คำถาม: “พระคัมภีร์สอนเรื่องการเป็นมิตรกับโลก และกับพระเจ้าไว้อย่างไรบ้าง?”
คำตอบ: “พระคัมภีร์สอนไว้ว่า…
“คนไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายรู้ว่าการเป็นมิตรกับโลกนั้นคือการเป็นศัตรูกับพระเจ้าไม่ใช่หรือ? เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ต้องการเป็นมิตรกับโลก ก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า” -ยากอบ 4:4 THSV11
คำถามตามมาคือ “โลก” แบบไหนที่หมายถึงในพระธรรมตอนนี้? ในพระคัมภีร์กล่าวถึงโลกไว้อย่างน้อย 7 ประเภท ดังนี้:
1)โลก = โลกทางกายภาพ(และสิ่งอื่นๆ)ที่พระเจ้าทรงสร้าง
“ในปฐมกาล พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งในฟ้าสวรรค์และโลก ขณะนั้นโลกยังไม่มีรูปทรงและว่างเปล่า ความมืดปกคลุมอยู่เหนือพื้นผิวของห้วงน้ำ พระวิญญาณของพระเจ้าทรงเคลื่อนไหวอยู่เหนือน้ำนั้น” ~ปฐมกาล 1:1-2 TNCV
“ความสว่างแท้ที่ทำให้มนุษย์ทุกคนเห็นความจริงได้นั้นกำลังเข้ามาในโลก พระองค์ทรงอยู่ในโลกที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมาทางพระองค์ แต่โลกไม่รู้จักพระองค์” ~ยอห์น 1:9-10 THSV11
2) โลก = มลทินบาปหรือความเสื่อมทรามในโลก
“โดยสิ่งเหล่านี้พระองค์จึงได้ประทานพระสัญญาอันล้ำค่าและยิ่งใหญ่แก่เรา เพื่อว่าโดยพระสัญญาเหล่านี้ พวกท่านจะพ้นจากความเสื่อมทรามที่มีอยู่ในโลกอันเกิดจากความปรารถนาชั่ว และจะมีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า” ~2 เปโตร 1:4 THSV11
“เพราะว่าถ้าหลังจากพวกเขาหลีกหนีจากมลทินทั้งหลายของโลกแล้ว โดยการรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของเรา แต่พวกเขากลับเกี่ยวข้องและพ่ายแพ้แก่มลทินชั่วเหล่านั้นอีก บั้นปลายของพวกเขาก็กลับเลวร้ายยิ่งกว่าตอนต้น” ~2 เปโตร 2:20 THSV11
“อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าใครรักโลก ความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น เพราะว่าทุกสิ่งที่อยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลก และโลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกกำลังผ่านพ้นไป แต่คนที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์” ~1 ยอห์น 2:15-17 THSV11
3) โลก = คน ประชาชน หรือ สังคม ทั่วไป
“พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” ~ยอห์น 3:16 THSV11
“ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายเพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป และถ้าใครทำบาป เราก็มีผู้ช่วยทูลขอพระบิดาเพื่อเรา คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเที่ยงธรรมนั้น และพระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเรา และไม่ใช่แค่บาปของเราเท่านั้น แต่ของทั้งโลกด้วย” ~1 ยอห์น 2:1-2 THSV11
4) โลก = คนที่ยังไม่รู้จักกับพระเยซูคริสต์
“ลองคิดดู พระบิดาได้ประทานความรักแก่เราเพียงไรที่เราได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้า และเราก็เป็นอย่างนั้น เหตุที่ชาวโลกไม่รู้จักเรา ก็เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์” ~1 ยอห์น 3:1 THSV11
5) โลก = คนที่ไม่เชื่อ และเกลียดชังพระเยซูคริสต์
“โลกเกลียดชังพวกน้องไม่ได้ แต่โลกเกลียดชังเรา เพราะเราเป็นพยานว่าการงานของโลกนี้ชั่วร้าย” ~ยอห์น 7:7 THSV11
“พี่น้องเอ๋ย อย่าประหลาดใจที่โลกนี้เกลียดชังท่าน” ~1 ยอห์น 3:13 THSV11
“ถ้าพวกท่านเป็นของโลก โลกก็ย่อมจะรักคนที่เป็นของโลกเอง แต่เพราะท่านไม่ได้เป็นของโลก คือเราเลือกท่านออกจากโลก เพราะเหตุนี้ โลกจึงเกลียดชังท่าน” ~ยอห์น 15:19 THSV11
6) โลก = ทรัพย์สินสิ่งของที่เป็นวัตถุ หรือ สิ่งของทางโลก
“แต่ถ้าใครมีทรัพย์สมบัติในโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขัดสนแล้วยังไม่เปิดใจช่วยเขา ความรักของพระเจ้าจะดำรงอยู่ในคนนั้นได้อย่างไร?” ~1 ยอห์น 3:17 THSV11
“จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก” ~โคโลสี 3:2 THSV11
7) โลก = โลกใหม่ที่กำลังมา
“และข้าพเจ้าเห็นฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะว่าฟ้าสวรรค์เดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นหายไปแล้ว และทะเลก็ไม่มีอีกต่อไป” ~วิวรณ์ 21:1 THSV11
“เขาจะได้รับสิ่งตอบแทนหลายเท่าในชีวิตนี้ และจะมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไปในโลก(ยุค)หน้าด้วย”” ~ลูกา 18:30 THA-ERV
จากคำนิยามดังกล่าว คงจะเห็นแล้วว่า โลก ที่เราไม่ควรจะรัก!
