Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

การเลี้ยงดูลูกในทางของพระเจ้า

 คำถาม:     “ในพระคัมภีร์สอนเรื่องการเลี้ยงดูลูกในทางของพระเจ้าไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ: “ พระคัมภีร์สอนไว้อย่างนี้ว่า

1.พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูลูกให้ถูกต้อง ตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยการ

  • 1).สั่งสอน
  • 2).เตือนสติ

“ส่วนท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา อย่ายั่วบุตรของท่านให้เกิดโทสะ แต่จงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยการสั่งสอนและการเตือนสติ ตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

  ~เอเฟซัส 6:4 THSV11

2.พ่อแม่ต้องสอนลูกหลานถึงพระราชกิจของพระเจ้าและให้พวกเขารักษาบัญญัติของพระองค์

“ประชากรของข้าเอ๋ย จงเงี่ยหูฟังคำสอนของข้า จงเอียงหูฟังถ้อยคำจากปากข้า ข้าจะอ้าปากกล่าวคำอุปมา ข้าจะกล่าวคำปริศนาของโบราณกาล ถึงสิ่งที่เราได้ยินได้ทราบ ที่บรรพบุรุษของเราได้บอกเรา เราจะไม่ซ่อนไว้จากลูกหลานของพวกเขา แต่จะบอกแก่คนรุ่นหลัง ถึงพระราชกิจอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์ และฤทธานุภาพของพระองค์ และการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำ เพราะพระองค์ทรงสถาปนาพระโอวาทไว้ในยาโคบ และทรงตั้งธรรมบัญญัติไว้ในอิสราเอล ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาแก่บรรพบุรุษของเรา ว่าให้แจ้งเรื่องราวเหล่านั้นแก่ลูกหลานของพวกเขา เพื่อคนรุ่นหลัง คือลูกหลานที่จะเกิดมา จะทราบเรื่อง และจะลุกขึ้นบอกลูกหลานของพวกเขาต่อไปอีก เพื่อพวกเขาจะตั้งความหวังไว้ในพระเจ้า และไม่ลืมพระราชกิจของพระเจ้า แต่รักษาพระบัญญัติของพระองค์ และเพื่อพวกเขาจะมิได้เหมือนบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นชาติพันธุ์ที่ดื้อดึงและมักกบฏ ชาติพันธุ์ที่จิตใจไม่มั่นคง ผู้ซึ่งจิตวิญญาณของเขาไม่ซื่อตรงต่อพระเจ้า”

  ~สดุดี 78:1-8 THSV11

3.พ่อแม่ต้องยำเกรงพระเจ้าและสอนลูกหลานให้ยำเกรงพระเจ้าเช่นกัน

“ผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ย่อมมีสวัสดิภาพ ลูกหลานของเขาจะมีที่ลี้ภัย ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นน้ำพุแห่งชีวิต เพื่อให้คนหลีกจากบ่วงมรณาได้”

  ~สุภาษิต 14:26-27 THSV11

 “ลูกเอ๋ย จงยำเกรงพระยาห์เวห์และพระราชา อย่าคบค้ากับพวกกบฏ”

  ~สุภาษิต 24:21 THSV11

4.พ่อแม่ต้องมีตักเตือนลูกหลาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ให้พวกเขาดูหมิ่นและเบื่อหน่ายพระดำรัสของพระเจ้า

“ลูกเอ๋ย อย่าดูหมิ่นพระดำรัสสอนของพระยาห์เวห์ และอย่าเบื่อหน่ายพระดำรัสเตือนของพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์ทรงตักเตือนผู้ที่พระองค์ทรงรัก ดังบิดาตักเตือนบุตรที่เขาโปรดปราน”

   ~สุภาษิต 3:11-12 THSV11

5.พ่อแม่ต้องเตือนสติลูกหลานไม่ให้ขาดวินัยและหลงเคลิบเคลิ้มอยู่ในความบาป

“ลูกเอ๋ย เจ้าจะเคลิบเคลิ้มอยู่กับหญิงแพศยาทำไมเล่า? หรือโอบกอดอกของหญิงสำส่อนอยู่ทำไม? เพราะว่าทางของคนก็อยู่ในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงเฝ้าดูหนทางทั้งสิ้นของเขา ความบาปชั่วของคนอธรรมดักตัวเขาเอง และเขาก็ติดอยู่กับตาข่ายบาปของเขา เขาจะตายเพราะขาดวินัยในชีวิต และเพราะความโง่อย่างยิ่งของเขา เขาจึงหลงเจิ่นไป”

  ~สุภาษิต 5:20-23 THSV11

6.พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างแห่งการเชื่อฟังพระเจ้าและให้ลูกได้เห็นและมีประสบการณ์ตรงที่จับต้องได้

“อับราฮัมจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด ผูกอานลาของท่านพาคนใช้หนุ่มไปกับท่านด้วยสองคนกับอิสอัคบุตรของท่าน ท่านตัดฟืนสำหรับเครื่องบูชา แล้วเดินทางไปยังที่ซึ่งพระเจ้าทรงบอกแก่ท่าน

