คอลัมน์ :”ส ด แ ต่ เ ช้ า” ปี2 (250)
เอลีซาเบธ เศคาริยาห์ และคริสต์มาส
“นี่แน่ะ เพราะท่านไม่ได้เชื่อถ้อยคำของเราที่จะสำเร็จตามกำหนด
ท่านจะเป็นใบ้ พูดไม่ได้จนกว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น”” ~ลูกา 1:20 THSV11
“You have not believed what I have said. So you will not be able to say a thing until all this happens. But everything will take place when it is supposed to.”” ~Luke 1:20 CEV
Germany Kent กล่าวว่า
“จงให้ชีวิตของคุณสะท้อนความศรัทธาที่คุณมีในพระเจ้า ไม่ต้องกลัวสิ่งใด และให้อธิษฐานเกี่ยวกับทุกสิ่ง จงเข้มแข็ง จงไว้วางใจในพระวจนะของพระเจ้า และจงวางใจในกระบวนการ!”
(Let your life reflect the faith you have in God. Fear nothing and pray about everything. Be strong, trust God’s word, and trust the process.)
วันนี้ ผมอ่านพระคัมภีร์ค่อนข้างยาว ได้เห็นบทเรียนของกระบวนการของความศรัทธาที่เราพึงมี ผมขอแบ่งเรื่องราว ที่เป็นบทนำของวันคริสต์มาส ออกเป็น 2 ตอน ดังนี้
ตอนแรก:
1. เศคาริยาห์เป็นปุโรหิต ในสมัยที่เฮโรด (37-4 ก.ค.ศ).ครองราชย์อยู่ เขามีภรรยาชื่อเอลีซาเบธ
- 1).ทั้ง 2 ต่างก็สืบเชื้อสายมาจากอาโรนด้วย
- 2).ทั้งคู่ ล้วนเป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า
- 3).ทั้ง 2 ยึดถือบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ทั้งปวงขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่มีที่ติ แต่
- 4).ทั้ง 2 ไม่มีบุตรเพราะ ก.เอลีซาเบธเป็นหมัน และ ข.ทั้งสองก็ชราแล้ว
2. เศคาริยาห์กำลังปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตต่อหน้าพระเจ้า โดยเข้าไปเผาเครื่องหอมบูชาในพระวิหาร ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
- โดย ผู้นมัสการทั้งปวงที่ชุมนุมกันก็กำลังอธิษฐานอยู่ข้างนอก
3. ทูตองค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่เขาโดยยืนอยู่ด้านขวาของแท่นเผาเครื่องหอม
4. เศคาริยาห์เห็นก็ตกใจกลัว
5. ทูตนั้นกล่าวกับเขาว่า “เศคาริยาห์เอ๋ย อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธภรรยาของท่านจะคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อเขาว่า ‘ยอห์น’ (ยอห์น ชื่อนี้แผลงมาจากคำฮีบรู ที่แปลว่า “พระเจ้าทรงพระคุณ”)
- 1).เขาจะเป็นความชื่นชมยินดีและความสุขใจแก่ท่านและ
คนทั้งหลายจะปีติยินดีที่เขาเกิดมา - 2).เขาจะยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า
- 3).เขาจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นและของมึนเมาเลย และ
- 4).เขาจะเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ตั้งแต่เกิด(จนตลอดชีวิต)
- 5).เขาจะนำชนอิสราเอลมากมายกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของพวกเขา และ
- 6).เขาจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยจิตใจและฤทธิ์อำนาจของเอลียาห์ (แต่ไม่ใช่เอลียาห์กลับชาติมาเกิด) ก.เพื่อให้จิตใจของบิดาหันมาหาบุตรและให้คนดื้อด้านหันมาสู่สติปัญญาของผู้ชอบธรรม
ข.เพื่อจัดเตรียมชนชาติหนึ่งไว้สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า”
“อย่ากลัวเลย” = ถ้อยคำที่พระเจ้าใช้สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เชื่อพระองค์เสมอมา (ลก.1:30;2:10;5:10;8:50;12:7,32; ปฐก.15:1;21:17;26:24; ฉธบ.1:21;ยชว.1:9;8:1)
6. เศคาริยาห์ถามทูตนั้นว่า “ข้าพเจ้าจะแน่ใจในเรื่องนี้ได้อย่างไร?
