Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

เรื่องราวของคริสต์มาส โดย ศจ ธงชัยประดับชนานุรัตน์ (2)

คอลัมน์ :”ส ด แ ต่ เ ช้ า” ปี 2 (249)

บทเพลงของมารีย์กับคริสต์มาส!

“ความสุขเป็นของสตรีที่เชื่อว่าสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสกับเธอนั้นจะสำเร็จ”” ~ลูกา 1:45 THSV11

“Blessed is she who has believed that the Lord would fulfill his promises to her!”” ~Luke 1:45 NIV

คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวของ Oscar Wilde หรือไม่ ที่กล่าวว่า

“อะไรที่ดูเหมือนว่าเป็นการทดลองใจที่น่าขมขื่นใจ มักเป็นพระพรที่ปลอมตัวมา!” (What seems to us bitter trials are often blessings in disguise.)

ดูเหมือนมารีย์ สาวน้อยพรหมจารี จะเชื่อเช่นนั้น ดังนั้น เมื่อทูตสวรรค์มาบอกเธอถึงพระบัญชาของพระเจ้าสำหรับแผนไถ่บาปมนุษย์ชาติ
ที่มีเธอเป็นตัวแปรสำคัญแต่เสี่ยงอันตรายยิ่งนัก เธอจึงรับบัญชาโดยไม่หวั่นไหว!

ในพระคัมภีร์เล่าเรื่องราวของมารีย์ หลังจากได้รับสารจากทูตสวรรค์กาเบรียลแล้ว ดังนี้

1.มารีย์เตรียมตัว และรีบไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย

  • 1).เข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์
  • 2).กล่าวทักทายปราศรัยกับนางเอลีซาเบธ

2.นางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของมารีย์ ~ทารกในครรภ์ของนางก็ดิ้น

3.นางเอลีซาเบธก็เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงร้องเสียงดังว่า

  • “1).ในบรรดาสตรีท่านได้รับพระพรมาก และ
  • 2).ทารกในครรภ์ของท่าน(ที่จะคลอดออกมา)ก็ได้รับพระพรด้วย
  • 3).ทำไมฉันถึงได้รับความโปรดปรานเช่นนี้ (ถึงเพียงนี้) คือมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของฉันมาหาฉัน
  • 4).นี่แน่ะ พอเสียงทักทายของเธอเข้าถึงหูของฉัน ทารกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความเปรมปรีดิ์ในทันที (พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้ทารกที่ยังไม่เกิดมา ตอบสนองด้วยอาการยินดี)

4.นางเอลีซาเบธจึงได้ประกาศความเชื่อสำคัญยิ่งที่ว่า

“ความสุขเป็นของสตรี ที่เชื่อว่าสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเธอนั้นจะสำเร็จ”

5.มารีย์จึงกล่าวออกมาเป็นหนึ่งใน 4 บทเพลงสรรเสริญ
(ในลูกา 1~2 คือ ลก.1:46-55;1:68-79;2:14;2:29-32)

สำหรับในบทเพลงสรรเสริญชุดแรกนี้ได้รับนามว่า

“Magnificat” ซึ่งแปลว่า “จิตวิญญาณฉันยกย่องสรรเสริญ”
(my soul magnifies the Lord) ซึ่งเรียกชื่อตามคำเริ่มต้นในพระคัมภีร์ฉบับลาตินวุลเกต) ที่ได้พรรณนาไว้ดังนี้

  • “1).จิตใจของข้าพเจ้าก็ยกย่อง (สรรเสริญ) องค์พระผู้เป็นเจ้า และ
  •  2).จิตวิญญาณของข้าพเจ้าก็เปรมปรีดิ์ (ชื่นชม) ในพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงห่วงใย (เอาพระทัยใส่) ฐานะอันต่ำต้อยของทาส (ผู้รับใช้ ) ของพระองค์ นี่แน่ะ ตั้งแต่นี้ไปคนทุกยุค (ทุกชั่วอายุ) จะเรียกข้าพเจ้าว่าผาสุก (ผู้ได้รับพร)
  •  3).เพราะว่า(องค์ทรงฤทธิ์)ผู้ทรงฤทธานุภาพ ทรงทำการใหญ่เพื่อข้าพเจ้า  ก.พระนามของพระองค์ก็บริสุทธิ์ ข.พระเมตตาของพระองค์มีแก่บรรดาผู้ยำเกรง( เกรงกลัว) พระองค์ในทุกยุคทุกสมัย

“ผู้ยำเกรงพระองค์” หมายถึง ก).ผู้ที่เคารพยำเกรงพระเจ้า ข).ผู้ที่ดำเนินชีวิตสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้า  (ปฐก.20:11; สภษ.1:7)

