คำถาม “ทำไมการฟังพระเจ้าตรัส จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับเรา?”
คำตอบ: มีคำกล่าวว่า….
“พระเจ้าตรัสกับคนที่มีเวลาฟังพระองค์ และพระองค์ฟังคนที่มีเวลาอธิษฐานต่อพระองค์!”
(God speaks to those who take time to listen, and He listens to those who take time to pray.)
หากเราไม่ฟัง พระเจ้าก็ไม่ตรัสกับเรา เมื่อเป็นอย่างนั้น เราก็เลยไม่รู้ว่าพระเจ้าประสงค์จะให้เราทำอะไร?
ปกติ แต่ละวัน เราน่าจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการถามพระเจ้าว่า วันนี้ พระองค์ประสงค์จะมอบภารกิจอะไรให้เราไปกระทำ ถวายพระองค์?
ปกติเราพูดกับพระเจ้าผ่านการอธิษฐาน และเราฟังพระเจ้าตรัสกับเราผ่านการอ่านหรือการฟังพระคัมภีร์
ยิ่งเราอ่านหรือฟังพระเจ้าตรัส ด้วยความตั้งใจ มากเท่าไร เราก็ยิ่งเข้าใจพระทัยพระเจ้ามากขึ้น
อย่างเช่นในพระคัมภีร์ บันทึกไว้ว่า…
“จงฟังเรา พวกเจ้าผู้รู้จักความชอบธรรม ชนชาติที่มีธรรมบัญญัติของเราอยู่ในใจ อย่ากลัวการเยาะเย้ยของมนุษย์ และอย่าวิตกต่อการถากถางของเขา”
-อิสยาห์ 51:7 THSV11
ดังนั้น หากเราฟังพระเจ้า ผลที่จะตามมาก็คือ เราจะได้รับการเปิดเผยพระทัยของพระเจ้า และได้รับกำลังที่ช่วยเราให้สามารถเผชิญกับทุกสภาวะวิกฤติได้ไม่ว่าจะเป็น
- การเยาะเย้ย ถากถาง
- การตำหนิติเตียน
- การสบประมาท
- การอกสั่นขวัญแขวน
- การทุกข์ทรมานจนซวนเซ
- ความรู้สึกหวาดกลัว และ
- ความรู้สึกแทบจะสิ้นหวัง
พี่น้องครับ ปัจจุบัน คุณกำลังประสบกับสภาวะเหล่านี้อยู่หรือไม่?
ข่าวดี ที่เราควรเปิดหูเปิดใจรับฟัง ก็คือ พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ และผู้ทรงรักคนของพระองค์สถิตอยู่กับคนของพระองค์ และได้ตรัสว่า “อย่ากลัว และอย่าวิตกเลย!”
ในพระธรรม อิสยาห์ 51 นี้ พระองค์ตรัสย้ำให้เรารู้จัก “ฟัง” พระสุรเสียงแห่งคำปลอบใจ และพระสัญญา แห่งการช่วยกู้ให้รอด ของพระองค์หลายต่อหลายครั้ง
1. “จงฟังเราเถิด บรรดาผู้ขวนขวายหาความชอบธรรม และผู้แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า จงมองดูศิลาที่เจ้าถูกสกัดออกมา ดูเหมืองหินที่เจ้าถูกขุดออกมา”
~อิสยาห์ 51:1 TNCV
2. “จงฟังเราเถิด ประชากรของเราเอ๋ย ฟังเราเถิด ชนชาติของเราเอ๋ย บทบัญญัติจะออกมาจากเรา ความยุติธรรมของเราจะเป็นแสงสว่างแก่มวลประชาชาติ”
~อิสยาห์ 51:4 TNCV
3. “จงฟังเราเถิด เจ้าทั้งหลายผู้รู้ว่าอะไรคือความถูกต้อง ชนชาติผู้ถนอมบทบัญญัติของเราไว้ในใจ อย่ากลัว การตำหนิติเตียนของมนุษย์อย่าหวาดหวั่นไปกับคำสบประมาทของพวกเขา”
~อิสยาห์ 51:7 TNCV
ใช่ครับ ขอให้เราฟังสิ่งที่พระเจ้าตรัส แล้วเราจะหลุดพ้นจากสภาวะซวนเซและทุกข์ทรมาน ฉะนั้น
4.จงฟังสิ่งนี้เถิด เจ้าผู้ทุกข์ทรมาน ผู้มึนเมา แต่ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์เหล้าองุ่น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเจ้า ผู้ปกป้องประชากรของพระองค์ ตรัสว่า “ดูเถิด เราได้นำถ้วยซึ่งทำให้เจ้าซวนเซ ออกไปจากมือของเจ้า เจ้าจะไม่ต้องดื่มจากถ้วยนั้น คือถ้วยแห่งพระพิโรธของเราอีกต่อไป”
~อิสยาห์ 51:21-22 TNCV
ใช่ครับ พระเจ้าทรงบัญชาให้เราฟังพระสุรเสียงของพระองค์ ไม่ใช่มัวแต่ไปฟังเสียงของคนรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไปฟังเสียงของปรปักษ์หรือศัตรูที่บั่นทอนจิตใจของเรา แต่ให้เราฟังเสียงของพระเจ้า เพราะยิ่งฟังพระเจ้าตรัสมากเท่าไร เราก็เกิดความเชื่อมั่นในพระองค์มากขึ้นเท่านั้น เพราะเราวางใจได้ว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญหรือ ประสบกับอะไรหรือ กำลังอยู่ในสภาพใด พระเจ้าก็ทรงพร้อมที่จะปกป้อง และปลอบโยนเราเสมอ
พี่น้องที่รัก…
ชีวิตของเราจะเปลี่ยนไป อย่างสิ้นเชิง เมื่อเราไม่ลืมพระเจ้า พระผู้ทรงสร้างเรา ให้เป็นประชากรของพระองค์
- เมื่อเราแสวงหาพระองค์และความชอบธรรมของพระองค์
- เมื่อเราถนอมพระบัญญัติของพระองค์ไว้ในใจของเรา
- เมื่อใจของเราถูกต้องต่อพระองค์และรู้ว่าอะไรถูกต้อง
- เมื่อเราตื่นขึ้น สวมพลังที่มาจากพระเจ้าด้วยความปลาบปลื้มยินดี
- เมื่อเราขอบพระคุณและร้องเพลงไพเราะถวายแด่พระองค์
เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยเราให้รอด และอวยพรเราอย่างมากล้น เพื่อเราจะสามารถเป็นพรต่อคนทั้งโลกต่อๆ ไป อย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์ตั้งแต่ก้าวแรกที่พระองค์ทรงเลือกอับราม เป็นต้นตระกูลของชนเผ่าอิสราเอลนี้ (ปฐก.12)
พี่น้องที่รัก
วันนี้ คุณได้ อ่าน และได้ฟัง ถ้อยคำแห่งการหนุนจิตชูใจจากพระเจ้า เหล่านี้แล้วหรือยัง?
หากว่าคุณอยากจะมีทิศทางและแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และมีกำลังใจอยู่เสมอ ก็ขอให้คุณได้จัดเวลาเพื่อใกล้ชิดพระเจ้า
- โดยการเข้าหาพระองค์และพระวจนะของพระองค์
- โดยการ อธิษฐานต่อพระองค์และที่สำคัญยิ่งก็คือ การรับฟังพระองค์ตรัสกับคุณ ทุกวัน (ผ่านการอ่าน การฟัง หรือการดู หรือ วิธีใดก็ได้)
- โดยเริ่มตั้งแต่นาทีที่คุณตื่นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเวลากี่โมงกี่ยามก็ตามและ รีบตอบสนองต่อสิ่งที่พระเจ้าตรัส ด้วยความเชื่อฟังวางใจ และทำเช่นนั้นอย่างมีวินัย อย่างต่อเนื่องทุกวัน ไม่ขาดเลยตลอดชีวิตของคุณ แล้วคุณจะแปลกใจกับผลลัพธ์ที่ตามมา!
เหมือนดังที่ Gary Rohrmayer กล่าวไว้ว่า….
“การสนิทสนมกับพระเจ้าไม่ใช่ประสบการณ์แค่เพียงผ่านการอธิษฐานแบบทางเดียวแต่ผ่านทางรับฟังที่มี การสะท้อนกลับเช่นเดียวกับการทูลขอแบบร้อนรนด้วย”
(Intimacy with God is not experienced through monolog prayers but through reflective listening as well as earnest petitioning.) -Gary Rohrmayer
พี่น้องครับ
จงฟังพระเจ้าตรัสกับคุณทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่วันหยุดราชการ จงทำเช่นนั้นตลอดไป แล้วคุณจะไม่มีคำว่า “ท้อใจ” หรือ “ถอดใจ” อยู่ในสารบบความคิดของคุณอีกเลยจนถึงวันตายของคุณ!
…ชีวิตอย่างนี้ มีความสุขและมั่นคงจริงๆ
…เชื่อผมเถอะ!
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer