ถาม ”พระคัมภีร์สอนอะไรเราบ้างเกี่ยวกับการก้าวออกจาก Comfort Zone ของเรา?”
ตอบ พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราออกไปจาก comfort Zone ของเรา เพื่อไปทำสิ่งที่สำคัญ อาทิ
1.ไปประกาศให้คนกลับใจและสร้างสาวกตามที่พระคริสต์บัญชา
“พวกสาวกก็ออกไปประกาศให้ทุกคนกลับใจใหม่”
-มาระโก 6:12 THSV11
“เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระ บิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”
~มัทธิว 28:19-20 THSV11
2.ไปทำงานและไปทำภารกิจที่ต้องทำเป็นประจำ
“มนุษย์ก็ออกไปทำงานของเขา ไปทำภารกิจของเขาจนเวลาเย็น”
~สดุดี 104:23 THSV11
“จงฟังเถิด มีคนหนึ่งออกไปหว่านพืช และเมื่อเขาหว่าน เมล็ดพืชก็ตกตามหนทางบ้าง แล้วนกก็มากินเสีย บ้างก็ตกที่ ซึ่งมีพื้นหินมีเนื้อดินแต่น้อย จึงงอกขึ้นโดยเร็ว เพราะดินไม่ลึก แต่เมื่อแดดจัด แดดก็แผดเผา เพราะรากไม่มี จึงเหี่ยวไป บ้างก็ตกกลางต้นหนาม ต้นหนามก็งอกขึ้นปกคลุมเสีย จึงไม่เกิดผล บ้างก็ตกที่ดินดี แล้วงอกงามจำเริญขึ้น เกิดผลสามสิบเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง ร้อยเท่าบ้าง”
~มาระโก 4:3-8 THSV11
3.ไปต้อนรับ ถามไถ่ทุกข์สุขและเรียนรู้วิธีบริหารงาน
“โมเสสออกไปต้อนรับพ่อตา กราบลงและจูบท่าน ต่างไต่ถามทุกข์สุขกันและกัน แล้วพากันเข้าไปในเต็นท์”
~อพยพ 18:7 THSV11
“วันรุ่งขึ้น โมเสสนั่งตัดสินความให้ประชาชน พวกเขายืนห้อมล้อมโมเสสตั้งแต่เช้าจนเย็น เมื่อพ่อตาของโมเสสเห็นทุกอย่างที่โมเสสทำเพื่อประชาชน จึงกล่าวว่า “นี่ท่านใช้วิธีอะไรปฏิบัติกับประชาชนเล่า? ทำไมท่านจึงนั่งทำงานอยู่คนเดียว? และประชาชนทั้งหมดก็ยืนล้อมท่านตั้งแต่เช้าจนเย็น” โมเสสจึงตอบพ่อตาว่า “เพราะประชาชนมาหาข้าพเจ้า เพื่อขอให้ทูลถามพระเจ้า เมื่อพวกเขามีการโต้เถียงกันก็มาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ตัดสินความระหว่างเขากับเพื่อนบ้าน และสอนเขาให้รู้จักกฎเกณฑ์ของพระเจ้าและธรรมบัญญัติของพระองค์” พ่อตาของโมเสสจึงกล่าวกับท่านว่า “ท่านทำอย่างนี้ไม่ดี ทั้งท่านและประชาชนที่อยู่กับท่านนั้นคงจะอ่อนล้า เพราะภาระนี้หนักเหลือกำลังของท่าน ท่านไม่สามารถทำคนเดียวได้ จงฟังเราบ้าง เราจะให้คำแนะนำแก่ท่าน และขอให้พระเจ้าสถิตกับท่าน ท่านจงเป็นผู้แทนของประชาชนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า นำความกราบทูลพระเจ้า ท่านจงสั่งสอนพวกเขาให้รู้กฎเกณฑ์และธรรมบัญญัติ คือทำให้พวกเขารู้จักทางที่เขาต้องดำเนินชีวิตและสิ่งที่ต้องปฏิบัติ ยิ่งกว่านั้น จากประชาชนทั้งหมด ท่านจงมองหาคนที่มีความสามารถ ที่ยำเกรงพระเจ้า ที่ไว้ใจได้ และที่เกลียดสินบน จงแต่งตั้งคนอย่างนี้ไว้เหนือพวกเขา เป็นผู้ปกครองคนพันคนบ้าง ร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง สิบคนบ้าง ให้พวกเขาพิพากษาคดีของประชาชนอยู่เสมอ ส่วนคดีใหญ่ๆ ก็ให้พวกเขานำมาแจ้งต่อท่าน แต่คดีเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเขาตัดสินเอง การงานของท่านจะเบาลง และพวกเขาจะแบกภาระร่วมกับท่าน ถ้าทำดังนี้และพระเจ้าทรงบัญชาแล้ว