คำถาม: “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยว เรื่องความเชื่อในพระเจ้า?”
คำตอบ: “พระคัมภีร์สอนเรื่องความเชื่อ ไว้ดังนี้:
พระคัมภีร์ส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทย “เชื่อ” หรือ “ความเชื่อ” เป็นคำแปลทั้งของ คำว่า “Believe” และคำว่า “Faith” ทั้งๆ ที่คำว่า “Faith” น่าจะแปลว่า “ความศรัทธา” มีความหมายครอบคลุมกว้างกว่าคำว่า “เชื่อ” (believe) ดังนี้ คือ “ศรัทธา” (Faith) = เชื่อ(believe) + วางใจ (trust) (โดยไม่สงสัย)
ในพระคัมภีร์สอนเรื่องความเชื่อ ไว้ดังนี้
1.พระเจ้ายอมรับว่า เราเป็นคนชอบธรรม เมื่อเรามีความเชื่อในพระองค์
“อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และพระองค์ทรงถือว่าท่านเป็นคนชอบธรรมอย่างไร.” -กาลาเทีย 3:6 (2011)
2.เราเป็นคนชอบธรรม และได้รับความรอด เมื่อเราเชื่อพระคริสต์ด้วยใจและรับพระองค์ด้วยปาก
“คือว่าถ้าท่านจะยอมรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในใจว่า พระเจ้าได้ทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด 10เพราะว่าการเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด” –โรม. 10:9-10 (2011)
3.เราควรเชื่อในพระคริสต์โดยไม่ต้องขอหมายสำคัญ แต่หากเราต้องการหมายสำคัญก็ทูลขอจากพระองค์ได้
“พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ถ้าพวกท่านไม่เห็นหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ท่านก็จะไม่เชื่อ” – ยอห์น 4:48(2011)
4.เราต้องทูลขอด้วยความเชื่อจริง ๆ จึงจะได้รับในสิ่งที่ขอ
“เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เมื่อพวกท่านอธิษฐานขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ แล้วพวกท่านจะได้รับสิ่งนั้น” -มาระโก 11:24(2011)
“ทุกสิ่งที่ท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อก็จะได้” -มัทธิว 21:22 (2011)
5.เราต้องเชื่อและวางใจพระคริสต์ จึงจะได้รับชีวิตรันดร์ และเป็นคนของพระองค์
“แต่ตามที่เราได้บอกท่านไว้แล้ว ท่านได้เห็นเราแต่ก็ยังไม่เชื่อ คนทั้งปวงที่พระบิดาประทานแก่เราจะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราก็จะไม่มีวันขับไล่เขาไป” …เพราะพระบิดาของเราทรงประสงค์ให้ทุกคนที่เห็นและเชื่อในพระบุตรมีชีวิตนิรันดร์ และเราจะให้เขาเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย” -ยอห์น 6:36-37, 40 (อมตธรรม)
“แต่พวกท่านไม่เชื่อเพราะท่านไม่ได้เป็นแกะของเรา” -ยอห์น 10:26 (2011)
6.เราต้องตระหนักว่า หากไม่มีความเชื่อเราจะเป็นที่พอพระทัย และรับบำเหน็จรางวัลจากพระเจ้าไม่ได้เลย
“แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะไม่เป็นที่พอพระทัยเลย เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้านั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์” -ฮีบรู 11:6(2011)
7.เราจะเป็นสุข เมื่อเราเชื่อโดยไม่ต้องเห็นก่อน
“พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เพราะท่านเห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ? คนที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข” -ยอห์น. 20:29 (2011)
“และเมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้าน คนตาบอดทั้งสองก็เข้ามาหาพระองค์ พระเยซูตรัสถามเขาทั้งสองว่า “ท่านเชื่อหรือไม่ว่าเรามีฤทธิ์เดชทำการนี้ได้?” เขาทั้งสองทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เชื่อ” -มัทธิว 9:28 (2011)
