Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม: “พระคัมภีร์สอนเรื่อการรับใช้ด้วยความกรุณาไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ : “พระคัมภีร์กล่าวถึงการรับใช้ด้วยความกรุณาไว้มากมาย แต่วันนี้จะยกเรื่องราวจากอุปมาเรื่องหนึ่งในพระคัมภีร์ตอนหนึ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงเล่าไว้ ที่ภายหลังคนมาตั้งชื่อว่า    “ชาวสะมาเรียใจดี”

เรื่องราวมีอยู่ว่า

1)มีผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนหนึ่ง

  • ยืนขึ้นทดสอบพระเยซู
  • ทูลถามว่า

 “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์?”

2)พระเยซูตรัสเขาตอบว่า

  • “ในธรรมบัญญัติเขียนว่าอย่างไร?
  • ท่านอ่านแล้วเข้าใจอย่างไร?”

3)ผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนนั้นทูลตอบว่า

**“พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน

  • ด้วยสุดใจของท่าน
  • ด้วยสุดจิตของท่าน
  • ด้วยสุดกำลังของท่าน และ
  • ด้วยสุดความคิดของท่าน และ

**จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”

4)พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า

 “ท่านตอบถูกแล้ว จงไปทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิต!”

5)แต่ผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนนั้นต้องการจะรักษาหน้า จึงทูลพระเยซูว่า

“ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า?”

6)พระเยซูจึงตรัสตอบโดยเล่าเป็นอุปมาที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งว่า

  1. “มีชายคนหนึ่งลงจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค
  2. เขาถูกพวกโจรปล้น
  3. พวกโจรแย่งชิงเสื้อผ้าของเขา
  4. พวกโจรทุบตีเขา
  5. พวกโจรทิ้งเขาไว้ในสภาพที่เกือบจะตายแล้ว
  6. เผอิญมีปุโรหิตคนหนึ่ง  ก. เดินมาตามทางนั้น  ข. เมื่อเห็นคนนั้นแล้วก็เดินเลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง
  7. คนเลวีก็เหมือนกัน เมื่อมาถึงที่นั่น  และ  ก. เห็นแล้ว  ข. ก็เลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง
  8. แต่เมื่อชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้คนนั้น 
  • เห็นแล้ว
  • ก็มีใจสงสาร
  • จึงเข้าไปหาเขา
  • เอาเหล้าองุ่นกับน้ำมันเทใส่บาดแผล และ
  • เอาผ้ามาพันให้
  • แล้วให้เขาขึ้นขี่สัตว์ของตนเอง
  • พามาถึงโรงแรม และ
  • ดูแลรักษาพยาบาลเขา
  • วันรุ่งขึ้นก่อนจะไป เขาเอาเงินสองเดนาริอันให้กับเจ้าของโรงแรมบอกว่าช่วยรักษาเขาด้วย สำหรับเงินที่ต้องเสียเกินกว่านี้จะใช้ให้เมื่อกลับมา’

7)พระเยซูคริสต์จึงถามว่า

“ท่านเห็นว่าในสามคนนั้นคนไหนถือได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านของคนที่ถูกปล้น?”

8)ผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนนั้นจึงทูลตอบว่า

“คือคนนั้นแหละที่แสดงความเมตตาต่อเขา”

9)พระเยซูคริสต์จึงตรัสกับเขาว่า

“ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น เช่นกัน!”  (ลูกา 10:25-37 THSV11)

“ความกรุณา” หมายความว่า  “ความเอ็นดู, ความปรารถนาจะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์, ความเอาใจช่วยเหลือเขาในเมื่อเห็นเขาต้องภัยได้ทุกข์

ในอุปมาตอนนี้ ชาวสะมาเรียที่ปกติถูกคนยิว(ยูเดีย)รังเกียจเหยียดหยาม เห็นคนยิวคนนี้ถูกปล้นและทำร้ายร่างกาย ก็มีใจกรุณาต่อเขา มองข้ามความเป็นศัตรูทางเชื้อชาติ  ปรารถนาที่จะช่วยให้เหยื่อผู้บาดเจ็บพ้นความทุกข์ทรมาน จึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือโดยจ่ายราคาทั้งในเรื่องของ

  • เวลาที่ต้องใช้
  • งานที่ต้องรีบไปทำ
  • เงินที่ต้องจ่ายตามบิล ทั้งที่เฉพาะหน้า และที่จะตามมา

คนมีใจกรุณา จะใจเปิดกว้าง และคิดกว้างไม่ใช่พวกคิดแคบด้วยอคติมีแต่

  • ข้ออ้าง หรือ
  • ข้อแก้ตัวที่จะไม่ลงมือทำบางสิ่งบางอย่างที่จะแสดงความเมตตากรุณาต่อผู้ที่กำลังเดือดร้อน

แต่คนมีใจกรุณาจะรีบลงมือแก้ไขสถานการณ์และช่วยเหลือคนในทันทีโดยไม่ต้องใช้เหตุผล กฏเกณฑ์ ขนบธรรมเนียมประเพณี หรือหลักการ ใดๆ มาเป็นตัวอุปสรรคต่อการช่วยเหลือคนที่กำลังต้องการด่วน!

วันนี้ มีใครบ้างที่เป็นเพื่อนบ้านของเรา ที่กำลังรอคอยความกรุณาจากเราอยู่ขอ ให้วันนี้เราจะเป็นเหมือนกับชาวสะมาเรียใจดีที่พร้อม

  • จะหยุด และวางบางอย่างลง
  • จะหันกลับไปมองดูที่คนที่กำลังเดือดร้อน
  • จะลงมือรับใช้ หรือ ช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดือดร้อนนั้นให้ทันที ด้วยใจกรุณา

หวังว่าจากนี้ไป เราจะไม่ถามคำถามเชยๆ อีกต่อไปว่า “ใครคือเพื่อนบ้านของฉัน?” ที่ฉันจะต้องแสดงความรักความกรุณาต่อเขา อีกต่อไป

…เห็นด้วยไหมครับ?

-ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.