ถาม: “พระคัมภีร์สอนเรื่องสัมพันธภาพในครอบครัวไว้อย่างไรบ้าง?”
ตอบ: “ ในพระคัมภีร์สอนเเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวไว้ดังนี้
1.ผู้เป็นสามี และเป็นพ่อควรเป็นผู้นำที่รับผิดชอบดูแลและปกครองครัวเรือนได้ดี
“ผู้ปกครองดูแลนั้นจะต้องเป็นคนที่ไม่มีที่ติ เป็นสามีของหญิงคนเดียว รู้จักประมาณตน มีสติสัมปชัญญะ เป็นคนน่านับถือ มีอัธยาศัยต้อนรับแขก เหมาะที่จะเป็นอาจารย์ ปกครองครอบครัวของตนได้ดี อบรมบุตร ธิดา ให้มีความนอบน้อมด้วยความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง (เพราะถ้าชายคนไหนไม่รู้จักปกครองครอบครัวของตน คนนั้นจะดูแลคริสตจักรของพระเจ้าได้อย่างไร?)” 1ทิโมธี 3:2, 4-5 THSV11
2.ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว ควรเป็นผู้นำให้คนในบ้านยำเกรงพระเจ้าและเมตตาต่อคนอื่นๆ
“ท่านและครอบครัวเป็นคนเคร่งศาสนาและเกรงกลัวพระเจ้า ท่านให้ทานแก่ประชาชนอย่างมากมายและอ้อนวอนพระเจ้าอยู่เสมอ” กิจการ 10:2 THSV11
3.ผู้เป็นบุตร ควรรับผิดชอบดูแลบิดามารดาในยามที่ท่านเหล่านั้นชรา และเจ็บป่วย รวมทั้งคนอื่นๆ ในครอบครัวที่ช่วยตัวเองไม่ได้
“โยเซฟเลี้ยงดูบิดาและพวกพี่น้องรวมทั้งครอบครัวของบิดา ให้มีอาหารรับประทานตามจำนวนคนในครอบครัว” ปฐมกาล 47:12 THSV11
4.ผู้เป็นภรรยา ควรทำหน้าที่ของเธออย่างรับผิดชอบดูแลความเป็นอยู่ของทุกคนในบ้าน และเป็นพรต่อชุมชน
- สามี
- ลูกๆ
- คนงานในบ้าน
- ชุมชน
- พระเจ้า
“ภรรยาที่เลิศประเสริฐใครเล่าจะหาพบ? คุณค่าของเธอเลิศล้ำกว่าทับทิม สามีของเธอก็ไว้ใจเธอ และเขาจะไม่ขาดประโยชน์ใดๆ เธอนำสิ่งดีมาให้เขา ไม่นำสิ่งร้าย ตลอดวันคืนแห่งชีวิตของเธอ เธอแสวงหาขนแกะและป่าน และทำงานด้วยมืออย่างเต็มใจ เธอเป็นเหมือนเรือของพ่อค้า เธอนำอาหารของเธอมาจากที่ไกล เธอลุกขึ้นตั้งแต่ยังมืดอยู่ และจัดอาหารให้ครอบครัวของเธอ และจัดงานให้แก่สาวใช้ของเธอ เธอพิเคราะห์ดูไร่นาแล้วซื้อไว้ ด้วยรายได้ของเธอ เธอปลูกสวนองุ่น เธอคาดเอวของเธอด้วยกำลัง และทำให้แขนของเธอแข็งแรง เธอรู้ว่าสินค้าของเธอจะได้กำไร กลางคืนตะเกียงของเธอก็ไม่ดับ เธอยื่นมือออกจับไน และมือของเธอจับเครื่องปั่นฝ้าย เธอหยิบยื่นให้คนยากจน เธอยื่นมือออกช่วยคนขัดสน เธอไม่กลัวหิมะมาทำให้ครอบครัวของเธอหนาว เพราะทุกคนในครอบครัวสวมเสื้อสองชั้น เธอทำผ้าปูเตียงสำหรับเธอ เสื้อผ้าของเธอทำด้วยผ้าลินินเนื้อละเอียดและผ้าสีม่วง เธอทำเครื่องนุ่งห่มด้วยผ้าลินินไว้ขาย เธอส่งผ้าคาดเอวให้แก่พ่อค้า กำลังและความสง่าผ่าเผยเป็นอาภรณ์ของเธอ เธอหัวเราะให้แก่เหตุการณ์ที่จะมาถึง เธออ้าปากกล่าวด้วยปัญญา และคำสอนเจือความเอ็นดูอยู่ที่ลิ้นของเธอ เธอดูแลความเป็นอยู่ในครอบครัวอย่างดี และไม่เคยเกียจคร้าน ลูกๆ ของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ สามีของเธอก็สรรเสริญเธอว่า “สตรีมากมายทำได้ดีเลิศ แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด” เสน่ห์เป็นของหลอกลวง และความงามก็ไม่จีรัง แต่สตรีที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ สมควรได้รับคำสรรเสริญ จงให้เธอรับผลแห่งน้ำมือของเธอ และให้การงานของเธอสรรเสริญเธอที่ประตูเมือง” สุภาษิต 31:10-22, 24-31 THSV11
5.สมาชิกในครอบครัวไม่ควรทำให้คนอื่นๆ ในครอบครัวของตนต้องลำบากเดือดร้อนเพราะตน
“คนที่ตะกละหากำไรก็ทำให้ครอบครัวของตนลำบาก แต่คนที่เกลียดสินบนจะมีชีวิตอยู่” สุภาษิต 15:27 THSV11
“คนที่ทำให้ครอบครัวของตนลำบากจะรับลมเป็นมรดก และคนโง่จะเป็นคนรับใช้ของคนมีปัญญา” สุภาษิต 11:29 THSV11
6.คนในครอบครัวที่เชื่อพระเจ้าควรทำดีต่อทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนในครอบครัวแห่งความเชื่อ
“เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาส ให้เราทำดีต่อทุกคน และเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อคนที่เป็นสมาชิกของครอบครัวแห่งความเชื่อ” กาลาเทีย 6:10 THSV11
7.คนในครอบครัวของผู้ที่เชื่อในพระเจ้าควรถวายตัวรับใช้พระเจ้าและคนอื่นๆ
“พี่น้องทั้งหลาย ท่านรู้ว่าครอบครัวของสเทฟานัส เป็นคริสเตียนพวกแรกในแคว้นอาคายา และพวกเขาได้ถวายตัวในงานปรนนิบัติบรรดาธรรมิกชน ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลาย” 1โครินธ์ 16:15 THSV11
“และถ้าพวกท่านไม่เห็นด้วยที่จะปรนนิบัติพระยาห์เวห์ ท่านก็จงเลือกเสียในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบัติใคร จะปรนนิบัติบรรดาพระซึ่งบรรพบุรุษของท่านปรนนิบัติอยู่ในท้องถิ่นฟากตะวันออกของแม่น้ำ หรือบรรดาพระของคนอาโมไรต์ในแผ่นดินซึ่งท่านอาศัยอยู่ แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์” โยชูวา 24:15 THSV11
8.คนในครอบครัวเดียวกันไม่ควรแตกแยกกันเอง
“ถ้าครอบครัวใดแตกแยกกัน ครอบครัวนั้นจะตั้งอยู่ไม่ได้” มาระโก 3:25 THSV11
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(cr.ภาพ graciawassink.com)