คอลัมน์ :”ส ด แ ต่ เ ช้ า” ปี 2 (253)
คริสต์มาสมา ความกลัวไป!
ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังพวกท่าน เป็นความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาถึงคนทั้งหลาย เพราะว่าในวันนี้ พระผู้ช่วยให้รอดของพวกท่านคือ พระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้ามาประสูติที่เมืองของดาวิด” ลูกา 2:10-11 THSV11
But the angel said to them, “Do not be afraid. I bring you good news that will cause great joy for all the people. Today in the town of David a Savior has been born to you; he is the Messiah, the Lord.” ~Luke 2:10-11 NIV
Seneca เคยพูดว่า
“ที่ไหนมีความกลัว ที่นั่นไม่มีความสุข!” (Where Fear is, Happiness is not!)
คนจำนวนมากไม่มีความสุข เพราะเขากลัว! ไม่ว่าจะกลัว
- 1).สิ่งที่กำลังอยู่ตรงหน้า
- 2).สิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว หรือ
- 3).สิ่งที่จะเกิดตามมา
หนึ่งในท่ามกลางคนที่มีความกลัวเหล่านั้น ก็คือพวกคนเลี้ยงแกะ! พวกเขาเป็นคนที่ต่ำต้อย ไร้อนาคต ไม่มีความหวัง
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ เล่าเรื่องราววันคริสต์มาส ที่เกี่ยวกับคนเลี้ยงแกะไว้ดังนี้
- 1.พวกคนเลี้ยงแกะอยู่กลางทุ่ง (ไม่ว่าจะฤดูอะไร หนาวหรือร้อน แกะต้องกินอาหารทุกวัน) กำลังเฝ้าฝูงแกะของเขาในเวลากลางคืน
(พระวิหารต้องการแกะเพื่อใช้เป็นเครื่องบูชาตลอดทั้งปี และแกะจะถูกเลี้ยงในทุ่งใกล้เบธเลเฮมโดยมีคนเฝ้าให้พ้นจากขโมย และสัตว์ร้าย) - 2.ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า (เป็นชื่อใช้เรียกทูตสวรรค์ ตลอดเรื่องการประสูติ ใน ลก.2:13,19;1:1;มธ1:20.24 ~สันนิษฐาน ว่าเป็นกาเบรียล ,1:19,26 ปท.16:7) มาปรากฏแก่พวกเขา และพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบเขา
- 3.พวกคนเลี้ยงแกะกลัวนัก
- 4.ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า
“อย่ากลัวเลย …เพราะเรานำข่าวดีมายังพวกท่าน เป็นความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาถึงคนทั้งหลาย เพราะว่าในวันนี้ พระผู้ช่วยให้รอดของพวกท่าน คือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้ามาประสูติที่เมืองของดาวิด นี่จะเป็นหมายสำคัญสำหรับพวกท่าน คือท่านจะพบพระกุมารนั้นพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า”
# “พระผู้ช่วยให้รอด”=ชาวยิวต่างรอคอยผู้นำทางการเมืองที่จะมาปลดปล่อยพวกเขาจากการถูกปกครองโดยคนต่างชาติ แต่บางคนก็หวังว่าพระองค์จะช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากความเจ็บไข้ได้ป่วยและปัญหาทางกายภาพ แต่คำประกาศนี้ชี้ให้เห็นว่าพระผู้ช่วยรอดนี้จะมา ช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากความบาปและความตาย มธ.1:21; ยน.4:42
# “องค์พระผู้เป็นเจ้า” =คำที่เดิมใช้หมายถึงพระเจ้า แต่ต่อมาใช้หมายถึงพระเมสสิยาห์ หรือพระคริสต์ด้วย ~กจ.2:36;ฟป.2:11
- 5. ชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาปรากฏอยู่กับทูตสวรรค์องค์นั้น ร่วมสรรเสริญพระเจ้าว่า
“พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น”
# คำสรรเสริญสั้นๆนี้ เรียกกันว่า “ Gloria in Excelsis Deo” ซึ่งเป็นข้อความแรกในพระคัมภีร์ฉบับลาตินวุลเกต แปลว่ ‘ขอพระเกียรติสิริมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด’ ~ในที่นี้ ทูตสวรรค์แสดงการยอมรับในพระเกียรติสิริและพระบารมีของพระเจ้าด้วยการสรรเสริญพระองค์
# “สันติสุข” = ไม่ได้มีแก่ทุกคน แต่เฉพาะกับผู้ที่พระเจ้าเห็นชอบ พอพระทัย หรือโปรดปราน ~ลก.3:22;10:21;12:32
โรมควบคุมให้มีสันติสุขภายนอกที่เรียกว่า Pax Romana (สันติสุขแห่งโรม) โดยวัดจากความสงบสุขภายนอกซึ่งชั่วคราว แต่ทูตสวรรค์ประกาศเรื่องสันติสุขที่ล้ำลึกและยั่งยืนถาวรภายใน นั่นคือ สันติสุขแห่งจิตวิญญาณและจิตใจที่มาจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้ช่วยให้รอด (รม.5:1) ซึ่งเป็นพระเมสสิยาห์ ผู้สืบเชื้อสายมาจากดาวิด ทรงมีพระนามว่า “องค์สันติราช” (Prince of Peace) -อสย.9:6
พระเยซูคริสต์ทรงสัญญาว่าจะมอบสันติสุขให้แก่ผู้ที่ติดตาม พระองค์ ~ยน.14:27;ฟป.4:7
- 6.ทูตสวรรค์เหล่านั้นไปจากพวกเขาขึ้นสู่สวรรค์แล้ว
- 7.บรรดาคนเลี้ยงแกะก็พูดกันว่า “ให้เราไปยังเมืองเบธเลเฮมดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแจ้งกับเรา”
- 8.พวกคนเลี้ยงแกะเขาก็รีบไป แล้ว ก).พบนางมารีย์กับโยเซฟ และ
ข).พบพระกุมารนั้นนอนอยู่ในรางหญ้า - 9.พวกคนเลี้ยงแกะเห็นแล้วจึงเล่าเรื่องที่เขาได้ยินถึงพระกุมารนั้น
- 10.คนทั้งหลายที่ได้ยินก็ประหลาดใจเกี่ยวกับเรื่องที่คนเลี้ยงแกะบอกกับเขา
- 11.นางมารีย์ก็ ก).เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้และ ข).รำพึง (ใคร่ครวญ) อยู่ในใจ
- 12.บรรดาคนเลี้ยงแกะจึงกลับไป ก).ถวายพระเกียรติและ ข). สรรเสริญพระเจ้า สำหรับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เขา ก.ได้ยินและ ข.ได้เห็นดังที่กล่าวไว้กับพวกเขา
- 13.มารีย์และโยเซฟ จึงให้นาม พระกุมาร นั้นว่า เยซู หลังจากครบแปดวันซึ่งให้พระกุมารนั้นเข้าสุหนัต (ปฐก.17:10; ยน.7:22) ดังที่ทูตสวรรค์กล่าวไว้ก่อนที่พระองค์จะปฏิสนธิในครรภ์ ~ลูกา 2:8-21 THSV11
พี่น้องที่รัก
อย่าให้ความกลัวโน่นกลัวนี่ ครอบงำชีวิตของเราจนปราศจากความสุข
Zig Ziglar กล่าวไว้น่าคิดว่า
# ความกลัวมี 2 ความหมาย คือ
- 1.ลืมทุกสิ่งแล้ววิ่งหนี หรือ
- 2.ลุกขึ้นแล้วเผชิญกับทุกอย่าง แต่คุณต้องเลือกเอาเอง!”
(Fear has two meanings: ‘Forget Everything And Run’ or ‘Face Everything And Rise.’ The choice is yours.”
ใช่ครับ เราจะเผชิญทุกอย่างในทุกสถานการณ์ได้อย่างมีความสุขแท้ที่เรียกว่าสันติสุข เมื่อเรามีพระเยซูคริสต์เจ้าสถิตอยู่กับเรา เหมือนดังที่ Thomas Watson กล่าวว่า
“ถ้าพระเจ้าเป็นพระเจ้าของเรา พระองค์จะประทานสันติสุขให้แก่เราในท่ามกลางความยากลำบากนั้น เมื่อมีพายุพัดกระหน่ำจากภายนอก พระองค์จะสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นภายใน โลกสามารถสร้างยุ่งยากลำบากได้ในท่ามกลางสันติภาพ แต่พระเจ้าสามารถสร้างสันติสุขได้ในท่ามกลางความลำบากยุ่งยาก!”
(If God be our God, He will give us peace in trouble. When there is a storm without, He will make peace within. The world can create trouble in peace, but God can create peace in trouble.)
วันนี้ ให้เราพิชิตความกลัวในชีวิต ด้วยสันติสุขที่มาจากพระคริสต์แห่งวันคริสต์มาสนี้
…จะดีไหมครับ?
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (10 ธันวาคม 2022)