ตัวข้าพเจ้าก็ชราและภรรยาก็อายุมากแล้ว”
7. ทูตนั้นตอบว่า “เราคือกาเบรียล (ชื่อนี้ แปลว่า “พระเจ้าเป็นวีรบุรุษหรือ “ผู้แกร่งกล้าของพระเจ้า”) เรายืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้า พระองค์ทรงใช้เรามาพูดกับท่าน และให้มาบอกข่าวดีนี้แก่ท่าน บัดนี้ท่านจะเป็นใบ้ตราบจนวันที่สิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะท่านไม่เชื่อคำของเราซึ่งจะเป็นจริงเมื่อถึงเวลาที่กำหนด”
8. เศคาริยาห์ออกมาก็พูดกับใครไม่ได้
9. คนทั้งหลายที่รอปุโรหิตออกมากล่าวคำอวยพร ก็ตระหนักว่าเขาได้เห็นนิมิตในพระวิหาร
10. เศคาริยาห์ทำหน้าที่จนครบกำหนดเวลา(1สัปดาห์ทุกๆ6เดือน)แล้วก็กลับบ้าน
11. เอลีซาเบธภรรยาของเขาตั้งครรภ์ในเวลาต่อมา และเก็บตัวอยู่ห้าเดือน
12. เอลีซาเบธ กล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำการนี้เพื่อข้าพเจ้า บัดนี้พระองค์ทรงสำแดงความโปรดปรานและทรงขจัดความอดสูของข้าพเจ้าในหมู่ผู้คนไป”” ~ลูกา 1:5-25
( การไม่มีบุตรในสมัยนั้น ทำให้
- 1.คนเป็นพ่อแม่ ไม่ทีความสุข
- 2.คนทั่วไปถือว่าพระเจ้าไม่โปรดปรานครอบครัวนั้น
- 3.สังคมจะประณาม)
ตอนที่2:
1. นางเอลีซาเบธให้กำเนิดบุตรชาย เมื่อถึงกำหนดคลอด
2. เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องของนางได้ยินว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระเมตตาแก่นางอย่างมาก
3. เขาทั้งหลายก็พากันมาร่วมชื่นชมยินดี
4. พวกเขาพากันมาให้ทารกนั้นเข้าพิธีสุหนัต เมื่อถึงวันที่แปด
5. พวกเขากำลังจะตั้งชื่อทารกนั้นว่า เศคาริยาห์ ตามชื่อบิดาผู้เป็นปุโรหิต
6. เอลีซาเบธ ผู้เป็น มารดากลับท้วงติงตอบว่า “ไม่ได้ จะต้องตั้งชื่อเด็กคนนี้ ว่ายอห์น”
7. พวกเขาตอบนางว่า “ไม่มีใครในพวกหมู่ญาติของท่านที่มีชื่ออย่างนั้น”
8. พวกเขาจึงทำท่าทางบุ้ยใบ้กับ เศคาริยาห์ผู้เป็นบิดา และถามว่า
“ท่านอยากจะให้บุตรนั้นชื่ออะไร?”
9. บิดาจึงขอกระดานชนวนมา เขียนว่า “ชื่อของเขาคือยอห์น”
10. คนทั้งหลายก็ประหลาดใจ
11. เศคาริยาห์ก็เริ่มสรรเสริญพระเจ้า
- 1).ปากของเขาก็เปิด
- 2).ลิ้นของเขาก็หายติดขัด กลับเป็นปกติพูดได้อีก
(การสรรเสริญพระเจ้า เป็นประเด็นหลักในพระธรรมลูกา: 2:13,20,28; 5:25-26; 7:16;13:13; 17:15,18;18:43;19:37;23:47;24:53)
12. เพื่อนบ้านของเขาก็เกิดความเกรงกลัว
13. ผู้คนพากันโจษจันเรื่องนี้ และเหตุการณ์นี้ก็เลื่องลือไปทั่วแถบภูเขาแคว้นยูเดีย
14. บรรดาคนที่ได้ยินเรื่องนี้ ประหลาดใจ
- 1).จดจำไว้ในใจ และ
- 2).กล่าวถามกันว่า “เด็กทารกคนนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไปข้างหน้านะ?” เพราะว่าพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา ~ลูกา 1:57-66
พี่น้องที่รัก
ขอให้คุณมีความศรัทธาในพระเจ้าอยู่เสมอไม่ว่า สถานการณ์ที่คุณเผชิญอยู่จะเป็นอย่างไรก็ตาม แล้วคุณจะได้รับรางวัลจากความศรัทธาของคุณ เหมือนดังที่ SAINT AUGUSTINE กล่าวว่า
“ความศรัทธาคือ การเชื่อในสิ่งที่คุณมองไม่เห็น และรางวัลแห่งความศรัทธานี้ก็คือ คุณจะได้เห็นในสิ่งที่คุณเชื่อ!” (Faith is to believe what you do not see; the reward of this faith is to see what you believe.)
วันนี้
คุณศรัทธาในพระเจ้าสูงสุดนี้ จริงๆแล้วหรือไม่ ไม่ว่าสถานการณ์จะดูสิ้นหวังแค่ไหน?
- คุณพร้อมจะยอมรับและทำตามทุกสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาให้คุณทำอย่างเชื่อฟังหรือไม่?
- คุณสามารถสรรเสริญพระเจ้าออกมาด้วยความยินดีอย่างเต็มหัวใจล้นออกมาจากปากหรือไม่?
- คุณพร้อมเป็นพยานถึงมหกิจที่พระเจ้าทรงกระทำในและผ่านชีวิตของคุณและครอบครัวหรือไม่?
- คุณพร้อมแสดงความเชื่อในพระเจ้าของคุณออกมาให้ประจักษ์ผ่าน
1).การดำเนินชีวิต 2).การทำงาน และ 3).การรับใช้ของคุณหรือไม่?
…ช่วยตอบที จะได้ไหมครับ?
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (7ธันวาคม 2022)