8.เราต้องขอพระเจ้าช่วยเราให้เอาชนะความสงสัย และเชื่อจริงๆ ว่าพระเจ้าสามารถทรงทำให้ได้
“พระเยซูจึงตรัสกับบิดานั้นว่า “ ‘ถ้าช่วยได้’ น่ะหรือ? ใครเชื่อก็ทำให้ได้ทุกสิ่ง บิดาของเด็กจึงร้องทูลทันทีว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ และขอโปรดช่วยในส่วนที่ขาดอยู่ด้วยเถิด” -มาระโก. 9:23- 24(2011)
“แต่จงขอด้วยความเชื่อและไม่สงสัย เพราะว่าคนที่สงสัยนั้นเป็นเหมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา” -ยากอบ 1:6 (2011)
“เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครสั่งภูเขานี้ว่า ‘จงลอยลงทะเลไป’ และใจไม่สงสัย แต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่ สั่งนั้น ก็จะเป็นไปตามนั้นจริงๆ.” -มาระโก 11:23 (2011)
9.เราต้องเชื่อว่าพระเยซูคริสต์คืออาหารแห่งชีวิต ที่จะทำให้เราไม่หิวกระหายอีกเลย
“แล้วพระเยซูประกาศว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่มีวันหิวโหยและผู้ที่เชื่อในเราจะไม่มีวันกระหายอีกเลย” -ยอห์น 6:35 (อมตธรรม)
10.เราต้องเชื่อว่าความเชื่อวางใจของเราในพระคริสต์จะทำให้เรามีชีวิตนิรันดร์และจะเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย
“ผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรก็มีชีวิตนิรันดร์ แต่ผู้ใดที่ไม่ยอมรับพระบุตรก็จะไม่ได้เห็นชีวิต เพราะพระพิโรธของพระเจ้ายังอยู่กับเขา” -ยอห์น 3:36 (อมตธรรม)
“เพราะพระบิดาของเราทรงประสงค์ให้ทุกคนที่เห็นและเชื่อในพระบุตรมีชีวิตนิรันดร์ และเราจะให้เขาเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย” – ยอห์น 6:40 (อมตธรรม)
11.เราจะได้เห็นพระเกียรติสิริของพระเจ้าเมื่อเราเชื่อศรัทธาอย่างเต็มที่
“พระเยซูตรัสกับนางว่า “เราบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือว่า ถ้าเธอเชื่อ ก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า?” -ยอห์น 11:40 (2011)
12.เราจะเป็นพยานและประกาศข่าวประเสริฐที่เราเชื่อนี้ ให้ทุกคนได้ยินและเชื่อ
“แต่พวกที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์ได้อย่างไร? และพวกที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์ได้อย่างไร? และเมื่อไม่มีผู้ประกาศ เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไร?” -โรม 10:14 (2011)
“และเรามีใจเชื่อเช่นเดียวกับที่เขียนไว้ว่า“ข้าพเจ้าเชื่อฉะนั้นข้าพเจ้าจึงพูด” เราก็เชื่อฉะนั้นเราจึงพูดด้วย” -2 โครินธ์ 4:13 (2011)
13.เราต้องไม่เพียงเชื่อในพระคริสต์ แต่ยังพร้อมที่จะทนทุกข์เพื่อพระองค์ด้วย
“เพราะพระเจ้าทรงให้พระคุณแก่ท่านเพราะเห็นแก่พระคริสต์ ไม่ใช่ให้ท่านทั้งหลายเชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่ให้ทนทุกข์ยากเพราะเห็นแก่พระองค์ด้วย” -ฟิลิปปี 1:29 (2011)
14.เราต้องเชื่อวางใจว่าพระคริสต์สามารถทำงานใหญ่กว่าที่พระองค์เคยทำมา ผ่านตัวของเรา
“เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า ผู้ที่เชื่อในเราจะทำสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เขาจะทำแม้กระทั่งสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีก เพราะเรากำลังจะไปหา “พระบิดา” -ยอห์น 14:12 (อมตธรรม)
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(cr.ภาพ Lian Metzler.Unsplash)