- เราไม่ควรรักโลก แบบ 2 และ 6
- แต่เราต้องรัก โลกแบบ 1 3 4 5 และ7
ใช่ครับ !
เราไม่ควรเป็นมิตรกับโลก ที่จะดึงเราให้ทำตามกระแสที่มักสวนทางกับวิถีของพระเจ้า (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความหมายที่ 2)
- ดังนั้น แม้ว่าเรายังคงต้องอยู่ในโลกที่มีระบบคิดแบบไร้พระเจ้า หรือโลกที่มีพระเจ้าที่แต่ละคนสร้างขึ้นตามใจของตนแต่ละคนเอง แต่เราะต้องเคารพยำเกรงพระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกที่ดีงามและสร้างมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีอย่างพวกเรา
- ดังนั้น เราจงระวังตัวในการดำเนินชีวิตให้ดีมีสติเเละมีปัญญา จงจำไว้เสมอว่าถ้าเราเป็นมิตรกับโลก เราจะทำตามสิ่งที่คนอื่นๆ ในโลกทำกันโดยไม่คำนึงว่าสิ่งนั้นถูกต้องหรือไม่
แต่ ถ้าเราเป็นมิตรกับพระเจ้า เราจะดำเนินชีวิตอย่างมีศีลธรรม(ตามวิถีของพระเจ้า) นั้นคือ เราจะดำเนินชีวิตแบบสวนกระแสของโลกด้วยการทำสิ่งที่ถูกต้อง(ตามมาตรฐาน)ด้วยความรักและเชื่อฟังโดยไม่คำนึงว่าคนอื่นๆ จะทำตามหรือไม่!
ใช่ครับ เราจะต้องนำโลกให้ไปในทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้โลกนำเราไปในทางที่ผิดและบาป!
ดังนั้น ขอให้เราเป็นมิตรกับพระเจ้าด้วยการยอมถวายตัว ความคิดและอุดมการณ์ของเรา แด่พระเจ้า แล้วชีวิตของเราจะเบาและมีความสุขได้มากขึ้นในทุกสภาวะ!
“ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน” ~โรม 12:1 THSV11
และเมื่อเราถวายตัวของเราแด่พระเจ้าจริงๆ สิ่งที่จะตามมาคือ การเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง จากข้างในออกมา แบบ Transformation!
และเราจะรู้อย่างชัดเจนว่า เราควรจะอยู่ให้เป็น และ ทำให้ดีได้อย่างไรตามพระประสงค์ของพระเจ้าผู้ทรงเป็นมิตรนิรันดร์ของเรา ทั้งในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และในสวรรค์เป็นนิจนิรันดร์
จงจำไว้เสมอว่า ถ้าเราเป็นมิตรกับพระเจ้า เราจะต้องเลียนแบบอย่างพระเจ้า โดยไม่เลียนแบบอย่างของโลกนี้
“เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเลียนแบบของพระเจ้าให้สมกับเป็นบุตร(และเป็นมิตร)ที่รัก” ~เอเฟซัส 5:1 THSV11
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer