ผมประทับใจในพระราชนิพนธ์ตอนหนึ่งของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในเรื่องความดีตอนหนึ่งที่มีเนื้อหาว่า…
“ทำดีย่อมได้ ผลดี
ประพฤติชอบนั้นมี ประโยชน์แท้
อย่าคอยฤกษ์ราศี ดาวเคราะห์โชคนา
ดาวมิอาจช่วยแก้ สิ่งร้ายเป็นคุณ”
สิ่งที่พระเทพรัตนราชสุดาฯ ตรัสนั้น สอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า…
“อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณก็ จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น” (กาลาเทีย 6:7-8)
เนื้อความข้างต้นสรุปได้สั้น ๆ ว่า…
“หว่านสิ่งดีก็เก็บเกี่ยวสิ่งดี หว่านสิ่งไม่ดีก็เก็บเกี่ยวในสิ่งไม่ดี หรือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนั่นเอง”
เพราะว่า “เนื้อหนัง” เป็นตัวแทนของ “สิ่งไม่ดี” ดังที่พระคัมภีร์บันทึกว่าไว้…
“การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การลามก การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกันการอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่น ๆ ในทำนองนี้อีก…” (กาลาเทีย 5:19-21)
“พระวิญญาณ” เป็นสัญลักษณ์แห่ง “สิ่งที่ดี” ดังที่บันทึกไว้ว่า …
“ผลของพระวิญญาณ คือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปราณี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม ความรู้จักบังคับตน…” (กาลาเทีย 5:22-23)
ดังนั้น หากว่าวันนี้สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราพูด หรือสิ่งที่เราทำออกอาการ “ไม่ดี” ก็เท่ากับว่าเรากำลังทำการงานของเนื้อหนังอยู่! แต่หากสิ่งที่เราแสดงออกมาเป็นสิ่ง “ที่ดี” เราก็กำลังเกิดผลของพระวิญญาณอยู่! และเป็นผลดีและมีประโยชน์ ดังที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงนิพนธ์ไว้
ดังนั้น อย่าให้เราเสียกำลังใจหรือท้อใจ ในยามที่เราทำความดีหรือหว่านในย่านพระวิญญาณแล้วยังไม่เห็นผลดีเกิดขึ้น เพราะว่าบางทีอาจต้องใช้เวลานานระยะหนึ่ง ก่อนที่จะเกิดผลดี
ดังคำกำชับและคำหนุนใจจากพระวจนะของพระเจ้าอีกตอนที่ว่า…
“อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร เหตุฉะนั้น เมื่อเรามีโอกาสให้เราทำดีต่อคนทั้งปวง และเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัวที่มีความเชื่อ” (กาลาเทีย 6:9-10)
ด้วยเหตุนี้เอง ในการที่จะทำดี เราจึงไม่ควรรีรอหรือเงื้อง่าคอยดูฤกษ์ดูยามให้เสียโอกาส แต่หากว่าเราพอจะทำดีอะไรได้ก็ขอให้รีบทำเลย ดังพระธรรมสุภาษิตที่ว่า…
“อย่ายึดความดีไว้จากผู้ที่สมควรจะได้รับ ในเมื่อสิ่งนี้อยู่ในอำนาจของเจ้าที่จะกระทำได้” (สุภาษิต 3:27)
จงจำไว้เสมอว่า ในการทำดีนั้น เราควรรีบทำให้เร็วที่สุดก่อนที่จะสายเกินไปจนความดีนั้นกลายเป็นสิ่งไร้ค่า เมื่อคนที่รอรับความดีจากเราตายไปเสียก่อนที่จะได้รับในสิ่งที่เราคาดหวังจากเรา เพราะต่อให้เราทำดีกับเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เขาก็ไม่สามารถรับสิ่งดีเหล่านั้นจากเราได้อีกต่อไป
ดังตัวอย่าง นายตำรวจยศพันตำรวจเอก นาม สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่รับราชการด้วยความเสียสละอย่างซื่อสัตย์มาตลอด 40 ปี ออกมาขอความเมตตาในการย้ายสถานที่รับราชการเพื่อเป็นรางวัลในบั้นปลายชีวิตสำหรับครอบครัว และเป็นตัวอย่างของการทำงานประเภท “ทำดีได้ดี” ให้เป็นแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นต่อ ๆ ไป
แต่ผลที่ได้รับ คือความดีที่ล่าช้าออกไป จนกระทั่งไม่นานหลังจากนั้นท่านนายตำรวจผู้นี้ก็เสียชีวิตลง รางวัลจึงค่อยมาถึง พร้อมกับยศพลตำรวจเอก (เลื่อนขั้น 7 ขั้น!)
ช่างน่าเสียดายที่ท่านไม่ได้รับสิ่งดีนี้ในยามที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่!
แต่ยังนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรม ราชินีนาถ ทรงพระราชทานของที่ระลึกและประทานนามสกุลใหม่ให้ครอบครัวว่า “ภูวพงษ์พิทักษ์” หมายถึง “ตระกูลผู้รักษาแผ่นดิน” มี พ.ต.อ. สมเพียร เป็นต้นตระกูล!
ดังนั้น ขอฝากข้อคิดตอนหนึ่งทิ้งท้ายไว้ว่า..
“การทำดี ถูกที่ นั้นมีค่า
การทำดี ถูกเวลา ค่ามหันต์
การทำดี ถูกบุคคล ผลอนันต์
การทำดี ด้วยความหมั่น นั่นแหละดีฯ”
วันนี้ คุณได้ทำดีกับคนบางคนอย่างถูกที่ ถูกเวลา แล้วหรือยัง?
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
ข่าวประชาสัมพันธ์
- พรุ่งนี้อย่าลืมมาฟังคำเทศนาดีๆด้วยกันจาก ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
- อธิษฐานเผื่อหลายคนที่มีภาระหนัก มาโบสถ์ไม่สม่ำเสมอ ขอให้สามารถเข้ามาพึ่งพิงพระเจ้าได้
- ขอพระเจ้าทำงานในจิตใจคนไทยให้แยกแยะผิดถูก ดีชั่วออก ให้หยุดยุติทำลายหรือทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง เพราะผู้ใดหว่านสิ่งใด จะได้เก็บเกี่ยวสิ่งนั้น
- ขอพระเจ้าคุ้มครองทุกคนนะคะ พรุ่งนี้เจอกันที่คริสตจักรค่ะ