คำถาม: “พระคัมภีร์พูดถึงความกรุณาของพระเจ้า และความกรุณาของคริสเตียนไว้อย่างไรบ้าง?”
คำตอบ: “พระคัมภีร์สอนในเรื่องความกรุณาไว้ดังนี้
- พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ทรงพระกรุณา
“พระยาห์เวห์ทรงพระกรุณาและมีพระคุณ กริ้วช้าและอุดมด้วยความรักมั่นคง” ~สดุดี 103:8 THSV11
“พระยาห์เวห์ทรงมีพระคุณและทรงพระกรุณา กริ้วช้าและทรงมีความรักมั่นคงอย่างอุดม” ~สดุดี 145:8 THSV11
- พระเจ้าทรงพระกรุณาวันยังค่ำ
“ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์วันยังค่ำ” ~สดุดี 86:3 THSV11
- พระเจ้าทรงมีพระกรุณาเหนือพระราชกิจของพระองค์
“พระยาห์เวห์ทรงดีต่อทุกคน และพระกรุณาของพระองค์อยู่เหนือพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์” ~สดุดี 145:9 THSV11
- พระเจ้าทรงพระกรุณาแม้แต่ต่อคนอกตัญญูและคนชั่ว
“แต่จงรักศัตรูของท่านและทำดีต่อเขา จงให้เขายืมโดยไม่หวังที่จะได้คืน แล้วบำเหน็จของท่านทั้งหลายจะมีบริบูรณ์ แล้วท่านจะเป็นบุตรขององค์ผู้สูงสุด เพราะว่าพระองค์ทรงพระกรุณาทั้งต่อคนอกตัญญูและคนชั่ว” ~ลูกา 6:35 THSV11
- พระเจ้าทรงประสงค์จะกรุณาผู้ใด พระองค์ก็จะกรุณาผู้นั้น
“เพราะพระองค์ตรัสกับโมเสสว่า “เราประสงค์จะกรุณาใคร เราก็จะกรุณาคนนั้น และเราจะเมตตาใคร เราก็จะเมตตา คนนั้น” ~โรม 9:15 THSV11
- เราควรมีใจกรุณาเหมือนพระเจ้าทรงมีพระทัยเมตตากรุณา
“พวกท่านจงมีใจเมตตากรุณาเหมือนอย่างพระบิดาของท่านมีพระทัยเมตตากรุณา” ~ลูกา 6:36 THSV11
- เราควรสำแดงความกรุณาออกมาเพื่อยืนยันว่า เรามีพระวิญญาณสถิตอยู่ด้วย
“ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์” ~กาลาเทีย 5:22 THSV11
- เราควรพิสูจน์ว่า เราเป็นพวกคนที่พระเจ้าทรงเลือก ด้วยการมีใจกรุณาต่อผู้อื่น
“เพราะฉะนั้นในฐานะเป็นพวกที่พระเจ้าทรงเลือก พวกที่บริสุทธิ์ และพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจกรุณา ใจถ่อม ใจสุภาพอ่อนโยน ใจอดทน จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย” ~โคโลสี 3:12-13 THSV11
“แต่จงมีใจกรุณา ใจสงสาร และใจให้อภัยแก่กันและกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านในพระคริสต์” ~เอเฟซัส 4:32 THSV11
- เราควรติดตามความชอบธรรมและความกรุณาก่อนที่จะพบชีวิต ความชอบธรรมและเกียรติยศ
“คนที่ติดตามความชอบธรรมและความกรุณา จะพบชีวิต ความชอบธรรม และเกียรติยศ” ~สุภาษิต 21:21 THSV11
- เราควรทำงานร่วมกับพระเจ้า และปรนนิบัติพระองค์โดยมีใจกรุณาด้วย
ในเมื่อเราทำงานร่วมกับพระเจ้า เราจึงขอร้องท่านทั้งหลายว่า อย่ารับพระคุณของพระเจ้าโดยไม่เกิดประโยชน์ เพราะว่าพระองค์ตรัสว่า “ในเวลาโปรดปรานเราได้ฟังเจ้า ในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า” นี่แน่ะ บัดนี้เป็นเวลาแห่งความโปรดปราน นี่แน่ะ บัดนี้เป็นวันแห่งความรอด เราไม่ได้วางสิ่งกีดขวางบนหนทางของผู้ใดเลย เพื่องานปรนนิบัตินี้ จะไม่ถูกติเตียน แต่เราแสดงตัวเป็นคนปรนนิบัติของพระเจ้าในทุกทาง โดยมีความทรหดอดทนเป็นอย่างมากในความยากลำบาก ความลำเค็ญ ในเหตุวิบัติ การถูกเฆี่ยน และการถูกจำคุก ในเหตุการณ์วุ่นวาย ในการตรากตรำ ในการอดหลับอดนอน ในการอดอาหาร โดยความบริสุทธิ์ ความรู้ ความอดทน และความกรุณา โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยความรักอย่างจริงใจ โดยถ้อยคำสัตย์จริง โดยฤทธิ์เดชของพระเจ้า โดยการใช้ความชอบธรรมเป็นอาวุธทั้งด้วยมือขวาและมือซ้าย ทั้งในขณะมีเกียรติและขณะไร้เกียรติ ขณะถูกดูหมิ่นและขณะได้รับการยกย่อง เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหลอกลวง แต่ยังเป็นคนซื่อสัตย์ ว่าเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ยังเป็นคนที่ใครๆ รู้จักดี เป็นคนที่กำลังจะตาย แต่ดูสิ ยังมีชีวิตอยู่ เป็นคนถูกเฆี่ยนแต่ยังไม่ตาย เป็นคนมีความทุกข์แต่ยังยินดีอยู่เสมอ เป็นคนยากจนแต่ยังทำให้คนจำนวนมากมั่งมี เป็นคนไม่มีอะไรเลยแต่ยังเป็นเจ้าของทุกสิ่ง” ~2 โครินธ์ 6:1-10 THSV11
- เราควรมีความกรุณาในการสนับสนุนช่วยเหลือผู้รับใช้(โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านการเงินเพื่อทำพันธกิจตามที่พระเจ้ามอบหมาย)
“อย่างไรก็ตาม ก็ยังเป็นความกรุณาของท่านที่มีส่วนในความยากลำบากของข้าพเจ้า และพวกท่านชาวฟีลิปปี ก็รู้แล้วว่า เมื่อข้าพเจ้าออกจากแคว้นมาซิโดเนียในช่วงเริ่มแรกของการประกาศข่าวประเสริฐนั้น ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในรายรับรายจ่ายนอกจากท่านพวกเดียว แม้แต่เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองเธสะโลนิกา พวกท่านก็ส่งของไปช่วยข้าพเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าเสาะหาของกำนัล แต่ข้าพเจ้าเสาะหาผลกำไรในบัญชีของพวกท่านให้ทวีมากขึ้น ข้าพเจ้าได้รับทุกอย่างครบถ้วนและมีเหลือเฟือ ข้าพเจ้ามีเต็มบริบูรณ์เพราะได้รับของฝากของท่านทั้งหลายจากเอปาโฟรดิทัส สิ่งเหล่านั้นเป็นของถวายที่หอมหวาน เป็นเครื่องบูชาที่พระเจ้าโปรดรับและพอพระทัย และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่พวกท่านจากทรัพย์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระเจ้าพระบิดาของเราสืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน” ~ฟีลิปปี 4:14-20 THSV11
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-