ท่านก็จะสามารถทนได้ และประชาชนทั้งหมดนี้ก็จะไปยังที่อาศัยของตนด้วยความสงบสุข” โมเสสก็เชื่อฟังถ้อยคำของพ่อตา และทำตามที่ท่านกล่าวทุกประการ โมเสสจึงเลือกคนที่มีความสามารถจากคนอิสราเอลทั้งหมด และตั้งให้เป็นหัวหน้าประชาชน เป็นผู้ปกครองคนพันคนบ้าง ร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง สิบคนบ้าง คนเหล่านั้นพิพากษาคดีของประชาชนอยู่เสมอ แต่คดียากๆ พวกเขานำไปแจ้งโมเสส ส่วนคดีเล็กๆ น้อยๆ พวกเขาตัดสินเอง โมเสสส่งพ่อตาของตนกลับไป พ่อตาก็กลับไปยังแผ่นดินของตน”
~อพยพ 18:13-27 THSV11
4.ไปหาที่สงบอธิษฐาน เข้าเฝ้าพระเจ้าเป็นส่วนตัว
“แต่กิตติศัพท์ของพระองค์ยิ่งเลื่องลือไป และมหาชนมาชุมนุมกันเพื่อจะฟังพระองค์และรับการรักษาโรคต่างๆ แต่ พระองค์มักจะเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐาน”
~ลูกา 5:15-16 THSV11
5.ไปคืนดีกับพี่น้องที่มีเรื่องคาใจกัน
“ยาโคบเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นเอซาวกำลังมาพร้อมกับชาย 400 คน ยาโคบจึงแบ่งลูกๆ ให้เลอาห์ ราเชลและสาวใช้ทั้งสอง เขาให้สาวใช้กับลูกๆ อยู่ข้างหน้า ถัดมาเลอาห์กับลูกๆ ส่วนราเชลกับโยเซฟอยู่ท้ายสุด ตัวเขาเองเดินออกหน้าไปก่อน โน้มตัวลงถึงดินเจ็ดครั้ง จนเข้ามาใกล้พี่ชายของเขา แต่เอซาววิ่งออกไปต้อนรับ กอดและซบหน้าลงที่คอจูบเขา ต่างก็ร้องไห้ เมื่อเอซาวเงยหน้าขึ้นแลเห็นพวกผู้หญิงกับลูกๆ จึงถามว่า “คนเหล่านี้ที่อยู่กับเจ้าคือใคร?” ยาโคบตอบว่า “คือลูกๆ ที่พระเจ้าประทานแก่ผู้รับใช้ของท่าน” แล้วสาวใช้ทั้งสองคนกับลูกๆ ก็เข้ามาใกล้และโน้มตัวลงถึงดิน เลอาห์กับลูกๆ ของนางก็เข้ามาใกล้ด้วยและโน้มตัวลงถึงดิน ที่สุดโยเซฟและราเชลก็เข้ามาใกล้และโน้มตัวลงถึงดิน เอซาวถามว่า “ผู้คนและฝูงสัตว์เหล่านี้ทั้งหมดที่เราพบนั้นสำหรับอะไร?” ยาโคบตอบว่า “เพื่อข้าพเจ้าจะได้รับความโปรดปรานจากนายของข้าพเจ้า” เอซาวพูดว่า “น้องเอ๋ย ข้ามีมากมายอยู่แล้ว เก็บของของเจ้าไว้เองเถิด” ยาโคบตอบว่า “ไม่ได้ ขอได้โปรดเถิด ถ้าท่านโปรดปรานข้าพเจ้าแล้ว ขอรับของกำนัลจากมือข้าพเจ้า เพราะแท้จริงเมื่อข้าพเจ้าเห็นหน้าท่านก็เหมือนเห็นพระพักตร์ของพระเจ้า เพราะท่านต้อนรับข้าพเจ้าอย่างดี ข้าพเจ้าขอท่านรับของขวัญที่นำมาให้ท่าน เพราะพระเจ้าทรงกรุณาข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็มีพอเพียงแล้ว” ท่านอ้อนวอนเอซาว เขาจึงรับไว้”
~ปฐมกาล 33:1-11 THSV11
6.ไปทำตามพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระเจ้า และรับพระพร
“ถ้าท่านตั้งใจเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และระวังที่จะทำตามพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงตั้งท่านไว้ให้สูงกว่าบรรดาประชาชาติทั่วโลก พระพรเหล่านี้ทั้งสิ้นจะลงมาเหนือท่านและตามทันท่าน ถ้าท่านฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านจะรับพระพรในเมือง ท่านจะรับพระพรในทุ่งนา พงศ์พันธุ์ของตัวท่านเอง ผลแห่งพื้นดินของท่านและพันธุ์แห่งสัตว์ของท่านจะรับพระพร คือลูกอ่อนของฝูงโคของท่าน ลูกอ่อนของฝูงแพะแกะของท่าน