…อับราฮัมเอาฟืนสำหรับเครื่องบูชาใส่บ่าอิสอัคบุตรชาย มือถือไฟและมีด แล้วพ่อลูกไปด้วยกัน อิสอัคพูดกับอับราฮัมบิดาว่า “พ่อ” และท่านตอบว่า “ลูกเอ๋ย พ่ออยู่นี่” ลูกจึงว่า “นี่ไฟและฟืน แต่ลูกแกะสำหรับเครื่องบูชาอยู่ที่ไหน?” อับราฮัมตอบว่า “ลูกเอ๋ย พระเจ้าจะทรงจัดหาลูกแกะสำหรับพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา” ทั้งสองก็เดินต่อไปด้วยกัน เมื่อเขาทั้งสองมาถึงที่ซึ่งพระเจ้าตรัสบอกเขาไว้ อับราฮัมก็สร้างแท่นบูชาที่นั่น เรียงฟืนเป็นระเบียบ แล้วมัดอิสอัคบุตรชายวางไว้บนแท่นบูชาบนฟืน แล้วอับราฮัมก็ยื่นมือจับมีดจะฆ่าบุตรชาย แต่ทูตของพระยาห์เวห์เรียกเขาจากฟ้าสวรรค์ว่า “อับราฮัม อับราฮัม” และท่านตอบว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่” ทูตสวรรค์ว่า “อย่าแตะต้องเด็กนั้น อย่าทำอะไรเขาเลย เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้ายำเกรงพระเจ้า และเจ้าไม่ได้หวงบุตรชายคือบุตรชายคนเดียวของเจ้าไว้จากเรา” อับราฮัมเงยหน้าขึ้นมองดู เห็นข้างหลังท่านมีแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติดอยู่ในพุ่มไม้ทึบ อับราฮัมก็ไปจับแกะตัวนั้นมาถวายเป็นเครื่องบูชาแทนบุตรชาย อับราฮัมจึงเรียกสถานที่นั้นว่า ยาห์เวห์ยิเรห์ อย่างที่เขาพูดกันทุกวันนี้ว่า “ทรงจัดไว้ให้บนภูเขาของพระยาห์เวห์”

  ~ปฐมกาล 22:3, 6-14 THSV11

7.พ่อแม่ต้องรับผิดชอบลูกๆ ไม่ปล่อยปละจนลูกดูหมิ่นเยาะเย้ยบุพการี

“ดวงตาที่เยาะเย้ยบิดา และดูถูกไม่ฟังมารดา จะถูกฝูงกาแห่งหุบเขาจิกออก และลูกนกแร้งจะกินเสีย”

 ~สุภาษิต 30:17 THSV11

8.พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูลูกด้วยเอาใจใส่ และด้วยใจกระตือรือร้น เหมือนผู้เลี้ยงแกะที่ดีที่เลี้ยงแกะของตน

“จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน [โดยเอาใจใส่ดูแล] ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ [ตามพระประสงค์ของพระเจ้า] ไม่ใช่ด้วยใจโลภในทรัพย์สิ่งของ แต่ด้วยใจกระตือรือร้น”

 ~1 เปโตร 5:2 THSV11

9.พ่อแม่ต้องรู้จักตีสอนลูกด้วยความรัก เพื่อให้เกิดผลดีคือ ให้มีความสันติสุขและความชอบธรรมแก่ลูกๆ

“ท่านทั้งหลายจงสู้ทนเอาเถอะเพราะเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อท่านเหมือนท่านเป็นบุตรของพระองค์ เพราะว่ามีบุตรคนไหนบ้างที่บิดาไม่ตีสอน? แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ถูกตีสอนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ท่านก็ไม่ใช่บุตร แต่เป็นลูกนอกกฎหมาย ยิ่งไปกว่านั้น เราทั้งหลายมีบิดาเป็นมนุษย์ที่ตีสอนเรา และเราก็นับถือบิดานั้น เราจึงยิ่งควรอยู่ใต้บังคับของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ และดำรงชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ? เพราะบิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอนเราเพียงชั่วเวลาเล็กน้อยตามความเห็นดีเห็นชอบของพวกเขา แต่พระองค์ทรงตีสอนเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะมีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระองค์ การตีสอนทุกอย่างดูไม่น่ายินดีเลยในเวลานั้น แต่น่าเศร้าใจ แต่ภายหลังก็ก่อให้เกิดผลคือสันติสุขและความชอบธรรม แก่บรรดาคนที่ถูกฝึกฝนโดยการตีสอนนั้น”

  ~ฮีบรู 12:7-11 THSV11

“เพราะพระยาห์เวห์ทรงตักเตือนผู้ที่พระองค์ทรงรัก ดังบิดาตักเตือนบุตรที่เขาโปรดปราน”

 ~สุภาษิต 3:12 THSV11

10.พ่อแม่ต้องสอนลูกให้รู้จักให้เกียรติ รัก และทำให้พระเจ้า พ่อแม่ และคนอื่นๆ มีความยินดี

“จงให้เกียรติบิดามารดาของตน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”

 ~มัทธิว 19:19 THSV11

“จงให้บิดามารดาของเจ้ายินดี จงให้ผู้ที่คลอดเจ้าเปรมปรีดิ์”

 ~สุภาษิต 23:25 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(cr. ภาพ Tim Mossholder Unsplash.com)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.