พระองค์ทรงสำแดงอานุภาพ (ประกอบกิจอันยิ่งใหญ่) ด้วยพระกรของพระองค์ (“พระกร” =ภาพเปรียบเทียบถึงพระราชกิจอันทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นพระวิญญาณ ไม่ได้มีร่างกายอย่างมนุษย์)

พระองค์ทรงทำให้ผู้ที่ผยอง (อยู่ในส่วนลึกของความคิด) ที่มีใจเย่อหยิ่ง) กระจัดกระจายไป

  • 4).พระองค์ทรงปลด/ถอดเจ้านายออกจากบัลลังก์
  • 5).พระองค์ทรงยกผู้น้อย(ผู้ต่ำต้อย)ขึ้น
  • 6).พระองค์ .ทรงให้คนที่อดอยากหิวโหย (ไม่ว่าจะด้านร่างกายหรือ จิตวิญญาณ~มธ.5:6;ยน.6:35 ) อิ่มด้วยสิ่งดี ข.ทรงส่ง/ทำให้คนมั่งมีไปมือเปล่า
  • 7).พระองค์ทรงช่วยอิสราเอลข้าทาส (ผู้รับใช้) ของพระองค์
  • 8).พระองค์ทรงจดจำพระกรุณาของพระองค์ (ไม่ลืมที่จะเมตตา)
    ก.ต่ออับราฮัมและ ข.ต่อวงศ์วานพงศ์พันธุ์ของท่านตลอดไปเป็นนิตย์ ตามที่พระองค์ตรัสไว้กับบรรพบุรุษของเรา”

บทเพลงนี้ จบลงด้วยความเชื่อมั่นว่า พระเจ้าจะรักษาพระสัญญาที่ ประทานแก่ประชากรของพระองค์ (ปฐก.22:16~18)

6.มารีย์

  • 1).จึงพักอาศัยอยู่กับนางเอลีซาเบธประมาณสามเดือน (“มารีย์อยู่กับเอลีซาเบธอย่างต่อเนื่องมา จนกระทั่งยอห์นเกิด)
  • 2).จึงกลับไปยังบ้านของตน” (“มารีย์จึงกลับไปบ้านที่นาซาเร็ธ)
    (ลูกา 1:39-56)

ใช่ครับ มารีย์เป็นผู้มีสำคัญยิ่งในเหตุการณ์คริสต์มาสแรกในโลกนี้
และจากบทเพลงของมารีย์ เราได้เรียนรู้ว่า

  1. เธอสำแดงความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้าอย่างสุดๆ
  2. เธอแสดงความถ่อมใจอย่างยิ่งต่อพระเจ้าอย่างแท้จริง
  3. เธอพิสูจน์ความเชื่อของเธอด้วยการเชื่อฟังและวางใจพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง
  4. เธอเลือกที่จะเดินหน้า ทำตามพระบัญชา นมัสการ และชื่นชมยินดีในพระเจ้าทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่รอเธออยู่ข้างหน้าในอนาคต
  5. บุตรที่จะเกิดมา ผ่านทางเธอ

ชีวิตของมารีย์ จึงเป็นตัวอย่างที่ดีและชัดเจนของคนที่เชื่อ และมีความสุขจากการได้ทำในสิ่งพระเจ้ามอบหมายให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เขาจะชอบหรือไม่ก็ตาม

เหมือนดังที่ Johann Wolfgang von Goethe ที่กล่าวว่า 

“ไม่ใช่การได้ทำในสิ่งที่เราชอบ แต่เป็นการชอบในสิ่งที่เราต้องทำ ที่ทำให้ชีวิตของเรามีความสุข!”

(It is not doing the thing we like to do, but liking the thing we have to do, that makes life blessed.)

พี่น้องที่รัก

คุณมีความเชื่อ เชื่อฟัง และวางใจพระเจ้าแบบมารีย์ แล้วหรือไม่?
แล้วคุณจะทำอะไรให้คริสต์มาสในปีนี้ของคุณ มีความหมายและส่งผลกระทบต่อ

  • 1).คริสตจักร
  • 2).ชุมชน และ
  • 3).สังคมนี้ ที่พิเศษและแตกต่างจากที่ปีที่ผ่านมา?

ขอให้ความสุขมีแก่คุณ เมื่อคุณเชื่อว่าทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส 

  • 1).กับมารีย์ และ
  • 2).กับคุณนั้นจะสำเร็จเป็นจริง ในชีวิตและการรับใช้ของคุณ!

…จะอาเมนไหมครับ?

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (6ธันวาคม 2022) 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.