โยธามมีบุตรชื่ออาหัส
- 10. อาหัสมีบุตรชื่อเฮเซคียาห์
- 11.เฮเซคียาห์มีบุตรชื่อมนัสเสห์
- 12. มนัสเสห์มีบุตรชื่ออาโมน
- 13.อาโมนมีบุตรชื่อโยสิยาห์
- 14.โยสิยาห์มีบุตรชื่อเยโคนิยาห์ (จริงๆโยสิยาห์ เป็นบิดาของเยโฮยาคิม) และพี่น้องของเขา เกิดเมื่อคราวต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลน หลังจากถูกกวาดไปที่กรุงบาบิโลนแล้ว
III.นับตั้งแต่คราวถูกกวาดไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลน จนถึงพระคริสต์มีสิบสี่ชั่วคน ~ช่วงเวลาขาขึ้นสู่สวรรค์ ของชนชาติของพระเจ้า ทางพระเยซูคริสต์เจ้า
- 1.โยสิยาห์มีบุตรชื่อเยโคนิยาห์และพี่น้องของเขา เกิดเมื่อคราวต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลน
- 2.เยโคนิยาห์ก็มีบุตรชื่อเชอัลทิเอล
- 3.เชอัลทิเอลมีบุตรชื่อเศรุบบาเบล
- 4.เศรุบบาเบลมีบุตรชื่ออาบียุด
- 5.อาบียุดมีบุตรชื่อเอลียาคิม
- 6. เอลียาคิมมีบุตรชื่ออาซอร์
- 7.อาซอร์มีบุตรชื่อศาโดก
- 8.ศาโดกมีบุตรชื่ออาคิม
- 9.อาคิมมีบุตรชื่อเอลีอูด
- 10. เอลีอูดมีบุตรชื่อเอเลอาซาร์
- 11.เอเลอาซาร์มีบุตรชื่อมัทธาน
- 12.มัทธานมีบุตรชื่อยาโคบ
- 13.ยาโคบมีบุตรชื่อโยเซฟผู้เป็นสามีของนางมารีย์
- 14.พระเยซูที่เรียกว่าพระคริสต์ก็ประสูติมาจากนางมารีย์นี้ (ไม่เขียนว่าโยเซฟเป็นบิดาของพระเยซู) มัทธิว ถือว่า พระเยซูคริสต์เป็นบุตรตามกฎหมายของโยเซฟ จึงถือว่าเป็นเชื้อสายของดาวิด (ลก.2:33; ยน.1:45)
พระเยซูคริสต์ ทำให้พันธสัญญาที่พระเจ้ากระทำไว้
- 1).กับอับราฮัม ~สำเร็จ ~ปฐก.12:2-3;15:9-21;17;ศคย.9:10
- 2).กับดาวิด ~ สำเร็จ ~2ซมอ.7:5-16
สรุป
มัทธิวผู้เขียน จัดหมวดหมู่เชื้อสายของพระเยซูคริสต์แบ่งเป็น 3 ช่วงๆละ 14 ชั่วคน
- 1.ดังนั้นตั้งแต่อับราฮัมลงมาจนถึงดาวิดมีสิบสี่ชั่วคน และ
- 2.นับตั้งแต่ดาวิดลงมา จนถึงคราวถูกกวาดไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลนมีสิบสี่ชั่วคน และ
- 3.นับตั้งแต่คราวถูกกวาดไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลน จนถึงพระคริสต์มีสิบสี่ชั่วคน ~มัทธิว 1:1-17 THSV11
คือเมื่อพระเยซูคริสต์ทรงเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ อยู่ท่ามกลางเราในวันคริสต์มาส
“พระวาทะทรงเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา เราเห็นพระสิริของพระองค์ คือ พระสิริที่สมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดาบริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง” ~ยอห์น 1:14 THSV11
มัทธิว บันทึกเรื่องราวพงศ์พันธุ์ของพระเยซูคริสต์ด้วยการแบ่งเป็น 3 ช่วงละ 14 คนนั้น (ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ 14 ชั่วคนจริงๆ) ท่านคงมีหลายเหตุผลที่ทำเช่นนั้น
- 1).ท่านเป็นนักบัญชีที่ชอบตัวเลข
- 2).ท่านใช้เทคนิคเพื่อช่วยในการจัดระบบระเบียบเพื่อสะดวกในการจดจำ
- 3).ท่านใช้เลข 14 เพราะเป็น 2 เท่าของเลข 7 (ซึ่งเป็นเลขแห่งความอุดมสมบูรณ์ ) หรือ
- 4).ท่านใช้เลข 14 เพราะเป็นค่าตัวเลขของชื่อดาวิด ~ซึ่งเชื่อว่าคนทั่วไปคงเข้าใจในเจตนาของเขาที่ทำเช่นนั้น
น่าสนใจที่ในลำดับวงศ์ของพระเยซูคริสต์กล่าวถึงผู้หญิง 5 คน ซึ่งปกติคนยิวทั่วไปจะไม่ทำเช่นนั้น คือ
- 1).นางทามาร์ (ลูกสะใภ้ที่มีเพศสัมพันธ์กับพ่ออดีตสามี)~1:3
- 2).นางราหับ (หญิงโสเภณี)~1:5
- 3).นางรูธ (แม่ม่ายสามีตาย) ~1:5
- 4).นางบัทเชบา (นางซึ่งแต่ก่อนเป็นภรรยาของอุรียาห์ /ถูกล่วงละเมิดทางเพศ))~ 1:6
- 5).นางมารีย์ (สาวน้อยพรหมจารี)~ 1:16
แสดงว่า พระเจ้ามิได้จำกัดวงพระราชกิจของพระองค์อยู่กับเฉพาะ
- ~ผู้ชาย
- ~คนอิสราเอล
- ~คนดีมีฐานะ
- ~คนสมบูรณ์แบบ เท่านั้น
พระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคน และให้โอกาสทุกคนที่จะ
- 1).ได้รู้จักและ
- 2).ได้รับความรักอันวิเศษนั้น โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ หรือมีเงื่อนไขใดๆ
ขอเพียงให้เรา
- 1.กลับใจจากบาป
- 2.ถ่อมใจ รับการทรงไถ่จากพระคริสต์แห่งวันคริสต์มาส
- 3.ดำเนินชีวิตอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตามวิถีที่นำไปสู่ความสุข และความยินดี และ
- 4.เฉลิมฉลองวันคริสต์มาส ด้วยการให้ พระเยซูคริสต์ทรงเป็น
1).พระผู้เป็นเจ้า คือเป็น ก.เจ้านาย ข.เจ้าของ 2).ผู้ทรงนำทางในชีวิตของเรา ด้วยความเชื่อ ความหวังและความรัก ก.ในพระองค์ และ ข.ในเพื่อนมนุษย์ อย่างสุดหัวใจ
แล้วทุกวันในชีวิตของเราก็จะกลายเป็นวันคริสต์มาสที่มีความหมาย ในทันที!
…จะดีไหมครับ?
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (11 ธันวาคม 2022)