กระจาดของท่านและรางนวดแป้งของท่านจะรับพระพร ท่านจะรับพระพรเมื่อท่านเข้ามา และท่านจะรับพระพรเมื่อท่านออกไป “พระยาห์เวห์จะทรงทำให้ศัตรูผู้ลุกขึ้นต่อสู้ท่านพ่ายแพ้แก่ท่าน เขาจะออกมาต่อสู้ท่านทางเดียว และหนีจากท่านเจ็ดทาง พระยาห์เวห์จะทรงบัญชาพระพรให้แก่ฉางของท่าน และทุกสิ่งที่มือท่านทำ และพระองค์จะทรงอวยพรท่านในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน พระยาห์เวห์จะทรงตั้งท่านให้เป็นชนชาติบริสุทธิ์แด่พระองค์ ดังที่พระองค์ทรงปฏิญาณแก่ท่านแล้ว ถ้าท่านรักษาพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และดำเนินในพระมรรคาของพระองค์ และชนชาติทั้งหลายในโลกจะเห็นว่าเขาเรียกท่านตามพระนามพระยาห์เวห์ และเขาทั้งหลายจะเกรงกลัวท่าน พระยาห์เวห์จะทรงทำให้ท่านอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพงศ์พันธุ์ของตัวท่านเอง พันธุ์ของฝูงสัตว์ของท่านและผลแห่งพื้นดินของท่าน ในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของท่านว่าจะประทานแก่ท่าน พระยาห์เวห์จะทรงเปิดคลังฟ้าสวรรค์อันดีของพระองค์ประทานฝนแก่แผ่นดินของท่านตามฤดูกาล และทรงอวยพรแก่งานแห่งมือของท่าน และท่านจะให้หลายประชาชาติขอยืม แต่ท่านจะไม่ขอยืม ถ้าท่านเชื่อฟังพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ และระวังที่จะทำตาม พระยาห์เวห์จะทรงทำให้ท่านเป็นหัวไม่ใช่เป็นหาง ทำให้สูงขึ้นเท่านั้นไม่ใช่ให้ต่ำลง และถ้าท่านไม่หันเหไปทางขวาหรือทางซ้าย จากบรรดาถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ไปติดตามปรนนิบัติพระอื่น”
~เฉลยธรรมบัญญัติ 28:1-14 THSV11
7.ไปทำพันธกิจแบบบูรณาการยังที่ต่างๆ ทุกแห่งหน ด้วยสิทธิอำนาจของพระเจ้า
“พวกสาวกจึงออกไปตามหมู่บ้าน ประกาศข่าวประเสริฐ และรักษาคนป่วยทุกแห่งหนให้หาย”
~ลูกา 9:6 THSV11
“พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมา แล้วทรงใช้พวกเขาออกไปเป็นคู่ๆ และประทานสิทธิอำนาจให้พวกเขาขับผีร้าย ออกได้”
~มาระโก 6:7 THSV11
8.ไปหว่านด้วยน้ำตาและเก็บเกี่ยวด้วยความยินดี
“ผู้ที่หว่านด้วยน้ำตา จะได้เก็บเกี่ยวด้วยเสียงโห่ร้องยินดี ผู้ที่ร้องไห้ออกไป โดยหอบเมล็ดพืชเพื่อจะหว่าน จะกลับบ้านด้วยเสียงโห่ร้องยินดี โดยหอบฟ่อนข้าวมาด้วย”
~สดุดี 126:5-6 THSV11
9.ไปหนุนน้ำใจพี่น้องที่มีความเชื่อ
“ท่านทั้งสองจึงออกจากคุก แล้วไปเยี่ยมนางลิเดีย เมื่อพบพี่น้องก็พูดจาหนุนใจพวกเขาแล้วลาไป”
~กิจการ 16:40 THSV11
“เปโตรโบกมือให้พวกเขาเงียบ แล้วเล่าให้พวกเขาฟังว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพาท่านออกจากคุกอย่างไร แล้วท่านสั่งว่า “จงไปบอกเรื่องนี้ให้ยากอบกับพวกพี่น้องทราบ” แล้วเปโตรก็ออกไปอยู่ที่อื่น”
~กิจการ 12:17 THSV11
10.ไปนำ และไปต่อสู้ อย่างกล้าหาญ (ตามคำสั่ง)ในสมรภูมิที่ต้องเผชิญ
“โยชูวาก็ทำตามคำสั่งของโมเสส เขาออกไปรบกับคนอามาเลข ส่วนโมเสส อาโรน และเฮอร์ก็ขึ้นไปบนยอดเขานั้น”
~อพยพ 17:10 THSV11
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
cr. ภาพ Jordan Christian Unsplash.com